ตอนที่แล้ว8.เรื่องเร่งด่วน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป10.ขีดเส้นแบ่งเขต

9.เชิญหมอมารักษา


“ข้าตั้งราคาน้อยมากแล้ว นอกจากนี้  โสมต้นไม่ใหญ่มากแล้วอย่างไร ? ต้นจะเหี่ยวหรือบาง คล้ายว่าหาได้มีผลอันใดไม่? ถึงอย่างไรเถ้าแก่ก็ต้องเอาไปบดจนเป็นผงอยู่ดี” ในฐานะคนเป็นหมอเหมือนกัน ต่อให้เป็นหมอแผนตะวันตก ทว่าหลิ่วเจินเองนั้น ยังมีความรู้ความเข้าใจในการใช้ยาแผนโบราณอีกด้วย  ยิ่งไปกว่านั้น  สมุนไพรจำพวกโสมนี้ถือเป็นยาบำรุงขนานแรง และบรรดาคนที่มีสุขภาพอ่อนแอ โดยทั่วไปร่างกายมักทนกับสมุนไพรตัวนี้ไม่ได้  และถึงแม้นโสมจะเป็นที่ต้องการ  การจะนำมาบริโภค ก็ต้องเอามาบดเป็นผง หรือบางทีก็นำมาเป็นส่วนผสมหนึ่งในตำรับยา

เถ้าแก่ออกจะคาดไม่ถึง มิคิดว่าหญิงชาวบ้านก็ยังรู้จักวิธีใช้โสมนี้  เชาส่ายหน้าและเอ่ยขึ้น “ในแถบนี้ คนที่พอกินโสมได้ อันที่จริงแล้วมีอยู่น้อยนิด เหล่านายท่านผู้ร่ำรวยมีฐานะชอบให้ตัวเองดูดี คอยมากว้านซื้อไปหมด  ของในมือเจ้านี่ ไม่ถึงกับมีคุณภาพสูง แต่ก็นับว่าไม่แย่ หากข้ารับมาด้วยราคานี้ ก็ขาดทุนพอดี ข้าให้อย่างมากที่สุด 5 ตำลึงก็แล้วกัน

กดราคาลงตั้งครึ่ง ช่างเขี้ยวเกินไปแล้ว

หลิ่วเจินจงใจทำท่าลังเล เจ้าของร้านเห็นดังนั้น เลยรีบโน้มน้าว “ในเมืองนี้มีร้านยาเพียงสามร้าน และร้านเราก็เป็นร้านยาใหญ่ที่สุด ข้าให้เจ้าราคานี้ ร้านที่เหลือย่อมไม่ให้ราคาสูงกว่านี้แน่  ส่วนของอย่างพวกโสมภูเขานี่  เมื่อขึ้นเขาคราวหน้า เจ้าสมควรไปเก็บมาอีก แล้วก็ส่งมาให้ข้าทั้งหมดเลย นอกจากโสมภูเขาแล้ว หากเจอสมุนไพรอื่น ๆ ก็เอามาด้วย ข้าจะเหมาหมดเลย แถมให้ราคางามกว่าที่อื่นด้วย”

หญิงสาวพรูลมหายใจ ดูคล้ายกำลังตัดสินใจ ครั้นแล้วหญิงสาวจึงเอ่ยเสียงขรึม “ตกลง ทว่าท่านกดราคาเสียต่ำเตี่ยเรี่ยดินเช่นนี้  ข้าแทบไม่ได้อันใดเลย  มิสู้เอาแบบนี้เล่า ท่านก็เป็นหมอ  มีคนที่บ้านข้าคนหนึ่งล้มป่วยอยู่พอดี  ท่านพอจะช่วยไปตรวจสามีข้าโดยไม่คิดเงินได้หรือไม่? สามีข้าไม่ทันระวัง ไปหกล้มบนเขาจนขาหัก ยามนี้เดินไม่ได้”

ทุกวันนี้  ไปหาหมอครั้งหนึ่ง ค่ารักษาไม่ใช่ถูก ๆ  ส่วนใหญ่หมอจะไม่มารักษาถึงบ้าน  จะให้หมอมาหา ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ดังนั้นหลิ่วเจินจึงคิดแผนการ  ทำเป็นยอมถอยให้ แล้วค่อยให้โน้มน้าวอีกฝ่ายไปจับชีพจรตรวจรักษาคนที่บ้านตน

เจ้าของร้านไม่รู้เจตนาแท้จริงของหลิ่วเจิน จึงคิดว่าตนเป็นฝ่ายได้เปรียบ แน่นอนเขาพยักหน้าตกลง “เช่นนั้น เจ้าก็ลงนามในสัญญาฉบับนี้ เจ้าเอาโสมให้ข้า และข้าจะตามเจ้าไปที่บ้านเจ้า”

ภายหลังทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย  หลิ่วเจินถึงกับน้ำตาคลอหน่วย ขณะกำเงิน 5 ตำลึงไว้ในมือแน่น  ในชีวิตของหญิงสาว  นางไม่เคยต้องลำบากดิ้นรนหาเงินยากเย็นแสนเข็ญ  เหมือนอย่างในตอนนี้เลย

ท่านหมอมีเกวียนเทียมลาของเขาเอง  ส่วนหลิ่วเจินเอง ก็ไม่ใคร่อยากเดินกลับอีก ก็เพราะตอนนี้เท้านางพุพองไปหมดแล้ว

ด้วยระยะทางอันแสนไกล กว่าจะมาถึงบ้านก็ตกเย็นเสียแล้ว ในบ้านมีเพียงแสงริบหรี่จากตะเกียงที่จุดไว้ กู้หรูเฟิงกำลังนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง ในมือถือตำราเล่มสุดท้าย อาศัยแสงจันทร์อันน้อยนิด อ่านหนังสือซึ่งก็แทบไม่เห็นตัวอักษร  นัยน์ตาชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความกระหายใคร่รู้

“ท่านหมอ โปรดดูคนไข้ให้หน่อยเจ้าค่ะ”

กู้หรูเฟิงเห็นหลิ่วเจินกลับมา  ซ้ำยังมีหมอตามหลังมาด้วย  ชัดเจนว่านางพาหมอมารักษาตน  ทว่าไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมออกเงินให้ตน

อันที่จริงเขาเป็นคุณชายน้อยจากตระกูลสูงศักดิ์และมั่งคั่งร่ำรวย ตั้งแต่เด็ก ไม่เคยรู้จักว่าอะไรคือความอัตคัดขัดสน ทว่ายามนี้หลังจากต้องมาตกทุกข์ได้ยาก  ถึงได้เข้าใจว่าเงินทองนั้นหายากเพียงใด  แวบแรกที่เห็นอีกฝ่ายเชิญหมอตัวเป็น ๆมา  ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาก็คือ นางไปเอาเงินมาจากไหน?

“ขาข้าดีขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องรักษาหรอก”

หลิ่วเจินถกขากางเกงของเขาขึ้นอย่างอดไม่ได้ แล้วกระซิบกับชายหนุ่ม “ข้าจ่ายเงินแล้ว ท่านให้ท่านหมอดูโดยดีเถิด”

แม้ว่านางเองก็เป็นหมอเช่นกัน ทว่าตอนนี้นางไม่มีเครื่องไม้เครื่องมืออันใด และเวลานี้  นางยังต้องพึ่งพาคนท้องถิ่นของยุคนี้อยู่

ท่านหมอตรวจดูอาการอย่างละเอียด แล้วเปรยขึ้น “แย่หน่อยที่อากาศเย็นขึ้นทุกที ต่อให้ยามนี้เป็นหน้าร้อน ก็เสียเวลารักษากันนานมาก และหากปล่อยทิ้งไว้จนเรื้อรัง นานไปไม่รักษา ขาทั้งสองข้างนี้คงรักษาเอาไว้ไม่ได้แน่”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด