ตอนที่แล้วGuild Master ตอนที่ 1 ข่าวน่าตื่นเต้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGuild Master ตอนที่ 3 เทวรูป

Guild Master ตอนที่ 2 กิจกรรม


ตอนที่ 2

กิจกรรม

“ยอดเลย นี่นะเหรอเกมเสมือนจริง”กวีสูดหายใจเข้าช้า ๆเพื่อซึมซับบรรยากาศตรงหน้าอย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่ภาพ แต่กระทั่งกลิ่นและความเย็นที่สูดเข้าไปในปอดก็สัมผัสได้อย่างสมจริง สำหรับคนที่เคยเล่นเกมระบบโลกเสมือนจริงครั้งแรกอย่างกวีแล้วนี่เป็นเรื่องสุดยอดจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาเลยทีเดียว

“อย่างกับได้มาเที่ยวบนดอยแนะ ที่นี่คือเกาะเริ่มต้นสินะ”กวีฉีกยิ้มด้วยท่าทีสบายใจก่อนจะเริ่มเดินลงจากเนินเขาซึ่งเป็นจุดเกิดแรกของผู้เล่นใหม่ สถานที่ที่กวีอยู่นั้นคือเกาะเริ่มต้นอันเป็นสถานที่ที่เหล่าผู้เล่นที่ทำการสร้างตัวละครใหม่ทุกคนต้องเคยมา บนเนินเขาเป็นช่วงเวลายามเช้าที่มีหมอกบาง ๆลอยอยู่ หากมองลงไปข้างล่างจะพบเศษซากบางอย่างเหมือนซากวิหารโรมันที่พังเละเทะเหมือนมีสงครามเมื่อนานมาแล้ว เสาวิหารสีขาวต้นหน้าล้มเรียงรายอยู่ตามพื้นพร้อมเศษหลังคา พวกมันคงพังมานานแล้วถึงได้มีมอสส์ขึ้นตามเสาหินพวกนั้นได้ โดยเมืองแรกที่ผู้เล่นจะได้พบก็คือเมืองของเหล่าชนเผ่าเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ในซากปรักหักพังพวกนี้นี่เอง พวกเขาใช้เสาวิหารที่พังเพื่อผูกผ้าทำหลังคาดูแล้วเหมือนเต็นท์จำนวนมากเรียงรายอยู่รอบ ๆวิหารเลย

“สายแล้ว ๆ”ระหว่างกวีกำลังเดินชมนกชมไม้ชื่นชมความสมจริงของเกมอยู่นั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งก็วิ่งผ่านกวีไปด้วยความรีบร้อน การที่ชายคนนั้นวิ่งมาจากบนเนินแสดงว่าชายคนนั้นเป็นผู้เล่นใหม่เช่นเดียวกันสินะ

“บ้าเอ้ย รถโดยสารดันมาช้าซะได้ แบบนี้ไม่ทันแน่”เสียงชายอีกคนหนึ่งวิ่งมาจากทางด้านหลังของกวีอีกเช่นกัน ท่าทางผู้เล่นใหม่นี่จะมีมาเรื่อย ๆสินะ

“กรี๊ด สายแล้ว ๆ”คนที่ 2 ยังไม่ทันพ้นสายตากวีคนที่ 3 ก็วิ่งตามไปติด ๆ แต่ไม่ใช่แค่นั้นไม่นานคนอีกหลายคนที่พึ่งสร้างตัวละครใหม่เข้ามาก็พากันวิ่งผ่านกวีไปด้วยท่าทีแตกตื่นทำเอากวีเองก็เริ่มจะสงสัยเสียแล้วว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่  เก็บเลเวลงั้นเหรอ ไม่หรอกเกมมันเปิดมาเป็นเดือนแล้วคงไม่มีผู้เล่นใหม่คนไหนรีบเก็บเลเวลขนาดนั้น หรือว่าที่เกาะเริ่มต้นแห่งนี้จะมีกิจกรรมอะไรงั้นหรือ

“หลีก ๆ ๆ ๆ ๆ”ในที่สุดกวีก็พบที่มาของความรีบร้อนเสียที ตอนนี้ที่กลางเมืองของชนเผ่าเร่ร่อนมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งยืนอยู่ที่กลางลานโดยมีคนที่วิ่งแซงกวีมาก่อนหน้านี้เข้าไปต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบ ดูแล้วคงมีกิจกรรมบางอย่างจริง ๆแน่ แต่เท่าที่กวีเข้าไปอ่านในบอร์ดของเกมก็ไม่มีอะไรแจ้งเตือนเรื่องนี้นี่นา

“หวา หลีกไป”ระหว่างกำลังสงสัยอยู่นั้นร่างของชายคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาตรงที่กวียืนอยู่พอดี ท่าทางชายคนนั้นจะรีบมากเสียด้วยเลยพุ่งตรงเข้ามาชนกวีที่หยุดเดินอยู่ข้างหน้าเข้าอย่างจังทำเอาชายคนนั้นล้มลงไปนอนกับพื้นเลยทีเดียว

“อีกสามสิบวินาที”อยู่ ๆเสียงของชายคนหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นก็ดังขึ้น หรือว่าเวลาร่วมกิจกรรมกำลังจะหมดแล้ว แบบนั้นผู้ชายคนนี้ก็อาจจะไปสายสินะ

“ลุกเร็วเข้า”กวียื่นมือไปพยุงร่างของชายคนนั้นขึ้นมาก่อนจะพยุงชายคนนั้นเข้าไปต่อแถวอย่างรวดเร็วก่อนที่เวลาร่วมกิจกรรมจะหมดลงพอดิบพอดี

“หมดเวลาแล้ว คนที่มาหลังจากนี้หมดสิทธิ์ร่วมการคัดตัวแล้ว”ชายที่อยู่ด้านหน้าของกลุ่มคนเหล่านี้พูดจบพวกคนที่ร้องบอกเวลาก่อนหน้านี้ก็เดินมาด้านหลังแล้วเอาหอกออกมาปิดทางเอาไว้อย่างกับทหารกั้นไม่ให้คนนอกเข้า

“พี่ชาย ขอบคุณมากเลยนึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว”ชายหนุ่มที่เข้ามาชนกวีเข้าตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีโล่งอก เมื่อครู่ตอนล้มไปเขามัวแต่งงทำอะไรไม่ถูก หากกวีไม่พยุงเขาขึ้นแล้วพามาเข้าแถวมีหวังหมดสิทธิ์ไปด้วยแน่ ๆ

“ไม่เป็นไร ว่าแต่นี่มันกิจกรรมอะไรงั้นเหรอ”กวีถามพลางมองคนจำนวนมากที่เข้ามาต่อแถวอยู่กลางลาน หากนับคร่าว ๆด้วยสายตาคนกลุ่มนี้น่าจะมีร่วมร้อยเลยละมั้ง

“พี่ชายไม่รู้เหรอ ที่นี่เป็นแถวรับคนเข้ากิลด์ใหม่ของกิลด์กรีนโลตัส กิลด์นี้ไม่ได้เปิดรับคนบ่อย ๆแถมยังเป็นโครงการพิเศษที่เปิดรับคนเล่นใหม่ด้วย ถ้าพวกเราเข้ากิลด์นี้ได้รับรองว่าข้างหน้าต้องหารายได้สบายแน่ ๆ”ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทีตื่นเต้นอย่างมาก สมัยนี้เกมไม่ใช่แค่สิ่งผ่อนคลายอย่างเดียวอีกแล้ว โลกเสมือนจริงแห่งนี้ไม่มีการนำเข้าโฆษณา โดยผู้สร้างเครื่องสร้างโลกเสมือนจริงบอกว่า “โลกใบนี้เป็นโลกแห่งความฝัน หากทุกคนต้องดูโฆษณาก่อนจะฝันหวานโลกมันคงหดหู่น่าดู” และด้วยคำพูดบริษัทห้างร้านต่าง ๆก็เลยลงโฆษณาผ่านโลกเสมือนจริงโดยตรงไม่ได้ แต่การตลาดของพวกเขาก็ไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้น ในโลกของเกมออนไลน์ที่มีผู้เล่นจำนวนมาก การแฝงโฆษณาเข้ามาจึงเป็นเรื่องที่นิยมในกลุ่มบริษัทต่าง ๆ อย่างเช่นการสร้างกิลด์ใหญ่ในนามบริษัทก็ถือเป็นเรื่องที่ทำกันจนเป็นปกติแล้ว และการเลี้ยงดูลูกกิลด์ก็เหมือนการจ้างพนักงานบริษัทนั่นเอง

“เข้ากิลด์งั้นเหรอ”กวีมองไปที่หน้าแถวด้วยท่าทีสนใจ ดูเหมือนคนที่มาต่อแถวจะต้องทดสอบความสามารถเพื่อจะเข้ากิลด์ให้ได้สินะ งั้น.....ที่นี่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับกวีอีกแล้วเพราะกวีไม่คิดจะเข้ากิลด์ไหนแต่จะสร้างกิลด์ของตัวเองขึ้นมาอีกครั้งต่างหาก

ผลัก!

แต่ก่อนกวีจะเดินออกมา เสียงที่แถวหน้าก็ดึงความสนใจของกวีกลับไปนิดหน่อย การทดสอบเข้ากิลด์ดูเหมือนจะเป็นการทดสอบต่อสู้กับคนของกิลด์ พวกเขาต่อสู้กันเพื่อทดสอบว่าคน ๆนั้นมีความสามารถพอจะเข้ากิลด์หรือไม่ พอเห็นแบบนั้นแล้วกวีก็อดสนใจไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่กวีได้สัมผัสเกมเสมือนจริง การจับอาวุธด้วยตัวเองแทนที่จะเป็นคีย์บอร์ดและเมาส์นั้นดึงดูดความสนใจของกวีไม่น้อย และนี่จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ลองต่อสู้กับคนอื่น แถมยังเป็นคนที่อยู่ในกิลด์ที่มีชื่อเสียงอีกต่างหาก

“พี่ชาย พี่ชายจะเข้าทดสอบด้านไหนเหรอ”ระหว่างกำลังมองการต่อสู้ของผู้เล่นแถวหน้า ชายหนุ่มที่กวีช่วยเอาไว้ก็เอ่ยถามพลางมองกวีด้วยท่าทีสงสัย การสอบเข้ากิลด์แบ่งออกตามสายอาชีพที่ผู้เล่นจะเลือกแบบคร่าว ๆ โดยมีทั้ง ดาบ หอก โล่ ธนู มือเปล่า หรือแม้แต่การทดสอบเกี่ยวกับเวทมนตร์

“ไม่รู้สิ แล้วนายทดสอบแบบไหนล่ะ”กวีถามพลางมองไปทางชายหนุ่มตรงหน้า ผู้เล่นใหม่ทุกคนมีอาวุธเริ่มต้นเป็นมีดสั้น 1 เล่ม หากจะเปลี่ยนอาวุธก็ต้องเสียเงินไปซื้อมาที่ร้านขายอาวุธทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าที่พึ่งสร้างตัวมาหมาด ๆอยากจะใช้อาวุธอะไร

“ดาบครับ จริงสิผมชื่อเจยินดีที่ได้รู้จักครับ”ชายหนุ่มผู้มีนามว่า เจ ยิ้มออกมาก่อนจะก้มหัวน้อย ๆเหมือนเป็นการทักทาย

“ผมก็ลองทดสอบดาบดูก็แล้วกัน ผมชื่อกวียินดีที่ได้รู้จัก”กวีตอบพลางยิ้มรับด้วยท่าทีสุภาพ รอยยิ้มของกวีนั้นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อยช่วยให้เจที่กำลังประหม่ารู้สึกโล่งใจขึ้นมาก

“งั้นเราไปกันเถอะครับ”เจว่าพลางชี้ไปที่แถวสำหรับคนที่จะทดสอบเรื่องดาบ โดยการทดสอบดาบนั้นก็ง่ายมากแค่เข้าไปประลองด้วยดาบที่เตรียมเอาไว้ให้กับคนของกิลด์เท่านั้นเอง หากแสดงฝีมือออกมาได้ก็ผ่าน

“เอาล่ะ คนต่อไป”หลังจากรอแถวขยับอยู่หลายสิบนาที ในที่สุดก็ถึงคิวของเจและกวีเสียที การทดสอบเข้ากิลด์ชื่อดังนั้นยากน่าดูเลย คนที่มาเป็นผู้ทดสอบเองก็มีฝีมือดีไม่น้อย พวกมือใหม่ที่หวังจะผ่านแบบฟลุค ๆต่างไม่มีหวังเลยสักนิด

“ครับ....”เจเดินออกไปรับดาบด้วยท่าทีเกร็ง ๆ พอรู้ข่าวว่ากิลด์ใหญ่อย่างกรีนโลตัสเปิดรับสมัครคนเขาก็ถึงขั้นลบตัวละครเก่าทิ้งมาสมัครใหม่เลยทีเดียว เพราะหากสามารถเข้ากิลด์ใหญ่ ๆได้การใช้ชีวิตในเกมในภายภาคหน้าจะสบายขึ้นมาก

“เอาล่ะ มีอะไรก็แสดงออกมาเลย”ผู้ทดสอบเดินเข้ามายืนตรงหน้าเจก่อนจะยกดาบขึ้นมาเตรียมต่อสู้ ในเกมเอคโค่ผู้เล่นเลเวล 1 ถึง 10 จะยังไม่มีอาชีพ และยังไม่มีสกิลอะไรทั้งนั้นจนกว่าจะไปเปลี่ยนอาชีพที่แผ่นดินใหญ่ และนั่นก็หมายความว่าผู้ทดสอบและผู้เข้าสอบต้องต่อสู้กันด้วยความสามารถล้วน ๆ

“ครับ”เจกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะกำดาบในมือแน่น เขา.....เกร็งสุด ๆเลย

เคร๊ง!!

เจโถมตัวเข้าไปพร้อมฟันดาบใส่อีกฝ่ายจากท่าวาดแนวนอน เป้าหมายของเจก็คือบริเวณลำตัวที่อีกฝ่ายเปิดโล่งอยู่นั่นเอง เพียงแต่อีกฝ่ายก็รู้ทันและรับดาบของเจเอาไว้อย่างง่ายดาย

“หมอนั่น.....”กวีขมวดคิ้วพลางมองผู้ทดสอบด้วยท่าทีสงสัย ตัวละครเริ่มต้นควรจะมีสถานะเท่ากันไม่ใช่หรือ แต่ทำไมผู้ทดสอบถึงได้รับดาบของเจง่ายนัก แม้เจจะเกร็งจนออกดาบได้ไม่ดีแต่ก็ไม่น่าจะรับสบาย ๆแบบนั้นนี่

“หวา....”เจถอยออกมาหลายก้าวหลังจากโดนอีกฝ่ายผลักกลับมา กำลังของผู้ทดสอบนั้นเหนือกว่าเจมาก พอออกแรงดันแบบนี้ก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจน

“เลเวลสิบสินะ”กวีพึมพำออกมาพลางมองผู้ทดสอบอย่างพิจารณา จะว่าไปที่แขนของผู้ทดสอบก็มีปลอกแขนหนังสวมเอาไว้  แสดงว่าอีกฝ่ายมีอุปกรณ์สวมใส่นอกเหนือจากอุปกรณ์ของตัวละครใหม่อยู่ด้วย แบบนั้นก็หมายความว่าผู้ทดสอบไม่ได้เอาตัวละครเลเวล 1 มารับการทดสอบนั่นเอง และจากกฎที่ว่าในเกาะเริ่มต้นนั้นเลเวลของผู้เล่นจะเพิ่มสูงสุดได้แค่ 10 กวีเลยเดาว่าอีกฝ่ายคงจะเลเวล 10 เรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก การทดสอบนี้ไม่ได้มุ่งหวังเอาชนะ แต่เป็นการให้ผู้เข้าทดสอบแสดงฝีมือให้เห็น สิ่งที่เจต้องทำคือแสดงให้ผู้ทดสอบได้รู้ว่าเจรับมืออย่างไรกับคู่ต่อสู้ที่เลเวลสูงกว่า

เคร๊ง!!

ดาบของผู้ทดสอบฟันใส่ดาบของเจอย่างจังจนดาบในมือเจกระเด็นตกลงบนพื้น การยืนรับดาบทื่อ ๆจากคนที่มีกำลังเหนือกว่าแบบนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจเกร็งเกินไปหรือตกใจกับกำลังที่ต่างกันของอีกฝ่ายกันแน่ แต่การทดสอบนี้เจคง....

“ไม่ผ่าน คนต่อไป”ทันทีที่ได้ยินเสียงประกาศผล เจก็หน้าซีดไปทันทีก่อนจะหยิบดาบส่งดาบคืนให้กับผู้ทดสอบไปแบบหงอย ๆเหมือนคนไร้วิญญาณเลย อย่างว่าเขาคาดหวังเอาไว้มากเลยนี่นา แต่พูดกันตามตรงหากเจกำลังทดสอบเข้ากิลด์ของกวีแล้วแสดงวิชาดาบออกมาแบบนั้น กวีก็คงไม่ให้ผ่านเหมือนกัน

“เอา รับไป”ผู้ทดสอบเดินเอาดาบมาให้กวีต่อทันที พวกเขาไม่มีเวลาไปสนใจคนทดสอบไม่ผ่านหรอก งานของพวกเขาคือการตามหาลูกกิลด์ท่าทางมีฝีมือเท่านั้น

“พอดีเลย”กวีมองไปที่เจด้วยท่าทียิ้ม ๆ ดีจริง ๆที่เจไม่เดินจากไปเลย เท่านี้กวีก็มีข้ออ้างหลังทดสอบแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด