ตอนที่แล้วตอนที่ 41: ก่อตั้งพันธมิตร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 43: หุ้นส่วนแต่เพียงผู้เดียว  

ตอนที่ 42 : ปรึกษาทางไกล  


“ถ้างั้นข้าไปหล่ะนะ”

“เข้าใจแล้วครับ”

พอพูดจบฉันก็เตรียมแยกทางกับลีโอ

พระราชารอนดิเน่เตรียมกองทัพของเขาเสร็จในวันต่อมาหลังจากที่ยอมรับการจัดตั้งพันธมิตร เขาทำงานอย่างรวดเร็ว ความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันนี้คงพูดได้ว่าเป็นลักษณะเด่นของประเทศทางใต้หล่ะนะ

ครั้งนี้, พระราชารอนดิเน่น่าจะออกไปด้วยตัวเองเพื่อจัดตั้งพันธมิตรกับราชรัฐอัลบราโทร แต่ถึงแม้จะพูดอย่างนั้น, บางทีเขาคงคิดว่ามันจะดีที่สุดถ้าได้สู้กับมังกรทะเลในขณะที่ยังอยู่ในอาณาเขตของอัลบราโทร

“อัล, ไปคนเดียวไม่เป็นไรแน่นะ?”

เอลน่าถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง ในขณะที่พูดสายตาของเธอก็พยายามหันหนีจากทะเล

ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังกลัวอยู่สินะ

ครั้งนี้มาร์คจะเข้าร่วมกับลีโอ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อยู่กับฉัน

แต่ฉันก็ไม่จำเป็นต้องมีคนที่มีพรสวรรค์มาอยู่กับฉันในรอนดิเน่อยู่แล้ว

“พอเข้าน่านน้ำของอัลบราโทรเมื่อไหร่, ความสนใจของมังกรทะเลก็จะพุ่งไปที่ราชรัฐอัลบราโทร ข้าสามารถพักผ่านอย่างสบายๆได้พักนึง แทนที่จะมาห่วงข้า, ข้าต่างหากหล่ะที่ควรเป็นห่วงเจ้ามากกว่า ดูนั่นสิ ทะเลสวยดีนะว่าไหม?”

“ข้า, ข้า, ข้าไม่เป็นไรหรอกหน่า!! ถะ, ถ้ามันเป็นการต่อสู้หล่ะก็.....ไว้ใจข้าได้เลย ละ, แล้วก็เหมือนกับที่เจ้าพูด....ทะเลสะ, สวยดีนี่.....มัน, มันเหมือนกับข้ากระโดดเข้าไปในรูปวาดเลย......”

แค่มองทะเลจากท่าเรือ, เอลน่าก็หน้าซีดขึ้นเรื่อยๆในขณะที่พูด ตอนนี้ดวงตาของเธอตายซากไปแล้ว

ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าครั้งนี้เธอคงไม่ค่อยมีประโยชน์ในการต่อสู้ซักเท่าไหร่

เอลน่าเก่งบนบกมากกว่า แต่ก็เอาเถอะ, ลีโอน่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเพราะฉะนั้นมันคงไม่เป็นไรต่อให้ฉันไม่ได้บอกเขาด้วยตัวเอง

“ขอฝากที่เหลือไว้กับเจ้านะ แล้วก็ช่วยดูแลเอลน่าด้วย”

“ครับ, ไว้ใจข้าได้เลย ท่านพี่พักผ่อนอยู่ที่นี่ให้สบายเถอะ”

“โอเค ขอฝากเรื่องต่อสู้ไว้กับเจ้าละกัน ไปสะสางเรื่องนี้ให้จบ ถึงยังไงถ้ามีมังกรทะเลแอบซุ่มอยู่แถวนี้การจะกลับจักรวรรดิก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆหล่ะนะ”

ด้วยการพูดคุยลักษณะนี้, ฉันก็บอกลาพวกเขาทั้งสองคน

ในตอนที่กองเรือพ้นระยะสายตาของฉัน, ฉันก็กลับไปที่ห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ให้ฉันข้างในปราสาท ฉันอยากจะนอนหลับไปทั้งแบบนี้เลยแต่ก็เป็นไปตามคาด, ฉันไม่มีเวลาทำเรื่องแบบนั้น

เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน, ฉันได้สร้างภาพลวงตาของตัวเองให้นอนหลับอยู่บนเตียงก่อนที่จะออกจากห้องผ่านทางหน้าต่าง

จุดหมายของฉันคือกิลด์นักผจญภัยสาขารอนดิเน่

แน่นอนว่า, ฉันไม่ได้มุ่งหน้าไปที่นั่นในฐานะอาร์โนลด์ ฉันกำลังไปที่นั่นในฐานะซิลเวอร์, โดยใช้เวทย์ลวงตาเพื่อแปลงรูปลักษณ์ภายนอกของฉัน

อย่างไรก็ตาม, มันจะสร้างความโกลาหลได้ถ้านักผจญภัยทั่วไปรู้ว่าซิลเวอร์อยู่ที่นี่ดังนั้นฉันก็เลยใช้เวทมนตร์ทำให้พวกเขาหลับไปก่อนที่จะเข้ามาในสำนักงานของสาขา

ในตอนที่นักผจญภัยทุกคนเคลิ้มหลับไปแล้ว, ฉันก็เข้ามาข้างใน

พนักงานต้อนรับซึ่งฉันยกเว้นเอาไว้ยังตื่นอยู่ อย่างไรก็ตาม, เธอกำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอ

“ทะ, ท่านเป็นใครกันคะ......!?”

“ข้าคือซิลเวอร์, นักผจญภัยแรงค์ SS ที่ประจำอยู่สาขาเมืองหลวงของจักรวรรดิ ข้าไม่อยากก่อความวุ่นวายก็เลยทำให้นักผจญภัยที่นี่หลับไปก่อน ขอโทษนะถ้ามันไปทำให้เจ้ากลัว”

“ซะ, ซิลเวอร์? นักผจญภัยที่มีชื่อเสียงคนนั้นหรอคะ?”

“มีชื่อเสียงรึเปล่าข้าไม่รู้หรอก”

พอพูดจบ, ฉันก็แสดงบัตรนักผจญภัยของฉันให้พนักงานต้อนรับดู

พนักงานต้องรับรับบัตรไปอย่างกล้าๆกลัวๆและตรวจสอบรายละเอียดของมันในขณะที่ส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ

“ตะ, ตัวจริงหรอคะเนี่ย!?”

“ข้าก็บอกไปแล้วนี่ ขอโทษนะแต่ข้าอยากใช้ห้องสื่อสารทางไกล”

กิลด์นักผจญภัยแต่ละสาขานั้นจะมีห้องสื่อสารทางไกลของตัวเองอยู่

มันคือห้องที่มีบาเรียพิเศษซึ่งสร้างขึ้นโดยคริสตัลชิ้นนึงที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องโดยมันจะเชื่อมต่อกับห้องสื่อสารทางไกลอื่นๆในสำนักงานใหญ่กิลด์นักผจญภัยและสาขาย่อยของมัน

มันคือเทคนิคลับของกิลด์ที่ช่วยให้กิลด์สาขาต่างๆสามารถตอบโต้กับภัยคุกคามจากมอนส์เตอร์ทั่วทวีปได้อย่างรวดเร็ว

“ขะ, เข้าใจแล้วค่ะ! เชิญตามข้ามาทางนี้ได้เลยค่ะ!”

มีแค่พนักงานกิลด์หรือนักผจญภัยแรงค์ S ขึ้นไปเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องสื่อสารทางไกล

นักผจญภัยแรงค์ S ขึ้นไปที่สามารถต่อสู้กับมอนส์เตอร์คลาสสูงๆได้ด้วยตัวคนเดียวนั้นจะได้รับการดูแลดีเป็นพิเศษในบรรดากลุ่มสมาชิกกิลด์

พนักงานต้อนรับพาฉันไปที่ห้องสื่อสารทางไกลและเชื่อมต่อสายกับสำนักงานใหญ่ในทันที

จากนั้น

“นี่คือนักผจญภัยแรงค์ SS ซิลเวอร์ ช่วยเรียกรองหัวหน้ากิลด์มาหน่อย”

“รับทราบค่ะ”

สมกับเป็นพนักงานของสำนักงานใหญ่ พวกเขาเคยชินกับเรื่องพวกนี้

การตอบสนองของพวกเขาเยือกเย็นและฉะฉาน

หลังจากรออยู่พักนึง, ใบหน้าของชายหนวดเฟิ้มก็ปรากฎขึ้นบนคริสตัล

ผมสีดำและดวงตาสีน้ำเงิน ชื่อของชายคนนี้ที่ดูเข้ากับคำพูดที่ว่า ‘คุณลุงหน้าหล่อ(Nice middle)’ ก็คือไคลด์

(หมายเหตุ: 「ナイスミドル」 หรือภาษาอังกฤษคือ ‘Nice Middle’ เป็นแสลงค์ของคนญี่ปุ่นที่ใช้เรียกผู้ชายวัยกลางคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดครับ)

เขาเคยเป็นนักผจญภัยคลาส S ที่เดินทางสร้างชื่อเสียงไปทั่วทวีป ตอนนี้เขาเกษียณแล้วและทำหน้าที่เป็นรองหัวหน้ากิลด์ที่กิลด์นักผจญภัยสำนักงานใหญ่

[ไหงเจ้าถึงโทรมาหาข้าจากสาขาเขตใต้ได้หล่ะเนี่ย?]

“ข้าแค่มาหาคนรู้จักที่อยู่แถวนี้หน่ะ”

[คนรู้จักสินะ ข้าประหลาดใจนะเนี่ยที่เจ้ามีคนที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนรู้จักอยู่ด้วย]

“ข้าเองก็เป็นมนุษย์เหมือนกันนะ ข้าก็ต้องมีคนรู้จักอยู่บ้างแหล่ะ แต่ช่างเรื่องนั้นเถอะ, ข้าพึ่งได้ยินข่าวลือแปลกๆมา, มันเป็นความจริงรึเปล่า?”

[ปกปิดไปก็คงไม่มีประโยชน์สินะ...ใช่มันเป็นเรื่องจริง มีคำขออย่างเป็นทางการจากราชรัฐอัลบราโทรให้ไปกำจัดมังกรทะเล ตอนนี้สำนักงานใหญ่กำลังวุ่นวายเลยหล่ะ]

“ก็ไม่แปลกหล่ะนะ แล้วสำนักงานใหญ่กำหนดคลาสไว้ที่เท่าไหร่?”

[ตั้งใจว่าจะกำหนดเอาไว้ที่คลาส S แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่ามันจะสร้างความเสียหายได้มากแค่ไหนบางทีคลาสของมันอาจจะถูกเลื่อนเป็น SS ก็ได้ และถ้าเป็นแบบนั้นมันก็จะกลายเป็นคำขอระดับสูงสุดที่ต้องการนักผจญภัยแรงค์ SS มากกว่าหนึ่งคน]

“อย่าทำแบบนั้นนะ ต่อให้พวกเขาสามารถเอาชนะมังกรทะเลได้, แต่ราชรัฐอัลบราโทรได้กลายเป็นซากแน่”

การเรียกรวมตัวนักผจญภัยแรงค์ SS หลายคน

มันคือสิ่งที่แม้แต่กิลด์นักผจญภัยเองก็ยังอยากที่จะหลีกเลี่ยง ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะมีความแข็งแกร่งผิดมนุษย์, แต่พวกเขานั้นไม่ค่อยมีสามัญสำนึก

ถ้าคนแบบนั้นมาอยู่ด้วยกัน, สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทะเลอาจจะตายไปพร้อมกับมังกรทะเลเลยก็ได้, เมืองท่าเองก็อาจจะอยู่ในสภาพที่เกินกว่าจะฟื้นฟูได้เช่นกัน สเกลความเสียหายนั้นมันมีความเป็นไปได้มากถึงขนาดนั้น

[ข้าเองก็ไม่อยากเรียกรวมพวกเขาเหมือนกัน ขอโทษนะแต่ในเมื่อเจ้าอยู่แถวนั้นแล้ว, ช่วยกำจัดมันให้ข้าหน่อยได้ไหม?]

“อย่าพูดเหมือนข้าเป็นบ๋อยของเจ้านะ เดี๋ยวข้าจะกลับไปจัดการธุระที่เมืองหลวงของจักรวรรดิก่อน แล้วจะมาจัดการให้ทีหลัง”

[งั้นหรอ.....ถ้าเจ้ารีบจัดการให้ได้จะขอบคุณมากเลยหล่ะ]

“มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”

[.......ข้อมูลนี้เป็นความลับนะแต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะรั่วไหลไปถึงจักรวรรดิแล้ว แถมดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็เริ่มหารือกันแล้วด้วยว่าจะแทรกแซงยังไงดี]

“ถ้าการแทรกแซงของพวกเขาสำเร็จพวกเขาก็จะสร้างหนี้บุญคุณก้อนใหญ่ให้กับประเทศทางใต้ได้สินะ แต่ว่า.....มันมีความเป็นไปได้อยู่นะว่าจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นระลอกที่สอง”

หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือมันจะเกิดขึ้นแน่

ถ้าพวกเขาส่งกองเรือมา, พวกเขาก็ก็มีแต่จะถูกพายุจม

สิ่งที่จักรวรรดิสามารถทำได้ก็คือส่งพวกระดับสูงของพวกเขามาแต่ถ้ามันเป็นแบบนั้น, มันจะเป็นการดีกว่าถ้าปล่อยให้เอลน่าที่อยู่ในเหตุการณ์อยู่แล้วเป็นคนจัดการ

บางที่สิ่งที่พ่อของฉันกำลังพิจารณาอยู่ในตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ว่าเขาควรอนุญาตให้เอลน่าใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์รึเปล่า

[ตามนั้นแหล่ะ, ก่อนที่จักรวรรดิจะมาถึงแล้วทำให้เรื่องวุ่นวายขึ้น, ข้าอยากให้กิลด์นักผจญภัยจัดการกับมันให้ได้ก่อน]

“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความรู้สึกหรอกนะ แต่ว่าข้าไม่อยากจะรอมังกรทะเลที่ไม่รู้ว่าจะโผล่มาที่ไหนหรือตอนไหน เอาเป็นว่าถ้ามันโผล่มาข้าจะรีบมุ่งหน้าไปหามันในทันที ตกลงไหม?”

[แบบนั้นก็พอรับได้อยู่ เดี๋ยวทางฝั่งข้าจะแจ้งข้อมูลให้เจ้าทราบแล้วกัน ช่วงนี้จักรวรรดิค่อนข้างระส่ำระส่ายจากสงครามผู้สืบทอด ถ้าเป็นไปได้ข้าก็ไม่อยากไปข้องเกี่ยวกับพวกเขา ดังนั้นถ้าเจ้าได้รับรายงานการพบเห็นมันเมื่อไหร่ให้รีบจัดการทันทีเลยนะ]

“เดี๋ยวข้าใช้ดุลยพินิจของข้าตัดสินเองก็แล้วกัน”

ฉันตอบไปแบบนี้แล้วจบการสนทนา

ความลับของกิลด์รั่วไหลไปถึงจักรวรรดิหรอ....ชักรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้แล้วสิ

ฉันคิดว่ามีบางคนพยายามจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้อยู่

ถ้าฉันไม่ป้องกันเอาไว้นี่อาจจะกลายเป็นเรื่องวุ่นวายได้

ดูเหมือนว่าฉันควรจะกลับไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิสักครั้งนึงเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้สินะ

“ขอบใจนะ ตอนนี้ข้าขอตัวหล่ะ”

“ค, ค่ะ!”

ฉันขอบคุณพนักงานต้อนรับแล้วเดินออกจากกิลด์

พรุ่งนี้ต้องบินกลับเมืองหลวงของจักรวรรดิสินะ

ฉันต้องไปตรวจสอบสถานการณ์ของพวกฟีเน่แล้วสืบดูว่าจักรวรรดิวางแผนจะแทรกแซงยังไง

ถ้าจักรวรรดิเคลื่อนไหวไปในแนวทางแทรกแซงอย่างจริงจัง, การจะไปทำลายแผนการของพวกเขาในฐานะซิลเวอร์ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดี

จักรวรรดิและกิลด์นักผจญภัย, ทั้งคู่ต่างก็มีชื่อเสียงให้ยึดถืออยู่ มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าแก้ปัญหานี้ได้พร้อมกับรักษาหน้าของทั้งสองฝ่าย

“เอาเถอะ, หลังจากที่กลับไปแล้วค่อยคิดเรื่องนี้ก็แล้วกัน”

ฉันพึมพำออกมาหลังจากนั้นก็คลายเวทย์ลวงตาและกลับไปเป็นอาร์โนลด์เหมือนเดิม

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด, พวกฟีเน่อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ว่าแล้วเชียว, จะยืนยันได้แน่ๆก็ต่อเมื่อกลับไปดูด้วยตัวเองสินะ

“เอาเถอะ, ถ้าไม่ได้ไปทำเรื่องบ้าๆก็คงจะดีอยู่หรอก”

แต่ถึงอย่างนั้นฟีเน่ก็ดูเหมือนพวกที่ทำอะไรไม่ยั้งคิดด้วยสิ

ในตอนที่ต่อสู้กับแวมไพร์เอง, เธอก็ปีนขึ้นไปบนหอนาฬิกาโดยไม่ลังเลเลย แม้แต่ตอนที่เธอกำลังร่วงลงมา, เธอก็ยังให้ความสำคัญกับขลุ่ยมากกว่าตัวเอง

คนอะไรทำไมถึงไม่หัดให้ควาสำคัญกับตัวเองบ้างเลย

ถ้านิสัยด้านนั้นของเธอยังไม่แสดงออกมาก็คงจะดี

ฉันกลับไปที่ปราสาทในขณะที่กังวลเรื่องของเธอ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด