ตอนที่แล้วบทที่ ๑๐
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๒

บทที่ ๑๑


ทวนเข็มนาฬิกา

โดย ศศิศิลป์

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

บทที่ ๑๑

"โอ้โห้ มันขับรถสวี้ดสว้าดได้ใจจริงๆเว้ย" อ้วนว่าคนที่ขับมาจอดหน้าร้าน พร้อมกับที่ตุลย์เดินหงุดหงิดลงมาจากรถยนต์คันนั้น

"หวัดดีพี่" เขาเอ่ยทักทายทุกคน

"เป็นไรมาพี่" อ้วนทักทายตอบ

"มึงก็ยังเรียกน้องมันว่าพี่นะ แก่กว่ามันตั้งหลายปี" ชัยบ่นอ้วนที่ชอบเรียกย่องคนมาใหม่

"อ่ะ ว่าไงไอ้น้อง หงุดหงิดไรมา" อ้วนเปลี่ยนสรรพนามใหม่ตามที่ว่า

เธียร์รอฟังด้วยคน...

"เหนื่อยว่ะพี่ ปัญหาในวงนิดหน่อย" ตุลย์บ่น ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาร้าน

"กับชาติหรอ? " เธียร์ถาม

"อืม.."

"มันห้าวนักหรอวะ ฟังมึงบ่นมาหลายทีแล้ว อยากรู้จักว่ะ" ชัยแกล้งแซวด้วยท่าทางเอาเรื่อง

ถ้าเธียร์คือคนที่ตุลย์จะสบายใจที่จะมาหาในเกือบทุกวันแล้ว ร้านนี้และชัยกับอ้วนก็คงเป็นตัวซัพพอร์ต เป็นเซฟโซนของตุลา

เพราะตุลย์แห่งวงปีนเกลียวใช้มันหลบร้อนหลบหนาวมาระบายประจำ บางวันก็จะซื้อของมากิน วันอาทิตย์ก็มาขลุกอยู่กับเธียร์ บางวันก็พาอีกคนไปแอบส่องเด็กชายเธียร์ตัวน้อยกับครอบครัวที่ร้านอาแปะ

มันเป็นความชินชาเสียแล้ว...

"ให้จัดการให้ปะ แจกให้สักหมาก เดี๋ยวสวยเลย" อ้วนทำท่าทางเอาเรื่อง

(แจกหมาก = ชกหน้า)

"สอ ใส่เกือกจริงๆ มึง" ชัยว่าอย่างระอากับอ้วนเสียเหลือเกิน

"ทีพี่ยังห้าวจ๋าๆเลย ทำมาสอน" อ้วนตอกกลับ

"อ้าวไอ้อ้วน! กูของจริงโว้ย ซ่าไม่ซ่าอ่ะเยี่ยวกูยังเป็นฟองอะ" สองคนเถียงกันไปจนมาจนเธียร์ขำกับศึกภายในที่มีคำด่าสนุกๆมาให้ฟังประจำ

แต่หันมามองอีกคนที่นั่งฟังยิ้มๆแล้ว ใบหน้าของตุลายังดูเหนื่อยใจไม่หาย

"เธอไหวนะ? แย่มากเลยหรอ.."

"ก็ไม่หรอก ความเห็นมันไม่ตรงกัน ความจริงก็แต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ยิ่งงานเยอะเรื่องก็เยอะตาม..."

"แล้วเรื่องเรียนเป็นไง เรียนไหวไหม? "

"นั่นก็อีกเรื่อง แต่ไม่อยากพักน่ะ ลงน้อยๆเรียนเรื่อยๆเอาแต่พอไหว"

เธียร์รู้ดีว่าเพราะพ่อของอีกคน บิดาที่คอยจ้องจับตาดูอยู่ แม้ลูกจะประสบความสำเร็จระดับหนึ่งแล้วนั้น แต่ก็เหมือนจะคอยซ้ำเติมเรื่องเลือกสายเรียนอีกจนได้ ตุลย์เลยต้องกัดกัดฟันสู้ขนาดนี้

"เอางี้ละกัน กูอนุญาตให้เธียร์กลับก่อนหนึ่งวัน เพื่อไปปลอบใจมึงไอ้น้อง"

"เฮ้ยไม่เป็นไรพี่ เกรงใจ" เธียร์ปฏิเสธ

"โนพรอเบล๊ม (No Problem) วันนี้ไม่มีลูกค้าแล้วแหละ มีแต่นัดรับรูปไม่กี่คน เอ็งเอามันกลับไปเยียวยาเถอะ สภาพซังกะตายขนาดนั้น แล้ววันหลังเราไปหาอะไรอร่อยแดกกันแก้เซ็ง" ชัยขยิบตา

"จะดีหรอพี่ ให้ผมช่วยเก็บร้านเถอะ" เธียร์ยังคงเกรงใจ

"ไปเถอะมึง สบายโก๋! " อ้วนแทรก

"คิดมากน่ามึง เอางี้พรุ่งนี้มึงมาเช็ดร้านให้เอี่ยมอ่องอรทัยเลย เป็นการชดเชยวันนี้ เอาน่า...ไปได้แล้วโว้ยไป! " ชัยผลักไหล่น้องให้ออกไปกับนักร้องดังไวๆ ทฤนห์ขี้เกรงใจอยู่เสมอจนชัยเอ็นดู

"ขอบคุณนะพี่" ตุลย์ยกยิ้มพร้อบกับมือที่ยกไหว้

" ม ป ร (ไม่เป็นไร) อย่าซิ่งมากนะมึงจะเด๊ดสะมอเร่ก่อนวัยอันควร" ชัยกำชับสองคนที่เกาะไหล่กันออกไป

"มันสนิทกันจริงๆว่ะ" อ้วนพึมพำ

"มึงคิดเหมือนกู.." ชัยหรี่ตามอง

"พี่ว่ามันทะแม่งๆมั้ยล่ะ แบบว่าได้กลิ่นตุๆ"

"กลิ่นขี้มึงเรอะ! "

"โถ่พี่ เอาดีๆ มันแบบว่ากลิ่นแปลกๆ มากกว่าคนเป็นเพื่อนกันยังไงชอบกล.."

"มึงจะบอกว่ามากกว่าเอ็นดู แต่ดูเอ็นกันหรอวะ?"

"พูดซะกูเห็นภาพ.." อ้วนว่า

"ถ้าใช่มึงจะรังเกียจมันหรือไง? "

"คนอื่นจะยังไงไม่รู้ว่ะ แต่สำหรับผมเธียร์แม่งโคตรคนดีเลย หน้าตาก็ดี นิสัยก็ดี มีน้ำใจ มันดีจนไม่มีอะไรมาลบล้างได้เลย..." ชัยฟังแล้วพยักหน้าเห็นด้วย

"ถ้าตัดเรื่องเพศไป ไอ้ตุลย์จะรักจะชอบก็ไม่แปลกเลยว่ะ กูว่าสังคมใจแคบ" ชัยเสริม

"โห เด็ดดวงว่ะ หล่อคมขนาดนี้ทำไมเจ๊ร้านข้างๆ ยังไม่ติดเบ็ดพี่วะ?"

"ไอ้อ้วนไอ้ส้นตีน ของงี้มันค่อยเป็นค่อยไปโว้ย เด็กมันยังเอ๊าะๆ กระโตกกระตากได้ที่ไหน"

"เฮีย! " ไม่ทันพูดจบสาวหมวยร้านติดกันก็เปิดประตูเข้ามา

"ตายยาก!" อ้วนอุทาน ก่อนจะหลบฝ่ามือชัยเดินหนีไปอีกทาง

รถยนต์คันสวยขับไปตามถนน ลัดเลาะออกไปนอกเมืองเข้าเรื่อยๆ

"ไปไกลนะ จะไปไหน? "

"ไปหาอะไรกินอร่อยๆกัน เปลี่ยนบรรยากาศ"

อย่างที่คนขับว่า ตุลาเขามาเสียไกลและบรรยากาศข้างหน้าพวกเขากลายเป็นทะเลเสียแล้ว

"ไกลไปไหม?"

"ไม่ไกลเกินหรอก ถ้าใจจะมา"

เสี่ยวชิบ... ตุลาเปิดเพจคำคมมุกเสี่ยวท่าจะรุ่ง

"ไปกินข้าวกันมั้ย หิวจนท้องโวยวายแล้ว" เธียร์ว่า

"ท้องโวยวาย? ฮ่าๆ ตลกจริง" ตุลาขำอ้าปากกว้าง

"หัวเราะแล้ว ไปกัน" ทฤนห์คว้ามืออีกคนเพื่อเดินไปร้านใกล้ๆ รู้ตัวอีกทีก็ตอนพนักงานเสิร์ฟที่มาต้อนรับมองพวกเขาแปลกๆ เธียร์เลยรีบปล่อยมือออก

"โทษที"

"อืม" ตุลย์ยิ้มรับ

ชินเสียแล้วนิสัยนี้ของเธียร์ สงสัยจริงๆว่าที่อีกคนจากมา โลกมันเปิดกว้างขนาดไหน เธียร์เป็นคนใจดี และมักทำอะไรให้แปลกใจเสมอ

อาหารที่สั่งมาวางไว้เต็มโต๊ะเริ่มพร่องลง พร้อมเบียร์ที่เหมือนตุลาจะดื่มมันบ่อยขึ้นในช่วงหลัง

"ไม่ดื่มหรอ?"

"เอาเลย ขับรถมานี่ ใครจะขับกลับล่ะ?"

"ค้างสักคืนไหม?"

"ไม่ดีหรอก เธอไม่มีงานหรือไง อีกอย่างยังไม่ได้บอกพี่ชัยเลย" มือถือก็ไม่มี ติดต่อกันง่ายที่ไหน

"นี่ไง..." ตุลายื่นมือถือ

ที่ถ้าเธียร์เจอมันในโลกของเขา คงเห็นว่ามันสุดจะเชยหรือเป็นของหายากชวนให้หยิบมาดูเล่น แต่ตอนนี้ ที่นี่ ยุคนี้ มันล้ำค่าและเท่ยิ่งกว่ารุ่นที่ฮิตกันทั่วเมืองจากสตีฟจ๊อบรุ่นล่าสุดเสียอีก

แต่เขายังมองมันเฉยๆไม่รับมา กลับถอนหายใจยาว

"เราโทรให้ก็ได้..." ตุลย์จะคว้ามันไปกดแต่โดนรั้งมือไว้

"ตุลย์ฟังเรานะ... อย่าเอาแต่ใจอย่างนี้ ทุกอย่างจะทำตามใจไม่ได้ เราสองคนมีงานต้องรับผิดชอบ แล้วงานเธอจะทิ้งมาเฉยๆอย่างนี้เหรอ.."

นึกจะขับรถมาก็มา นึกจะค้างก็ค้าง สำหรับเขาแล้วมันออกจะดูคิดน้อยไปหน่อย

"งั้นกลับไปก่อนเลย เราอยู่คนเดียวก็ได้" ว่าแล้วก็ยกดื่มอึกใหญ่ๆ

"พอก่อนตุลย์" เธียร์คว้าสิ่งที่อยู่ในมืออีกคนมาแล้ววางลง

"ปล่อย!" ตุลย์เริ่มขึ้นเสียงและสะบัดมือออก

เพราะเธียร์อยู่ข้างเขาเสมอ เป็นกำลังใจ เป็นที่พักใจเดียวที่เขาคอยระบาย พี่ชายก็ยังเป็นสิ่งนี้ให้ไม่ได้ มันน้อยใจเมื่อเธียร์กำลังจะบอกว่าเขาทำตัวเป็นเด็ก

"อย่างี่เง่าน่าตุลย์.."

"คิดเงินครับ" ตุลาเรียกเก็บเงิน ก่อนจะวางเงินลงไปจำนวนหนึ่งแล้วลุกขึ้นออกไปทันที

"ตุลย์.."

"..." เด็กหนุ่มเดินหนีออกไปไกลขึ้นเรื่อย

"ตุลย์..." เธียร์ยังคงจ้ำตาม ก่อนจะทันคว้าแขนนั่นไว้

"จะไปไหนก็ไปดิ กลับไปเลย! จะมาสนใจทำไมวะ! " อีกคนสะบัดแขนออกจนเธียร์เซเกือบล้ม

เพราะแม้ตุลาจะยังเด็ก แต่ตัวโตกว่าเขาประมาณหนึ่ง มันเลยทำให้ทฤนห์ทรงตัวไม่อยู่

"แล้วจะให้กลับคนเดียวยังไงวะ พามาแท้ๆ ไม่ได้ดั่งใจก็ไล่ ตัวเธอเองสนใจคนอื่นมากมั้ง!" เธียร์ขึ้นเสียงบ้าง อีกคนตกใจจนชะงัก

"กลับเองก็ได้ อยู่กับโลกเอาแต่ใจนี่ไปก็แล้วกันแม่ง!!" เธียร์ย้ำใส่อีกครั้ง ก่อนจะเดินหันหลังออกมา

แม่ง จะกลับยังไงวะ... เดินไปมั่วๆก่อนก็แล้วกัน

ไอ้เด็กนี่แม่งโคตรเอาแต่ใจเลย แค่บอกว่าจะทำตามใจตัวเองทั้งหมดมันทำไม่ได้ก็โมโห  ชีวิตไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหรือไงวะ... สภาพแทบจะกลายเป็นขี้เมาอยู่แล้ว

ท้อก็มาหา เหนื่อยก็มาหา มันก็อยากจะปลอบอยู่หรอก แต่สอนให้คิดด้วยไม่ได้หรือไงวะ...

สุดท้ายก็ต้องมานั่งอยู่ตรงไหนไม่รู้คนเดียว มืดก็มืด ยุงก็กัด ดึกป่านนี้จะกลับยังไง... เธียร์มองรอบข้างอย่างนึกระแวง

ใจเริ่มกลัวอันตรายเสียแล้ว รอบกายมืดไปหมด ไม่ได้เจริญอย่างเช่นยุคเขาหัวค่ำก็ปิดบ้านมืดกันหมด เสียงฝีเท้าวิ่งตามมาจากไกลๆ ทำเอายิ่งกลัว

"เธียร์" เสียงเรียกนั้นเมื่อหันไปก็พบว่าตุลย์หอบแฮกจับเข่าอยู่ด้านหลัง

"..."

"ไปกัน" ตุลย์ตั้งสติหายเหนื่อยได้ก็ยืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยปาก ต่างกับเธียร์ที่ตั้งท่าเงียบ ไม่ตอบอะไรกลับสักคำ

"ขอโทษ...ไปกันเถอะ นั่งคนเดียวมันอันตรายนะ" ตุลย์เอ่ยให้ยาวขึ้น แต่เมื่ออีกคนเงยหน้าขึ้นมาตุลาก็เห็นน้ำตาที่คลอหน่วย

เธียร์ร้องไห้...เพราะตัวเขาเองก็ไม่มีใคร การโดนผลักไสจากคนเดียวในชีวิตที่มีแม่งโคตรแย่เลย โลกที่มีเพียงตุลาเป็นเพียงที่พึ่งของกันและกัน

"เธียร์.." ตุลย์เอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปกอดไว้แน่น

"จะให้ไปไหนวะ แม่ง! ทางก็ไม่รู้ ไม่รู้จักใครสักคน! มือถือก็ไม่มี ไม่มีใครสักคน!!" จากที่มันแค่เอ่อ น้ำใสๆ ก็ไหลพรากไปทั้งใบหน้า

"ขอโทษ.." ตุลากระซิบพร้อมกับกอดปลอบเธียร์ที่ยังสะอื้นไม่หยุด

สุดท้ายแล้วก็ต้องมาค้างคืนที่บังกะโลเล็กๆ เพราะผิดใจกันจนดึก และสภาพไม่มีใครพร้อมขับรถสักคน

"ขอบคุณครับพี่ / ผมขอโทษนะ จะไม่ให้เกิดแบบนี้อีกแล้ว วันอาทิตย์ผมจะกลับไปทำงานนะ / ...แต่ /....ก็ได้ครับ ขอบคุณมากนะพี่ชัย / ....ก็ผมไม่รู้จะพูดยังไงนี่ / ครับ หวัดดีครับ" เธียร์กดวางสาย

คนที่นั่งอยู่ข้างๆก็พอจะเดาได้ประโยคโต้ตอบได้

"แกให้หยุดถึงวันอาทิตย์ปกติเลย ทำงานอีกทีวันจันทร์.." เธียร์เอ่ยบอกตุลย์ที่นั่งกินเบียร์ฟังอยู่เงียบๆ

"อืม..."

"แล้วนี่ไม่มีอะไรแน่นะ หายมาหลายวันจะเป็นอะไรไหม?"

"จริงๆมีซ้อมพรุ่งนี้ แต่โดดสักวันไม่เป็นไรหรอก.."

"ตุลย์..." ทฤนห์กำลังจะต่อว่า

"เอาน่า เกเรบ้าง โทรบอกไอ้บ่วงแล้ว มันโอเค ให้พักผ่อน.." ตุลย์รีบแก้ ก่อนจะกลับมานั่งเงียบเหมือนเดิม

"เลิกกินได้แล้ว จะเป็นไอ้ขี้เมาเข้าไปทุกที.."

"เลิกบ่นได้แล้ว จะเป็นไอ้ขี้บ่นเข้าไปทุกที.."

เมื่ออีกคนยอกย้อน คราวนี้เธียร์เงียบ...

"...ขอโทษ.."

"ไม่เห็นต้องขอโทษ เราสิต้องขอโทษ คงบ่นมากไปจริงๆ ชีวิตเธอนี่...จะเป็นยังไงก็ได้"

เคร้ง!

"หยุด! ห้ามพูดแบบนั้นอีก! " ตุลย์วางขวดลงอย่างแรงจนไปชนขวดที่เหลือล้มเสียงดังไปทั่ว

"...."

"อย่าพูดเหมือนเป็นคนอื่น! เธอไม่ใช่! วันนี้เธอพูดแบบนั้นหลายรอบแล้ว พูดเหมือนเราเป็นคนอื่น เหมือนจะทิ้งให้เราอยู่คนเดียว.."

"ตุลย์..."

"อย่า... อย่าเป็นแบบนั้น.." ตุลย์ที่เริ่มเมาอยู่แล้วด้วยตัวสั่นเล็กน้อย

"ตุลย์ ไม่ใช่อย่างนั้น.." เธียร์ขยับเข้าไปใกล้ แล้วโอบอีกคนไว้ ตุลาเลยค่อยๆเอนตัวมาซบ

เขาบอกแล้ว...ว่าตุลย์คือเด็กน้อย เด็กหนุ่มผู้ชายซื่อๆ ที่คิดยังไงก็แสดงออกอย่างนั้น ไม่มีกำแพง และพร้อมจะแสดงความอ่อนแอใส่เขาเสมอ

"เราแค่กลัวเธอรำคาญ เราอาจจะบ่นมากไปหน่อย เธอโตแล้วนี่..."

"เราเคยรำคาญหรือไง? เราแค่ 18 ไม่ใช่ลุง 38 แบบที่เธอเคยเจอ... เราไม่รู้ว่าเธอเจอเราแบบไหนมา แต่ตอนนี้เราเป็นตุลานี่ไง ..." คนฟังชะงักทันที

..ใช่ ตอนนี้ตุลย์ไม่ใช่ อิษวัต คนมาดเข้ม ...ไม่ใช่คนที่ดูแกร่งและผ่านอะไรมาเยอะนั่น เป็นแค่ตุลาเด็กน้อยของเขา

"ช่วยปลอบเหมือนเราเป็นแค่เรา ช่วยมองเราเป็นเราแบบนี้ได้มั้ย อย่าทิ้งกัน... อย่าทำเหมือนเราจะรับมันคนเดียวได้.."

"ตุลย์..."

"ช่วยลูบไหล่เราแบบนี้ ปลอบใจเรา ไม่ต้องตามใจก็ได้ เป็นที่ปลอดภัยให้เราจากโลกข้างนอกนั่นได้ไหม.."

ฟังแล้วหัวใจมันห่อเหี่ยวกับการเติบโตที่เด็กหนุ่มตรงหน้าต้องเผชิญ พอๆกับที่ใจเริ่มฟูไปหมดเพราะความดีใจลึกๆ

"เธอก็ห้ามไล่เราอีก เธอก็รู้ว่าเราไม่มีใคร ...ไม่สิ มีครบเลย แต่โลกตอนนี้มีเราอีกคนที่อายุแค่ 6 ขวบเองนะ จะให้เราไปไหนพ่อแม่ยังไม่รู้จักเราเลย"

"ขอโทษ...สัญญาว่าจะไม่พูดแบบนั้นอีก..." ตุลย์กอดตอบเขาแน่น

"ถ้าเธอสัญญาเราก็จะไม่ไปไหนอีก อยู่ข้างเธอแบบนี้.."

ตอนนี้เขาโคตรจะรักตุลาเลย ไม่รู้แล้วว่าเขาคนนี้จะเป็นอะไรในอนาคต แต่แค่เป็นตุลาให้ทฤนห์ในตอนนี้มันก็ดีที่สุดแล้ว

ตุลย์ค่อยๆเงยขึ้นมองคนพี่ ตาที่สบกันทำให้บรรยากาศซึ้งๆเริ่มเปลี่ยนไป ...

หน้าค่อยๆยื่นเข้าหากัน ก่อนที่ปากของเด็กหนุ่มจะประกบเข้าหาปากนิ่มของอีกคน เป็นจูบที่อ่อนโยนและอ่อนหวานที่สุด ทั้งคู่ดูดดันกันอยู่นาน ลิ้นร้อนตวัดเข้าหากัน ไม่สนกลิ่นของแอลกอฮอลที่คละคลุ้ง ก่อนที่เธียร์จะเป็นคนผลักตัวออกอย่างอ้อยอิ่ง ริมฝีปากที่ผลักจากกันยังคงดูโหยหา...

"เอ่อ...ตุลย์ เธอเมา.." ทฤนห์ร้องเตือนแต่ตุลาส่ายหน้า

"เรามีสติดี.."

"ธ เธอไม่ใช่แบบเรา.."

"แบบเธอมันแบบไหนวะ! เธอสอนเราเองว่าเป็นคนเท่ากัน มาตอนนี้จะมาลดค่าตัวเองเนี่ยนะ ไหนบอกว่ายุคเธอมันศิวิไลซ์นักวะ! " ตุลย์ไม่พอใจที่เธียร์พยายามจะแบ่งแยกเขาออก

"แต่ตอนนี้ไม่ใช่!! สังคมตอนนี้มันไม่เหมือน นั่นมันอีก 20 ปีนะตุลย์! ตอนนี้มันไม่ได้ เธอจะเอาอนาคตมาเสี่ยงแค่เพราะอารมณ์ชั่ววูบทำไม!? " กลับกัน ณ วินาทีนี้เป็นเธียร์ที่พะวงถึงเรื่องความหลากหลายทางเพศที่ไม่เป็นที่ยอมรับในยุคนี้ เขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับการแปลกแยกจากสังคม

"ต้องสนด้วยหรอวะ! เรารู้สึกดีกับเธอนี่ไง แค่อยากจะจูบ ต้องคิดถึงอะไรอย่างอื่นด้วยหรือไงวะ! "

ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก

เสียงหัวใจของเธียร์มันดังขึ้นจนเหมือนรัวกลอง ฝ่ายที่มีใจให้เขาอยู่แล้วได้ยินแบบนี้มีหรือจะเก็บจะห้ามใจไว้อยู่...

"แค่-" ยังไม่ทันที่ตุลาจะโมโหต่อ

เธียร์คว้าคออีกคนโน้มหน้ามาประกบจูบลงไปใหม่

ถ้าตุลาไม่สนความห่าเหวนี่...

เขาก็ไม่สนเหมือนกัน

ในเมื่อโชคชะตาบ้านี่มันเล่นตลก

ก็ขอทำตามใจตัวเองหน่อยแล้วกัน

จะมีสักกี่ครั้งที่หัวใจมันฟูและพองโตแบบนี้

ไม่ใช่ทุกวันที่เราจะมีช่วงเวลาที่อยากจะรักใครเต็มหัวใจแบบนี้...

•••••••••••⏱•••••••••••

๙ กันยายน ๒๕๖๓

ตอนที่แล้วบทที่ ๑๐
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๒
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด