ตอนที่แล้วบทที่ 139
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 141

บทที่ 140


เมิ่งเซียวอดีตแม่ทัพใหญ่แห่งเขตสายลม ถูกประหารพร้อมครอบครัวในตอนเช้า ชวนบ้านต่างออกมาร่วมเป็นสักขีพยานการประหารในครั้งนี้ องค์ชายสี่หลังจากรักษาตัวจนหายดีก็เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องพักไม่ออกไปไหน หยางเวย เนี่ยฟง เย่เตาและหวังหลิน ถูกจับกุมข้อหาลงมือทำร้ายองค์ชายสี่และองครักษ์ แต่ทว่าก็ถูกปล่อยตัวในเวลาไม่นานเพราะหัวหน้าองครักษ์ห่าวเฉียงเป็นพยานให้ แจ้งความผิดขององค์ชายสี่เป็นคนลงมือก่อน ส่วนเขตปกครองแต่ละแห่งถึงกับขึ้นบัญชีดำคนของผาไม้ดำ พบเจอที่ไหนสังหารที่นั่น

เกาซิงหมิงและเฮ่อหนานนำกำลังชายฉกรรจ์นับสี่สิบคนพุ่งทะยานไปตามทางผ่านเข้าเขตดินแดนแห่งสายลมทั้งหมดเมื่อเข้ามาในจุดที่ผู้อาวุโสของพรรคพยัคฆ์สายลมแอบซุ่มอยู่ ก็เกิดการปะทะกันขึ้น เสียงการปะทะกันดังสนั่น ต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นล้มเลือดสีแดงสดไหลนองเต็มพื้น ชายฉกรรจ์นับสี่สิบคนถูกสังหารจนสิ้น เกาซิงหมิงและเฮ่อหนานบาดเจ็บสาหัสหลบหนีรอดไปได้โดยเฮ่อหนานเสียแขนซ้ายไป ส่วนเกาซิงหมิงเสียดวงตาขวาจากการปะทะ ทั้งสองหลบหนีไปทางเขตแห่งไฟ

ในระหว่างนั้นเองที่สำนักพยัคฆ์สายลมก็ทำการต้อนรับแขกคนสำคัญจากสำนักหงส์เพลิงสำนักอันดับสองของดินแดงแห่งไฟเพื่อศึกษาแลกเปลี่ยนวิทยายุทธ นำมาโดยผู้อาวุโสเสิ่นฟูหลิน เป็นหญิงชราอายุประมาณหกสิบปี และศิษย์สำนักอีกสามคน กู้ซุ่นไถ่ เฮ้งคุนจวิน และอีฟูฉาง ทั้งสามเป็นศิษย์หัวกะทิสามอันดับแรกของสำนัก แน่นอนว่าทางสำนักหงส์เพลิงได้ส่งจดหมายแจ้งล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้ว ลานประลองในสำนักแน่นขนัดมีศิษย์สำนักมากมายเข้ามาชมการประลองที่ลานประลองเช่นเคย ทันทีที่เสียงระฆังดังเป็นสัญญาณเริ่มการประลอง ปราณดาบก็ปลิวว่อนเสียงดาบปะทะกันดังลั่นออกมา พร้อมกับเสียงโห่ร้องของผู้ชมด้านล่าง

เนี่ยฟง หยางเวย และเย่เตาทั้งสามค่อยสอดส่องดูแลความเรียบร้อยในช่วงของการประลองที่เกิดขึ้นตลอดเวลาจากที่สังเกตไม่มีสิ่งใดผิดปกติ การประลองจบลงอย่างรวดเร็ว เป็นศิษย์สำนักพยัคฆ์สายลมชนะทั้งสามรอบ คนที่ขึ้นประลองคือ หวังหลิน จงเหวินป้าและหยางเฟย ทันทีที่จบสิ้นการประลองตอนเย็นก็มีการเลี้ยงต้อนรับ ศิษย์สำนักมากมายต่างเข้าร่วม ในระหว่างนั้นเองเนี่ยฟงก็ค่อยแอบมองคนของสำนักหงส์เพลิงตลอดเวลา เพื่อป้องกันเหตุลอบสังหารเกิดขึ้นแต่ก็ไม่มีสิ่งใด จนกระทั่งงานเลี้ยงเลิกราในยามไฮ่ แต่ละคนต่างแยกย้ายกลับที่พักของตน ส่วนคนของสำนักหงส์เพลิงก็พักในห้องพักรับรองของสำนัก

ช่วงเวลายามโฉ่วเมฆก้อนใหญ่บดบังแสงสว่างจากดวงจันทร์ ศิษย์สำนักและผู้อาวุโสต่างหลับนอนมีเพียงเนี่ยฟงและหยางเวยที่ยังคงแอบซุ่มอยู่บริเวณที่พักของสำนักหงส์เพลิง ส่วนเย่เตาแอบซุ่มอยู่บริเวณบ้านพักของเจ้าสำนักจางหลิง ชั่วน้ำเดือดก็มีเงาคนผู้หนึ่งพุ่งออกมาจากหน้าต่างบ้านพักรับรองออกไป

“หยางเวยเจ้าคอยอยู่ที่นี่หากมีสิ่งใดเจ้าโคจรลมปราณไปที่แผ่นหยกแล้วข้าจะรีบกลับมา”

เมื่อกล่าวสิ้นเสียงเนี่ยฟงก็แอบติดตามคนผู้นั้นไปโดยเว้นระยะห่างพอสมควร คนผู้นั้นพุ่งออกไปทางด้านหน้าของสำนัก เนี่ยฟงติดตามออกไปไม่ถึงหนึ่งเค่อคนผู้นั้นก็หยุดลงไม่ถึงสองลมหายใจก็มีคนแอบพุ่งเข้ามาในสำนักอีกสองคน ทั้งสามพูดจากกันเล็กน้อยไม่นานก็กลับเข้ามาในสำนักอีกครั้ง เนี่ยฟงที่แอบดูอยู่รีบสะบัดมือขวาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏไม่นานก็จางหายไปที่พื้นดิน เนี่ยฟงเดินออกมาจากเงากำแพงเอ่ยวาจาเสียงดังในระหว่างที่เงาทั้งสามกำลังจะพุ่งผ่านตัวเขาไป

“ข้ารอพวกท่านอยู่นานแล้วขอรับ เหตุใดถึงลงมือช้ายิ่งนัก”

ทั้งสามเมื่อได้ยินเสียงก็รีบหยุดฝีเท้าหันมาจ้องมองเนี่ยฟง ไม่มีเสียงกล่าวใดๆออกมาจากทั้งสาม ได้ยินเพียงเสียงสะบัดมือ มีดสั้นสองเล่มก็พุ่งเข้าหาเนี่ยฟงอย่างรวดเร็ว เปรี้ยง เปรี้ยง เกราะสายฟ้าออกมาป้องกันไว้ได้อย่างทันท่วงที่

“บัดซบ มันคือไอ้สารเลวเนี่ยฟง”

“ยินดีต้อนรับพวกท่านทั้งสามจากผาไม้ดำ”

คนทั้งสามตื่นตกใจไม่น้อยในจังหวะนั้นเองเนี่ยฟงก็โคจรลมปราณไปที่มือซ้ายที่ถือแผ่นหยกไว้ ไม่นานหยางเวยและเย่เตาก็รีบพุ่งเข้ามาในจุดที่เนี่ยฟงยืนอยู่ เสียงแว่วดังมาจากคนทั้งสามด้านหน้า

“ดี ดี ในเมื่อเจ้าเข้ามาหาที่ตายเอง ข้าจะสนองให้ก็แล้วกัน ไม่ต้องห่วงข้าจะสังหารอาจารย์ของเจ้าติดตามไปแน่”

หยางเวยใช้ความเร็วพุ่งเข้าประชิดคนผู้หนึ่งที่กำลังกล่าววาจาออกมา ถุงมือไหมถูกสวมใส่เพื่อรอเวลานี้อยู่แล้ว วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาด้านหน้าหมัดก่อนเข้าปะทะ หมัดขวาต่อยเข้าที่หน้าท้องของชายที่กำลังกล่าวอย่าวถนัดถนี่ เปรี้ยง เสียงร้องคำรามของอินทรีพยัคฆ์สัตว์อสูรของเย่เตาดังสนั่นอยู่บนฟ้า หยางเวยเมื่อจัดการคนผู้หนึ่งสำเร็จก็ถีบเท้าถอยออกมารวมกับเนี่ยฟง ไม่นานเงามืดจากก้อนเมฆที่บดบังแสงก็เลือนหายไป เนี่ยฟงจ้องมองคนทั้งสองอย่างไม่วางตา เป็นไปตามคาดหมายหนึ่งในนั้นเป็นผู้อาวุโสเสิ่นฟูหลิน ส่วนอีกสองคนนั้นเป็นชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบปี

“เหอะ คนของผาไม้ดำแฝงตัวอยู่ทุกทีจริงๆ แต่ว่าพวกท่านไม่ต้องห่วง หากข้ามีเวลาข้าจะไปเยี่ยมหัวหน้าพวกท่านที่เขตแห่งไฟแน่นอน”

“เจ้ารู้รึว่าผาไม้ดำตั้งอยู่ที่ไหน”

“แน่นอนว่าข้ารับรู้เพราะพี่น้องแซ่เกาเป็นคนกล่าวบอกต่อข้าเอง”

“ผายลม พี่น้องแซ่เกาหาได้คิดคดทรยศต่อผาไม้ดำตามที่เจ้ากล่าวอ้าง”

“ท่านกล่าวไม่ผิดพี่น้องแซ่เกาหาได้คิดทรยศต่อพวกท่าน แต่เป็นข้าเองที่บีบบังคับให้พวกมันกล่าวออกมาเอง”

“ตาย”

ชายผู้หนึ่งหาได้สนใจสิ่งที่ชายหนุ่มด้านหน้ากล่าวพุ่งทะยานออกมาอย่างรวดเร็ว หยางเวยแสยะยิ้มพุ่งเข้าปะทะเช่นกัน เสียงหมัดและฝ่ามือปะทะกันเสียงดังสนั่น ตอนนี้บริเวณบ้านพักของสำนักเริ่มมีคนตื่นนอนจากเสียงปะทะแล้วผู้อาวุโสเสิ่นฟูหลินเห็นท่าไม่ดีจึงคิดระเบิดลมปราณระดับสีแดงขั้นกลางออกมา ตูม ในจังหวะเดียวกัน เนี่ยฟงก็กระทืบเท้าขวาลงพื้น เถาวัลย์สีฟ้ามีประกายสายฟ้าล้อมรอบพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน รัดตัวของผู้อาวุโสเสิ่นฟูหลินเอาไว้อย่างแน่นหนา พลังปราณระดับสีแดงขั้นกลางถูกเถาวัลย์สีฟ้าดูดซับเพื่อเพิ่มแรงรัดผู้อาวุโสเสิ่นฟูหลินถึงกับร้องออกมาเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

ส่วนชายอีกผู้หนึ่งที่ปะทะกับหยางเวย ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องออกมาของผู้อาวุโสเสิ่นฟูหลินก็รับหันไปมอง หยางเวยแสยะยิ้มระเบิดปราณพิษออกมา ตูม ควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจาย หยางเวยกระหน่ำต่อยหมัดทั้งซ้ายและขวาเสียงดังสนั่น เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เมื่อควันพิษสีม่วงจางหายชายคนนั้นก็นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นกระอักเลือดสีแดงสดออกมา หยางเวยก้มลงปลดแหวนออกจากมือยกยิ้มอย่างดีใจ เนี่ยฟงเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วก็ก้าวเดินเข้าหาผู้อาวุโสเสิ่นฟูหลินที่นอนอยู่ที่พื้นจ้องมองเนี่ยฟงอย่างไม่วางตา

เนี่ยฟงแสยะยิ้มสะบัดมือขวา ถือขวดยาสีขาวนวลในมือ เทเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ดยัดเข้าไปที่ปากของผู้อาวุโสเสิ่นฟูหลิน ขณะเดียวกันบรรดาผู้อาวุโสในสำนักและเจ้าสำนักจางหลิงก็มุ่งหน้ามายังจุดปะทะ

“คารวะอาจารย์และผู้อาวุโส ต้องขออภัยที่ทำให้เกิดเสียงดัง พวกข้าทั้งสามจับกุมคนของผาไม้ดำได้ขอรับเชิญพวกท่านสอบสวน”

หยางเวยและเย่เตาลากชายหนุ่มอีกสองคนโยนไปกองใกล้ๆกับผู้อาวุโสเสิ่นฟูหลิน หลายคนตื่นตกใจไม่น้อยรวมไปถึงเจ้าสำนักจางหลิงด้วยเช่นกัน เพราะทั้งสองเคยร่วมต่อสู้มา ตั้งแต่อดีตยุคสมัยเป็นหนุ่มสาว เจ้าสำนักมองไปยังผู้อาวุโสเสิ่นเย่ผู้ดูแลคัมภีร์

“เสิ่นเย่ เรื่องนี้เจ้าจัดการเถอะอย่างน้อยเสิ่นฟูหลินก็เป็นคนในตระกูลเจ้า”

ผู้อาวุโสเสิ่นเย่ส่ายศีรษะไปมากล่าววาจาตอบ

“ตัวข้าออกมาตระกูลมานานมากแล้ว เชิญท่านจัดการเถอะ”

เจ้าสำนักจางหลิงสะบัดมือขวาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงปรากฏออกมาไม่นานก็กลายเป็นโดมขนาดใหญ่ครอบคนทั้งหมดเอาไว้ด้านใน เจ้าสำนักจางหมิงสอบสวนอยู่นานเกือบสองเค่อ หลายคนต่างตื่นตกใจกับข้อมูลที่ได้รับมา หลายคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไม่นานเจ้าสำนักจางหลิงก็จัดการสังหารผู้อาวุโสเสิ่นฟูหลิน ส่วนศิษย์ที่พามาด้วยถูกจับกุมพร้อมกับส่งตัวกลับสำนักหงส์เพลิงเป็นการด่วนโดยมีผู้อาวุโสเสิ่นเย่เป็นผู้พากลับ รุ่งเช้าข่าวการจับกุมและสังหารผู้อาวุโสเสิ่นฟูหลินแห่งสำนักหงส์เพลิงกระจายไปทั่วเมืองหลวงและเมืองใกล้เคียง เจ้าสำนักจางหลิงส่งจดหมายแจ้งต่อผู้ปกครองเขตอย่างเร่งด่วนถึงการกระทำอันอุกอาจ

( ยามไฮ่ เวลาสามทุ่มถึงสี่ทุ่มห้าสิบเก้า ยามโฉ่ว เวลาตีหนึ่งถึงตีสองห้าสิบเก้า)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด