ตอนที่แล้วตอนที่ 2 มือขาด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4 ลาก่อนท่านพ่อ

ตอนที่ 3 การเดินทาง


ตอนที่ 3 การเดินทาง

สัตว์ป่าทุกตัวไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อึดอัดใจได้เมื่อถึงเวลาที่พวกมันแข็งแกร่งขึ้นและเป็นอิสระมากพอที่จะออกไปโบยบินใช้ชีวิตได้ด้วยตนเองแต่ก็ยังมีความต้องการให้แม่ดูแลตนอยู่ ในช่วงเวลาดังกล่าวพวกเขาคิดอย่างไร้เดียงสาว่าชีวิตควรมีแม่เสมอไป อย่างนั้น... พวกมันจึงเอาแต่เล่นสนุกไล่จับแมลงหรือเหยื่อไปวัน ๆ เพื่อรอให้สิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว เสือดาวตัวหนึ่งที่ตัวใหญ่กว่าแม่ของมันได้นอนอยู่บนพื้นหญ้าและเล่นสนุกไปกับแสงแดดอันอบอุ่นเพื่อรออาหารกลางวันอันแสนโอชะจากแม่ อย่างไรก็ตามเวลาอันแสนมีความสุขต้องมีวันสิ้นสุด... เมื่อแม่ของมันตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง... แน่นอน... จากลูกคนโปรดก็ต้องถูกผลักไสไปเป็นเด็กน้อยที่ถูกทอดทิ้งให้เรียนรู้โลกกว้างตามลำพัง! ทุกครั้งที่เขาออกล่า ความทรงจำไร้เดียงสาเก่า ๆ ก็ได้เลือนหายไปจากสมองของเขาช้า ๆ จิตสำนึกที่ดีก็เริ่มตายไปทีละนิดโดยเหลือเพียงสัญชาตญาณนักฆ่าที่โหดเหี้ยมเท่านั้น

กู๋ชินเหวนเพิ่งจะอายุครบ 14 ปี ถึงชื่อของเขาอาจดูล้าสมัยไปหน่อย... และในขณะนี้เขายังเป็นเด็กไร้เดียงสาและพ่อแม่ก็คงยังห่วงใยเขาเสมอ อย่างไรก็ตามเขามีความคิดเป็นของตัวเองที่จะปฏิเสธตนเองว่าจะไม่มีทางเติบโตเป็นผู้ใหญ่จนกว่าจะถึงวันที่พี่สาวของตนแต่งงาน

และนั่นก็คืออีกสามเดือนข้างหน้า... เขายังคงพอมีเวลาเหลือ ทว่าแผนการชีวิตของเขาดันถูกจังหวะด้วยอุบัติเหตุ

บ่ายวันหนึ่ง... ทาสรับใช้คนหนึ่งกำลังมองที่หุบเขาเบื้องหลังคฤหาสน์หลังใหญ่ เขากลับมาพร้อมจดหมายแปลกประหลาดหนึ่งฉบับ จู่ ๆ ก็มีอัศวินท่านหนึ่งหยุดเขาเอาไว้เหมือนจะกำลังสำรวจคฤหาสน์โดยรอบ

เมื่อกู๋หลุนปรมาจารย์ผู้สูงวัยเดินทางมาถึงก็พบว่าอัศวินคนดังกล่าวจากไปแล้ว เขาเดินตรวจตราอยู่นาน แต่ก็ไม่พบอะไรผิดสังเกต

ครอบครัวนี้เพิ่งจะย้ายถิ่นฐานมาจากภาคกลางมาอาศัยยังดินแดนตะวันตกเมื่อสองปีก่อน ซึ่งคฤหาสน์แห่งนี้ตั้งริมทะเลสาบ ณ ทิศใต้ของภูเขาเทียนซาน สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่ลึกลับและยากต่อการพบเจอ มันถูกล้อมรอบด้วยทะเลทรายโกบีที่ยาวหลายร้อยไมล์ ผู้คนแถวนี้มีเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ตามเชิงเขาโดยมีชาวนาอาศัยอยู่ไม่กี่คน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่กู๋หลุนจะรู้สึกประหลาดใจมาก

กู๋หลุนเป็นชายที่เฉลียวฉลาดมากซึ่งเขาเคยเป็นนายพลนำทัพให้แก่ราชามาหลายศึก เขาถามคนรับใช้อย่างละเอียดเกี่ยวกับลักษณะของชุดและพฤติกรรมของอัศวิน ท้ายที่สุดเขาสั่งให้คนรับใช้ในคฤหาสน์ระมัดระวังมากขึ้นและเพิ่มระดับความปลอดภัยอย่างลับ ๆ

พี่ชายสองคนของกู๋ชินเหวยคิดว่าพ่อของตนกังวลมากไปหน่อย พวกเขาสันนิษฐานว่าอัศวินผู้นั้นเป็นเพียงคนเลี้ยงสัตว์ที่บังเอิญผ่านมาที่นี่เพื่อหาน้ำและหญ้าให้ม้ากิน และเมื่อพบว่ามีคนอาศัยอยู่พวกเขาจึงจากไป

กู๋ชินเหวยมักจะเป็นเด็กที่ไม่สนใจอะไรเลย ทว่าในครั้งนี้เขากลับมีความคิดเดียวกันกับพ่อของตน  เขาขี่ม้าลาดตระเวนไปรอบ ๆ คฤหาสน์ ถ้าหากเขาพบเสียงผิดปกติเขาจะเข้าไปตรวจสอบทันที โดยมิได้คำนึงว่านั่นจะเป็นเสียงของสัตว์ธรรมดาหรือเป้าหมายที่เขาตามหา และเสียงเหล่านั้นมักจะเป็นเสียงจากกระต่ายและนก

สองสามวันผ่านมานี้ไม่มีวี่แววของบุคคลแปลกหน้ามาสอดแนมอีกแล้ว ทุกอย่างเงียบและสงบ ดูเหมือนว่าวันเวลาจะดำเนินต่อไปอย่างปกติ ทุกคนในตระกูลต่างพากันยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมสินสอนของแม่นางกู๋เนื่องจากพวกเขาต้องใช้เวลานานเพราะระยะทางที่ยาวไกลในการเดินทางจากภาคตะวันตกไปยังภาคกลาก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเตรียมหลายสิ่ง

ทุกคนมีสิ่งที่จำเป็นต้องทำซึ่งนายน้อยที่อายุน้อยที่สุดอย่างกู๋ชินเหวยเอาแต่วิ่งไปหาพี่สาวของเขาที่ห้องแล้วทำตัวเอาแต่ใจและงอแงทุกวัน พฤติกรรมของเขานี้ทำให้แม่นางกู๋รู้สึกใจสลายและลังเลที่จะจากเขาไป ถึงแม้ตอนนี้นางจะยังไม่ได้ออกจากบ้านไปทว่าน้ำตาที่หลั่งไหลของนางก็ทำให้เสื้อผ้าเปียกชุ่มไปแล้วสองสามตัว

กู๋ชินเหวยมีความคิดเป็นของตนเอง ดินแดนในภาคตะวันตกแตกต่างกับดินแดนในภาคกลางเหมือนคนละโลก หลังจากที่นางจากไปแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะได้พบกันอีกเมื่อไร ด้วยความไร้เดียงสาของเขา เขาคิดเพียงว่าอยากให้พี่สาวของตนจำตนได้ก็เท่านั้น

อย่างไรก็ตามความสงบสุขอยู่ได้ไม่นาน 10 วันหลังจากการปรากฏตัวของอัศวิน... ชายสวมหน้ากากจำนวนหนึ่งได้แอบลักลอบเขาไปในคฤหาสน์ตอนกลางดึกและทำให้เกิดเรื่องราวน่าหวาดกลัวขึ้น

ไม่สำคัญว่าจุดหมายของคนเหล่านั้นคืออะไรแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จ... เนื่องจากนายท่านกู๋จัดกำลังคนคอยให้คอยออกตระเวนรอบคฤหาสน์ยามดึก  ทาสรับใช้เก่าแก่ที่ระมัดระวังตัวอยู่ตลอดอย่างหยางเจิ้งสังเกตเห็นผู้บุกรุกทันที

จากนั้นพวกเขาก็เกิดการต่อสู้กันขึ้นทั่วคฤหาสน์ ทว่าการต่อสู้นี้ก็ไม่ได้ยาวนานอย่างที่คิด เมื่อกู๋ชินเหวยตื่นขึ้นมาก็พบว่าชายสวมหน้ากากได้หนีไปแล้ว

ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

เมื่อทุกคนในคฤหาสน์ตื่นขึ้นมาก็เอาแต่พูดถึงเหตุการการต่อสู้กับชายลึกลับสวมหน้ากากในยามค่ำคืนกันอย่างมีความสุข พวกเขาพูดโอ้อวดทำให้ดูเหมือนว่ามีผู้บุกรุกหลายร้อยคน... ทว่าหยางเจิ้งแน่ใจว่ามีชายสวมหน้ากากไม่เกินห้าคน

กู๋ชินเหวยรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เห็นชายสวมหน้ากากเหล่านั้น เขาจึงได้รีบไปถามพ่อและพี่ชายเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที เมื่อพี่ชายเห็นท่าทางกระตือรือร้นของเขาเช่นนี้จึงได้สั่งให้เขาหุบปาก โดยเขาก็เชื่อฟังและนั่งลงบนเก้าอี้ไม้อย่างไม่เต็มใจนัก เขาฟังพวกผู้ใหญ่คุยกันเรื่องชายสวมหน้ากากว่าพวกเขามาจากที่ไหนและทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้อย่างเงียบ ๆ

มีบุคคลที่ทรงอำนาจในภาคตะวันตกไม่กี่คน ซึ่งชื่อและสถานที่ที่พวกเขาอยู่ก็ค่อนข้างคลุมเคลือเช่นกัน ยิ่งกู๋ชินเหวยฟังเขาก็ยิ่งสับสนและค่อย ๆ หมดความสนใจในบทสนทนานี้ไปเอง ก่อนที่เขาจะเผลอหลับไป เขามักจะได้ยินพวกผู้ใหญ่พูดคำว่า 'พวกป่าเถื่อน' บ่อยครั้ง ไม่ว่าใครก็ตามที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 'พวกป่าเถื่อน' เขาไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวแต่อย่างใดเพราะพ่อของเขาคือแม่ทัพใหญ่

ที่จริงแล้วตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของพ่อของเขาไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่เขาคิด ท่านกู๋หลุนเคยเป็นราชองครักษ์ของราชาที่อาณาจักรในภาคกลาง และเขาก็เกษียณอายุราชการตอนที่ได้เป็นทหารระดับสาม

แม้ว่าเขาจะเคยเป็นราชองครักษ์แต่เขามีชื่อเสียงในเรื่องศิลปะการต่อสู้ซึ่งผู้คนของอาณาจักรในภาคกลางรู้ดีว่าตระกูลของเขาได้สืบทอดวิชากังฟูโบราณมายาวนานรุ่นสู่รุ่น และนี่คือสาเหตุที่ทำให้หยางเจิ้งตามเขามายังสถานที่แห่งนี่ หยางเจิ้งยอมเป็นทาสของกู๋หลุนตราบนานเท่านานที่เขาจะสามารถได้เรียนรู้วิชากังฟูมากมายจากเขา ลูกชายคนโตและลูกชายคนรองต่างเป็นปรมาจารย์กังฟูทั้งคู่ ทว่ากู๋ชินเหวนลูกชายคนเล็กสุดแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับวิชากังฟูกำลังภายในและการต่อสู้ถึงเขาจะอายุ 14 แล้วก็ตาม

ลูกชายคนสุดท้องของเขาหน้าตาดีฉลาดหลักแหลมและขยันหมั่นเพียร รวมทั้งไม่เด็ดเดี่ยว เขามักจะทำตัวกระตือลือร้นอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้เขายังมีอายุน้อยที่สุดในตระกูล ดังนั้นทุกคนมักจะตามใจจึงทำให้เขามีนิสัยแย่ ๆ และเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด

จากนั้นกู๋ชินเหวยถูกส่งตัวกลับไปที่ห้องนอนของตน เมื่อตื่นขึ้นในตอนนี้เขาไม่ได้เดินไปยังห้องพี่สาวอย่างที่เคย  เขากลับเดินไปรอบ ๆ เพื่อถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนแทน

เมื่อชายสวมหน้ากากเหล่านั้นพ่ายแพ้ ทุกคนในคฤหาสน์คิดว่านี่คือชัยชนะโดยไม่สนใจว่าไม่มีผู้บุกรุกถูกจับหรือไม่ เขาไม่เห็นเลือดสักหยดจากการต่อสู้เมื่อคืน   ซึ่งทาสรับใช้ทุกคนต่างเอาแต่พูดถึงฝีไม้ลายมือและฉากที่น่าตื่นเต้นของการต่อสู้

เมื่อเขาได้ยินเรื่องราวการต่อสู้ทั้งหมด เขาก็ได้หันไปตำหนิหมิงเฉียงทาสรับใช้หนุ่มที่ไม่ปลุกเขาขึ้นมาดูเหตุการณ์นี้

......

ไม่พลาดการอัพเดตตอนใหม่ ติดตามได้ที่ : https://bit.ly/32ciG6V

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด