ตอนที่แล้วEp.241 - เข้าสู่ผิงหยุน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.243 - การต่อสู้ระดับราชันย์

Ep.242 - รอยแยกปรากฏ


2/4

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.242 - รอยแยกปรากฏ

เฉียนหยวนขมวดคิ้ว เร่งกล่าวตำหนิ “พวกเธอหมายความว่ายังไงที่บอกมิสเตอร์ฉินไม่สนใจ? เขาไม่ลำบากเรื่องเงิน อีกทั้งยังมีน้ำใจก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะละลาบละล้วงเขาได้ทุกเรื่อง มันไม่มีมารยาท!”

สองสาวอึ้งไป เหลือบมองสีหน้าของฉินเฟิงอย่างระมัดระวัง และเห็นว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ อีกฝ่ายก็ยังคงเงียบ ไม่มีทีท่าว่าจะโต้แย้งคำของเฉียนหยวน เลย

ทางเฉียนหยวนเองก็สังเกตพฤติกรรมของฉินเฟิงเช่นกัน และตระหนักได้ว่าเวลานี้ ตนเองคาดเดาได้ถูกต้อง

เฉียนหยวนถอนหายใจ ในความเป็นจริงแล้ว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจถึงสิ่งที่ฟางหยูและฟางหลิงคิด ว่าหากได้มีสัมพันธ์กับผู้ใช้พลังเลเวล E  และได้รับของที่ไร้ค่าในสายตาของอีกฝ่ายมาสักเล็กๆน้อยๆ มันก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยยืดชีวิตของพวกเธอ ไม่จำเป็นต้องออกไปสู้ในทุ่งล่า ที่แม้จะผ่านไปถึงครึ่งปี แต่กลับยกระดับได้ถึงแค่ G3 เท่านั้น

ก่อนจะเกิดใหม่ฉินเฟิงเองก็แทบไม่เคยใยดีใคร แม้วิธีคิดเกาะเป็นปลิงของสองสาวจะไม่ได้แย่อะไร เพราะพวกเธอจำต้องใช้อะไรบางอย่างมาแลกเปลี่ยนแน่นอน แต่ฉินเฟิงไม่อยากแบกรับปัญหา ดังนั้นไม่ยินดีที่จะปลอบโยนสองสาวตระกูลฟาง

อย่างไรก็ตาม เฉียนหยวนถือว่าเป็นคนฉลาดมาก ดังนั้นฉินเฟิงจึงยอมสนทนากับอีกฝ่าย ทั้งยังถามไถ่รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรอยแยกมิติ และพบว่ามันยังไม่เกิดขึ้นแน่ๆ

เนื่องจากในชีวิตก่อน ฉินเฟิงอ่านเรื่องนี้ผ่านๆจากเครือข่ายนักสู้ ดังนั้นไม่ทราบเวลาที่แน่นอน ตอนนี้เลยทำได้แค่รอ

อาหารถูกยกขึ้นมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ฉินเฟิงผายมือ เชิญให้ทุกคนกิน พี่น้องตระกูลฟางไม่กล้าเอ่ยคำใด เริ่มต้นกินอาหารบนจานอย่างรวดเร็ว ทั้งยังหวังว่าจะได้กินมันมากกว่านี้

เพราะตรงหน้าพวกเธอ คือเนื้อของนายพลสัตว์ร้ายเลเวล F ยิ่งกินมันมากก็ยิ่งสามารถเสริมสร้างพลังงานได้มาก ไม่ต้องกล่าวถึงท่าทีของฉินเฟิง ที่แสดงออกค่อนข้างชัดเจนว่าหลังจากอาหารมื้อนี้แล้ว บางทีพวกเธออาจจะไม่ได้เจอเขาอีก!

ด้วยเหตุนี้เอง สองสาวเลยสวาปามโดยไม่คำนึงถึงมารยาท หรือความเขินอาย

ฉินเฟิงค่อยๆจิ้ม และเคี้ยวอาหารตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ เพราะยังไงซะเขาก็มีเนื้อของราชันย์สัตว์ร้ายตุนเอาไว้อยู่แล้ว ดังนั้นจับใส่ปากไปเพียง 7 - 8 คำ ก็ไม่กินต่อ

ฉินเฟิงเช็ดปาก ยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย เฝ้ามองไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่าง

เนื่องจากมันคือตึกที่ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษโดยกลุ่มซ่งเฉิน เพื่อสร้างความบันเทิงให้แก่คนของตนเอง ดังนั้น นอกจากมันจะเป็นศูนย์กลางของสถานชุมชนผิงหยุนแล้ว ตึกนี้ยังเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดในชุมชนอีกด้วย มุมมองบนตึก ถือว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับชมวิว

ต่อให้เป็นยามค่ำคืน แสงไฟตามรายทางและรถบนถนนสองฟากฝั่ง ก็ยังเห็นได้ชัด จากมุมมองไกลๆมันดูคล้ายส่วนลำตัวของมังกรที่ทอดยาว เมืองที่มีชีวิตชีวาเช่นนี้ สำหรับยุคโลกาวินาศแล้ว ถือว่าหาได้ยากนัก

จะน่าเสียดายก็ตรงที่ว่ามันเล็กเกินไป

ฉินเฟิงจมอยู่ในห้วงความคิด แต่ในเวลานั้นเอง อุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติที่อยู่ห่างจากเขาไปหลายร้อยเมตร ก็ส่งเสียงแจ้งเตือนขึ้นทันใด

“ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! รอยแยกมิติปรากฏขึ้น จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เริ่มทำการปิดรอยแยก!”

มือของฉินเฟิงที่กำลังถือถ้วยชาพลันแข็งค้าง!

เขาไม่คาดคิดเลยว่ามันจะมาเร็วถึงขนาดนี้

บนอุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิง ข้อมูลถูกส่งมาอย่างรวดเร็ว

“ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! รอยแยกมิติอยู่ห่างจากตำแหน่งของคุณ 823 เมตร กรุณาหลีกเลี่ยง กรุณาหลีกเลี่ยง!”

ในมือของฉินเฟิง ปรากฏมีดกษัตริย์ครามขึ้นทันใด

วินาทีต่อมา ร่างของฉินเฟิงก็กระแทกเข้าใส่หน้าต่างชมวิว!

วัสดุที่ใช้ทำหน้าต่างชมวิว ซึ่งสูงจากพื้นจรดเพดานเป็นของดีมาก มันหนาชนิดเกรงว่ากระสุนธรรมดาไม่อาจทะลุผ่านได้ แต่ภายใต้แรงปะทะของฉินเฟิง มันกลับแตกละเอียด ลมจากเบื้องบนพัดผ่านเข้ามาในห้องส่วนตัว

ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิง ทะลุหายออกไปนอกหน้าต่าง

“กรี๊ด!” ฟางหยูส่งเสียงกรีดร้องทันใด

“มิสเตอร์ฉิน!” เฉียนหยวนเองก็ไม่คาดคิดว่าฉินเฟิงจะตอบสนองรวดเร็วเช่นนี้ ผุดลุกตามไปถึงบานหน้าต่าง ลมกรรโชกจากตึก 20 ชั้นกระพือเข้าใส่หน้า ทำเอาเฉียนหยวนเกิดความลังเล ก่อนจะหันมาพูดว่า “ทุกคนระวังตัวกันด้วย ฉันจะตามไปดูเขา!”

ว่าจบก็กระโดดลง แม้ตอนนี้เฉียนหยวนจะบาดเจ็บ แต่หลังจากรับประทานอาหาร มันก็ดีขึ้นหลายส่วน ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าอะไรดลใจ แต่ตนเกิดความคิดที่ว่าจะต้องตามไปดูฉินเฟิงให้จงได้

แน่นอน ว่าคนที่คิดแบบนั้น ไม่ได้มีแค่เฉียนหยวน

“เร็วเข้า ไปที่ลิฟต์พวกเราก็จะไปด้วยเหมือนกัน ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ!” กวงเสี่ยวกังที่มิได้เอ่ยคำใดเลย จู่ๆก็โพล่งออกมา

ฟางหยูกับฟางหลิงเองก็รีบไล่ตาม

แต่ความเร็วของพวกเธอ ช้ากว่าคนอื่นๆ

ส่วนฉินเฟิง เขาออกห่างจากตึกซ่งเฉินมากว่า 800 เมตรแล้ว โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

ไม่นานเกินรอ ฉินเฟิงก็มาถึงตำแหน่งเป้าหมายของเขา

ที่แท้รอยแยกมิติก็ปรากฏขึ้นในย่านที่พักอาศัย!

ในเวลาเดียวกัน เสียงโหยหวนพลันดังขึ้น

ฉินเฟิงระบุทิศทางของเสียง ย่ำไปตามผนัง สับขาไต่กำแพงตึกอย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึงชั้น 3 รอยแยกก็เพิ่งปิดลง เขาพบชายสีหน้าซีดเซียวคุกเข่าอยู่กับพื้น ปากอ้าหอบหายใจเฮือกใหญ่

ฉินเฟิงก้าวหาอีกฝ่าย ไม่ใยดีใดๆต่อท่าทีทรมานของคนตรงหน้า มีดกษัตริย์ครามในมือกวาดเฉือนออกไป แสดงเจตนาสังหารชัดเจน

“อ๊า นั่นคุณคิดจะทำอะไรน่ะ?” ชายคนนั้นกรีดร้องตื่นตระหนก ดีดตัวถอยห่างอย่างร้อนรน

เบื้องหน้าฉินเฟิง คือวัยรุ่นที่บนหน้าอกติดโลโก้เลเวล G6

“ถามว่าทำอะไรงั้นหรอ? แน่นอน ก็ฆ่าแกไง!” ฉินเฟิงกล่าวเสียงทุ้มลึก

วัยรุ่นชายเริ่มโกรธเกรี้ยว “ทำไมคุณถึงต้องฆ่าผม ผมเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ของผิงหยุนนะ!”

ระหว่างเปล่งวาจา วัยรุ่นก็หลบเลี่ยงคมมีดอย่างฉับไว อีกทั้งอบิลิตี้ลมของเขา ยังว่องไวเป็นอย่างยิ่ง

ทว่า … ผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล G จะว่องไวจนสามารถหลบเลี่ยงความเร็วของฉินเฟิงได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่านี่มันไม่สมเหตุสมผล

ฉินเฟิงสะบัดใบมีดเป็นวงกว้าง แต่อีกฝ่ายก็สามารถปัดป้องมันได้หลายครั้ง ทั้งยังสามารถหลบเลี่ยงได้ในเวลาที่เหมาะสม หลังจากถอยไปจนถึงหน้าต่าง อีกฝ่ายก็ดีดตัวกระโดดลงไป

แน่นอนว่าฉินเฟิงย่อมไล่ติดตาม

ในเวลาเดียวกัน เฉียนหยวนก็วิ่งมาถึงพอดี

สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนกลับกลาย

“หลีกทางไปให้พ้น!” ฉินเฟิงตวาดโกรธเกรี้ยว

แม้เฉียนหยวนจะไม่เข้าใจว่าทำไมฉินเฟิงถึงต้องการไล่ผู้ใช้พลังเลเวล G แต่เมื่อได้ยินคำสั่งของฉินเฟิง ทั้งยังท่าทีในเชิงข่มขู่ เฉียนหยวนก็ปลีกตัวเปิดทางให้ทันที

ฉินเฟิงเร่งความเร็วขึ้นอีกระดับ

“ระบำดอกไม้ไฟ!”

แสงจากเปลวไฟสะท้อนออกจากใบมีด ไล่ตามผู้ใช้อบิลิตี้ทันในที่สุด

“โล่สายลม!”

เคร้ง เคร้ง เคร้ง!

มีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิงถูกหยุดเอาไว้อย่างคาดไม่ถึง

ในเวลาเดียวกัน กวงเสี่ยวกัง , ฟางหยู และฟางหลิง ที่ไล่ตามมา เมื่อเห็นคนที่ฉินเฟิงกำลังต่อสู้ ทั้งหมดก็ตกใจ

“นั่นชิกวนไม่ใช่หรอ!”

คนๆนี้ คือสหายที่ได้รับการฉีดยากระตุ้นพลังพร้อมกับพวกตน และเนื่องจากสามารถปลุกอบิลิตี้ลมขึ้นมาได้ เลยได้รับความสำคัญจากสถานชุมชนผิงหยุน มีคนคอยป้อนทรัพยากรดีๆให้ตลอดเวลา ส่งผลให้ปัจจุบันเขาสามารถไปถึงเลเวล G6 พี่น้องตระกูลฟางเป็นธรรมดาที่จะอิจฉา

แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าฉินเฟิงกลับคิดไล่ล่าชิกวนอย่างกระทันหัน

เมื่อเห็นว่าเป็นสหายร่วมโรงเรียน ฟางหยูเร่งไกล่เกลี่ย “อย่าทะเลาะกันนะ นี่จะต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ”

“ไสหัวไปให้พ้น!” ฉินเฟิงคำรามเกรี้ยวกราด

ฟางหยูและฟางหลิงสะดุ้งตกใจ เวลานี้พวกเธอทั้งโกรธทั้งผิดหวัง และรู้สึกว่าฉินเฟิงกำลังกลั่นแกล้งผู้คน

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของฉินเฟิง ยิ่งมายิ่งโหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อยๆ

ชิกวนค่อยๆกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ฉินเฟิงไม่ยั้งมือแต่อย่างใด ในฐานะที่ตนเป็นเลเวล E ดังนั้นย่อมมีช่องว่างความแข็งแกร่งมหาศาลระหว่างชิกวนในเลเวล G แต่ชิกวนก็ถือว่าขัดขืนได้ดีจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่ทำได้ถึงขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะวัยรุ่นเบื้องหน้า มิใช่คนเดิมอีกต่อไป!

“มีดเปลวเพลิง!”

คมกล้าโบกสะบัด สังหารในพริบตาเดียว

พรวดดด!

ศีรษะของชิกวนถูกสะบั้น

ฟางหลิงและฟางหยูจ้องมองฉากนี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าภาพอันโหดร้ายนี้จะปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ผู้ใช้พลังเลเวล E ที่เพิ่งเจอกัน ที่แท้เป็นปีศาจฆาตกร

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆร่างของชิกวนก็เริ่มขยุกขยิก เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกระทันหัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด