ตอนที่แล้วตอนที่ 35: แวมไพร์ผมเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 37: ฉากที่ฉันเห็นมาหลายครั้งแล้ว

ตอนที่ 36: คุณค่าของฟีเน่  


ยูริยะกำลังถูกกดดันด้วยรอยยิ้มของฟีเน่

หรือถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็คือ, ยูริยะไม่สามารถคิดหาสิ่งตอบแทนที่มีค่าเท่าเทียมสำหรับสิทธิในการใช้ฟีเน่ได้ ต้องใช้พ่อค้ากี่คนกันถึงจะสามารถจัดหาสิ่งที่มีคุณค่ากว่าเธอได้?

คำตอบอาจจะไม่มีด้วยซ้ำ

ไม่ว่าเธอจะรู้หรือไม่, แต่ยูริยะนั้นกำลังรู้สึกว่ารอยยิ้มของฟีเน่น่ากลัว

ถ้ายูริยะเสนอบางอย่างที่มีค่าเท่าเทียมเป็นสิ่งตอบแทนได้, ฟีเน่ก็คงจะไม่สามารถกลับคำพูดได้

มันเหมือนกับการที่มีคนหัวเราะออกมาก่อนที่จะถูกพิพากษาในระหว่างการพิจารณาคดี

ยูริยะคิดว่าเธอสติไม่ดี อย่างไรก็ตาม, ตัวฟีเน่นั้นดูไม่เหมือนกับคนที่เป็นบ้าไปแล้วเลย

และนี่ก็คือสาเหตุที่เธอดูน่าสนใจ

“เจ้าเข้าใจใช่ไหม? ถ้าข้าสามารถตอบแทนในสิ่งที่เจ้าต้องการได้, เจ้าก็จะไม่สามารถปริปากบ่นอะไรได้ไม่ว่าข้าจะทำอะไรก็ตาม”

“ข้าเข้าใจดีค่ะ แต่ว่า, ต่อให้เป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ข้าแค่อยากมีประโยชน์กับท่านอัลแล้วก็ท่านลีโอ”

“....ถ้าเจ้าสามารถทำประโยชน์ให้กับขุมอำนาจของตัวเองได้เจ้าก็ไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองอย่างนั้นสินะ? นี่พวกเขากุมจุดอ่อนของเจ้าหรืออะไรทำนองนั้นอยู่รึเปล่า?”

ยูริยะรู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติกับฟีเน่ที่เสนอการต่อรองที่ดูเสียสละตัวเองแบบนี้ออกมา

เธอเหลือบมองลินเฟียแต่ก็เห็นว่าลินเฟียเองก็กำลังตกใจเหมือนกัน

“พวกเขาไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ ข้าแค่อยากมีประโยชน์กับพวกเขา, นั่นคือทั้งหมดแล้ว”

“พวกเขาคุ้มค่าถึงขนาดที่เจ้ายอมเสียสละให้ถึงขนาดนี้เลยหรอ? ลีโอนาร์ด เลคส์ แอดเลอร์ คือเจ้าชายที่คุ้มค่าถึงขนาดที่ทำให้เจ้ายอมสนับสนุนขนาดนี้เลยอย่างงั้นหรอ?”

“แน่นอนค่ะ ข้าจะทำให้เขาได้เป็นจักรพรรดิต่อให้ข้าต้องสละชีวิตของตัวเองก็ตาม ข้าจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ถ้าคุณเสนออะไรบางอย่างที่มีค่าเทียบเท่ากันได้ข้าก็ยินดีที่จะเสนอร่างกายนี้ให้ค่ะ คุณมีอะไรจะเสนอรึเปล่าคะ?”

“....แบบนั้นคงไม่ไหวหรอก ข้าไม่มีอะไรที่มีค่าพอจะเทียบกับเจ้าได้ เจ้าชนะ มาคุยกันเรื่องธุรกิจเถอะ เจ้าต้องการอะไร? ไหนว่ามาซิ”

ยูริยะยอมอ่อนข้อด้วยการพูดเช่นนี้

ยูริยะไม่เคยประนีประนอมกับการเจรจาทางธุรกิจที่สำคัญ ต่อให้เป็นแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ, เธอก็จะไม่ปล่อยให้คนอื่นได้ประโยชน์เหนือเธอ อย่างไรก็ตาม, ยูริยะตระหนักได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะฟีเน่ในวันนี้

การบลัฟจะใช้ไม่ได้ผลถ้าอีกฝ่ายเป็นคนจริงจัง

พอเห็นสายตาของเธอ, ยูริยะก็ตระหนักได้แล้วว่าเธอไม่ใช่แค่คุณผู้หญิงธรรมดาๆดังนั้นเธอจึงตัดสินใจพูดคุยต่อในทันที

การเจรจานี้ก็สำคัญกับยูริยะเหมือนกัน ต่อให้กระแสการเจรจาจะไม่ค่อยเอื้ออำนวยซักเท่าไหร่แต่เธอก็จะสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลถ้าเธอสามารถรับมือกับมันได้

เธออาจจะสามารถเปิดสาขาเมืองหลวงจักรวรรดิซึ่งเธอคิดว่าเธอไม่สามารถใช้ได้แล้วด้วย

“ในเรื่องของรายละเอียดลินเฟียจะเป็นคนพูดแทนข้าค่ะ เชิญค่ะ, คุณลินเฟีย”

“อ้ะ, ได้ค่ะ ความต้องการของเราก็คือเงิน อย่างที่คุณรู้, สงครามผู้สืบทอดต้องใช้เงินทุนค่อนข้างเยอะ เพื่อที่จะเอาชนะผู้สนับสนุนของศัตรู, เงินที่จะต้องผลาญนั้นคงไม่สามารถนับได้ พวกเราขอให้คุณช่วยสนับสนุนในเรื่องนี้ได้ไหม?”

“เข้าใจหล่ะ มีอะไรอีกไหม?”

“แล้วก็อีกเรื่องนึงถ้าเป็นไปได้อยากจะให้ช่วยสร้างความเสียหายให้กับพ่อค้าคนอื่นที่มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับคู่แข่งคนอื่นๆด้วยค่ะ, ช่วยโจมตีพวกเขาในขอบเขตที่ท่านจะรับไหวจะได้ไหมคะ?”

“เจ้าจะยกเรื่องทางฝั่งพ่อค้าให้พวกเราเป็นคนจัดการถูกไหม? ก็ได้ จัดไป มีแค่นี้หรอ?”

“สำหรับตอนนี้มีเท่านี้ค่ะ....”

“เข้าใจหล่ะ, ถ้างั้นข้าจะบอกความต้องการทางฝั่งของเราบ้าง พวกเราเต็มใจที่จะรับคำขอทั้งหมดของเจ้าแต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนพวกเราอยากจะขอใช้ชื่อของฟีเน่ ฟ็อน ไคลเนลต์, และถ้าเป็นไปได้, อยากจะขอใช้ใบหน้าของเธอด้วย”

นี่มันเป็นข้อเสนอที่เกิดความคาดหมายสำหรับลินเฟีย

มันไปได้ดีเกินไปจนทำให้กระแสของเธอปั่นป่วน

ซึ่งนี่ก็เป็นเพราะว่ามันคือสิ่งที่พ่อค้าแม่ค้าทุกคนในจักรวรรดิต้องการ

ยกตัวอย่างง่ายๆ, ถ้าขายผลไม้และบอกลูกค้าว่าผลไม้พวกนี้ได้รับการรับรองจากฟีเน่, มันก็คงจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ความนิยมของฟีเน่นั้นครอบคลุมอยู่ทั่วทั้งเมืองหลวงของจักรวรรดิ

แต่เหตุที่ไม่มีใครกล้าใช้วิธีนี้ก็เพราะถ้าพวกเขาทำโดยใช้อุบายของตัวเองพวกเขาก็คงจะต้องเผชิญกับความโกรธของจักรพรรดิ

อย่างไรก็ตาม, ถ้าได้รับอนุญาตจากเธอแล้วการจะใช้วิธีนี้ก็คงไม่มีใครโต้แย้งอะไร ยิ่งไปกว่านั้น, ถ้าสามารถใช้ภาพเหมือนของเธอหรือภาพลวงตาที่สร้างขึ้นจากอุปกรณ์เวทมนตร์ได้ด้วยหล่ะก็, ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงจะดียิ่งขึ้น

ความนิยมของฟีเน่นั้นมีค่ายิ่งกว่าพ่อค้าที่มีเหมืองเงินเหมืองทองเป็นของตัวเองซะอีก

“ไม่มีคำขออื่นแล้วใช่ไหมคะ?”

“ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก เอาจริงๆ, ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากจะทำให้สมบูรณ์แล้วลองยื่นข้อต่อรองที่ดีกว่านี้แต่ว่าข้าก็ตัดสินใจที่จะทำตรงข้าม อย่างที่รู้กันจักรพรรดิของประเทศนี้มีหูมีตาอยู่ทั่วทุกที่ ฟีเน่, เจ้าเป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆ เจ้าทั้งกล้าหาญและน่ารัก ข้าถึงกับอยากได้เจ้ามาเป็นแฟนเลยหล่ะ”

“ข้าดีใจกับคำขอของท่านนะคะแต่ถ้าข้าตกเป็นของผู้ใดผู้หนึ่งแล้วหล่ะก็คุณค่าของข้าคงจะลดลงเพราะฉะนั้นข้าขออนุญาตปฏิเสธแล้วกันนะคะ”

“ตายจริง นี่เจ้าถึงกับยอมสงวนเรื่องนี้เพื่อสงครามผู้สืบทอดของเจ้าชายเลยหรอ? ตอนนี้, ข้าชักสงสัยแล้วสิว่าอะไรเป็นสาเหตุที่เจ้ายอมทำเพื่อพวกเขาขนาดนี้

ฟีเน่ลังเลว่าจะตอบคำถามของยูริยะยังไงดี

ซึ่งเหตุผลก็เพราะเธอไม่รู้ว่าอะไรคือคำตอบที่ดีที่สุด และด้วยเหตุนี้เองเธอจึงตอบทั้งสองข้อไปเลย

“ข้าเป็นบุตรีจากบ้านดยุค ข้าอยู่ในตำแหน่งที่ต้องไปข้องเกี่ยวกับสงครามผู้สืบทอดอยู่แล้ว ข้าเชื่อว่าข้ามีหน้าที่ที่จะต้องสนับสนุนจักรพรรดิที่ผู้คนสามารถไว้วางใจได้ พักจุดยืนนี้เอาไว้ก่อนนะคะ, ถ้าข้าต้องตอบตามความรู้สึกจริงๆ....การสนับสนุนคนที่ตัวเองชอบมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอคะ?”

นี่คือคำตอบที่เกินความคาดหมายสำหรับยูริยะ

ครึ่งแรกนั้นทั้งน่าเบื่อและไม่น่าสนใจเลยแต่ครึ่งหลังกลับต่างออกไป

มันคือคำตอบที่ยูริยะต้องการ

“เจ้าสนับสนุนพวกเขาก็เพราะเจ้าชอบพวกเขาหรอเนี่ย ถ้าข้าจำไม่ผิด, เจ้าชายที่เป็นหัวเรือในขุมอำนาจของเจ้าเป็นแฝดใช่ไหม? แล้วเจ้าชอบคนไหนหล่ะ?”

“ความลับค่ะ”

ฟีเน่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาหยุดตรงหน้าจมูกของเธอแล้วกระพริบตา

ในการตอบสนองกับท่าทีที่น่ารักของเธอ, ยูริยะได้เข้ามาใกล้ฟีเน่ด้วยมือที่สั่นไหวแต่ในตอนที่สัมผัสได้ถึงอันตราย, ลินเฟียก็พูดขัดขึ้นมา

“ตอนนี้ข้าถือว่าการเจรจาของพวกเราได้ข้อสรุปแล้วคงไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ? ถ้างั้นพวกเราขอตัวค่ะ!”

“เอ๋, จะกลับแล้วหรอ? อยู่ต่ออีกหน่อยสิ เดี๋ยวข้าจะเสิร์ฟชาสุดพิเศษของพวกเราให้เจ้าด้วย

“ถ้าพวกเราไม่รู้ว่าท่านใส่อะไรเข้าไปพวกเราก็ไม่มีทางดื่มของแบบนั้นหรอกค่ะ......”

แวมไพร์หญิงคนนี้อาจจะมียาแปลกๆอยู่กับตัวก็ได้

ด้วยความระมัดระวังถึงขีดสุด, ลินเฟียก็ค่อยๆถอยกลับในขณะที่คอยคุ้มกันหลังให้ฟีเน่

พอเห็นลินเฟียในสภาพนี้, ยูริยะก็ถอนหายใจออกมา

“เจ้านี่ระวังข้าจังเลยนะ....ข้าเคยไปทำอะไรให้รึไง?”

“ลองถามสติของคุณดูไหมคะ?”

“อืมม....ข้าถามแล้ว, มันบอกว่าข้าไม่ได้ทำอะไรนะ

ลินเฟียเข้าไปหยิกแก้มของยูริยะสำหรับคำตอบอันไร้ยางอายของเธอ สำหรับลินเฟียนั้นแค่ได้พบเจอกับคนประเภทนี้ก็เสียเวลาแล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง, ลินเฟียจึงตัดสินใจว่าพวกเธอควรรีบออกไปจากที่นี่

“ถ้าต้องการอะไรพวกเราจะติดต่อไปนะคะ เพราะฉะนั้นกรุณาอย่าติดต่อพวกเราจนกว่าจะถึงตอนนั้นค่ะ”

“ดะ, ได้จ้า”

“ถ้างั้น, ลาก่อนนะคะคุณยูริยะ”

“เจอกันจ้า~~”

พอพูดจบ, ยูริยะก็เห็นลินเฟียกับฟีเน่เดินออกไปจากสำนักงานของเธอ

หลังจากที่ทั้งสองคนออกไป, เธอก็มองลงไปที่ฝ่ามือของเธออย่างช้าๆ

เธอกำลังเหงื่อออก ซึ่งมันเป็นเพราะความกดดันที่เธอรู้สึกได้จากสายตาของฟีเน่

ผู้ชายแบบไหนกันนะที่ทำให้ผู้หญิงดีๆอย่างเธอสนใจได้?

ความสนใจของเธอผุดขึ้นมา, จากนั้นยูริยะก็ลุกออกจากโต๊ะไป

แล้ว

“ต้องรีบเปิดร้านแล้ว พวกเราต้องสร้างผลลัพธ์ให้เร็วที่สุดแล้วขายพวกมันเพื่อขุมอำนาจของลีโอนาร์ด ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่ได้เจอพวกเขาแน่”

ยูริยะพึมพำในขณะที่ให้คำแนะนำกับเลขาของเธอที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

ถ้าชายที่ฟีเน่รู้สึกดีด้วยเป็นคนที่สามารถตอบสนองความสนใจของเธอได้หล่ะก็

“เอาหล่ะ, ข้าอยากรู้จังว่าเธอจะยอมให้ข้าชิมรึเปล่านะ”

ยูริยะเลียลิมฝีปากแล้วเผยเขี้ยวอันคมกริบของเธอออกมา

ในขณะที่มองเธอ, เลขาก็ถอนหายใจ

นิสัยแย่ๆนี้อีกแล้ว

ตัวแทนคนนี้มีจุดอ่อนกับสิ่งที่มีค่า ต่อให้สิ่งนั้นบังเอิญเป็นคนก็ตาม

มันคงจะยอดเยี่ยมไปเลยถ้าเรื่องมันไม่ซับซ้อนขึ้น

ด้วยความคิดนี้ในหัว, เอลฟ์เลขาก็เริ่มเตรียมเปิดร้านของพวกเขาอย่างเงียบๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด