ตอนที่แล้วบทที่ ๑๗
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๙

บทที่ ๑๘


ทวนเข็มนาฬิกา

โดย ศศิศิลป์

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

บทที่ ๑๘

วัยกลัดมันจะบอกว่าไม่มีใครเลยก็คงฝืนความต้องการ เพราะตอนนี้สาวน้อยกำลังลูบไล้แผ่นอกของตุลย์อย่างเอาใจ ทั้งคู่เปลือยเปล่าอยู่บนเตียงด้วยกัน

"ลุกเถอะ พี่จะไปซ้อมดนตรี" ตุลย์บอกสาวน้อยที่เกาะแขนเขาไว้แน่น

"ไม่เอาสิ อยู่ด้วยกันก่อน" เธอยื้อไว้อย่างเอาอกเอาใจ

"เราตกลงกันแล้วว่าพี่ให้เราได้เท่าไหน เราไม่ทำมากกว่านั้นดีกว่า.." เธอได้ยินแล้วยู่หน้าเล็กน้อย แต่ก็ตกลงแต่โดยดี

อาจจะดูใจร้าย..

แต่เขาบอกผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามา

ว่าให้ได้แค่เท่าไหนและพวกเธอไม่มีใครก้าวล่วง...

เซ็กซ์... เขาต้องระบายมันออกไป

แต่หัวใจที่ยังคิดถึงและรอใครสักคน

มันยากที่จะเปลี่ยนแปลง

ใช้ชีวิตทุกวันเพื่อคิดถึงคนที่อยู่ห่างไปแสนไกล...

ไม่ใช่ห่างด้วยสถานที่...

แต่เป็นเวลา....

เสียงห้องซ้อมที่แน่นไปด้วยเสียงดนตรี เสียงกลองดังตุบๆ ทุ้มไปถึงหัวใจ

แปะๆๆ

เมื่อจบลงก็ได้รับเสียงปรบมือจากโต้งและทีมงาน

"ทำดีมากเลยว่ะ ดีขึ้นเรื่อยๆจริงๆ"

"อัลบั้มใหม่นี้ผมชอบหลายเพลงเลยพี่ ผมว่ามาแน่ๆ" บ่วงอดไม่ได้จะอวยวงตัวเอง

"โถ่ แค่พูดชื่อพวกมึงคนก็รอฟังแล้ว แล้วเก็บของเลย เย็นนี้ไปหาอะไรกินกัน อัดเพลงเหนื่อยกันมาหลายวันแล้ว" โต้งบอกก่อนจะเปิดประตูออกไป ทิ้งไว้แค่ทีมงานบางส่วน

"พี่เท่จัดเลยว่ะ แถมยังโสดด้วย สาวๆไม่กรี๊ดไงไหววะ" หนึ่งในนั้นแซวนักร้องนำ

"หึๆ ไม่เท่าพี่บ่วงมือกลองคนเจ้าชู้หรอก" ตุลย์แซวเพื่อน ซึ่งบ่วงก็เคาะจังหวะรับมุกก่อนจะลุกขึ้น

"รอบนี้มึงห้ามเบี้ยวนะ ต้อนรับน้องใหม่ที่อัดอัลบั้มด้วยกันเสร็จอยู่พ้นอาถรรพ์วง"

สรรพนามที่เรียกกันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มมีความห่ามมากขึ้น แต่ความเป็นเพื่อนยังคงแน่นหนา

"ได้ กูไม่เบี้ยว" ตุลารับปาก

"ไม่ไปได้ที่ไหนวะ เล่นเปลี่ยนมือกีตาร์อัลบั้มละคน คนนี้ให้มันนานๆหน่อยเถอะวะ แล้วเดี๋ยวคืนนี้กินเหล้ากันต่อ" อ๋องกอดคอมือกีตาร์อย่างหยอกล้อ

เสียงชนแก้วและเสียงเฮดังขึ้นในผับเล็กๆ

"ปีนึงแล้ว ยังไม่ลืมอีกหรือไงวะ" บ่วงถามขึ้นมากลางวง

"ลืมไม่ลงหรอวะ.." อ๋องแหย่

"และคงไม่ลืม.." ตุลย์ตอบยิ้มน้อยๆ

"โห ผมนี่โคตรอยากเห็นเลยว่ะ ต้องเป็นผู้ชายแบบไหนวะ ผมเห็นพี่ก็มีสาวๆตลอด แต่รักเขามากขนาดนี้ผมเดาไม่ออก" เอมือกีตาร์คนใหม่ว่า

"กูยังจำหน้าไม่ค่อยได้แล้วอะ จำได้แหละว่ายังไง แต่มัน...เออเอาเป็นว่านับถือใจเพื่อน" บ่วงว่า คนเราปีนึงก็นานพอจะทำให้ภาพเลือนราง แต่เพื่อนเขาสิยังมั่นคง

ตุลาไม่ตอบอะไร ภาพของอีกคนยังคงชัดเจนในใจเขาเสมอ มันตราตรึงอย่างนั้นไม่ไปไหน

ตุลาลากร่างที่เมามายกลับมาทิ้งบนเตียง

"แดกแบบนี้ไม่อาบกลับมาเลยล่ะวะ" เต้บ่น โยนกระเป๋าน้องชายตามมา

"ขอบใจที่ไปรับ"

"เออลำบากพวกข้าทุกที มันยังไงนักวะ ไอ้อาชีพนักดนตรีพเนจรที่เอ็งว่า ต้องเมาหยำเปทุกวันเลยหรือไง" เต้บ่น

"ไม่ได้ไปนานแล้ว... จะบอกว่าทุกวันได้ไง"

"เออนานแล้วที่ไม่ไปกับเพื่อน แต่ไม่กลับบ้านมึงก็เมาที่หอทุกวันคิดว่ากูไม่รู้หรือไง เพลาลงหน่อยเถอะวะ เมาให้ตายห่าเขาก็ไม่กลับมาแล้ว.." คำพูดนั้นเหมือนเอากีตาร์ตัวแพงฟาดแสกลงบนหัว ทั้งเจ็บทั้งชาทั้งอยากจะโหยหวน ตาแดงก่ำหลับลงและทิ้งหลังลงนอน

"เอ่อ...ข้าขอโทษว่ะ.."

"พี่ออกไปเถอะ" ไม่กี่ครั้งที่ตุลย์จะเรียกพี่ชายว่าพี่ เพราะสนิทกันมาก และสรรพนามนั้นก็ทำเต้สะอึก

"ทำไมไม่หาผู้ชายสักคนล่ะวะ ถ้ามันเจ็บมากนัก ลืมยากนัก ก็หาใครสักคนที่คล้ายกัน"

ตุลาได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะขำ

"ไม่ใช่ว่าเป็นเพศไหน... แต่ถ้าไม่ใช่เขา ก็ไม่อยากจะรักใครให้เจ็บอีกแล้ว"

น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย

เต้ถอนหายใจก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ

"เชี่ย!! ไอ้เต้ ไม่มีที่จะนั่งหรือวะ!! " โตที่เพิ่งกลับมาสบถด่าน้องชายที่นั่งมืดๆคนเดียวกลางบ้าน

"เป็นอะไร แล้ววันนี้ตุลย์มันกลับมานอนบ้านหรอ?" โตมองออกไปหน้าบ้าน ที่เขาเดินผ่านรถคันคุ้นตามา

"เรื่องนี้แหละ.."

"มันทำไม เมาอีกล่ะสิ?"

"อืม ทำไมมันไม่ดีขึ้นเลยวะ มัน...คนเรามันรักใครได้ขนาดนั้นเลยหรอวะ?" เต้สงสัย

"กูเห็นมันก็นอนกับผู้หญิง แล้วผู้ชายกับผู้ชาย...เป็นคนอื่นแทนมันไม่ได้หรอวะ?" เต้ยังไม่เข้าใจมันนัก

"ฟังข้านะ หัวใจมันไม่ได้ถูกออกแบบเหมือนคอมพิวเตอร์นะ ไม่ใช่บวกๆ ลบๆ แล้วมันได้ผลลัพธ์อย่างนั้น มันซับซ้อนเปราะบาง ใจคนมันเดาได้ที่ไหนกัน บังคับก็ไม่ได้... เอ็งกับข้าก็ให้กำลังใจมันไปอย่างนี้แล้วกัน อย่าไปพยายามหาคำตอบนักเลย" พี่คนโตตบไหล่น้องชายก่อนเดินเข้าไปในครัว

ตุลาหยิบสมุดบันทึกเธียร์ขึ้นมาดู เขาหยิบมาอ่านบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยอ่านมันจนจบสักหน้าเลยเพราะต้องปิดลงด้วยน้ำตาทุกที

แต่คราวนี้มันคิดถึงจนต้องเปิดออกมาดู...

ได้อ่านตัวอักษรก็เหมือนได้ทบทวนความหลัง

เต็มไปด้วยความในใจที่อีกคนบรรยายไว้...

••••••••••••••••••••?•••••••••••••••••••

'ทำไมขี้เมาจังนะ

เดี๋ยวนี้ทำงานหนักเข้าแล้วจะระบายด้วยแอลกอฮอล์อย่างนี้หรอ...

แก่ไปเรื่อยเดี๋ยวก็อ้วนหรอก

นี่ก็เริ่มมีพุงน้อยๆแล้วดูสิ...

เมามากก็กรนจนนอนไม่ได้เลย

แต่ก็ยังจะงอแงมาขอนอนด้วยทุกที.

LOVE YOU

#MY OCTOBER.

••••••••••••••••••••?•••••••••••••••••••

เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยคิดถึงจัง..

ประสบความสำเร็จเข้าทุกวันเลยนะ

เธอคิดถึงกันบ้างหรือเปล่า...

เดี๋ยวนี้เราไม่ได้เถียงกันเลย

ยอมเธอตลอดเพราะกลัวทำเธอเหนื่อยกว่าเก่า.

MISS YOU SO BAD.

••••••••••••••••••••?•••••••••••••••••••

หนีออกมาตั้งหลัก...

เพราะรับความจริงที่เพิ่งเจอไม่ได้

ทำไมเวลาแบบนี้ไม่มีเธออยู่ตรงนี้ด้วยกันนะ

Tell me if you don’t love me.

(บอกฉันนะ ถ้าคุณไม่ได้รักฉันแล้ว)

•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

น้ำตาของคนเมาเมื่อพลิกผ่านหน้าแล้วหน้าเล่าไปมันก็ทำเอาเล่มกระดาษเปียกปอน เขารีบคว้าผ้ามาแปะลงไปเพื่อซับมัน

ด้วยกลัวว่าสักวันข้อความเหล่านี้อาจจะเลือนหาย

ไม่...

เขาจะรักษาเธียร์ของเขาไว้

ไม่ให้ความอ่อนแอได้ลบสิ่งที่อีกคนเขียนทิ้งไว้

เหล่านี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธียร์หลงเหลือไว้ดูต่างหน้า

หน้าท้ายๆ ทั้งหมดมีแต่ข้อความที่เจ็บปวด

มันเขียนในเวลาหลายสัปดาห์ที่พวกเขาผิดใจกัน

ตัวของตุลย์ทำงานหนัก...

เขาปล่อยเธียร์จมกับเรื่องที่บ้านคนเดียว..

ความเจ็บปวดถ่ายทอดออกมาทางไดอารี่เล่มสุดท้ายที่ถูกทิ้งไว้

ในหน้าสุดท้ายมันเขียนว่า...

••••••••••••••••••••?•••••••••••••••••••

Perhaps our eyes need to be washed by our tears once in a while, so that we can see life with a clearer view again.

(บางทีดวงตาของเราก็จำเป็นต้องถูกล้างด้วยน้ำตาสักครั้งหนึ่ง..และนั่นจะทำให้เรามองเห็นชีวิตได้อย่างชัดเจนขึ้นอีกครั้ง)

เราพบกันเดือนธันวา

อย่าให้เราต้องจากกันในธันวาเลย

•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

ตุลากอดสมุดเล่มใหญ่กว่าฝ่ามือนี้แน่นแนบอก

"ฮึก ก ใกล้จะธันวาอีกแล้วนะเธียร์... อ เธอทำคริสต์มาสเราไม่มีความสุขเลย ฮึก ก เอาแต่คิดถึง เฝ้ารอว่าสักวันเธอจะโผล่มาตัดหน้ารถเราอีก แต่ไม่มีอีกแล้ว"

เขาร้องจนตัวโยน

เพราะวันนั้นเขาพบภาพที่ไม่ถูกใจ

หมายจะไปซื้อข้าวให้อีกคนกลับมากินด้วยกัน

แต่ไปพบว่าเธียร์นั่งอยู่กับเด็กคนนั้นเลยพาลหงุดหงิด

ไม่คิดว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้าย...

เสียงร้องและการหายใจที่ติดขัดนี้ดูเหมือนเจ้าของเสียงจะขาดอากาศให้ได้

ก่อนที่ปากหนักจะค่อยๆ จูบลงบนสมุดแผ่วเบา...

"ขอโทษนะเธียร์ ตุลย์ขอโทษ..."

เจ็บจะขาดใจที่วันนี้ขอโทษเท่าไหร่อีกคนก็ไม่มีทางได้ยิน

______________

๒๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖

ตุลย์และอ้วนมายืนอยู่หน้าโรงเรียนประถม ของเด็กชายวีราทรตัวน้อยที่วิ่งเล่นอยู่ในสนามเด็กเล่น

"นั่นหรอวะไอ้เธียร์.."

"อืม... โตกว่าแต่ก่อนที่ผมมาดูเสียอีก"

"เจ็บปวดมั้ยวะ การมาเฝ้าดูคนที่เรารักเติบโตทั้งที่ควรจะอยู่ข้างกันโตไปด้วยกัน"

แม้ว่าอ้วนจะไม่เชื่อเต็ม 100% แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมีหวัง ในเมื่อนักร้องคนดังเฝ้าเพียรทำมันและยึดมั่นในการทำสิ่งนี้มาตลอดหลายปี

เขาจะขอลองเชื่อด้วยจะเสียหายอะไร

แค่ได้ยินว่าน้องรักที่รู้จักกันไม่นานแต่ผูกพันธ์กันมากมันยังอยู่ แม้จะเป็นในร่างเด็กน้อยมันก็น่ายินดี

"ผมพูดตรงๆว่าตอนแรกรับไม่ได้ เหมือนจะเป็นบ้าไปแล้วพี่ คิดกับตัวเองทุกวัน ว่าหรือผมจะบ้า ที่คนที่เคยกอดเคยจูบกันคือเด็กคนนั้นที่วิ่งเล่นอยู่" แววตาของตุลาหม่นหมอง

"กูเข้าใจ" อ้วนตบไหล่เปาะๆ

"ผมไม่มาไปพักนึงเลย และคงจะไม่มาไปอีกสักพัก เห็นเธียร์แบบนี้ผมรู้สึกเลวที่คิดถึงเขาในแบบนั้น ต้องไม่ใช่การมายืนดูเขาที่เป็นเด็กตัวเท่านั้นสิ....ผมต้องปล่อยให้เขาได้เติบโต.."

จนกว่าวันที่พร้อมจะได้พบกัน...

เขาเอ่ยต่อแค่เพียงในใจ...

"มึงก็อย่าเอาแต่เฝ้าเจ็บปวดเลยว่ะ ไปตามทาง ทำตามฝันของมึงซะนะ วันนั้นที่ได้พบกัน มันคงดีใจและภูมิใจแน่ๆ"

แล้วจู่ๆ ภาพข้างหน้าที่เฝ้าดูอยู่ก็มีธีร์พี่ชายของอีกคนวิ่งเข้ามาหาน้องชาย ก่อนเจ้าเด็กน้อยจะกอดอก คนน้องยู่ปากและแล้วก็เถียงกันจนผลักกันไปมา..

"ไปเถอะพี่..."

เธียร์ยังบริสุทธิ์และไร้เดียงสาเกินกว่าเขาจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่แอบมานั่งมองแบบนี้ได้

คงจะหายไปจากชีวิตเด็กชายตัวน้อยอีกสักครั้ง ไปใช้ชีวิตและเดินตามทางที่รักเพื่อเป็นคนในแบบที่เธียร์บอกว่าเขาจะเป็น

นักร้องดัง...

พระเอก...

ผู้ขับเคลื่อนสังคม...

อะไรก็ตามที่จะทำให้เธียร์ได้รู้จักเขาแบบที่อีกคนได้เคยเล่ามา

บางทีมันอาจจะไม่ใช่เพราะเขาอยากจะทำ อยากจะโด่งดัง

แต่จะทำทุกทางให้เธียร์หาตัวเขาเจอไม่ว่าจะไปไกลแสนไกลกันขนาดไหน

จะสดใสท่ามกลางแสงไฟที่สาดเข้ามาจนเธียร์เดินเข้าหาแสงมาพบกัน

จะเป็นคนที่ทั้งเก่งและเป็นทุกอย่างดั่งในเรื่องเล่าที่ได้ฟังจากปากคนที่บอกว่ามาจากอนาคตนั่น

เธียร์เหมือนนิทาน

ที่ในนั้นเล่าว่าเขาเป็นพระเอก...

และเขาจะเป็นพระเอกของเรื่อง

เพราะเธียร์บอกว่าเขาจะเป็น..

และไม่ว่าสุดท้ายเธอจะอยู่ด้วยกันหรือไม่...แต่เรารักเธอไปแล้ว

•••••••••••⏱•••••••••••

๑๓ กันยายน ๒๕๖๓

(* ภาษามันอาจจะซับซ้อนและต้องตีความลึกๆเสียหน่อยนะคะ มันเป็นกึ่งภาษาพูด ภาษาคิด และภาษาสักอย่างส่วนตัวของเรา ที่ชอบเล่าเวลามีเรื่องเศร้าในใจลงใน storylog ส่วนตัว : เราอยากจะถ่ายทอดตัวละครด้วยภาษาแบบนี้ กึ่งเพ้อฝัน เป็นตุลย์และเธียร์ในจินตนาการของเรา)

ตอนที่แล้วบทที่ ๑๗
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๙
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด