ตอนที่แล้วTGDS ตอนที่ 15 : การสร้างทักษะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTGDS ตอนที่ 17 : ห้องสมุด

TGDS ตอนที่ 16 : ผมเป็นอะไรของคุณ!?


โมบี้ยืนนิ่ง เขาพูดอะไรไม่ออกและพยายามอย่างเต็มที่ปกปิดความตกใจของเขา

โมบี้มองไปยังนาฬิกาข้อมือของเธออย่างรวดเร็ว เพื่อตรวจสอบระดับพลังของเธอ เพื่อดูว่าเขานั้นกำลังเจอกับใครอยู่

<3420>

เขาสบถอยู่ในใจ เธอมีพลังมากเกินไปสำหรับเขาที่จะจัดการด้วยระดับพลังในปัจจุบันของเขา

โอกาสเดียวของเขาที่เขาอาจจะจัดการเธอได้ คือเมื่อตอนที่เธอนั้นไม่ทันระวังตัวเหมือนที่เขาเคยทำกับเอริค

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ของโมบี้คือการพยายามตามน้ำไปกับเธอจนกว่าเขาจะสบโอกาสที่จะพาเธอออกไปจัดการ ดังนั้นเขาต้องพยายามสุภาพให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

"อืมม ขอโทษนะครับ ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคุณต้องการสื่ออะไร” โมบี้พูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้สุภาพที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

เธอเริ่มที่จะหัวเราะคิกคักออกมา ซึ่งนั่นทำให้โมบี้รู้สึกกังวลมากขึ้น

“ฉันหมายความว่า นายเป็นคนที่มีเสน่ห์จริง ๆ และฉันต้องการให้นายมาเป็น ‘คนรับใช้’ ส่วนตัวของฉัน” เธอมองเขาพลางขยิบตาให้

เด็กผู้ชายทุกคนที่ก่อนหน้านี้เคยมองเขาด้วยสายตาอิจฉา ตอนนี้สายตาที่มองมาของเขานั้นเหมือนพวกเขาพร้อมที่จะพุ่งเข้ามาสังหารเขา

โมบี้กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอและตอบกลับไปด้วยคำตอบเดียวที่จะสามารถตอบได้

“เป็นเกียรติมากครับ ที่ได้เป็นคนรับใช้ของหญิงสาวที่สวยงามเช่นคุณ” โมบี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่านยาก ในขณะที่พยายามซ่อนสายตารังเกียจไว้ใต้สีหน้าปกติของเขา

เขาต้องยอมทำตามความต้องการของเธอแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าเขาปฏิเสธเขาจะต้องตายแน่ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่สามารถจะทำได้นอกจากทนไปก่อน

ใบหน้าของหญิงสาวกลายเป็นสีแดงระเรื่อทั้งใบหน้า

"โอ้! ว้าว! นายนี่พูดจาดีเหมือนกันนะเนี่ย" เธอพูดขณะหัวเราะคิกคัก

"เธอชื่ออะไรนะสุดหล่อ ฉันชื่อเจย์เดน กริฟฟิธ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

“ผมชื่อโมบี้ เคนครับ” เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

หลังจากสังเกตเห็นสายตาที่น่ารำคาญของผู้ชายที่อยู่รอบ ๆ พวกเขา สีหน้าของเจย์เดนก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที มันเหมือนกับความแตกต่างระหว่างสรวงสวรรค์และขุมนรก

"ไอ้พวกขี้แพ้ฟังนะ! ถ้าใครในพวกแกกล้าเอามือมาแตะต้องสัตว์เลี้ยงของฉัน ฉันจะทำให้เหมือนพวกมันไม่เคยเกิดขึ้นมาบนโลกนี้เลย ส่งต่อข้อความนี้ให้ทุกคนที่แกพวกแกรู้จักด้วย! จะไม่มีใครสามารถมาแตะของของฉันโดยที่ฉันไม่ยินยอมได้ทั้งนั้น จำไว้!" เธอกรีดร้องด้วยน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวเหมือนเด็กที่กำลังโมโห

โมบี้นั้นประจบประแจงเธอราวกับเขายอมรับที่จะเป็น "สัตว์เลี้ยง" และเป็น "สิ่งของของเธอ" แต่เขานั้นต้องอดทนเก็บความรู้สึกของเขาในตอนนี้เอาไว้ก่อน เขารู้ดีว่าเหตุผลเดียวที่เธอทำเช่นนี้เป็นเพราะระดับพลังที่ต่ำของ โมบี้บวกกับรูปลักษณ์ที่ดูดีของเขา สิ่งนี้ทำให้เธอคิดว่าเธอสามารถทำให้ "เชื่องและเชื่อฟัง" ได้เพราะเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะปฏิเสธ

อย่างไรก็ตามการเป็นคนรับใช้ของเธอก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างแรกคือไม่มีใครกล้ารังแกเขา เนื่องจากอิทธิพลของเธอ เขาสันนิษฐานว่าครอบครัวกริฟฟิธ คงจะเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยและมีความสำคัญอย่างมาก เพราะทันทีที่เจย์เดนพูดจบ จิตสังหารจากเด็กชายคนอื่น ๆ ก็จางหายไปในทันที ประโยชน์อย่างที่สองก็คือ เขาสามารถใช้เงินของเธอเพื่อทำตามเป้าหมายของเขาเอง หากเธออาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่ร่ำรวย เขาอาจจะแอบขโมยสิ่งของบางอย่างแล้วใส่ในคลังของเขาโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

หลังจากพิจารณาผลประโยชน์ทั้งหมดของการเป็นคนรับใช้ของเธอแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ ตราบใดที่เธอไม่บังคับให้เขามีเซ็กส์กับเธอ เขาจะอดทนและรอเวลา

หลังจากที่เธอพูดเรื่องบ้า ๆ ของเธอเสร็จ เธอก็กลับกลายมาเป็นคนอ่อนหวานเหมือนก่อนหน้านี้ทันที และหันกลับมามองโมบี้ด้วยท่าทางที่คลั่งไคล้มากยิ่งขึ้น

“เจอฉันที่ประตูหน้า หลังเลิกเรียนฉันมีเรื่องที่อยากจะทำกับนาย” เธอพูดด้วยรอยยิ้มแบบซาดิสต์แล้วหัวเราะคิกคักออกมา

จากนั้นเธอก็เดินจากไปอย่างสง่างามเหมือนเมื่อตอนที่เธอมาหาเขา

'ถ้าเธอกล้าทำอะไรแปลก ๆ กับฉัน ฉันจะทำให้เธอเสียใจที่เธอได้เกิดมาบนโลกนี้เลย' โมบี้คิดในใจ

หลังจากความเครียดจากการเผชิญหน้าของเขาจางหายไป โมบี้ก็ตรวจสอบเวลาบนนาฬิกาเพื่อดูว่าใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนมากแค่ไหนแล้ว

<7:50>

เขายังมีเวลาอีก 10 นาทีในการไปห้องเรียน ซึ่งหมายความว่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อนมากมายนัก เมื่อโมบี้เดินผ่านฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขา แต่ละคนก็แหวกทางให้เขาเดินผ่านไปโดยไม่มีข้อยกเว้น นี่มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยในชีวิต

เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ กับอำนาจใหม่ของเขา นั่นทำให้เด็กผู้ชายบางคนในฝูงชนหน้าแดงด้วยความโกรธ

โมบี้เดินไปตามโถงทางเดินอย่างภาคภูมิใจโดยไม่สนใจใครในโลก แม้ว่าหลายคนจะมองเขาด้วยสายตาอาฆาตแค้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา

'ดูเหมือนว่าข้อความนั่นจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วแล้ว ครอบครัวของยายเจย์เดนคนนี้ต้องมีความสำคัญมากแน่ ๆ' เขาคิดพลางหัวเราะเบา ๆ

ระหว่างทางไปห้องเรียนเขาสังเกตเห็นว่าพวกคนที่มีระดับพลังต่ำจำนวนมากนั้นต่างก็ถูกรังแกโดยคนที่มีระดับที่สูงกว่า ในขณะที่ครูนั้นต่างยืนมองอยู่เฉย ๆ

โมบี้ไม่สนใจเรื่องการรักษาความยุติธรรมและช่วยเหลือผู้อ่อนแอ เพราะในความคิดของเขานั่นเป็นเพียงธุระของคนโง่เง่าเท่านั้น

ในหัวของเขาตราบใดที่พวกนั้นไม่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเขา เขาก็จะไม่ยุ่งกับคนพวกนั้น โลกเป็นสถานที่ที่โหดร้ายซึ่งบุคคลเดียวที่คุณสามารถไว้วางใจได้คือตัวของคุณเอง เขาเรียนรู้ที่จะไม่เสียเวลาชีวิตไปเพื่อช่วยเหลือผู้คน เหมือนกับที่คนอื่น ๆ ก็ไม่เคยเสียสละเวลาชีวิตมาเพื่อช่วยเหลือเขา นั่นคือสิ่งที่เขาเรียนรู้มาอย่างยากลำบากและเจ็บปวด

โมบี้ไปถึงห้องเรียนในเวลา 07:58 น. ก่อนเวลาเริ่มเรียน 2 นาที เมื่อเห็นที่นั่งว่างข้าง ๆ ตัว เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ

เขารีบนั่งและรอให้ชั้นเรียนเริ่ม

ด้วยความสามารถในการได้ยินที่ดีขึ้น เขาสามารถได้ยินเสียงบทสนทนาของนักเรียนคนอื่น ๆ ได้แม้ว่าพวกเขาจะกระซิบกันก็ตาม

ครึ่งหนึ่งกำลังพูดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ของเขาและเจย์เดน และอีกครึ่งหนึ่งกำลังพูดถึงเรื่องการตายของเอริค

ทันใดนั้นอาจารย์ลีโอก็เข้ามาในห้อง เขาใช้มือของเขากระแทกกับโต๊ะเสียงดัง นั่นจึงทำให้ทั้งห้องเรียนเงียบสนิท

"สวัสดีตอนเช้าทุกคน ฉันมีข่าวร้ายจะแจ้งให้พวกเธอทราบ เมื่อวานตอนกลางคืนเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพวกเธอถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ขณะนี้ทางโรงเรียนกำลังดำเนินการสืบสวนในเรื่องนี้อยู่ เรายังไม่มีผู้ต้องสงสัยหรือพยาน ถ้าพวกเธอเห็นอะไรบางอย่างฉันขอแนะนำให้พวกเธอไปที่ห้องทำงานของนายพลอย่างเร่งด่วน” ลีโอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ทั้งชั้นเรียนเงียบ ไม่มีใครกล้าแม้แต่ขยับนิ้ว

“เอาล่ะ ตอนนี้เรื่องที่เป็นทางการก็หมดแล้ว ฉันจะเริ่มบทเรียนของวันนี้เลยแล้วกัน”

"วันนี้ฉันจะอธิบายให้พวกเธอเข้าใจถึงความสำคัญของอุปกรณ์เวทย์"

"อุปกรณ์เวทย์สร้างขึ้นจากชิ้นส่วนร่างกายของสัตว์วิเศษเช่นเกล็ดและฟันที่สามารถพบได้บนดาวเคราะห์ต่าง ๆ รวมถึงแร่และวัสดุที่หายากเช่นกัน พวกมันล้วนเป็นส่วนสำคัญของคลังสรรพาวุธของเหล่าทหาร เมื่อมนุษย์สามารถเดินทางข้ามกาแลคซีทางช้างเผือกได้ ในที่สุดเราก็ค้นพบว่าในกาแลคซีอื่น ๆ นั้นมีสิ่งมีชีวิตที่มีพลังแข็งแกร่งราวกับสัตว์อสูร ซึ่งพวกมันเป็นแหล่งวัตถุดิบสำหรับสร้างอาวุธและชุดเกราะ ปัจจุบันสิ่งมีชีวิตเหล่านี้รู้จักกันในชื่อว่าสัตว์เวทย์มนตร์"

อาจารย์ลีโอยังคงพูดเกี่ยวกับสัตว์เวทย์มนตร์ประเภทต่าง ๆ และการนำพวกมันมาใช้งานควบคู่ไปกับระดับความหายากทั้งหมดของพวกมันที่มีระดับตั้งแต่ F ไปจนถึง X

โมบี้ไม่ได้สนใจบทเรียนอย่างจริงจังนัก แต่เขาใช้เวลานี้เพื่อเพิ่มเลเวลทักษะของเขา ทักษะเดียวที่เขาสามารถเพิ่มเลเวลได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นคือ " Eyes of Sin " ด้วยการเปิดใช้งานขณะหลับตาเขาสามารถฝึกมันได้สำเร็จในขณะที่ไม่มีใครสังเกตเห็นภายใต้การฟุบหลับในชั้นเรียน เขาใช้เวลาในชั้นเรียนนั้นเพิ่มเลเวลสลับกันระหว่างการใช้ "Nature's Stimulation" เพื่อเติมเต็มพลังปีศาจของเขาและ "Eyes of Sin" เพื่อฝึกฝนมัน

ต่อมาเมื่อเสียงสัญญาณเวลาพักทานอาหารกลางวันดังขึ้น โมบี้เลือกที่จะนั่งคนเดียวในพื้นที่ของพวกระดับพลังต่ำในโรงอาหาร ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา เพราะสถานะของเขานั้นที่เป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงของเจย์เดน ดังนั้นเขาจึงมีโต๊ะว่างทั้งหมดสำหรับตัวเอง

โมบี้แค่นั่งชิลล์และกินอาหารของเขาอย่างไม่สนใจโลก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่ามีคน 2 คนมานั่งลงข้าง ๆ เขา โมบี้เกือบจะกระโดดออกจากที่นั่งด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครมีความกล้าที่จะเข้าใกล้เขาหลังจากที่เจย์เดนขู่เอาไว้ทั้งหมด

จากนั้นเขาก็สังเกตว่า พวกเขานั้นคือเพื่อนร่วมห้องของเขาอเล็กซ์และเรย์

"เฮ้ โมบี้เป็นยังไงบ้าง" อเล็กซ์ถามด้วยรอยยิ้ม

โดยปกติแล้วเขาจะต้องคัดค้านที่พวกเขามานั่งลงข้าง ๆ เขา เพราะทั้ง 2 คนนั้นอยู่ในระดับพลังที่สูงและเขาอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งมันอาจจะก่อให้เกิดปัญหาและความสนใจโดยใช่เหตุ แต่ตอนนี้เขาไม่มีความกังวลเช่นนั้นเพราะเขามั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นกับเขา

โมบี้สังเกตเห็นสายตาโกรธแค้นจากคน 2-3 คนจ้องมองมาที่เขาและเพื่อนร่วมห้องของเขา แต่เขาก็ไม่สนใจพวกนั้น

ทั้ง 3 พูดคุยกันสัพเพเหระ เช่นพวกเขาชอบโรงเรียนมากแค่ไหน และสถานที่น่าสนใจในเมือง ส่วนใหญ่เป็นอเล็กซ์และเรย์คุยกัน ในขณะที่โมบี้พูดสองสามคำและแสร้งทำเป็นว่าเขาสนใจ

ทันใดนั้นบรรยากาศในวงสนทนาก็เปลี่ยนเป็นขุ่นมัวและจริงจัง

"โมบี้ ฉันได้ยินมาว่านายกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของยายเจย์เดนนั้นเหรอ" อเล็กซ์พูดพร้อมกับถอนหายใจ

“ทำไมล่ะ ? นายรู้จักเธอเหรอ ?” โมบี้ตอบด้วยความประหลาดใจ

“แน่นอน ว่าฉันรู้จัก” อเล็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังผิดธรรมชาติ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด