ตอนที่แล้วL.P.T ตอนที่ 54 เข้าถึงแหล่งน้ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปL.P.T ตอนที่ 56 การต่อสู้ท่ามกลางสายฝน

L.P.T ตอนที่ 55 แผน


ในขณะที่โปเกมอนทั้ง 3 กำลังกินอาหารอย่างมีความสุข ซาโต้ก็เก็บเศษขยะจากพุ่มไม้ใกล้ๆจากนั้นก็สร้างเตาง่ายๆด้วยก้อนกรวดจากนั้นก็หยิบหม้อเหล็กขนาดพกพาออกมาจากกระเป๋าเป้หลังเขา หลังจากเติมน้ำในหม้อให้เต็มแล้วเขาก็ใช้ไฟแช็กเพื่อเริ่มเผาขยะและต้มน้ำ

ซาโต้ยังคงให้ความสำคัญกับสุขอนามัยของอาหาร คุไซฮานะอาจจะดื่มน้ำจากแม่น้ำได้โดยตรง แต่สำหรับเขากับซูแบทและนิโดรันนั้นไม่ดีเลย เพราะมันอาจจะไม่สะอาดพอสมควร มันจะกลายเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากหากป่วยที่นี้ ดังนั้นต้องต้มน้ำให้หมดก่อนดื่มจะดีกว่า

ใช้ประโยชน์จากเวลาต้มน้ำ ซาโต้ก็หยิบอาหารของตัวเองออกมาและกินมัน อาหารที่เขากินตอนนี้คือบิสกิตอัดที่ทำจากเมล็ดธัญพืช สารอาหารค่อนข้างอุดมสมบูรณ์และยังแก้หิวได้ดีมากอีกด้วย การกินอาหารแบบพกพาในป่าจะดีกว่า ข้อเสียเปรียบเพียงอย่างเดียวคือรสชาติไม่ค่อยดีนักและหลังจากรับประทานอาหารก็ต้องดื่มน้ำมากๆเพื่อดับกระหาย

ซาโต้กินอาหารเร็วมาก เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการกินบิสกิตอัดแท่งจากนั้นเขาก็ดื่มน้ำต้มสุกของตัวเองเข้าปากไป จากนั้นเขาก็เริ่มลงมือมองดูแผนที่ในตอนแรกและแล็ปท็อปของเขา

ตอนนี้ซาโต้กำลังเปรียบเทียบแผนที่จากนั้นใช้โปรแกรมวาดภาพพื้นฐานบนแล็ปท็อปตามความจำของเขา เขาวาดแผนที่ด้วยมือของเขาเอง เมื่อเทียบกับแผนที่คร่าวๆที่มีให้ในการทดลองแล้ว แผนที่ที่ซาโต้วาดมันด้วยตัวเองจะมีรายละเอียดมากกว่าและเขายังเขียนพื้นที่ของภูติป่าที่พบเจอแต่ละจุดลงไปในแผนที่ของเขาอีกด้วย

วันนี้ ซาโต้วาดแผนที่ได้เพียง 3 ส่วนเท่านั้น ที่แรกเป็นพงหญ้าที่เขาผ่านในตอนแรก ตรงจุดนี้ตามที่ซาโต้คาดการณ์มันควรจะมี พวกโครัตตาและรัตตาจำนวนมาก และภูติที่ปกครองอาณาเขตคงเป็นเจ้าอาร์บอกตัวนั้น

พื้นที่ต่อมาคือป่า เนื่องจากขอบเขตการสำรวจของเขายังไม่ครบ ในปัจจุบันมันจึงมีเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้นที่ถูกวาดออกมา จากสถานการณ์เมื่อเขาเข้ามาในป่าส่วนเล็กๆ มันคงจะเป็นพื้นที่ป่าของพวกสเปียร์ แต่เขาคิดว่าตรงนั้นคงเป็นแค่ขอบอาณาเขตของพวกมัน

ยิ่งไปกว่านั้นจากรอยกรงเล็บบนพื้นหญ้าและต้นไม้ที่อยู่ริมป่าและการแสดงออกของอาร์บอกก่อนที่จะเลิกไล่ตามพวกเขาเจ้าของอาณาเขตป่านี้น่าจะเป็นริงกุมะที่ทรงพลัง พวกสเปียร์เองน่าจะเป็นทหารใต้บัญชาของมัน

และอย่างสุดท้ายคือแม่น้ำที่อยู่ในขณะนี้ ตามแผนที่ระบุไว้ในภารกิจที่แม่น้ำนี้มีภูติที่อันตรายอย่างยิ่งในแม่น้ำสายใหญ่นี้เพราะแม่น้ำนี้มีหัวกะโหลกที่มีเครื่องหมายเป็นสีแดงเลือดแสดงถึงระดับอันตรายสูงสุดกำกับไว้

ในปัจจุบันการทดสอบเอาชีวิตรอดในป่าของซาโต้ต้องใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์(ตอนนั้นแปลผิดเป็น 2 วันขอโทษด้วยครับ)และเขายังจะต้องตามหาไอเท็มเควสที่กระจัดกระจายบนแผนที่ที่ได้รับมอบมา และรายการเควสที่ใกล้เคียงที่สุดกับซาโต้ก็คือแม่น้ำแห่งนี้

"ไอเทมภารกิจนี้มันหน้าตาเป็นยังไงกันแน่? หายากจริงๆ" เมื่อมองไปที่เครื่องหมายสามเหลี่ยมสีเขียวสามอันบนแผนที่ในป่าที่ภารกิจให้ไว้ ซาโต้พยายามคิดว่ามันคืออะไรแต่เขาก็คิดไม่ออกสักที

ซาโต้รู้ดีถึงระดับความแข็งแกร่งของตัวเองในตอนนี้ ซูแบทในปัจจุบันได้ถึงระดับ 18 แล้วและคุไซฮานะที่ได้มาใหม่คือระดับ 22 ส่วนนิโดรันก็ยังไม่ผ่านวัยทารกดีจึงมีแค่ระดับ 1

กล่าวคือซาโต้มีโปเกมอนเพียง 2 ตัวที่สามารถสู้ได้ในปัจจุบันและพื้นที่ของป่านี้ที่เขาได้สำรวจก็เพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น และถ้าต่อไปเขาได้พบกับฝูงสปียร์กลุ่มใหญ่ละก็เขาคงไม่มีทางชนะได้แน่ ฉะนั้นมันก็เหลือทางเดียวก็คือเข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้ไวที่สุด

ในปัจจุบันวิธีที่เร็วที่สุดในการเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองก็คือการจับโปเกมอนอที่ทรงพลังบางตัวมาร่วมทีม แต่ซาโต้รู้ดีว่าด้วยความสามารถของเทรนเนอร์มือใหม่แบบเขาในปัจจุบันและทรัพยากรที่เขามีอยู่ตอนนี้เขาสามารถฝึกโปเกมอนได้เพียง 3 ตัวเท่านั้น (คะแนนในมือจะไม่พอเลี้ยงแล้ว)

แต่โชคดีที่คุไซฮานะแทบจะไม่ต้องใช้ทรัพยากรเลยในปัจจุบัน ซาโต้จึงยังสามารถดูแลโปเกมอนได้อีก 1 ตัว

นอกจากนี้แล้วโปเกมอนที่ทรงพลังก็ยากที่จะปราบมาก และแม้ว่าพวกเขาจะถูกปราบลงได้แล้วแต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ด้วยเหตุนี้การฝึกโปเกมอนที่ทรงพลังอยู่ก่อนแล้วจึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับเทรนเนอร์มือใหม่

ยิ่งไปกว่านั้นซาโต้เลือกที่จะเดินตามเส้นทางของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง(พี่แกจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก) เขาจึงดูถูกโปเกมอนที่มีความถนัดโดยเฉลี่ยทุกตัวและเขาจะไม่มีวันปราบโปเกมอนที่ไม่มีนัยสำคัญ

ในความเป็นจริงถ้าไม่ใช่ว่าคุไซฮานะมีคุณสมบัติซ่อนเร้นที่หายากซึ่งตอนนี้สามารถให้ความช่วยเหลือแก่เขาได้อย่างมากและมีทักษะที่หายากอย่าง"พลังลับ" ซาโต้ก็อาจจะไม่จับเธอมาเข้าร่วมทีมก็ได้

เหตุผลก็เพราะคุไซฮานะตัวนี้ของเขาะนั้นมีพัฒนาการทางร่างกายที่อ่อนแอมาก เมื่อเทียบกับคุไซฮานะปกติตัวอื่นๆ นี้จึงทำให้ซาโต้รู้สึกไม่มั่นใจในศักยภาพของเธอในตอนแรกก่อนที่จะเห็นข้อมูลที่ระบบส่งมา

แน่นอนว่าหลังจากรู้เกี่ยวกับปมด้อยของคุไซฮานะเนื่องจากลักษณะเหม็นของตัวเอง ซาโต้จึงเข้าใจว่าทำไมคุไซฮานะจึงพัฒนาได้น้อยมาก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเกิดจากการที่เธอปกปิดตัวเองมาเป็นเวลานานนั้นจึงทำให้ศักยภาพของเธอเองไม่มีการพัฒนาอีกเลย

แต่ซาโต้เป็นแฟนโปเกมอนเขาก็มีพื้นฐานและหลักการของตัวเองเช่นกัน

เขาชื่นชมพฤติกรรมของซาโตชิที่มีต่อโปเกมอนโดยที่ปฏิบัติต่อภูติทุกตัวที่เขาปราบมาอย่างเท่าเทียมกัน เขายังเกลียดพฤติกรรมการจับโปเกมอนของไดสึเกะแต่เลือกที่จะปล่อยพวกมันอย่างง่ายดายเพราะเขาไม่พอใจในความสามารถของพวกมัน  (โห คนนี้นี้มันเจ้าของฮิโตคาเงะคนเก่าก่อนที่ซาโตชิแกจะรับมาดูแลแทนเอง วีรกรรมพี่แกคือปล่อยฮิโตคาเงะไว้ที่โขดหินนู้นมั้ง รู้สึกว่าจะเป็นตอนที่ 10-11 ในภาคแรกนี้ละ)

ในมุมมองของซาโต้ในฐานะเทรนเนอร์แล้ว คุณจะต้องรับผิดชอบต่อโปเกมอนของคุณ โปเกมอนเป็นเพื่อนของเทรนเนอร์ เมื่อเขาถูกปราบโดยคุณ คุณก็ต้องดูแลพวกเขาและพยายามฝึกฝนพวกเขาให้เป็นโปเกมอนที่ทรงพลัง

ในขณะเดียวกันเนื่องจากภูติเป็นเพื่อนร่วมทางเทรนเนอร์ เทรนเนอร์จึงต้องเคารพการตัดสินใจของโปเกมอนด้วย หากพวกเขาตัดสินใจที่จะจากไป เราก็คงต้องอวยพรแก่โปเกมอนที่จะจากและปล่อยให้พวกเขาจากไปโดยดี

"ไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับรายการเควสในตอนนี้ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าคือการตั้งหลักในป่าโทคิวะโดยเร็วที่สุดเราจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของซูแบท,คุไซฮานะและนิโดรัน” หลังจากคิดอยู่สักพักซาโต้ก็ตัดสินใจอย่างจริงจังแล้วปิดคอมพิวเตอร์และเริ่มเทน้ำเดือดลงในกาต้มน้ำเหล็กขนาดใหญ่ของเขา

ตอนนี้ซาโต้ได้คิดแผนการเพิ่มระดับที่มีประสิทธิภาพแล้วนั้นคือการจัดการพวกสเปียร์ เพราะแถวนี้มีพวกสเปียร์อยู่เยอะมากและฝ่ายตรงข้ามยังชอบมาโจมตีพวกเขาหลายครั้งโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งนี้นับเป็นเรื่องที่น่าเกลียดมากๆ

ซาโต้ได้ตัดสินใจว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาจะใช้กลุ่มสเปียร์พวกนี้นี้เป็นหินลับมีดเพื่อฝึกภูติในมือของเขาและสำรวจป่าแห่งนี้ไปพร้อมๆกัน

ท้ายที่สุดแล้วเพื่อการค้นหาของในภารกิจไม่ช้าก็เร็วเขาคงจะต้องค้นหาทั้งป่าเลยก็ได้ ในเวลานั้นเขาอาจจะต้องต่อสู้กับโปเกมอนที่ทรงพลังบางตัวที่ครอบครองอาณาเขตเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อีกประเด็นหนึ่งก็คือนิโดรันมีเวลาเหลือน้อยกว่า 5 วัน ก็จะผ่านช่วงวัยรุ่นแล้ว ซาโต้ต้องการใช้ประโยชน์จากการทดสอบเอาชีวิตรอดในป่าเพื่อปลูกฝังนิโดรันให้เป็นไพ่ตายในอนาคตของเขา

คุณลักษณะของนิโดรันรวมถึงร่างต่อไปของนืโดริโนอาจจะคือ"ความมีชีวิตชีวา" แต่เมื่อพัฒนาเป็นนิโดคิงแล้วคุณลักษณะของเขาจะเปลี่ยนเป็น"แรงเชียร์"ที่ทรงพลังมาก ด้วยเหตุนี้ซาโต้จึงต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของนิโดรันให้เร็วที่สุดเพื่อที่เขาจะได้วิวัฒนาการเป็นนิโดคิงให้ไวที่สุด

หลังจากมาที่ป่าโทคิวะระยะหนึ่ง ซาโต้ก็รู้สึกว่าพวกโปเกมอนไม่สามารถพึ่งพาการฝึกอบรมได้เพียงอย่างเดียว มันยังต้องมีการต่อสู้ด้วยที่จะทำให้โปเกมอนสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว

ซูแบทนับเป็นตัวอย่างที่ดี หลังจากฝึกฝนอย่างหนักที่ฐาน 1 สัปดาห์เขาก็เพิ่มเลเวลจาก 12 เป็น 15 เท่านั้นตอนนี้เขาผ่านการต่อสู้จริงหลายครั้งและเลเวลของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็น 18 อย่างรวดเร็วใน 1 วัน

แต่นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ซาโต้และเทรนเนอร์คนอื่นๆ จะต้องประสบปัญหาเกี่ยวกับระดับโปเกมอนที่ค่อนข้างสูง หลังจากที่ระดับของซูแบทสูงขึ้นถึงระดับเฉลี่ยของภูติโดยรอบแล้ว การเพิ่มระดับต่อๆไปก็จะเป็นเรื่องยากมากเมื่อถึงเวลานั้นคุณจะต้องต่อสู้กับโปเกมอนในระดับเดียวกันเท่านั้นถึงจะมีการพัฒนา

ยิ่งไปกว่านั้นทักษะที่เพิ่งเรียนรู้มาจากการเพิ่มระดับก็ยังต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเพื่อพัฒนาความสามารถ ตอนนี้ทักษะที่ซูแบทสามารถใช้ได้ดีคือคลื่นความถี่ พายุหมุนและชาโดว์บอล ต้องการพึ่งพาเพียงแค่ทักษะ 3 ทักษะนี้เห็นได้ชัดว่ามันไม่พอที่จะจัดการกับศัตรูที่อาจพบในครั้งต่อๆไปได้

โปเกมอนประเภทแมลงเช่นสเปียร์ ซูแบทอาจจะยังสามารถรับมือกับมันได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าหากซาโต้และซูแบทได้เจอโปเกมอนที่เหมือนอาร์บอกแล้วละก็ เป็นเรื่องยากมากที่ซูแบทในตอนนี้จะชนะมัน

ดังนั้นการฝึกฝนและการต่อสู้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากทั้งคู่ ปัจจุบันคือหลักประกันให้อนาคต ดังนั้นเขาจะต้องไม่เลอะเทอะหรือขี้เกียจ มิฉะนั้นมันจะมีโอกาสสูงมากที่จะเสียชีวิตในการต่อสู้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด