ตอนที่แล้วบทที่ ๑
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๓

บทที่ ๒


ทวนเข็มนาฬิกา

โดย ศศิศิลป์

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

บทที่ ๒

แกรกๆ กึกๆ

เสียงการขยับของเตียงโรงพยาบาลและผู้คนที่วุ่นวายอยู่ในห้องนอนรวม ปลุกให้ทฤนห์ตื่นลืมตาขึ้นมา

"เชี่ย ฟื้นแล้วว่ะ ฟื้นแล้วไอ้บ่วง..ไอ้ตุลย์" เสียงทุ้มดีใจของวัยรุ่นชายเรียกบอกเพื่อนๆ เธียร์หรี่ตารับแสงจ้านั้นก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวขึ้นนั่ง

"อ่ะ อื้อหืมม..." เกิดอะไรขึ้นวะ ตัวชาไปหมดเลย เขาขยับด้วยความปวดเมื่อยไปหมดทั้งร่าง

"เป็นไงบ้างพี่ พวกเรานี่ใจหายหมดเลย.." เด็กหนุ่มที่น่าจะอยู่ในวัยมัธยมกำลังรุมล้อมเขาอยู่

"ถอยหน่อย อึดอัด..." เธียร์บอก เพราะกลิ่นเหงื่อของเจ้าพวกนี้ตีเข้าหน้าจนปวดหัวหมดแล้ว คำพูดนั้นทำเอา 3 คน รีบถอยหลังกรูกันออกห่าง

"เกิดไรขึ้น.." เธียร์ถามทุกคนตรงหน้า จำได้ว่าล่าสุดรถตัดหน้าเขาไปแล้วจู่ๆก็มาอยู่ที่นี่

"พี่อยู่ที่โรงพยาบาล เกิดอุบัติเหตุ ไปทำอะไรตรงนั้น ที่ก็มืดอย่างนั้น พุ่งออกมาเสียดื้อๆ พวกเราก็เลยเสียหลักชน.." คนหน้าละอ่อนกว่าใครเพื่อนตอบ

"ก็เอ็งขับโหลยโท่ยอย่างนั้น จะไม่ให้ชนยังไงไหว.." เธียร์ไม่ได้ฟังแล้วเพราะเด็กหนุ่มเถียงกันต่อ เขากำลังสังเกตรอบๆตัว ห้องรวมที่มีหลายเตียงนอนอยู่ ผู้คนแต่งตัวแปลกตา

"ทำแผลเสร็จพี่ไม่ฟื้น เลยโดนย้ายมานอนที่นี่...หมอบอกไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่รู้ทำไมไม่ตื่น.." คนหน้าคมเข้มสุดบอก

"พี่จะแจ้งความไหม? " คราวนี้เป็นคนที่หน้าตาดีที่สุดถามขึ้น เป็นหล่อแบบธรรมชาติ ดูง่ายๆเปลือยๆแบบที่เขาไม่ค่อยได้เห็นในเด็กปัจจุบัน

"ไม่ล่ะ...ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แล้วรถละ?"

"รถอะไร ตอนเราชนพี่โผล่มาจากที่มืดนี่ ไม่มีรถสักคัน แต่ถ้าหมายถึงรถเรา ไม่เป็นอะไรเลย.." คนหน้าเข้มบอกอีกครั้ง

"พี่ไม่แจ้งความ งั้นพวกเรากลับก่อนนะ แม่ต้องตั้งท่ารอด่าแล้วแน่ๆ ไปเถอะไอ้บ่วง" หนุ่มหน้าละอ่อนบอก

"ไปกันเถอะ ทางนี้เดี๋ยวข้าจัดการเอง.." หนึ่งในนั้นบอกก่อนที่อีกสองจะเดินลับไป

"มือถือล่ะ..มือถืออยู่ไหน? " เธียร์มองรอบกาย เขาไม่พบข้าวของอะไรติดตัวเลย ถ้าไม่มีรถงั้นแปลว่ามีคนพามาส่ง ของก็ต้องมีมาด้วยบ้าง

"มือถืออะไร? "

"ก็โทรศัพท์อ่ะ...กี่โมงแล้ววะเนี่ย.." นี่ธีร์พี่ชายเขารู้หรือยัง แล้วงานพี่โก้อ่ะ... โอ๊ยสับสนชิบเป้ง รถก็ไม่อยู่

แล้วทำไมไปเดินให้รถชนได้วะ...ทั้งที่จำได้ว่าขับรถแล้วโดนตัดหน้าแท้ๆ

"ไม่มีอะไรติดตัวพี่มาเลยนะ...ตอนนี้ 5 ทุ่มแล้ว..." เด็กหนุ่มในชุดมัธยมชี้ไปที่เสาของห้องโรงพยาบาล

"ตายห่า...แล้วมือถือไม่มีทำไงวะ ขอยืมโทรศัพท์นายหน่อย? " เธียร์แบมือขอคนตรงหน้า

"ไม่มีหรอกของแพงอย่างนั้น ใครจะมีปัญญาซื้อ.."

"ห้ะ?? ไม่มีหรอ!!? " เชี่ย...สมัยนี้แล้วมันยังมีคนไม่มีมือถืออยู่อีกหรอวะ ให้ตายเถอะแม่งเอ้ย แล้วเด็กมัธยมที่ไม่มีมือถือมันติดต่อกับเพื่อนมันยังไง...

"แล้วเวลาติดต่อกับคนอื่นอ่ะ? โอ๊ย เออช่างเถอะ..." เมื่อนึกได้ว่าอีกคนอาจจะไม่มีทุนทรัพย์พอเลยเลิกถามเซ้าซี้

"พี่ไปยืมโทรศัพท์ตรงโน้นสิ.." เขาชี้ไปทางเคาน์เตอร์พยาบาล เธียร์ไม่รอช้า...เขารีบลุกเดินไปยังจุดหมาย ทั้งสภาพถูลู่ถูกัง

"ขอโทษนะครับ ขอผมยืมโทรศัพท์โทรหาที่บ้านหน่อยได้มั้ย? " นางพยาบาลดูจะงงๆ แต่ก็ส่งกระดาษให้เขา

"เขียนเลข แล้วเดี๋ยวจะโทรให้.." พยาบาลบอก..

จะหวงทำไมนักนะ แล้วทำไมไม่ให้เขายืมมือถือตัวเองล่ะ ใจบ่นแต่ก็ยอมเขียนเบอร์ธีร์ลงไป... เธอทำหน้างงๆ ตอนที่รับกระดาษไปอ่านหมายเลข แต่ก็ยอมกดโทรให้

"ไม่มีหมายเลขนี้..." เธอวางหู ทำหน้าตาไม่ยิ้มแย้ม

"เป็นไปไม่ได้ นั่นเบอร์พี่ชายผม.." เธียร์ว่า แต่พยาบาลตอบกลับมาด้วยหน้าตาไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ราวกับว่าเขาช่างเซ้าซี้พูดไม่รู้เรื่องเสียเหลือเกิน

เธียร์เลยเดินหันหลังคอตกหันกลับมา มองหน้ากับเด็กน้อยวัยมัธยม

"ติดต่อไม่ได้หรอพี่...บ้านพี่คงจะรวยมากพี่ชายถึงได้มีโทรศัพท์กับเขาด้วย โก้มาก..."

"โก้? " ศัพท์อะไรของเขาวะ อย่างกะหลุดมาจากยุค 90

"ใช่...ใครๆ จะมีได้ก็ต้องมีเงินเยอะเท่านั้นแหละ.." ฟังดังนั้นเธียร์ก็หันมองรอบตัวอีกครั้ง

ผู้คนที่จะเดินอยู่ในห้องนี้ เหล่าญาติคนไข้ที่สงบลงแล้วในกลางคืน บรรยากาศคล้ายต่างจังหวัด แต่ก็คงเป็นจังหวัดห่างไกล...

ไม่...เขาจะไปอยู่ต่างจังหวัดได้ยังไง

หรือถูกส่งตัวมารักษา...

เขารีบสาวเท้าเดินออกไปมองที่กระจกทันที ภาพที่เห็นทำเอาตาเบิกกว้าง รอบนอกโรงพยาบาลไม่ใช่โลกใบที่เขาคุ้นตา ทฤนห์ปากอ้าพะงาบๆ

"เป็นอะไรหรือเปล่า ..." คนข้างเขาพยายามจะสะกิดเรียก

"ท ที่ นะ นี่ที่ไหน.." ตะกุกตะกักเอาเสียแล้ว

"โรงพยาบาลไงพี่ โรงพยาบาล xx .." ได้ยินชื่อก็ไม่คุ้น แต่ก็ห้อยชื่อโรงบาลด้วยเขตแถวนี้นี่.. พยายามคิดทบทวนซ้ำๆตั้งแต่เรื่องเมื่อกลางวันจนตอนเขานั่งอยู่ที่หลังพวงมาลัยแล้วมีอุบัติเหตุ จนถึงตอนนี้

"ค่ารักษาช่วยกันจ่ายแล้ว พี่จะกลับบ้านเลยหรือเปล่า เดี๋ยวไปส่ง? " เด็กน้อยพยายามชวนคุยตั้งแต่หน้าห้องคนป่วยจนถึงหน้าโรงพยาบาลแต่ตอนนี้เธียร์ตัวสั่นไปหมดแล้ว เขาไม่ได้ตอบอะไร เอาแต่มองบรรยากาศรอบตัว...มันน่ากลัวเหลือเกิน

ไม่ใช่เพราะเป็นกลางคืน เขาใช้ชีวิตกลางคืนออกบ่อย แต่เพราะรอบตัวทุกอย่างตอนนี้มันทำเขาหายใจไม่สะดวก

"บ้านอยู่ที่ไหน ดีนะ..กลับไปเอารถที่บ้านมา ไม่อย่างนั้นแย่.." เด็กน้อยยังคงพูดไปเรื่อย แต่ยิ่งเดินออกมานอกโรงพยาบาลเข่าของเธียร์ก็แทบจะทรุดลง เขาหมุนตัวรอบมองดูตึกรามบ้านช่องมันไม่คุ้นเอาเสียเลย

"ว่าแต่ยังไม่รู้เลย นายชื่ออะไรอ่ะ? เป็นพี่หรือเปล่ายังไม่รู้ หลงเรียกว่าพี่อยู่นาน..."

"เธียร์...อายุมากกว่านายแน่ๆ เรียนจบปริญญาแล้ว.." เธียร์ตอบมองเด็กหนุ่มในชุดนักเรียน

"เราชื่อตุลย์นะ ยินดีที่ได้รู้จัก" เด็กหนุ่มยื่นหมวกกันน๊อกให้ และทำท่าทีให้เขารับไว้ หลังจากคร่อมไปบนรถยี่ห้อเก่าที่เขาแทบไม่เคยเห็น

"สะแด่วแห้วเลยมั้ย? คันนี้ของพี่ชายเราเลยนะ"

"พูดจาอะไรของนาย.." เธียร์ขมวดคิ้ว

"อะไรพี่ ศัพท์วัยรุ่นทั้งนั้น.."

รุ่นพ่อล่ะสิไม่ว่า... เด็กหนุ่มตีท้ายเบาะเบาๆ ให้เธียร์ขยับตัวเดินเข้ามานั่ง

เด็กหนุ่มร้องเพลงคุ้นหูดังขึ้นมา ทำเอาเธียร์ชะงักฟัง... น้ำเสียงทุ้มๆแบบนี้ แล้วยังจะชื่อตุลย์อีก ที่บ้านคงชอบอิษวัตมากสิท่า

"จ๊าบมั้ยพี่ ว่าจะเอาไปประกวดงานดนตรีเร็วๆ นี้แหละ....ทำไมทำหน้างั้น ไม่รู้จักหรอ"

"รู้จักสิ เพลงดังขนาดนี้ เสียดายเขาแยกวงไปนานแล้ว.."

"พูดอะไร...แยกที่ไหน วงนี้ยังมีไม่นานมานี้..."

"ห้ะ? ฮ่าๆ มั่วแล้วนาย.." ขำไปก็ใส่หมวกกันน๊อกไป ลืมเรื่องรอบกายไปชั่วครู่

"ใครมั่ว? เพลงนี้เพิ่งออกมาปีนี้เอง พี่มาจากยุคไหนเนี่ยมาบอกว่าเขาแยกวง..." นายตุลย์ข้างหน้าเขาเริ่มฟึดฟัด

"ยุคโควิดนี่แหละ...นี่เกิดปี 38 นะ 25 แล้วเว้ย นายนี่เกิดไม่น่าจะพ้นปี 44-45 ใช่มั้ย? " เด็กนี่มันจุ้นจ้านเรื่องอายุจริงๆ ขิงไปเสียเลยว่าเกิดก่อนมันกี่ปี แต่เมื่ออีกฝ่ายได้ฟังเขาแล้วก็ขำก๊ากใส่เขาทันที

"ตลกอะไร? "

"ก็ตลกพี่ไง...ฮ่าๆ โคตรกวนโอ๊ย..." มันขำจนเอามือกุมท้องจริงๆ

"อะไรของนาย? "

"ก็นี่มันปี 43 ถ้าพี่เกิด 38 มันก็แค่ 5 ขวบไง.." ตุลย์พูดไปขำไป

"เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้บอกว่าตอนนี้ปี พ.ศ.อะไรนะ? " สมองขาวโพลน ตอนได้ยินเด็กน้อยบอกปี พ.ศ. เมื่อ 20 ปีที่แล้วนั่นออกมา

" 2543...วันที่ 25 ธันวาคม ปี 2543... ไง แล้วเกิดปี 44 จะให้เกิดปีหน้าหรอ โอ๊ย ฮ่าๆ.." ตุลย์ยังขำต่อแต่เธียร์ออกเท้าวิ่งกลับเข้าไปในโรงพยาบาลทันที

"เฮ้ย ไปไหนน่ะ..." เด็กหนุ่มวิ่งตามอีกคนไป

เธียร์พยายามวิ่งหาทุกอย่างที่ยืนยันกับเขาได้ คนในโรงพยาบาลทำหน้าตางงๆ ก่อนที่เขาจะวิ่งไปเจอแผงหนังสือที่ไม่ค่อนคุ้นตาในยุคปัจจุบันแล้ว เป็นไม้ที่ตรงกลางสอดหนังสือพิมพ์ห้อยอยู่กับแผงไม้สีสวย มือขาวคว้าหนังสือพิมพ์ตรงหน้าขึ้นมาหนึ่งฉบับทันที

'25 ธันวาคม 2543'

"ไม่จริง...ไม่จริง..." ทันทีที่อ่านจบ ทฤนห์พึมพำพร้อมหนังสือพิมพ์ที่ร่วงลงจากมือ ก่อนที่เข่าจะทรุดลง

"เฮ้ย เป็นอะไร? " ตุลย์คุกเข่าลงตาม

" 20 ปี..." เธียร์พึมพำ

นี่เขาอยู่ใน 20 ปี ก่อนหน้าปัจจุบันในโลกที่เขาอยู่หรอนี่... ทฤน์หันมองหน้าตุลย์นิ่งๆ เอาแต่พึมพำคำว่า ไม่จริง ซ้ำไปซ้ำมา

รถมอเตอร์ไซต์มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เธียร์ลงมาจากรถขาสั่นๆ เขามาเพื่อพิสูจน์เรื่องทั้งหมด แม้ว่าระหว่างทางตึกและบรรยากาศต่างๆจะยืนยันต่อสายตาเขาหมดแล้วว่านี่คืออดีตจริงๆ

ทฤนห์ยืนอยู่หน้าบ้านของตัวเอง บ้านที่ใน 20 ปี ข้างหน้านับจากนี้มันไม่ได้มีอยู่แล้ว แต่ที่นี่ ตอนนี้ บ้านหลังข้างหน้ายังปรากฏอยู่และเหมือนเมื่อตอนเด็กๆไม่ผิดเพี้ยน เหมือนเครื่องตอกยำว่าล้านเปอร์เซ็นคือ...ที่นี่ไม่ใช่ปัจจุบันที่เขาจากมา

"แม่ แม่..." ตุลย์ตะโกนเรียกคนในบ้าน แต่ทันใดนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา ทำเอาขาเขาแทบจะอ่อนแรงจนต้องเกาะรั้วไว้

"คุณเป็นใคร มาโหวกเหวกหน้าบ้านคนอื่นกลางดึกอย่างนี้..."

"พ พ่อ...." เสียงที่ออกจากปากทั้งเบาและสั่น

"มาผิดบ้านแล้ว ..." พ่อเขาในวัยที่ยังหนุ่มแน่นบอกตอบ พร้อมกับที่น้ำตาของเธียร์ไหลพรากออกจากสองตา

"ออกไปได้แล้ว ถ้าไม่ไปคงต้องแจ้งตำรวจ...ไอ้พวกบ้า..." พ่อบอกเขาอย่างนั้นก่อนจะสบถ ไม่หายมองไปที่หน้าหนุ่มน้อยข้างๆตัวทฤนห์

"พี่...อะไรวะ..." ตุลย์เกาหัวแกรกๆ รีบเข้ามาดึงแขนเธียร์ที่เกาะรั้วร้องไห้ก่อนจะพาขึ้นรถมอเตอร์ไซต์คนเดิม อีกคนไร้แรงขัดขืนจนเขาพามาถึงบ้านได้อย่างง่ายดาย

"นอนที่นี่ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยคิดใหม่.." ตุลย์เปิดประตูรั้วเข็นรถเข้าบ้าน เธียร์ยังคงสะอึกสะอื้นอยู่ ตลอดทางก็เอาแต่ก้มหน้าซบที่หลังของตุลย์จนเด็กหนุ่มต้องจับมือมาเกาะเอวไว้ ไม่อย่างนั้นคงจะมีคนหงายหลังตกถนนไปแล้ว

"ขอบใจนะ..." เธียร์ซึ้งน้ำใจมาก ทั้งที่เราเพิ่งเจอกันวันแรก

"อาจจะเพราะไอ้อ๋องมันขับรถชนพี่แน่ๆ มันเลยทำให้สมองกระทบกระเทือน.." ตุลย์บ่นงึมงำ

"เบาหน่อยล่ะ ที่บ้านนอนกันหมดแล้ว.." เด็กหนุ่มย้ำ ก่อนจะย่องเท้าเบาเดินเข้าบ้านและเข้าไปในห้องตัวเอง แต่ไฟในบ้านจู่ๆก็สว่างโร่

"เฮ้ย โถ่ตกใจหมด..." ตุลย์อุทาน ต้นเหตุเพราะมีวัยรุ่นอีกคนโผล่ออกมา

"กลับบ้านอะไรป่านนี้ แล้วนั่นพาใครมาวะ?" คนนั้นถามเด็กน้อยข้างหน้าทฤนห์

"นี่พี่เธียร์..."

"แล้วพามาทำไม รุ่นพี่หรอ..."

"ป เปล่า เอ่อ.."

"พวกน้องเขาขับรถชนผมครับ...ผมกลับบ้านไม่ได้เลยเขาเลยพามาที่นี่.." เธียร์ตอบแทนอาการอึกอักนั้น

"รถชน!! " อีกคนโพล่งขึ้นมา

"ชู่ว!! " ตุลย์บอกพี่ชายให้เงียบลงหน่อย

"ซ่านักนะเอ็ง...พรุ่งนี้ก่อนเถอะ โดนชำระความแน่..."

เธียร์มองคนหน้าคุ้นๆ อย่างพินิจ ส่วนอีกคนก็เลิกคิ้วมองกลับ

"คุณ...ค คุณ..." ทฤนห์ใจหล่นอยู่ที่พื้น หน้าคุ้นเหลือเกินจนนึกตกใจขึ้นมา

"รู้จักกันหรอ? " ตุลย์หันถาม

"ไม่..." พี่ชายตอบงงๆ เขาไม่เคยจะเห็นคนๆนี้มาก่อน ยิ่งการแต่งตัวดีขนาดนี้ก็ไม่ใช่เพื่อนแน่ๆ กางเกงยีนเท่ๆ เสื้อสีดำทรงสวยแปลกตาของเธียร์

"ตุลย์...." ทฤนห์ทวนชื่อคนที่พาเขามาที่นี่ ก่อนจะหรี่มองอีกคนสลับกัน จู่ๆตาเบิกโพลง

"นี่พี่เราชื่อโต..."

ตาเขาไม่รู้จะเบิกกว้างกว่านี้ได้อีกเท่าไหร่ ลนลานถอยหลังไปชนกับกรอบไม้อะไรสักอย่างตก ก้มลงไปมองก็เห็นคำเขียนด้วยสีน้ำตัวโตๆ "ปีนเกลียว"

"นะ นาย....ตุลย์ ...คุณตุลย์..อะ อิษะ ษ วัตนักร้องนำวงปีนเกลียว" ปากเอ่ยออกไปแบบนั้น พร้อมกับที่นึกได้ว่าใบหน้าข้างหน้านี้ก็มีโครงเหมือนกับตุลย์คนที่เขาเพิ่งพบเมื่อกลางวัน และคนข้างๆ ที่มองมานั่นก็โตพี่ชาย

"ใช่ ผมเป็นนักร้องวงมัธยม แต่ไม่ได้ชื่ออิษวัตอะไรนั่นนะ ชื่-..." ยังไม่ทันต่อให้จบเธียร์ก็เป็นลมล้มพับลงไป

โตและตุลย์ตะโกนตกใจ ก่อนจะช่วยกันแบกคนหมดสติไปนอน อีกคนวิ่งหายาดมมาช่วยอลหม่าน

•••••••••••⏱•••••••••••

๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๓

ตอนที่แล้วบทที่ ๑
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๓
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด