ตอนที่แล้วบทที่ 102: ลูกชายของนักแสดงผู้โด่งดัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 104: ตุ๊กตาเหล็กฝ่าป้อมปราการ

บทที่ 103 : ตุ๊กตาเหล็ก


ค่ำคืนแห่งความหวาดกลัวไม่ได้ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในเมืองรุ่งอรุณ

ภารกิจกำจัดหนอนบ่อนไส้ไม่ได้ถูกเผยให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์รับรู้ สายตาอันเฉียบคมของวิลเลียมไม่ใช่เรื่องตลก เขาสามารถบอกอย่างชัดเจนได้ว่าใครเป็นสายลับที่แฝงตัวเข้ามา

จากที่ผ่านมา มีสายลับจำนวนมากเริ่มเข้ามาผูกมิตรกับเขาอย่างช้าๆ แต่เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะควบคุมพวกเขา หาไม่แล้ว เขาจะมีความสามารถติดตัวไปทำไมกัน?

สาบลับที่แฝงตัวมาไม่ได้อันตรายมากนัก ก่อนที่สงครามจะเริ่ม พวกเขาก็จะทำตัวเป็นกลางเหมือนกับเผ่าพันธุ์ที่มีปีกที่เมืองรุ่งอรุณเป็นพันธมิตรด้วย แต่นอกเหนือจากเผ่าพันธุ์มีปีกเพียงไม่กี่เผ่าแล้ว เมืองรุ่งอรุณไม่มีเหล่าวาณิชย์หรือกลุ่มคนอื่นๆที่เป็นกลาง ดังนั้น ตราบใดที่พวกเขาอยู่ฝ่ายกลาง พวกเขาจะต้องตาย

สายลับที่แฝงตัวอยู่ในทัพแห่งเกียรติยศนั้นสามารถควบคุมได้ง่ายเพราะหลังจากที่วิลเลียมเลือกพวกเขาเข้ามา พวกเขาก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งรุ่งอรุณเป็นระยะเวลาหนึ่ง นโยบายต่างๆและความพยายามที่จะสร้างเกียรติยศให้คงอยู่ยืนยาวเป็นแผนการที่น่าประทับใจและทำให้พวกเขาต้องมนต์เสน่ห์ที่น่าหลงใหลนี้อย่างแน่นอน

ด้วยการดูแลผู้คนเป็นระยะเวลานาน จึงทำให้วิลเลียมมีความสัมพันธ์ต่อผู้คนดียิ่งขึ้น คนเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นกลางแต่อีกทางหนึ่งพวกเขาเป็นคนของอาณาจักรเหล็ก

ที่สำคัญที่สุดหากค่าความสัมพันธ์ไม่ถึง 1,000 แต้ม ก็จะไม่สามารถพิจารณาถึงความภักดีที่แท้จริงได้ ความภักดีที่แท้จริงไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่กบฏ ขนาดสัตว์เลี้ยงที่มีค่าความสัมพันธ์กว่า 1,000 แต้ม หากมันถูกทำร้ายโดยเจ้าของ ความภักดีของมันก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด และอาจจะหนีไปด้วยซ้ำ มันเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน

วิลเลียมมีความสามารถติดตัว แต่เขาไม่สามารถควบคุมทุกคนได้ นอกจากนี้หัวใจของผู้คนไม่ใช่สิ่งที่สามารถแสดงเป็นตัวเลขได้ มีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณา

มีสายลับมากกว่า 3,000 คน จะมั่นใจได้ยังไงว่าพวกเขาอย่างน้อย 700 คน จะมีความภักดี?

และแม้ว่าความภักดีของพวกเขาจะมากกว่า 700 แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความสามารถติดตัวของวิลเลียมก็จะอ่อนแอลงอยู่ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถติดตัวของวิลเลียมนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากในสงครามที่ไม่มีจุดจบชัดเจนครั้งนี้

เมื่อผู้คนในเมืองตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พวกเขาก็พบเข้ากับศีรษะเปื้อนเลือดแขวนอยู่บนกำแพงด้านทิศตะวันออก ศีรษะมนุษย์กว่า 2,000 คนถูกนำมาโชว์ ภาพยามเช้าตรู่ของวันนี้ดูเหมือนกับฉากสยองขวัญจากหนังเรื่อง Apocalyse มีชาวเมืองหลายคนหวาดกลัวจนแทบจะฉี่ราด

เมื่อพวกเขาเห็นประกาศก็เข้าใจว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น

และในเช้าวันนั้น กองทัพสามในห้าของเมืองรุ่งอรุณได้หายตัวไป

เหลือเพียงทัพแห่งเกียรติยศและกองกำลังการ์เดี้ยนอยู่ในเมืองเท่านั้น

ค่ายทหารถูกสร้างขึ้นที่ชายแดนของเมืองเพื่อที่จะได้ไม่รบกวนการใช้ชีวิตของประชาชนในเมือง นอกจากนี้ยังสะดวกในการรวบรวมและส่งกำลังทหารได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เหล่าทหารสามารถปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองและปกป้องเมืองได้

ทำให้แทบไม่มีใครสังเกตเห็นตอนกองทัพทั้งสามออกจากเมืองเมื่อเวลาตีสามเลย

สาเหตุหลักๆที่ไม่ส่งทัพแห่งเกียรติยศออกไปเนื่องจากต้องการปิดหูปิดตาสายลับ 500 คนในนั้น พวกเขาถูกส่งไปยังเหมืองเพื่อคุ้มกัน มันจะทำให้อาณาจักรเหล็กคิดว่าพวกเขาตายไปแล้วและสายลับเหล่านี้อาจสามารถนำครอบครัวของพวกเขาไปได้ในอนาคต

กองทหารทั้งสามรวมทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาของวิลเลียมนำทหารกว่า 9500 นายเดินทัพซึ่งเห็นทหารเป็นแถวยาวกว่าหมื่นเมตรมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกผ่านหน้าผา

พวกเขามุ่งหน้าไปยังป้อมทหารที่อยู่ห่างออกไป 15 กิโลเมตร พวกเขาไม่สามารถซ่อนการเคลื่อนไหวจากสายลับได้นานนัก เพราะสายลับไม่ได้ส่งข่าวเป็นม้วนกระดาษเวทย์ไปเป็นเวลานานแล้ว จึงทำให้อาณาจักรเหล็กเริ่มสงสัยว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ดังนั้นเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญและทำให้พวกเขาต้องลงมือทำในทันที

“ป้อมปราการทางทหารของอาณาจักรเหล็กยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่กำแพงเมืองที่สร้างขึ้นมีความสูง 20 เมตรและหนา 7 เมตร ทหารสามารถยืนบนนั้นได้ประมาณสองแถว”

“นอกจากนี้ความยาวของกำแพงยังสั้นมาก แม้ว่าจะมีกองทหารเพียงกองเดียวในป้อมปราการพวกเขาก็สามารถป้องกันป้อมทหารได้อย่างเต็มที่หากพวกเขาเข้าแถวคุ้มกัน”

“ถ้าเราต้องการที่จะทำลายป้อมทหารนี้เราจะต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่” ในฐานะหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับของเมืองแห่งรุ่งอรุณ อเล็กซ์อธิบายรายละเอียดให้วิลเลียมฟัง

วิลเลียมไม่ได้แสดงความคิดเห็น เขายกมือขึ้นและหรี่ตา “ประตูเมืองหนาแค่ไหน? เราจำได้ว่ามันหนาเพียง 23 เซนติเมตร มีชั้นเหล็กหนาเพียงสามเซนติเมตรเท่านั้น มันไม่ได้ร่ายเวทย์ไว้ใช่ไหม”

“ประตูเมือง?” อเล็กซ์ตะลึง เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ท่านลอร์ดพูดถูกแล้ว พวกเขาไม่ได้ร่ายเวทย์ประตูไว้ แต่ท่านให้เรานำแค่บันไดมาบุกโจมตี ไม่ได้เอาค้อนมาโจมตี…”

“ค้อนโจมตีเมือง? เฮ้เฮ้!” จู่ๆวิลเลียมก็ออกคำสั่ง “เจ้าทึ่มสองตัวที่สมควรตายนั่นอยู่ไหน? ออกมา!”

จากนั้น

พื้นดินก็สั่นสะเทือน

แล้วสองร่างยักษ์ก็เดินออกมาจากฝูงชน

หนึ่งในนั้นคือบรัดดี้ ครัชเชอร์ เลเวล 65 อีกตนเป็นโทรลที่ดูโหดร้ายและมีร่างกายที่แข็งแกร่ง

แต่ทว่า

โทรลมีหมวกเกราะคุณภาพเยี่ยมรูปตัว A ขนาดใหญ่อยู่บนหัวของเขา!

ลอทเนอร์และคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง เกิดอะไรขึ้นกัน?

วิลเลียมงับนิ้วของเขาและชี้ไปที่โทรลเลเวล 55  “ตุ๊กตาเหล็กถล่มเมือง คุณคิดว่าถ้าผู้วิเศษอวยพรให้แก่เขา เขาจะสามารถทะลุประตูที่ดูไร้เทียมทานนี้ได้หรือไม่? เขาต้องวิ่งมาซัก 100 เมตรเพื่อให้ได้โมเมนตัม”

คนกลุ่มหนึ่งกลืนน้ำลายและมองไปที่โทรลตนนั้น

เขาสูงเกือบสี่เมตร

และหนักกว่า 3000 กิโลกรัม เขาสวมชุดเกราะที่ทนทานเช่นเดียวกับหมวกที่สั่งทำพิเศษ

พวกเขาแทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่ได้

นี่ก็อาจเป็นไปได้นะ!

แต่ว่า

การวิ่งชนกำแพง แม้ว่าโทรลจะไม่ตาย แต่เขาก็คงจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก

แต่วิลเลียมไม่สนใจ…

เขาปฏิบัติต่อโทรลที่เขากดขี่โดยใช้เวทย์วิญญาณเป็นสิ่งของที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว

แม้ว่าโทรลตนนั้นจะมีสายเลือดระดับมาสเตอร์ แต่เขาก็ขาดทักษะ เขาด้อยกว่าบรัดดี้ ครัชเชอร์มากเลยทีเดียว

อาจกล่าวได้ว่าวิลเลียมได้เตรียมไพ่ตายทั้งหมดของเขาไว้โค่นป้อมทหารให้ได้รวดเร็วที่สุด เขาใช้โทรลที่มีสายเลือดระดับรีเจนดารีและหมวกระดับอีปิค มันเป็นราคาหนักที่ต้องจ่าย

การประกาศสงครามของวิลเลียมจะไปถึงหูของออกัสตินและโกธี นาซิสอย่างแน่นอน แต่เขาไม่สนใจ

อาณาจักรเหล็กได้เตรียมพร้อมสำหรับสังหารมังกรนี้มานานเกินไปแล้ว

ออกัสตินยังเป็นบุคคลในตำนานที่ไม่ยอมถอยจนกว่าเขาจะบรรลุวัตถุประสงค์

เขาจะไม่ยอมแพ้ในภารกิจสังหารมังกรและรีบกลับไปให้การสนับสนุนเพียงเพราะป้อมปราการของเขาถูกโจมตี

เนื่องจากเขาเตรียมการมานานมาก เขาจึงจะต้องสังหารมังกรและนำศพของมันกลับมาอย่างมีชัย และหลังจากนั้นพวกเขาจะส่งกองทหารใหม่พร้อมกับอาณาจักรเหล็กมาเพื่อโจมตีเมืองแห่งรุ่งอรุณ

เพราะฉะนั้น วิลเลียมต้องรีบดำเนินการ!

ออกัสตินออกเดินทางไปแล้วเมื่อคืนก่อน เวลายังคงเดินต่อไป ไม่ว่าออกัสตินจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวในการสังหารมังกร หากเป็นเพราะบัตเตอร์ฟลาย เอฟเฟ็กต์ วิลเลียมจะเสียประโยชน์และโอกาสมากเกินไป

เมื่อกองทัพแห่งรุ่งอรุณอยู่ห่างจากป้อมปราการทหาร 2.5 กิโลเมตร หน่วยสอดแนมจากอาณาจักรเหล็กก็ได้สังเกตเห็นกองกำลังทหารแล้ว พวกเขาไม่ใช่กองกำลังที่องครักษ์เอลฟ์พรานจะสามารถป้องกันได้

แต่ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่ได้เดินผ่านป่า แต่พวกเขาเดินไปตามหน้าผา

ด้วยรูปแบบการเดินทางที่ชัดเจนนี้กองทัพรุ่งอรุณจึงไม่หยิ่งผยองเกินไป...

ในขณะนั้นทหารได้เรียงรายอยู่บนกำแพงเมือง ด้านหน้ามีทหารรักษาการณ์และด้านหลังพวกเขาเป็นพลธนูเตรียมพร้อมที่จะยิงและมีการเคลื่อนย้ายหน้าไม้ที่หนักไปที่กำแพงอีกด้วย

พวกเขาไม่มีทางเลือกเนื่องจากหอคอยโจมตียังไม่ได้ถูกสร้างขึ้น พวกเขาสามารถวางหน้าไม้ที่หนักบนกำแพงได้เท่านั้น

ในฐานะผู้บัญชาการกองทหารที่ 13 แบรนต์ขมวดคิ้ว เขาสาปแช่งหน่วยข่าวกรองของอาณาจักรเหล็กว่าเป็นคนงี่เง่า

เขาเคยได้ยินมาว่าผู้นำของอาณาจักรเหล็กได้ส่งสายลับหลายพันคนเข้าไปในเมืองแห่งรุ่งอรุณ และในหมู่พวกเขาอย่างน้อย 20 คนมีม้วนกระดาษส่งสาร!

หากเมืองแห่งรุ่งอรุณส่งกองกำลังไปโจมตีป้อมปราการทหาร สายลับในเมืองต้องได้รับการแจ้งเตือนอย่างแน่นอนรวมถึงสายลับในทัพแห่งเกียรติยศอีกด้วย

“พวกงี่เง่าเหล่านี้มาถึงหน้าประตูบ้านเราแล้ว แต่ข้ายังไม่ได้รับข้อมูลอะไรเลย เจ้ากำลังบอกข้าว่ากองทัพรุ่งอรุณกำลังจะมาช่วยเราฆ่ามังกรงั้นเหรอ?” แบรนต์กำหมัดแน่น เขาเพิ่งส่งข่าวออกไป แต่เขารู้ว่าออกัสตินจะไม่กลับมาช่วยอย่างแน่นอน

และต้องใช้เวลาอย่างน้อยแปดชั่วโมงกว่ากองกำลังสนับสนุนจากอาณาจักรเหล็กจะมาถึง นั่นหมายความว่าเขาต้องนำทหาร 3000 นายให้อดทนจนถึงตอนนั้น

เขามองไปที่ทาสหลายพันคนที่กำลังสั่นสะท้านอยู่ในเมือง เขาไม่ได้คิดถึงพวกเขามากนัก

บางทีอาจมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ในหมู่พวกเขา

แต่พวกเขาไม่ได้ผ่านการฝึกฝนใดๆมาเลย และพวกเขาก็ไม่มีอุปกรณ์ไว้ใช้ด้วย พวกเขามีกำลังรบต่ำและไม่สามารถปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองได้ และแม้ว่าพวกเขาจะปีนขึ้นไปบนกำแพง ก็มีแต่จะสร้างปัญหา พวกเขาทำได้เพียงส่งลูกศรและใช้แรงงานเท่านั้น

ดังนั้นเขาจึงจ้องมองพวกเขาและคำราม “กองทหารจากเมืองรุ่งอรุณกล้าที่จะต่อสู้กับเรา ฆ่าพวกมันซะ! อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”

“ลุยย!” ทหารทั้ง 3000 นายตะโกนพร้อมเพรียงกัน เสียงของพวกเขาดังอึกทึก

กองทัพรุ่งอรุณซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันเมตรสามารถได้ยินพวกเขาอย่างชัดเจน

วิลเลียมมองไปที่ป้อมปราการของทหารซึ่งสร้างจากหินและเหล็ก มันให้ออร่าที่บีบคั้นราวกับมีสัตว์วิเศษตัวใหญ่นั่งอยู่บนหน้าผา

เขาโบกมือเบา ๆ ธงถูกยกขึ้น

ทัพทั้งสามเข้าสู่ตำแหน่งอย่างรวดเร็ว

ทหาร 3000 นายเดินไปด้านหน้าและก้าวไปอย่างสง่างามตามคำสั่ง!

วิลเลียมที่ผมสั้นนำพวกเขา

เขาเหมือนแรดที่กำลังพุ่งเข้าใส่ เขาวิ่งเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อยๆ ...

พื้นใต้เท้าของเขาเริ่มแตก เสียงหวีดหวิวปรากฏขึ้นในอากาศในขณะที่เขาเคลื่อนที่เร็วขึ้นและเร็วขึ้น ราวกับว่าเขากลายเป็นสายฟ้า ราวกับพายุกระแทกประตูเมือง!

ปัง!

เขาแทงดาบที่หุ้มด้วยพลังการต่อสู้แห่งสายฟ้าด้วยความกรุ่นโกรธใส่ประตูเมืองเหล็ก

ประตูเมืองสูงห้าเมตรเริ่มสั่นสะเทือน

รอยแตกที่มองเห็นได้ปรากฏขึ้นที่ประตู!

แต่เมื่อแบรนต์เห็นดังนั้น อัตราการเต้นของหัวใจที่พุ่งสูงขึ้นก็ลดลง เขาหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “ท่านมีพลังมากแค่ไหนกัน? ท่านจะสามารโจมตีมันได้อย่างไร?”

วิลเลียมยักไหล่และลูบมือที่ชาของเขา เขายืนพิงประตูเมืองอย่างเงียบ ๆ

ด้วยเหตุนั้น…

ยักษ์สวมชุดเกราะเหล็กเดินออกจากขบวน เช่นเดียวกับวิลเลียมเขาวิ่งไปที่ประตูเมืองอย่างดุเดือด

ทันใดนั้นแบรนต์ก็เข้าใจ เขาขยี้ตา "นั่นมันอะไรน่ะ?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด