ตอนที่แล้วบทที่ ๑๘
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๒๐

บทที่ ๑๙


ทวนเข็มนาฬิกา

โดย ศศิศิลป์

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

บทที่ ๑๙

พุทธศักราช ๒๕๕๐

ตุลากำลังอยู่ในงานเปิดตัวกองถ่าย เขาผันตัวมาเป็นนักแสดงเรื่องแรก ด้วยบทพระเอกละครเพลง แฟนคลับมากมายรอถ่ายภาพและสสียงร้องเชียร์

"น้องตุลย์ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะ" เสียงนักข่าวมากมายเรียกและรอรุมกันจ่อไมค์

"ใจเย็นนะคะทุกคน ถอยหน่อยค่ะ น้องจะอึดอัดเอานะคะ" ผู้จัดการส่วนตัวที่ถูกส่งมาดูแลคนใหม่ออกคำสั่งแกมขอร้อง

ตุลย์มายืนตรงจุดที่เหมาะสมก่อนจะให้สัญญาณว่าเขาพร้อม

'ได้ข่าวว่าเรามีปัญหากันในวง เลยเลือกออกมารับงานเดี่ยวจริงหรือไม่คะ? '

: "ไม่จริงครับ ปีนเกลียวยังเป็นวงอยู่ เราเดินมาไกลจากจุดเริ่มต้นมาก ผมไม่มีทางทิ้งวง และเร็วๆนี้ก็จะมีเพลงออกมาครับ แค่เราเติบโตขึ้น ผมมีโอกาสเข้ามาทำในส่วนนี้ เพื่อนๆก็แยกตัวไปทำในสิ่งที่เขาถนัด แต่วงยังเป็นวงอยู่"

'รู้สึกยังไงบ้าง ที่เป็นพระเอกเรื่องแรก'

: "ดีใจมากครับ ดีใจที่ได้มีโอกาสทำสิ่งใหม่ ก่อนหน้าที่ผมมีแสดงในเอ็มวีบ้างแล้ว แต่พอดีมีบทเกี่ยวกับการร้องเพลงผมว่ามันน่าสนใจเลยไม่อยากจะทิ้งโอกาส"

'แต่ในเรื่องต้องมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับเพศที่ 3 มีความสับสนทางเพศ เลือกรับอย่างนี้จะมีผลกระทบต่อชื่อเสียงเราไหม? '

: "เพราะอะไรที่บอกว่าจะกระทบหรอครับ ผมขอถามกลับ.."

'ก็เราอาจจะโดนมองว่าเป็นเพศนั้น หรือเอ๊ะ... ทำไมมีความกล้าจังถึงได้รับเล่นแบบนั้นน่ะค่ะ? '

: "ต้องใช้ความกล้าอะไรด้วยหรอครับ อย่างนี้เหมือนทุกคนกำลังจะบอกว่าคนที่ไม่ใช่ straight เขาผิดแปลกหรอครับ ผมว่าละครก็คือการแสดงบทที่ถูกเขียนมา แต่ต่อให้เป็นเรื่องจริง ไม่ควรมีใครควรต้องเป็นกำลังวลหรือรู้สึกผิดที่ชอบในเพศไหนเลยนี่ครับ"

นักข่าวส่งเสียงจอแจไปไม่เป็นกันใหญ่

"เอาเป็นว่าผมฝากละครเรื่องนี้ด้วยแล้วกัน ยังไงอยากให้ทุกคนเปิดใจและเปิดโอกาสให้ผม.."

เป็นข่าวดังไปทั่วทั้งวงการหลังจากการสัมภาษณ์ที่ทั้งตรงและกล้า จากปากของตุลย์ ปีนเกลียว ถูกใจสาวน้อยสาวใหญ่กันเป็นแถบๆ แต่กระแสด้านดีตีกลับมา แต่ด้านลบก็มีเช่นกัน

ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในบริษัท เพื่อประชุมเรื่องเพลงต่อไปกับวงพร้อมด้วยผู้จัดการระหว่างรอคนอื่นๆ

"ตุลย์ ตกลงว่าเราชอบชื่อนี้มั้ยล่ะ..?" แอนผู้จัดการสาวถาม

"ชื่อไหนก็ได้ครับ ความจริงผมชอบชื่อเดิมของผมอยู่แล้ว" เขาเกิดเดือนตุลาควรจะชื่อตุลาอย่างที่มันเป็น

"คืองี้...กูรู้นะว่ามึงไม่ได้สนใจอะไรพวกนี้อะ แต่การจะก้าวเข้าไปในการแสดงที่มึงชอบเนี่ย มันก็ต้องมีเรื่องความมงคลนั่นนี่เข้ามาด้วยไง" โต้งช่วยพูดเพราะแอนหน้าเจื่อนไปไม่เป็นเสียแล้ว

"ใช่มันเป็นชื่อจำน่ะ คนจะได้ไม่เรียกตุลย์ปีนเกลียวกัน ไม่ใช่มันไม่ดีนะแต่ตอนนี้ตุลย์อยู่ในฐานะนักแสดงแล้ว พี่มี 3 ชื่อให้เลือกนะ.." แอนรีบเสริมต่อไม่ให้เสียเรื่อง

"นี่เลยพี่มีตุลยภพ เผื่อตุลย์ยังเห็นว่ามันควรมีชื่อเล่นผสมไม่ก็ อินทวัฒน์ กับอีกชื่อ...อิษวัต"

ได้ยินชื่อนี้ก็ทำเอานักร้องหนุ่มตาโต

ภาพความทรงจำย้อนมา...

"คุณชื่อตุลย์ อิษวัต นั่นคือชื่อที่ผมรู้จักคุณ เกิดเดือนตุลาเพิ่งฉลองวัน.." เธียร์เล่าเสียงใส

"แต่เดี๋ยวนะ ตุลย์ไม่ได้ชื่ออิษวัษ มันชื่อตุลาต่างหาก.." พี่ชายของเขาค้าน

ภาพวันแรกที่เธียร์บอกเล่า และในบางข้อความของบันทึกอีกคนย้ำเสมอว่าเมื่อเขาเป็นแค่ตุลายังไม่ใช่อิษวัตมันต่างกันขนาดไหน..

ตุลาไม่เคยใส่ใจเพราะเขาไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อ จนวันนี้ชื่อนี้มาแผ่อยู่ข้างหน้าเขาอีกครั้ง...

"ผมเอาชื่อนี้..." ตอบแบบไม่ต้องคิด

สิ่งที่มีความทรงจำหรือไกด์ไลน์เป็นเธียร์ช่วยตัดสินใจ มันจะถูกเลือกก่อนเสมอ..

"พี่ก็ชอบชื่อนี้เหมือนกัน เพราะมากเลย..." แอนยิ้มดีใจ

ก่อนที่ไม่นานบ่วงและอ๋องรวมถึงเอจะเดินเข้ามา

"ว่าไงพ่อพระเอก รอนานมั้ยวะ?" บ่วงแซวก่อนจะชนไหล่ทักทายกันจนครบ

"แซวแบบนี้เดี๋ยวก็หาว่ากูดังแล้วแยกตัวอีก"

"ฮ่าๆ ปกติเปล่าวะ วงการบันเทิง บันเทิงมั้ยล่ะมึง" อ๋องว่า

"ใครจะรู้ละว่าไอ้ตัวที่แยกมาแล้วโดนหาว่าโดนทิ้งเนี่ย จะรวยชิบหายแล้ว" พี่โต้งแซวอ๋องที่กำลังไปได้ดีในเส้นทางตัวเอง

"จริงพี่ เล่นเปิดค่ายโปรดักชั่นอลังการเลย มีผมคนเดียวไหมที่ยังหัวเน่า?" บ่วงบ่นยู่หน้า

"ผมด้วยคนพี่.." มือกีตาร์ว่า

"อย่ามาพูดเลย! มึงก็ไปกับมันด้วยเถอะ ทิ้งกู!" บ่วงว่างุบงิบ

"หยุดเลยไอ้บ่วง มึงน่ะตัวดี เดือนนี้ทำเพลงให้นักร้องไปกี่คนแล้วล่ะวะ!" โต้งแซว

"โถ่พี่ แบ่งๆกันกินแบ่งๆกันใช้ รายได้เข้าค่ายพี่ทั้งนั้น.." บ่วงยิ้มกริ่ม

พวกเขาทุกคนเติบโตในทางของตัวเองทั้งนั้น แต่แน่นอนว่าไม่มีใครทิ้งความเป็นปีนเกลียว

"พวกมึงมีทิศทางวงยังไงวะ จะอยู่อีกกี่สิบกี่ร้อยปีกัน"

"โถ่พี่ วงดนตรีนะไม่ใช่โบราณสถาน.." อ๋องหัวเราะร่วน

"พวกผมตกลงกันไว้บ้างแล้ว ว่าคงจะมีเพลงเรื่อยๆ เราจะไม่ยุบและไม่ประกาศหยุด.." ตุลย์บอก

"ใช่พี่ มันไม่อยู่ตลอดไปหรอก แต่ผมว่าทิ้งไว้อย่างนี้ อยากจะทำเพลงเมื่อไหร่ก็นัดทำกัน เหมือนตอนเรายังเด็กอะพี่ นัดเจอกันออกเพลงใหม่ แต่ไม่ออกเราก็ไม่เดือดร้อนอะไร.." บ่วงว่า

"ส่วนคอนเสิร์ตถ้ามันขายได้พวกผมพร้อมเล่น ไม่มีสัญญาผูกขาดแต่เราเซ็นต์กันเป็นงานๆไป.." อ๋องเสริม

"ขอบใจพวกมึงนะ พวกมึงยังขายได้ และเมื่อต้องขายก็ไม่เคยเกี่ยงทั้งที่ไปได้ไกลกันแล้ว พวกมึงจะเป็นตำนานเสมอ ตลอดไป.." โต้งกล่าวชื่นชม

"พวกพี่สร้างผม ไม่ทิ้งกันพี่..."

"ผิดแล้วพวกมึงต่างหากที่สร้างค่าย.." โต้งยกยิ้ม

พวกเราสร้างกันและกัน เพราะฉะนั้นกฎเกณฑ์ไม่ใช่ตัวสำคัญเท่าการประคับประคองกันและกันให้อยู่รอดเลย

___________________

พุทธศักราช ๒๕๕๒

"ผมไม่เข้าใจเลย คุณสนใจอะไรที่ดินผืนนี้นัก?" เจ้าของพื้นที่กำลังยืนเอามือไขว้หลังมองผืนดินด้านหน้าอยู่กับดาราหนุ่ม มีพรชัยที่อายุมากแล้วยืนฟังข้างๆ

"มันมากกว่าถูกใจเสียอีก น้องผมเขารักที่นี่มาก อยากจะซื้อทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ" ชัยเอ่ยหยอกล้อ

"ฮ่าๆ เสียดายที่มันเป็นที่ดินมรดก ผมขายทั้งหมดไม่ได้หรอก อย่างน้อยก็ตรงศาลนี่"

"ผมไม่ซื้อหมดหรอกครับ แต่ขอร้องไว้ว่าผมขอให้ตั้งไว้ต่อไป ให้ผมจ่ายค่าเช่าก็ได้ ผมจะดูแลบำรุงต้นไม้ต้นนี้และศาลนี้เอง" ดาราหนุ่มร้องขอ

"ผมก็ยังสงสัยไม่หาย แต่มันก็มีมูลอยู่หรอก ตรงนี้มันที่เก่าแก่ เคยเป็นสถานที่สำคัญมาหลายรุ่น จนมีศาล จนคุณขอเข้ามาดูแลบำรุงมัน ผมดีใจนะ... เร็วๆนี้ผมจะมีโครงการทำหมู่บ้าน คุณสนใจมั้ยล่ะ? "

"สนใจสิครับ พี่จะทำเป็นแบบไหน? "

"เฮ้ยใจเย็นไอ้ตุลย์ มึงซื้อไปนี่จะเอาไปทำอะไร ซื้อทิ้งไว้เรอะ" ชัยปราม

"ผมมีแพลนจะทำค่ายเพลงเล็กๆอยู่แล้วพี่ ยังไม่ทำตอนนี้ก็ขอให้ซื้อที่ดินแถวตรงนี้ไว้.." ตุลย์ตอบชัย

"ไม่มีปัญหา เราจะทำสัญญาซื้อขายกันไว้ก่อนก็ได้นะ คุณไม่ต้องซื้อจากโครงการราคามันสูง ผมให้ที่เปล่าได้ ถัดจากนี่ไปหน่อย แล้วผมจะได้ตีพื้นที่โครงการไว้ให้ไม่กระทบคุณด้วย" เจ้าของเอ่ยอย่างใจดี

"ขอบคุณมากครับ ไม่อยากจะเชื่อเลยผมเทียวขอซื้ออยู่นาน ไม่คิดว่าพี่จะขาย"

"เกือบสิบปีแล้วนี่ตั้งแต่รุ่นพ่อผมที่คุณมาขอคุยกับท่าน พ่อก็ไม่อยู่แล้ว ผมก็อยากจะพัฒนาที่ดิน เพียงแต่รอบนี้มันขายไม่ได้จริงๆจากพินัยกรรม แต่ผมขายถัดไปไม่ไกลได้" เขาชี้ไปที่ที่ดินห่างไป ขนาดมันใหญ่พอจะสร้างบ้านหลังใหญ่สัก 2-3 หลังได้

"แล้วตรงนี้จะทุบศาลทิ้งไหมครับ?" ชัยถาม

"ไม่ทุบหรอก ผมจะทำเป็นพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้าน ปล่อยเป็นสวน จะยังมีศาลไว้ แม่ผมเขาก็ไม่อยากให้ทำลาย" เจ้าของพื้นที่บอก ทำเอาตุลย์ยิ้มกว้าง

"สมดั่งใจมึงแล้วสินะ" ชัยแซวตบไหล่เปาะๆยกยิ้มตาม

__________________

เสียงพระสวดดังไปทั้งศาลา

ตุลย์ โต และเต้กำลังยืนไหว้รับแขกที่มาร่วมในงาน หน้าโลงมีต๋อยนั่งร้องไห้มีเพื่อนๆของเธอคอยปลอบ

"เสียใจด้วยนะ" ชัยยกมือไหว้ ก่อนส่งซองให้ตุลย์รับแล้วเดินไปนั่งรอฟังสวด

แขกคนอื่นก็ทยอยเข้ามาเพื่อแสดงความเสียใจ

"ฝากทางนี้ทีนะ จะไปดูแม่" ตุลย์ว่า โตพยักหน้ารับ

ก่อนที่น้องคนเล็กจะหันหลังเข้าไปในงาน

"แม่ครับ กินข้าวหน่อยมั้ย? "

"ฮึก ไม่เป็นไรลูก.." เธอส่ายหน้า มือยังกำทิชชู่ไว้แน่น

"พ่อไปสบายแล้วนะครับ แต่แม่ยังมีตุลย์นะ" เขาเอ่ยอย่างเอาใจและปลอบใจมารดา

"เขาไปไวจังเลยนะ ยังไม่ทันเห็นลูกประสบความสำเร็จมากกว่านี้เลย" เธอลูบหัวลูกชาย

"เท่าไหร่มันก็ไม่พอหรอกครับ ผมทำอะไรก็ไม่ถูกใจพ่อสักอย่าง คำสุดท้ายที่คุยวันก่อนพอจะรถชนเขายังบ่นว่าผมเอาเงินไปซื้อที่ดินไร้สาระเลย" ตุลย์มองไปยังหน้าโลงด้วยความน้อยใจ แม้จนนาทีสุดท้ายเขายังไม่เคยได้ยินคำชมเชยจากพ่อสักครั้ง

"ไม่จริงนะตุลย์ อ อย่าพูดอย่างนั้น เขาพูดให้แม่ฟังเสมอว่าตุลย์เก่ง ตุลย์ไปได้ไกลกว่าใครเพื่อน เขาไม่อยากให้พี่ๆรู้สึกแย่ แต่พ่อรักลูกมากนะ" ไม่เท่านั้นต๋อยหันไปหยิบซองใสๆที่ไว้ใส่กระเป๋าเงินของสามีในกระเป๋าหิ้วของเธอขึ้นมา

ก่อนจะยื่นมันส่งให้ตุลา

"เปิดดูสิลูก" เธอเอ่ย

ตุลาค่อยๆเปิดมันออกช้าๆ มันน่าจะถูกเก็บจากที่เกิดเหตุ ข้างในมีเงิน บัตร และมีซองพลาสติกเล็กๆที่ใส่รูปของลูกๆไว้อย่างแน่นหนาอีกที มีภาพใบเล็กๆของงานวันรับปริญญาของตุลย์หลายปีก่อน

ข้างหลังภาพเขียนว่า

'เก่งที่สุด

ลูกชายคนเล็กของฉัน'

มือของตุลย์สั่นระริก

"พ่อเขาพูดไม่เป็น แสดงออกร้ายๆ แม่รู้ว่ามันยากจะเปลี่ยน แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนตั้งแต่วันที่ลูกเกิด คือเขารักและภูมิใจในตัวลูกมากๆนะ" ต๋อยเอ่ยทั้งน้ำตาลูบหัวลูกชายที่ตอนนี้ร้องไห้เสียแล้ว

"เขารอวันที่พร้อมจะวางทิฐิลงแล้วบอกกับลูกเสมอนะ ว่าลูกจะเป็นอะไรก็ได้... และขอให้ลูกได้พ้นจากความเสียใจที่เกิดจากพ่อเขาเสียที มันช้าไปใช่มั้ยตุลย์ ให้อภัยเขานะ"

ตุลย์ส่ายหน้าทั้งน้ำตา

"ไม่สายไปครับแม่ ผมไม่เคย ฮึก โกรธพ่อเลย ผมแค่น้อยใจ ว่าผมไม่เคยดีสักครั้ง ผมจะเป็นแบบไหนก็ไม่ดีสักอย่าง.."

"ไม่จริงนะลูก.." ต๋อยกอดปลอบประโลม

"สำหรับแม่ก็เหมือนกัน ลูกจะรักจะชอบใครแม่ก็ไม่ว่าอะไร และจะไม่คิดอะไรอีกแล้วนอกจากใช้ชีวิตให้มีความสุขนะลูก" เธอว่า

ตุลย์ยืนสงบนิ่งและกล่าวขอบคุณเพื่อนๆและคนที่มาร่วมงานฌาปนกิจพ่อ

"ไหวมั้ยมึง กูเสียใจด้วยอีกครั้งนะ"

"ไม่ไหวบอกพวกกูได้นะ เล่าได้เหมือนเดิม" บ่วงและอ๋องเป็นห่วงเพื่อนมาก ด้วยรู้ดีว่าตุลย์เปราะบางเรื่องพ่อแค่ไหน

"ไหว ขอบใจมากนะที่มา"

"ตุลย์ กูเสียใจด้วยอีกรอบนะ" ชัยเดินเข้ามาหา

"ขอบคุณมากนะพี่ พี่อยู่กับผมมานานเหมือนกันนะ ไม่ทิ้งผมเลย"

"จะทิ้งไปไหนล่ะวะ มึงดังก็ยังมาหากูตลอด คอยช่วยเหลือกูตลอด ถึงหลังๆมึงจะไปนั่งที่ร้านกูน้อยลงก็เถอะ แต่เราก็ยังเหมือนเดิม"

ช่วงปีแรกตุลย์ใช้ร้านของชัยเป็นที่พึ่งทางใจของเขา ให้เหมือนว่าเธียร์ยังอยู่รอบๆ แต่หลังๆเจ้าตัวทั้งงานยุ่งและไม่อยากจอกย้ำความเจ็บปวดของตนจึงหาหน้าไปบ้าง

"อีกอย่างกูต้องติดต่อกับมึงไว้สิ วันนั้นมาถึงเมื่อไหร่กูจะได้รู้ว่ามึงพูดจริง ถ้าไม่จริงกูแฉให้ดังเลย" ชัยบอกแกมขำทำเอาตุลย์ได้ยินแล้วหัวเราะร่า

"ว่าแต่วันก่อน กูไปรับลูกที่โรงเรียน กูเจอมันด้วยนะ ไอ้เด็กคนนั้นมันกำลังจะโตมาเป็นไอ้เธียร์จริงๆหรอวะ" ตุลย์ชะงักกับคำของชัย

"ใกล้แล้วมั้งพี่ แต่ผมรอจนท้อแล้ว.."

"รอมาตั้งสิบปี อีกสิบปีมันจะเป็นอะไรวะ? "

"พี่อ้วนไม่รอไปคนนึงแล้วนี่พี่"

"มึงอย่าพูดอย่างนั้นสิ กูคนนึงที่ยังรอเป็นเพื่อน กูแก่ขนาดนี้แล้วมึงดูสิ.. เจอกันมันคงหัวเราะจนฟันร่วง" ชัยพยายามพูดให้อีกคนหัวเราะ

"ผมมีใครใหม่ไม่ได้เลยพี่ ไม่ได้เลย... มันไม่เหมือนเขา..." ตุลย์ก้มหน้าเศร้า

"มันจะเหมือนได้ยังไง ใครจะเหมือนมันได้"

ใช่...

ใครจะมาแทนเธียร์ได้..

มันคงดีกว่าถ้าเราตายจากกัน

ไม่ใช่การอยู่แบบรอวันจะได้พบไปเรื่อยๆแบบนี้

20 ปีมันไม่น้อยเลยกับการทนคิดถึง..

กลับมาถึงบ้านตุลย์เปิดจดหมายของพ่อออกในห้องนอนของบ้านหลังเดิมที่เขาอยู่ บ้านปรับปรุงเล็กน้อยแต่มันยังรู้สึกเหมือนเดิมๆ

นานๆจะกลับมาครั้ง วันนี้คงต้องมาอยู่กับแม่และพี่ๆ เพราะเวลาแบบนี้ทุกคนต้องการกันและกัน

จดหมายฉบับนี้ถูกแจกจ่ายโดยเต้ บอกว่ามันอยู่ติดในกระเป๋าพ่อตลอด ถูกพบในจุดเกิดเหตุในกระเป๋าทำงาน

---------------------------

เจ้าลูกชายคนเล็ก...

ถ้าได้อ่านจดหมายนี้พ่อคงไม่อยู่กับลูกแล้ว เขียนไว้ด้วยคิดว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน จึงพกมันไว้ใกล้ตัวเสมอเพื่อจะได้พูดในเรื่องที่ไม่เคยบอกลูกเลย พี่ๆของลูก พ่อต่างมีความกังวลใจต่างกันไปดังได้บอกไปในอีก 2 ฉบับไว้แล้ว

สำหรับตุลา ชื่อตุลามาจากลูกได้ลืมตาดูโลกในเดือนตุลา ลูกเป็นเด็กน่ารัก แสนซน และช่างเถียงยิ่งกว่าพี่คนไหนๆ แต่โตมาลูกก็ต่อต้านพ่อยิ่งกว่าใครเหมือนกัน

หลายครั้งการแสดงออกของพ่ออาจจะผิดไป รวมถึงความชอบใจในดนตรี พ่อแค่อยากให้ชีวิตของลูกมั่นคง ไม่ตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน

แต่วันนี้เห็นลูกมีความสุขและหาเลี้ยงตัวเองได้ และยังทำให้แม่ภูมิใจ เอาไปอวดกับเพื่อนๆเขาจนพ่อต้องคอยห้ามว่าอายเขา เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่เห็นลูกได้ทำสิ่งที่รัก

มีอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นว่าลูกยังไม่สุขใจเสียที คือเรื่องความรัก คนที่ลูกรักสุดหัวใจเคยบอกพ่อว่าชีวิตเราไม่ยาวไกล ขอให้พ่อใช้มันเพื่อดูลูกเติบโตอย่างมีความสุข ทั้งหมดนั่นคือเรื่องจริง

พ่อเคยบอกเขาว่าให้ออกไปจากชีวิตลูกซะ และพ่อก็คิดว่ามันเป็นคำที่เลวร้ายที่สุดเมื่อมันเกิดขึ้นจริง ถ้าขอพรได้ก็อยากจะขอให้ความสุขของลูกกลับมา ให้เขากลับมาเป็นความสุขของตุลย์ลูกพ่อ

รักลูกมากๆ และฝากฝังแม่ให้ลูกสามคนได้ดูแลในวันที่พ่อไม่อยู่ ขอพรพระศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง สิ่งเดียวที่พ่อขอคือขอให้ครอบครัวเรามีความสุข

รักลูก"

---------------------------

ตุลากอดจดหมายไว้แน่น

เหมือนทุกอย่างในใจได้ปลดล็อค

ความไม่เข้าใจพังทลายลง...

"พ่อหมดห่วงได้เลย ผมจะใช้ชีวิตต่อจากนี้เพื่อรักและดูแลแม่"

ตุลาเอ่ยทั้งน้ำตาที่นองหน้า...

"เธอต้องดีใจมากแน่ๆ ที่เขายอมรับในตัวเราแล้ว ไว้เราจะเล่าให้เธอฟังตอนเราเจอกันอีกครั้งนะเธียร์"

•••••••••••⏱•••••••••••

๑๔ กันยายน ๒๕๖๓

ตอนที่แล้วบทที่ ๑๘
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๒๐
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด