ตอนที่แล้วบทที่ ๒๐
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๒๒

บทที่ ๒๑


ทวนเข็มนาฬิกา

โดย ศศิศิลป์

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

บทที่ ๒๑

พุทธศักราช ๒๕๕๗

งานศพเรียบง่ายถูกจัดขึ้นที่วัด โลงและดอกไม้สวยถูกประดับตกแต่ง ข้างกันมีลูกชายคนเล็กของคนในภาพกรอบทองนั่งร้องไห้คอยส่งธูปให้กับแขก

ธีร์ เวทิศ ที่เห็นท่าไม่ดีเข้าเรื่อยเดินเข้ามาหาน้องชาย

"เธียรไหวไหม.." เขาจับไหล่น้องชายสองข้าง

"ไม่.." คำตอบแผ่วเบาตอบออกไป

"มานี่มา.." ธีร์คุกเข่าลงไปใกล้น้องก่อนจะสวมกอดเข้าไปเต็มแขน

"ไม่เป็นไรนะ ยังเหลือพี่ชายสุดหล่อทั้งคน" ธีร์พยายามจะสดใสที่สุดไม่ให้น้องชายหดหู่ไปมากกว่านี้

"ทำไม ฮึก แม่ทิ้งเราล่ะธีร์ ทำไม..แม่ ฮึก ก ไม่อยู่กับเรา" เธียร์ถามสะอื้นตัวโยน

"แม่ไม่ทรมาณแล้วไงไอ้เด็กโง่เอ้ย แม่น่ะ เขาไปสบายแล้วนะ ไม่อยากเห็นแม่สบายหรือไง แม่จ๋าของแกไม่เหนื่อยแล้วนะ" ธีร์ปลอบหัวลูบ

คนในงานต่างพากันมองด้วยเอ็นดูและน้ำตาตกตามกัน

"เธียร์ พี่ธีร์ มีอะไรให้ผมช่วยไหม?" มิวเป็นคนตัดสินใจเดินมาถาม หันไปมีเอิงกับตินช่วยกันดูแลแขกในงานหันมาส่งยิ้ม

"พี่ขอบคุณพวกเรามากนะ ฝากทางนี้หน่อยได้ไหม..พี่ต้องไปดูทางโน้น" ธีร์ว่า

เขาวุ่นวายไปหมดเพราะไม่มีใครเป็นธุระให้มากนัก และไม่อยากรบกวนใครตามความตั้งใจของแม่ เขาต้องการจัดการงานทั้งหมดเอง

"ไม่เป็นไรนะมึง กูช่วยนะ" มิวบอกก่อนจะลูบหลังเพื่อนป้อยๆ และช่วยประคองธูปส่งให้แขกเหรื่อ

"พ่อ..หวัดดีครับ" ธีร์ยกมือไหว้บิดาและพี่ชายต่างแม่

"เสียใจด้วยนะ" ธารเอ่ย

ถึงแม้เมื่อก่อนเขาจะเอาแต่ไม่เข้าใจและตั้งคำถามแต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว อีกครอบครัวไม่ผิดอะไร มิหนำซ้ำเขายังมีครอบครัวที่สมบูรณ์แต่น้องต่างพ่อทั้งสองกำลังสูญเสีย

"น้องล่ะ..น้องเป็นไงบ้าง" ธรรมถามลูกชาย

"แย่... ตั้งแต่แม่ทรุดหนักก็ผอมลงไปมาก ข้าวปลาไม่กิน"

"ขอพ่อไปดูน้องหน่อย.."

"อย่าเลยครับ... ผมว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม จะด้วยอะไรก็ตามพ่ออย่าเพิ่งไปเจอน้องเลย"

"แต่เขากำลังรู้สึกเศร้า มีพ่ออาจจะดีกว่านะ" ธารช่วยบิดา

"เขายังไม่รู้ว่าสถานะของพ่อกับแม่เป็นยังไง เรื่องนี้พ่อรู้ดี"

"..." บิดาพยักหน้า

"ยิ่งพ่อเข้าไปตอนนี้ น้องจะเสียใจกว่าเก่า ที่คนที่เขาเฝ้าคิดว่าเป็นสาเหตุมายืนอยู่ตรงนี้...อีกอย่างน้องเหลือแค่ผม ถ้ารู้ว่ามีพี่อีกคนน้องอาจจะรู้สึกไม่เหลือใครเลย แม้แต่พี่ชายอย่างผมที่ปิดบังเขา...ว่าเราสองคนเป็นลูกเมียน้อย" ธีร์ร่ายยาว

คนเป็นพ่อสลดใจ ธารเองก็ฟังแล้วรู้สึกแย่ ความสัมพันธ์ครอบครัวเป็นเรื่องเปราะบาง

"งั้นไปนั่งทางโน้นกันเถอะครับ... ผมว่าวันนี้พ่ออย่างเพิ่งเข้าไปเคารพศพเลย" ธารแนะนำ

บิดาของเขาเองก็เห็นด้วย

.

.

คืนที่สอง

ตุลย์ขับรถคันหรูแล่นเข้ามาในวัด พยายามจอดมันให้ไกลจากศาลา

"แล้วพี่จะบอกเขาว่ายังไงอะ.." แอนถาม

"บอกว่าเพื่อนเก่าที่ทำงานของคนที่เสียก็ได้... ทำยังไงก็ได้ให้ความช่วยเหลือไปถึงเขา.. ส่งถึงมือลูกชายคนเล็กเขานะพี่"

"อ่ะ โอเคๆ พี่จะพยายามนะ" เธอเปิดประตูเดินลงไปด้วยชุดสีดำเข้าไปในศาลา ตุลย์เองก็ขยับรถให้เห็นเหตุการณ์ได้ชัดขึ้น

วันนี้ได้เห็นหน้าของเธียร์ที่ดูหม่นหมองยืนรับแขกอยู่ด้านหน้า ดวงใจของเขายื่นมือมารับซองก่อนจะไหว้แอนที่เดินเข้าไปด้านในงานคงเพื่อที่จะเคารพศพพอเป็นพิธี ก่อนผู้จัดการคู่ใจจะขอตัวลาออกมา

เธอตรงปรี่มาขึ้นรถ

"เฮ้อออ ไม่รู้จะเนียนหรือเปล่า แต่คงไม่มีใครทันจะสนใจ"

"เป็นไงบ้างพี่"

"ก็บอกตามที่เธอบอก คนก็มองๆคงไม่คุ้นหน้า"

"แล้วลูกชายเขาล่ะ?"

"คนไหน ถ้าคนที่สูงๆหน่อยน่าจะพี่ชายนั่นก็ดูเหนื่อยเชียวล่ะ ทำโน่นนี่วุ่นเลย ส่วนอีกคนที่ผอมๆ ดูท่าทางเศร้ามาก เพื่อนๆต้องคอยประกบ" ตุลย์ได้ยินแล้วถอนหายใจ

"ทำไมไม่ลงไปเองล่ะถ้าอยากจะแสดงความเสียใจหรือถามไถ่เขา" แอนถามหวังจะเฉลยความสงสัยในใจ

"มันยังไม่ถึงเวลาน่ะพี่" ตุลย์บอกแค่นั้นก่อนจะมองอยู่ชั่วครูและขับรถออกไป

.

.

วันประชุมเพลิง

การฌาปณกิจมารดามีเพื่อนๆของลูกชายทั้งสองมาร่วมงาน นอกจากนั้นก็เพื่อนร่วมงานเก่าของเธอ ทุกคนดูเป็นห่วงเธียร์เป็นพิเศษและคอยถามไถ่ธีร์ที่เดินวุ่น

"เธียร์..." เสียงทุ้มเรียก ในตอนที่เธียร์เดินถอยออกมาจากผู้คนเพราะเขาต้องการจะหนีมาร้องไห้

"มาทำไม!"

"คือพ่อ..." ธรรมจะอธิบาย

"พ่อจะมาทำไม มาสมน้ำหน้าพวกเราหรือไง?"

"ใจเย็นๆ พ่อแค่อยากมาหาลูก.."

"ไม่จำเป็น ผมไม่อยากเห็นหน้าพ่อ พ่อทิ้งเราไป ไม่เคยคิดถึงใจพวกเราเลย แม่ต้องทำงานหนัก แม่ตายแล้วสะใจพ่อหรือยัง!" เธียร์พูดด้วยอารมณ์ จนมิวที่ได้ยินรีบปรี่เข้ามาประคองหลัง

"พ่อไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ พ่อขอโทษ... พ่อมาวันนี้อยากจะมาบอกให้ลูกรู้ว่าลูกไม่ได้เหลือกันสองคน ลูกยังมีพ่อ.." เขาเอ่ยด้วยความเจ็บปวด

"มันไม่สายไปหน่อยหรอ...พ่อจะมาเรียกร้องเอาอะไรกับความเป็นพ่อที่พ่อไม่เคยทำหน้าที่มัน"

"มึงไม่เอา ใจเย็นๆ" มิวจับแขนเพื่อนไว้แน่น

"พ่อพยายามเข้าหาลูกมาทุกทาง ทำไมถึงให้อภัยกันไม่ได้เลย.."

"มันไม่ได้ตั้งแต่ผมโตมาแล้วไม่มีพ่อในงานวันพ่อเหมือนเพื่อนคนอื่นๆแล้ว พ่อไม่รักษาครอบครัวไว้ แล้วผมไม่อยากรู้ด้วยว่าเพราะอะไร มีแค่แม่ก็มากพอแล้ว..."

"แล้วที่พ่อส่งเสียทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือ มันไม่พอเลยหรอ? พ่อทำมันเต็มที่แล้วนะเธียร์ พ่ออยากช่วยเหลือลูกในวันที่แม่ไม่อยู่"

"แม่เขาเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว และเรื่องส่งเสียมันเป็นหน้าที่ๆพ่อต้องทำ พ่อก็ทำแค่ส่วนนั้นแล้วกัน ส่วนหน้าที่ความเป็นพ่อเธียร์กับธีร์ไม่เรียกร้อง ถ้าพ่ออยากทำอะไรสักอย่างชดเชยความรู้สึกผิด ...พ่อก็เอาแม่คืนมาให้เราสิ!"

เธียร์พูดจบก็เดินออกไปหาพี่ชาย มิวยกมือไหว้ลาบิดาของเพื่อน ก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนไป

.

.

.

"ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะไอ้ตุลย์...กู...ไม่อยากจะเชื่อเลย" เต้เอ่ยกับน้องชายในตอนที่เขาเล่าเรื่องทั้งหมดที่ไปสอดส่องงานเผาศพแม่ของเธียร์ให้ตุลย์ฟัง

"วานให้ไปช่วยดูเขาแค่ครั้งเดียว กลับมาก็เพ้อเลยหรอ แล้วคนที่อยู่กับมันมาเป็น10สิบปีอย่างกูควรรู้สึกยังไงวะ?" ตุลย์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

"ถ้าไม่เห็นกับตาข้าไม่อยากจะเชื่อเลย แล้วทำไมไม่เดินไปบอกเขาล่ะวะ จะคอยดูห่างๆอย่างนี้ทำไม?"

"คิดว่ามันง่ายอย่างนั้นหรอ มันซับซ้อนกว่านั้น ดูก่อนสิ เขายังเด็ก... และเวลาที่เขาจะย้อนไปมันอีกตั้งหลายปี ตอนนี้เขายังอยู่มหาลัย ตอนเจอกันเขาจบมหาลัยแล้ว อายุตั้ง 25 จำไม่ได้หรือไง? "

"พอจำได้ แต่ไม่เข้าใจเลยจะรอไปเฉยๆอย่างนี้น่ะหรอ?"

"แล้วคิดว่าไม่ทรมานหรือไงวะ? แต่ถ้าไปเปลี่ยนแปลงอะไรเข้าแล้วเขาไม่ได้ย้อนไปจะทำยังไง เกิดทางชีวิตเขาหันเหเกิดไม่มีเหตุให้ย้อนไปเจอกัน 10 กว่าปีที่รอมาข้าจะทำยังไง? " ตุลย์พยายามอธิบาย

"แต่ข้าได้เห็นอย่างนึง เห็นแล้วจะไม่เชื่อก็ไม่ได้แล้ว... สิบกว่าปีก่อนเขาเคยพาข้าไปที่บ้านหลังนั้น ไปหาพ่อของเขา คนเดียวกับที่ข้าเจอวันนี้แต่ตอนนั้นเขายังหนุ่ม... "

ตุลย์รอฟังอย่างตั้งใจ

"...วันนี้เข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่าทำไมตอนย้อนไปถึงได้บ้าบิ่นยืนด่าพ่อตัวเองในอดีตขนาดนั้น... วันนี้ยังซัดซะเละ กูฟังยังใจหาย.." เต้เล่าสิ่งที่ได้ยินมา

"อืม คงเจ็บปวดเหลือเกิน เธียร์ชอบไปนั่งดูแม่ที่ร้านอาแปะหน้าบ้าน ดูอยู่นั่น... ยังบอกอีกว่ายังไงต้องกลับมาให้ได้เพราะจะไม่ทิ้งพี่ชาย.."

"พิศวงว่ะ... ตอนนี้ก็ยังขนลุกไม่หาย.."

"เมื่อไหร่จะถึงวันนั้นวะ.." ตุลย์พึมพำ

"แล้วถ้าวันนั้นเขาย้อนไปแล้ว แล้วจะเจอกันอีกเมื่อไหร่ เขาจะจำได้ไหม... มันน่าคิดนะ ถ้าต้องรอไปอีก 20 ปีล่ะ กูคงตายก่อน.." คำหลังเต้บ่นแกมหัวเราะ

"ไม่รู้ว่ะ...ไม่รู้เลย..."

"แล้วเขาจะยังรักหรอวะ...มัน.. คือน้องกูก็หล่ออยู่หรอก แต่แก่กว่าไอ้เด็กมัธยมนั่นโขเลยนะ ฮ่าๆ"

"ถ้าจริง...จะทำใจยังไงยังไม่รู้เลยว่ะ.."

สำหรับตุลย์เป้าหมายและคติเดียวคือ...ขอแค่เพียงเฝ้ามองเธอเติบโต จนกว่าเราจะพบกันอีกครั้ง...

.

.

.

.

"เย้ จบแล้วโว้ย!!" กลุ่มบัณฑิตโห่ร้องดีใจกันใหญ่กับใบปริญญาบัตรที่ได้รับ

"จบสักทีไอ้ตุลย์ กูเป็นไทแล้วโว้ยยยยย!!" ธีร์ร้องดีใจที่ส่งเสียน้องจนจบ ออกอาการเสียยิางกว่าคนเรียนจบเอง ทำเอาเพื่อนๆน้องชายขำกันใหญ่

"อย่าเว่อร์!"

"ไม่เว่อร์เลย จะได้มาทำงานช่วยกูผ่อนคอนโด ที่สำคัญเก็บตังค์ไปเที่ยวรอบโลกกันโว้ยย" ธีร์ร้องเฮ

"พวกผมไปด้วยนะพี่!" มิวว่า

"หนูด้วยนะพี่ธีร์" เอิงบอกด้วยคน

"ส่วนตินตินไปอยู่แล้ว เพราะรักพี่ธีร์ม๊ากมากกกกก! " ตินว่า

"โอ๊ยเบื่อพวกมึงอะ จะชื่นชมอะไรธีร์มันนัก!"

"เธียร์อย่าพาลค่า มาทุกคนมาถ่ายรูปกัน.." เอิงว่า ก่อนจะจัดแจงท่ายืนและเรียกตากล้องมา

1 - 2 - 3 แชะ!

รูปแล้วรูปเล่าต่างอิริยาบถถูกกดโดยกล้องอย่างดี ก่อนที่คนมาใหม่พร้อมช่อดอกไม้จะทำเอาเธียร์ชะงัก

"พ่อมายินดีกับลูก.."

"..." ก่อนที่เธียร์จะเอ่ยอะไรให้เสียเรื่อง

"มาเลยครับคุณลุง เธียร์ยืนดีๆ พี่ธีร์ยืนๆ" มิวรีบจัดแจงให้ เจ้าตัวเลยต้องยืนยิ้มถ่ายภาพอย่างจำใจ

"วันนี้วันดี ขอให้ต่อจากนี้ลูกประสบความสำเร็จเจอแต่สิ่งดีๆ.."

"ขอบคุณครับ" เธียร์เอ่ยด้วยหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเขาอยากจะขอบคุณจริงๆ ลึกๆแล้วก็รู้เสมอว่าเรียนจนจบได้เพราะเงินของพ่อด้วย

"งั้นถ่ายภาพกันต่อแล้วกัน พี่พาพ่อไปทางโน้น" ธีร์รีบจัดการแก้สถานการณ์

กรี๊ดดดด

เสียงกรี๊ดดังมาจากไม่ไกล ทำเอากลุ่มเพื่อนพากันหันไปมอง

"มึง!! นั่นมันตุลย์ อิษวัต!" ตินชี้ อ้าปากพะงาบ

"จริงด้วย! มาทำอะไรวะนั่น!" เอิงช๊อคไปอีกคน

"น่าจะมาเล่นให้พวกคณะดนตรีคืนนี้ที่หน้าลานคณะอะ มันชวนพี่เขามาเล่นให้เข้าดูฟรีหลังจากรับเสร็จ... เหมือนเพราะมือเบสจะเป็นรุ่นพี่มอเราด้วย" มิวอธิบาย

"จริงดิ งั้นเสร็จนี่เราไปกันไหม?" ตินถาม

"จะรออะไรล่ะคะ แต่ก่อนอื่นกูต้องไปลากเขามาถ่ายรูปด้วยกันก่อน วันจบกูต้องมีภาพคู่ตุลย์ อิษวัต!" พูดจบเอิงก็เดินไปพร้อมตินที่วิ่งดุ๊กดิ๊กๆ หอบครุยตามไป ก่อนเธอจะกวักมือหยอยๆ เรียกคนที่เหลือพร้อมตากล้องให้ตามไป

"มาเร็วพวกมึง! พี่ตุลย์หนูรบกวนหน่อยนะคะ" เอิงบอก ก่อนจะจัดท่าทางรูปหมู่พร้อม

ตุลย์ได้ยืนข้างเธียร์โดยบังเอิญ

ใครจะรู้ว่าอิษวัตกำลังใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา...18 อีกครั้งมันเป็นแบบนี้นี่เองหรอวะ

"ถ้าเอาลง แท็กพี่ด้วยนะ" ตุลย์เอ่ยกับเอิง ทั้งที่อยากจะขอรูปคู่กับอีกคนใจจะขาด

"มีใครจะถ่ายคู่กับพี่เขาอีกมั้ย ไม่งั้นกูถ่ายนะ" ตินถาม และเธียร์ส่ายหน้าทำเอาตุลย์ใจห่อเหี่ยว

คนอื่นเขาอยากจะมีโอกาสนี้

แต่คนที่เขาเฝ้ารอให้เข้าหากลับเลือกจะแยกไปถ่ายกับเพื่อนชายอีกคน

ชื่อเสียงที่มีไม่ได้ช่วยอะไรเลยสินะ

สักวันเถอะเธียร์...

ตุลย์จะไม่ปล่อยไปไหนอีกแล้ว

วันนั้นขอให้ใจเรายังตรงกันด้วยเถอะ

________________________

๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓

วันเกิดของ ตุลย์ อิษวัต ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายพร้อมด้วยงานทำบุญเปิดค่ายเพลงเล็กๆแห่งใหม่บนที่ดินผืนแพงที่อยู่ติดหมู่บ้านหรู

"งานเรียบร้อยถูกใจดีมั้ยครับ? " โก้ถามเจ้าของงาน

"ดีเลยครับ ว่าแต่วันนี้ไม่ใช่ทีมงานประจำหรอครับ?" เขามองหาไม่เห็นอีกคนที่เขาเฝ้ารอ

"หมายถึงใครครับเนี่ย พอดีอีกทีมน้องใหม่ ผมเลยส่งไปทำแฟนมีตวัยรุ่นน่ะครับ แต่เดี๋ยว...ผมไม่ได้หมายถึงคุณตุลย์ไม่วัยรุ่นนะ เพียงแต่งานแบบนี้มีงานเลี้ยงทำบุญเลยเลือกมาอีกทีมนะครับ" โก้ว่าอารมณ์ดี

กวนส้นตีนชิบหาย

มึงไม่แก่บ้างให้รู้ไปสิวะ

นักร้องหนุ่มบ่นในใจ แต่แสดงออกด้วยการยิ้มตอบเป็นมารยาท

"ทำงานกับคุณตุลย์มาหลายงานแล้ว ไม่รู้คุณตุลย์ติดใจอะไรบริษัทเรานะครับแต่ขอบคุณมากเลย" โก้ชวนคุย

"ครับ... งานก็ดี คนก็ดี ผมก็ไว้ใจให้มาทำเรื่อยๆ"

พูดคุยอีกสั้นๆเท่านั้นก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกัน

"โอ้โห นี่มันค่ายเพลงหรือบ้านมึงเอาดีๆ" บ่วงที่มาพร้อมกระเช้าเอ่ยทัก

"เอาไว้ทำเพลงวงเราไงวะ ใช่มั้ยครับบอส?" อ๋องแซว

"ใช่ครับคุณอ๋อง เอาจริงๆก็บ้านด้วยแหล่ะว่ะ จะทำแล้วก็ทำให้ดี ไว้ทำเพลงให้ศิลปินน้องใหม่ด้วย นึกถึงตอนที่เราไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง กูอยากสานฝันเด็กๆ.."

"เด็กที่ไหนมึงอะ ฮั่นแน่ ใช่เด็กมัธยมที่หน้าเหมือนแฟนเก่ามึงที่เพ้อหาอยู่หรือเปล่า" บ่วงแซว

"ไอ้ห่านี่! พูดอะไรของมึงเดี๋ยวเพื่อนก็คิดถึงอีก นั่นไง ว่าแล้วก็ซึมเป็นหมาเลย.."

"เฮ้ยกูขอโทษ" บ่วงที่โดนอ๋องตบหลังสั่งสอนไปทีรีบขอโทษ

"ไม่เป็นไรว่ะ ว่าแต่เดี๋ยวเดี๋ยวเอาของไปไหว้เป็นเพื่อนกูหน่อยนะ"

สามคนมายืนอยู่หน้าศาลอีกครั้ง หวนทำให้คิดถึง 20 ปีก่อน

"มึง...กูขนลุก" บ่วงยกแขนให้เพื่อนดู แต่โดนยกนิ้วทาบปากจากอ๋องสัญลักษณ์ให้เงียบ ด้วยเพราะตุลย์กำลังหลับตาพึมพำอยู่

ขอให้ฝันในวันคริสต์มาสที่จะถึงนี้เป็นจริง...

ให้เราได้พบและรักกันเสียที...

________________________

๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓

"แอบฟังคนอื่นไม่ดีนะ..." ขำกับท่าทางคนที่ถูกจับได้เสียจริง

การแก้ตัวน่ารักๆนั่น

ต้องเป็นวันนี้สิ...

แม้ชุดที่อีกคนใส่จะไม่ใช่ชุดที่เขาเจอครั้งแรก จนทำเอาใจเป๋...แต่มันต้องเป็นวันนี้

"โตขึ้นเยอะเลยนะ..."

อยากจะตีหน้าผากตัวเอง พูดอะไรออกไปวะเนี่ย

"ตลกแล้ว คุณคือตุลย์ อิษวัตเชียวนะ ผมจำความได้ก็รู้จักคุณผ่านทีวีแล้ว ตั้งแต่เด็กจนโตนะ...." เด็กน้อยของเขาร่ายยาว

ตั้งแต่เด็กเลยหรอ...

"ห้ะ จริงหรอนี่...ฮ่าๆ คุณจำผมได้หรอครับ แฟนคลับตั้งเยอะแยะ..."

ทำไมจะจำเธอไม่ได้ละ...รอมานานขนาดนี้

"เดี๋ยวขอตัวไปทำงานทางโน้นก่อนนะครับ.. "

ท่าทางห่างเหินติดจะกลัวนั่นทำใจเจ็บชะมัด

การเล่นดนตรีด้วยอินเนอร์ของ 20 ปีก่อน

เขาทำได้...

เพียงแค่มีเธียร์ที่เหมือนเมื่อวันนั้นยืนดูอยู่..

"ก่อนอื่นขอบคุณทุกคนมากๆเลยที่มาหากันวันนี้ เกือบ20ปีได้แล้วเนอะ..."

"บางคนในที่นี้ก็อยู่กับผมมาตั้งแต่วันแรก.."

"ขอบคุณทุกคนมากๆ โตมาพร้อมกัน จนตอนนี้ผมแก่ซะแล้ว.."

ทั้งหมดก็เพื่อวันนี้เธอได้ยินไหม...

"ผมไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่วันนี้เป็นวันที่ผมรอคอยมากว่า 20ปี เป็นวันที่ผมใช้เวลาอดทนรอ...และขอให้มันใช่วันนี้สักทีเถิด.."

เสียงผู้คนหน้าเวทีตะโกนถาม

ว่าคนๆนั้นคือใคร...

"ผมบอกไม่ได้หรอกครับ แต่ได้แต่หวัง..ว่ามันจะใช่วันนี้...เป็นวันนี้เถอะนะ...ผมแต่งเพลงมากมายให้ใครคนนึง ผมบอกเสมอว่าแรงบันดาลใจนั้นมาจากคนแค่คนเดียว เขาทำให้ผมมายืนตรงนี้ และวันนี้เขาก็อยู่ที่นี่..."

เธอฟังอยู่ใช่ไหม...?

"ขอบคุณครับ...ฟังเพลงสุดท้ายนี้กันเลยดีกว่า...รอคอยจะได้พบ.."

ทั้งหมดนี่แต่งให้เธอไง

และรอให้เธอได้ฟังมันในวันนี้...

"เธียร์..."

"ครับ? "

"จำอะไรได้บ้างมั้ย? จำอะไรได้หรือเปล่า? "

ไม่รู้ตัวเลยว่าใจสั่นมากขนาดไหน ตอนที่ตัดสินใจเดินเข้ามาเพื่อถามคำถามนี้

"คุณหมายถึงอะไร...หลายครั้งแล้วที่พูดกับผมอย่างนี้ ผมไม่เข้าใจเลย.."

"ยังไม่ใช่หรอ...วันนี้ก็วันที่ 25 ธันวานี่.."

ทำไมล่ะ ...

มันต้องเกิดอะไรขึ้นก่อนหรอ...

หรือต้องไปที่ต้นไม้ ที่ศาล...

"ไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไร แต่ขอตัวนะครับ.."

"เธียร์... ทั้งหมดก็เพื่อวันนี้เลยนะ... ตลอดที่ผ่านมาทั้งหมด เพื่อวันนี้ไงเธียร์...วันที่เราจะได้เจอกันอีกครั้ง ครั้งแรกและอีกครั้งไงเธียร์.."

น้ำตาพาลไหลออกมาจนได้

คงดูโง่มากเลยสินะ...

"คุณบ้าหรือเปล่า...ขอโทษนะที่ต้องพูดอย่างนี้ คุณคงจะเล่นละครมากไป ผมชอบผลงานคุณนะ แต่ไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูดเลย เหมือนว่าเรารู้จักกันเสียอย่างนั้น หรือบางทีคุณอาจจะจำคนผิด.."

ภาพที่คนที่เรารอคอยหันหลังให้เรา

คำพูดใจร้ายนั่น...

นักข่าวเป็นสิบไมค์ที่จออยู่ด้านหน้าไม่ได้เรียกสติผมเลย คำถามประเดประดังเข้ามา

คนที่เอ่ยถึงบนเวทีเมื่อกี๊คือใครคะพอจะบอกได้ไหม

: ไม่สำคัญแล้วครับ

หมายความว่ายังไงคะ แล้วค่ายใหม่ที่เปิดนี่มีอาร์ตแกลอรีเกี่ยวกับอะไรมาเปิดโชว์ด้วย อนาคตในวงการวางไว้ยังไงคะ?

: ผมขอบคุณทุกคนที่มาในวันนี้ แต่ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ...ผมขอยุติหน้าที่และงานในวงการบันเทิงทั้งหมดไว้แต่เพียงเท่านี้

เสียงฮือฮาดังขึ้น

/หมายความว่ายังไงคะคุณตุลย์/

/เกิดอะไรขึ้นคะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า/

: ขอโทษทุกคนด้วยนะคะ ขอตัวให้ตุลย์หน่อยนะคะ ขอโทษด้วยค่ะ

แอนเข้ามาแก้สถานการณ์แต่ตุลย์ไม่รู้อะไรอีกแล้ว

"ตุลย์ทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม? ตอนที่เราตกลงกันมันยังไม่ใช่เร็วๆนี้นี่" แอนถาม

"มึงทำอะไรกระทันหันแบบนี้ได้ยังไง? คิดดีแล้วใช่มั้ย...." โตถามด้วยอีกคน

"มันจะมีประโยชน์อะไร เมื่อแรงบันดาลใจและความหวังเดียวที่รอมา 20 ปี หันหลังให้ผม ผมต้องการสว่างที่สุดท่ามกลางผู้คน เต็มที่ที่สุดให้เขามองหาผมเจอ..."

มารดาเดินมาเอามือวางบนหลังลูกชาย

"แต่วันที่ผมรอมันไม่มีจริง..." ตุลย์บอกอย่างคนไร้ชีวิต

งานปาร์ตี้ถูกจัดขึ้น แต่บรรยากาศไม่สนุกเอาเสียเลยเมื่อตุลย์เมาจนไม่เหลือคราบของคนสติดี

"พอแล้วตุลย์ พอได้แล้ว ก่อนแม่กลับตกลงว่าจะไม่กินต่อแล้วไง?" โตท้วง แอนพาแม่กลับไปบ้านแล้ว แต่อีกคนยังคงดื่มต่อ แม้รอบตัวจะเริ่มเก็บของแล้ว

"ไอ้บ่วงกะไอ้อ๋องล่ะ?"

"มันกลับไปนานแล้ว มึงเมาขนาดนี้กูไล่ทีมงานมึงกลับไปหมดแล้วด้วย.." ตุลย์ได้ยินก็เดินลากตัวเองไปทิ้งตัวลงที่ขอบสระ

รอบข้างทีมจัดงานเริ่มเก็บของกันหมดแล้ว ก่อนที่จะมีเสียงรถขับเข้ามา

"เธียร์..."

คนที่เข้ามาใหม่มองเขา

สภาพคงเป็นไอ้แก่ขี้เมาแล้วสินะ...

ตลกชิบหาย

พยายามจะไม่มองไม่ให้เธียร์รู้สึกไม่สบายใจ

แต่ก็อดจะลอบมองไม่ได้จนอีกคนขับรถออกไป

"มึงพอแล้วไหมไอ้ตุลย์ ไม่งั้นกูจะเอาขวดตีหัวมึงเอง" โตที่เดินออกมาเอ็ดน้อง

"ทำไมวะ... ทำไมยังไม่ใช่อีก ต้อง อึก รออีกหรอวะ?" คนเมาพูดเสียงอ้อแอ้

"แต่ตอนเจอครั้งนั้นมัน...มันยังไม่ถึงเวลานี่วะ ยังไม่หมดวัน ทำไมเลิกหวังแล้ววะ รอมา 20 ปี อีกไม่กี่นาทีรอไม่ได้หรอ พรุ่งนี้เขาอาจจะวิ่งโร่มาหาเองเลยก็ได้.."

"..."

"กูไปเอามือถือก่อนนะ เมื่อกี๊คุยกับหัวหน้าทีมจัดงานบอกว่าลืมเอกสาร ออกมาแล้วเลิกแดกด้วยนะ ไม่งั้นกูจะโทรตามไอ้เต้มาจากตจว.เลย! " โตชี้หน้าคาดโทษ

จริงด้วย...

จริงอย่างที่พี่เขาว่า

ยังไม่หมดวัน...

เขาต้องอยู่กับเธียร์จนหมดวัน

เมื่อกี๊ ชุดที่เธียร์ใส่มาเมื่อกี๊....

เหมือนอีกคนจะเปลี่ยนกันกับเมื่อตอนกลางวันแล้ว...

ต้องใช่วันนี้แหละ ...หัวใจมีหวังขึ้นมา

ว่าแล้วก็คว้ากุญแจรถสตาร์ทออกไป

ไร้สติ...

เมามายจนทรงตัวไม่อยู่..

ไม่มีใครทันสังเกตว่าเจ้าของงานวันนี้ขึ้นรถแล่นออกไปอย่างเร็ว

ปัง!!!! โครม!!!

เสียงดังสนั่นไปทั่วทุกทิศ

"เฮ้ย คุณตุลย์รถชน!!" เบย์ที่เก็บของเสร็จแต่ยังนั่งอยู่บนรถอยู่วิ่งออกมาดูจากรั้วบ้านก่อนจะตะโกนทั่ว

"กรี๊ดดดดด!! พี่เธียร์!!!" ขนมรุ้งกรีดร้องจนหมดแรง

โตวิ่งสุดฝีเท้าจากหน้าบ้านไปหารถน้องชายที่ถัดไปหลายหลัง

ก่อนที่ทุกอย่างจะชุลมุน

ใบไม้จากต้นไม้ข้างศาลร่วงกราวและควันที่พวยพุ่ง

ไม่มีใครทันสังเกตว่าร่างของคนในรถอีกคันที่ชนเข้ากับต้นไม้นั้นหายไปครู่เดียว

นาทีเดียวที่เปลี่ยนทุกอย่างไปตลอดกาล

ก่อนที่ร่างนั้นจะกระตุกกลับมา

การเดินทางหนึ่งปีในอดีตที่เพิ่งจบลง

การรอคอย 20 ปีที่ยาวนานสิ้นสุด...

ชะตาของสองชีวิตถูกเรียงร้อยด้วยมิติกาลเวลา

ด้วยนาฬิกาที่ทวนเข็มกลับไป...

•••••••••••⏱•••••••••••

๑๕ กันยายน ๒๕๖๓

เนื้อหาโลกปัจจุบันกำลังมาแล้วจ้า

อย่าเพิ่งสาปส่งกันเลยนะคะ ...

เราก็รอเขาพบกันใจจะขาดแล้ว

ตอนที่แล้วบทที่ ๒๐
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๒๒
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด