ตอนที่แล้ว6.ข้ามิได้ชังท่าน เจ้าก็จงเลิกชังข้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป8.เรื่องเร่งด่วน

7.ข้าจะดูแลท่านเอง


กู้หรูเฟิงตกตะลึงพรึงเพริด “แม้เจ้าและข้าเป็นสามีภรรยากัน ทว่าต่างก็อยู่อย่างทนทุกข์  ไยต้องมาสนใจเรื่องความเป็นความตายของอีกฝ่ายด้วยเล่า?

“ความเป็นความตายอะไรกัน ท่านไข้ขึ้นสมองจนสติเลอะเลือนไปแล้วรึ?” หลิ่วเจินพูดใส่เขา พลางเอามือแตะหน้าผากอีกฝ่าย และพบว่ามันไม่ร้อนแล้ว เลยไม่ได้สนใจเขาอีก พูดก็พูดเถอะ ตอนนี้นางหิวจนตาลายแล้ว นางกลืนโจ๊กที่เย็นชืดคำใหญ่ แล้วรีบสวาปามมันฝรั่งกับถั่วอย่างรวดเร็ว เมื่อกินคำแรกรู้สึกว่าผักนี่มีรสเค็ม แต่มีกลิ่นหอมไม่น้อย

กู้หรูเฟิงนิ่งอึ้งไปเป็นนาน ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจมาก หากอาหารมีพิษจริง มันก็ควรออกฤทธิ์แล้วมิใช่หรือ?

“ทำไมข้าถึงยังไม่ตาย?”

หลิ่วเจินเทราบดีว่าว่าเขามิใช่คนเขลา ของกินที่นำกลับมาในสายตาของคนภพนี้อาจมีพิษก็เป็นได้ เมื่อลองพิจารณาดูอย่างละเอียดอีกที เห็ดที่มีสีสันสวยงาม จริง ๆแล้วกินไม่ได้ เพราะมันมีพิษ มันฝรั่งก็มีพิษและกินไม่ได้ หากไม่นำไปปรุงให้สุกเสียก่อน นางไม่ประหลาดใจแล้ว ที่มีพืชผักให้เห็นอยู่มากมาย แต่กลับไม่มีคนเก็บไป   แน่นอนเพราะทุกคนคิดว่าพวกมันมีพิษนั่นเอง

หมอนี่คงคิดว่านางจะวางยาพิษเขากระมัง? หญิงสาวรู้สึกจนใจเล็กน้อย จึงอธิบายชายหนุ่มว่ามีอะไรที่สามารถกินได้บ้าง

กู้หรูเฟิงเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เหล่านี้เป็นครั้งแรก หลังตัวเองรู้สึกว่าร่างกายตนไม่มีปัญหาอันใดเลยจริง ๆ  เขาให้อดรู้สึกไม่ได้ว่าตนได้ค้นพบโลกใหม่เข้าแล้ว ชายหนุ่มจึงกัดกินเข้าไปอีกหลายคำ  พลางจดจำไว้ในใจเงียบ ๆ ในขณะที่รู้สึกอับอายขึ้นมาเล็กน้อย ที่อีกฝ่ายอุตส่าห์มีน้ำใจทำอาหารให้เขากิน  แต่เขากลับคิดเป็นตุเป็นตะไปเองว่า อีกฝ่ายต้องการวางยาพิษเขา

หลิ่วเจินพรูลมหายใจอย่างอดไม่ได้ “ในเมื่อท่านคิดว่าพวกมันเป็นพิษ ไฉนถึงกินมันเข้าไปอีกเล่า?”

“เพราะตัวข้าไม่รู้จะมีชีวิตไปเพื่ออะไร”  ในอดีตเขาคือคุณชายผู้สูงศักดิ์แห่งเมืองหลวง  ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างตกตะลึงในพรสวรรค์อันน่าทึ่งของเขา เขาคือคุณชายผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือกระฉ่อน ถึงพร้อมด้วยฐานะอันมั่งคั่ง เขาเคยต้องอยู่ด้วยลำแข้งตัวเองเสียเมื่อไร? ทว่าตอนนี้ต้องมาอยู่ในที่แห่งนี้  ความเย่อหยิ่งทะนงตนและภาคภูมิใจในตัวเองได้มลายหายไปสิ้น เพราะจู่ ๆชีวิตก็ตกต่ำเปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว ทำให้คน ๆ หนึ่งยากจะยอมรับได้จริง ๆ  และการประคองให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป ก็ช่างยากเย็นแสนเข็ญยิงนัก

“ชีวิตของเราทุกคนน่ะ ล้วนมีความหมาย  ส่วนจะมีความหมายอะไรนั้น แต่ละคนต้องค้นหากันเอาเอง?” หลิ่วเจินเป็นหมอรักษาโรค ดังนั้นนางจึงอ่อนไหวกับการมีชีวิตถึงขั้นสุด ดังนั้น ไม่มีชีวิตใดที่สมควรละทิ้ง นางเห็นเด็กสาวที่ทุกข์ทรมานกับโรคหัวใจ พยายามอย่างมากที่จะมีชีวิตอยู่  ไม่ต้องพูดถึงการพยายามดำรงชีวิตอย่างปกติสุขเลย ตอนนี้แค่อยู่ได้แบบสามวันดีสี่วันไข้ เช่นนั้น...ก็น่าสนุกเกินไปที่จะยอมตาย หญิงสาวมองสำรวจบุคคลตรงหน้าอย่างละเอียด และอดถามขึ้นมาไม่ได้ “ปีนี้ท่านอายุเท่าใด?”

เขาตอบทันทีโดยไม่คิด  “17 หนาวแล้ว”

หลิ่วเจินแอบรำพึงในใจ อายุ 17 ปีเอง ไม่สงสัยแล้ว ที่ความคิดยังไม่เป็นผู้ใหญ่นัก พอคิดได้ว่าอีกฝ่ายยังเป็นแค่เยาวชนคนหนึ่ง นางให้รู้สึกเคร่งเครียดโดยพลัน หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ  หญิงสาวจึงกล่าวเสียงหนัก “ข้าจะดูแลท่านให้ดี”

เมื่อนางกล่าววาจานี้ออกมา  มองดูแล้วคล้ายพี่สาวผู้เคร่งขรึม แต่ในความเป็นจริง ปีนี้ร่างนี้เพิ่งมีอายุแค่ 16 หนาวเท่านั้น

กู้หรูเฟิงรู้สึกละอายใจต่อสิ่งที่หลิ่วเจินกล่าว เด็กสาวในสกุลหนึ่งพูดใส่บุรุษว่า “ข้าจะดูแลท่านให้ดี” นี่มันหมายความว่ากระไร?

หากกินอย่างประหยัดๆ พืชผลที่นำกลับมาครานี้ จะมีเพียงพอให้พวกเขามีกินไปอีกครึ่งเดือน  มิต้องกังวลว่าจะอดตายในในช่วงเวลานี้ หลิ่วเจินพรูลมหายใจ และเริ่มคิดเรื่องการซ่อมแซมที่พักอาศัย เหตุผลก็คือ มีลมพัดลอดเข้ามาในบ้านตามรอยรั่วที่มีอยู่ทั่ว  ซึ่งพวกเขาอาจจะไม่สามารถมีชีวิตรอดจนผ่านพ้นฤดูหนาวนี้ก็เป็นได้

มิหนำซ้ำ ในบ้านยังมีฟืนไม่มาก แม้ร่างกายหลิ่วเจินยังคงแข็งแรง แต่ถึงอย่างไร นางก็เป็นสตรีคนหนึ่ง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปตัดฟืนได้บ่อย ๆ

ทางที่ดีที่สุดก็คือ ออกไปหาซื้อฟืนจากผู้อื่น ในฤดูหนาวมักมีคนขายฟืน แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้นางไม่มีเงินเหลือในมือ ตอนขึ้นเขาเข้าป่าเพื่อเก็บของกินเมื่อคราก่อน นางได้เจอโสมภูเขา ทว่าต้นเล็กมาก หลิ่วเจินประเมินว่าคงขายเป็นเงินไม่มาก อย่างดีที่สุดก็คงได้เงินสักครึ่งตำลึง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด