ตอนที่แล้วบทที่ ๙
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๑

บทที่ ๑๐


ทวนเข็มนาฬิกา

โดย ศศิศิลป์

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

บทที่ ๑๐

ตุลย์แต่งตัวเตรียมออกจากบ้านแต่เช้า เขาตั้งใจจะไปหาอีกคนที่ร้านภาพนั่น

"ไปไหนวะ? วันอาทิตย์เอ็งหยุดไม่ใช่หรอ? " โตถาม

"ใช่ นี่เมื่อวานก็ทีนึงแล้วนะ หายไปทั้งวันจู่ๆ ก็มีงาน" แม่เขาถามบ้าง

"ออกไปหาเพื่อนน่ะแม่"

"เพื่อนแน่หรอ ไม่ใช่ว่าไปหาเด็กหรอ?" โตแซวน้อง

"ไม่ใช่ จะไปหาเธียร์.." ชื่อนี้ยิ่งทำโตแปลกใจใหญ่

"ที่ร้านน่ะหรอ คุยกันแล้วหรอ ข้านึกว่าเอ็งสองคนเกลียดขี้หน้ากันซะแล้ว"

"เดี๋ยวนะ เธียร์ไหน ทำไมแม่ไม่รู้จัก.."

"ก็คนที่ไอ้อ๋องเพื่อนมันพากันขับรถชนเขาแล้วมาอยูที่นี่พักนึงไงแม่ ตอนนี้เขาทำงานที่ร้านรูปนี่แหละ เอ็งไปเจอมาแล้วล่ะสิ.."

"นี่รู้กันหมดเลยหรอว่าเธียร์อยู่นั่น ทำไมมีแต่ข้าที่ไม่รู้.." ทั้งเต้และโตรู้แน่ๆ

"ก็เอ็งไม่ถาม ข้าเจอออกจะบ่อย ข้าล้างรูปร้านนี้ตลอด มีปัญหากล้องก็ร้านนี้.." โตว่า

"ไปแล้วนะแม่.." ตุลย์ฟังจบแล้ว และไม่อยากจะรอช้า เขารีบกระโดดขึ้นรถทันที

"ขับดีๆนะลูก!" แม่ตะโกนไล่หลัง

"เขาสนิทกันมากเลยหรอ เล่าให้แม่ฟังหน่อยสิ.."

"ก็สนิทนะแม่ เขาเป็นคนดีด้วย ตอนอยู่เนี่ยนะทำกับข้าวให้เรากินตลอด แต่ถ้าไม่นับเรื่องประหลาดที่เจ้าตัวบอกว่ามาจากอนาคต.." โตเริ่มเล่าเรื่องราวให้แม่ฟัง ซึ่งเธอก็ฟังด้วยความตั้งใจและดูจะเชื่อเสียด้วย

"เฮ้ย หวัดดีพี่ โอ้โห วันนี้มาหล่อเลย" อ้วนทักทายนักร้องคนโปรด

"หวัดดี เรียกพี่อะไรกัน ผมเด็กกว่าพี่อีก..แล้วนี่เธียร์ไม่อยู่หรอ? " ตุลย์มองหารอบๆร้าน

"ไม่อยู่หรอก วันนี้มันหยุด" ชัยตอบ

"อ้าว มาเก้อหรอเนี่ย.." ตุลาคอตก

"แต่ถ้าจะไปหามันก็ไม่ยากหรอกนะ คงจะอยู่ที่หอนั่นแหละ..." อ้วนบอก

___________________

ตอนนี้ตุลย์มายืนหน้าห้องบนหอพักเก่าๆแห่งหนึ่ง เขารู้เลขห้องมาเรียบร้อยแล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เพียงไม่นานคนที่อยากจะพบก็เดินมาเปิดประตูจนได้

"อ้าว มาได้ไง...เข้ามาก่อนสิ" เธียร์เชิญอีกคนเข้ามา

"แคบหน่อยนะ นั่งก่อน.." ตุลาถูกเชิญให้นั่งบนเก้าอี้ของโต๊ะโง่ๆ ตัวหนึ่งข้างเตียง

"ไปที่ร้านเห็นเขาบอกว่าวันนี้เธอหยุด ก็เลยให้ที่อยู่มา.."

"อืม แล้วมีธุระอะไรหรือเปล่า.."

"ก็แค่อยากมาเจอ ...ทุกอย่างเป็นเหมือนที่บอกไว้จริงๆด้วยนะ"

เรื่องเส้นทางดนตรีสินะ

มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นสิ...

"ขอโทษด้วยนะเรื่องวันนั้น" ตุลาเอ่ยอีกครั้งหลังจากเงียบไป

"จะขอโทษทำไม เธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ มันก็แค่...เธอไม่ใช่คนประเภทอย่างเรา" ประชดประชันเล็กน้อย

"อย่าเข้าใจผิดนะ เราไม่ได้รังเกียจหรือเกลียดเธอเลย เราไม่ชอบที่ไอ้ชาติพูดอย่างนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องออกมาอยู่ที่นี่แบบไม่บอกลากันสักคำ.."

เธียร์ชะงักไป...

"แบบนี้มันดีแล้ว เรารบกวนเธอมาหลายเดือนแล้วตอนนี้หาเลี้ยงตัวเองได้ เธอเองก็มีชื่อเสียง...ไม่ต้องห่วงเราหรอก"

"แล้วอยู่ได้หรือไง เธอไม่มีใครสักคน ในเมื่อเธอไม่ใช่คนที่นี่..." ตุลย์เป็นห่วงจริงๆ

"เราอยู่ได้ จะทำยังไงได้ละ กลับไปก็ไม่ได้.. อีกอย่างแถวนี้ก็ไม่ไกลบ้านเรา คิดถึงเราก็ไปหาพวกเขาได้บ่อยๆ.."

ตุลย์ไม่มีข้อแย้ง ทำเพียงมองหน้าอีกคน..

"ไปกินข้าวกัน หิวหรือยัง? "

"ห้ะ? "

"ไปหาอะไรกินกัน .."

"เราก็ยังเป็นเพื่อนกันไง ไม่ได้หรอ?"

เธียร์ได้ยินแล้วยกยิ้ม

"อืม ไปสิ.."

รถของตุลาถูกแล่นออกจากหอพัก ไปตระเวนกินร้านอาหารต่างๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าเวลาแป๊ปเดียวเด็กมัธยมคนนั้นจะเดินเข้าใกล้ความเป็นอิษวัตเข้าทุกวันแล้ว

"มองอะไร เราหล่ออะดิ? " ตุลย์หันมาถามหลังจากยืนซื้อขนมเพื่อเอาไปฝากแม่

คำถามของตุลย์ทำเอาอีกคนแปลกใจ

"ทำไม...." เธียร์เอ่ยค้างไว้

"ทำไมอะไร? "

"แซวอย่างนี้ไม่เป็นไรหรอ เธอก็รู้ว่าเราชอบผู้ชายนะ..." เป็นเขาเองที่นึกสงสัย นี่บทจะรับได้ขึ้นมาก็รับได้หรอวะ มันชวนให้ถามจริงๆ

"แล้วยังไงอ่ะ หรือว่าเธอชอบเรา?"

"หลงตัวเอง! " เธียร์เบะปาก

เออ! ชอบ...เริ่มชอบแล้ว แล้วจะชอบมากด้วย โลกใบเก่านี้เขาไม่ได้รู้จักคนมากมาย และตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เขาได้เห็นการเติบโตของเด็กผู้ชายคนนึงที่กำลังเริ่มเป็นผู้ใหญ่ เด็กน้อยกำลังทำให้เขาใจเต้น

"ฮ่าๆ ก็เธอบอกเองนี่ ว่ายุคเธอใครจะเป็นอะไรก็ได้ จะเป็นเพศไหนเราก็เป็นคนเหมือนกัน รู้มั้ย...เราเก็บไปคิดมาเลยนะ ว่ามันก็จริง คนเราก็คนเหมือนกัน ทำไมสังคมต้องแบ่งแยก"

"จะบอกว่าเธอก็ชอบผู้ชายได้หรอ"

แปลกใจ แต่ที่ได้เห็นอาการและท่าทางวันนั้นเหมือนตุลย์จะแคร์สังคมและเพื่อนมาก

"ไม่รู้ดิ.. เรื่องอย่างนี้ต้องดูไปก่อน ตอบเลยได้ที่ไหน.." ตุลย์ยกยิ้ม

แค่เพียงเท่านั้นผีเสื้อนับร้อยก็บินไปทั่วท้องของทฤนห์อีกครั้ง

"แม่เธอจะไม่ว่าอะไรใช่มั้ย.."

"จะว่าอะไรล่ะ ลงไปสิ" ตุลย์ลงรถ เดินนำเข้าไปในบ้าน แปลกที่เธียร์ก็อยู่ที่นี่มาพักหนึ่ง แต่ไม่ชินเสียเลยเมื่อรู้ว่ามารดาของอีกคนอยู่ด้านใน

"สวัสดีครับ" ยกมือไหว้ผู้หญิงที่เขาจำได้ดีที่เจอวันแฟนมีตของอิษวัต แต่หน้าอ่อนวัยกว่ามาก ก็ตั้งยี่สิบปี กาลเวลาก็สร้างริ้วรอยแห่งวัยให้ผู้หญิงคนหนึ่งได้อยู่แล้ว

"สวัสดีจ้ะ นี่หรอเธียร์ หน้าตาน่าเอ็นดูจัง.." เธอดูใจดีเหมือนอย่างเดิม เหมือนกาลเวลาข้างหน้า

"ข้าเล่าเอง" โตอธิบายเมื่อสองคนงงที่แม่รู้จักชื่อเธียร์

"งั้นนั่งคุยกันไปนะ เดี๋ยวไปแกะขนมใส่จานมากินกัน.." ตุลย์ว่า

"เราช่วย" ทฤนห์จะลุกไปด้วย

"ไม่ต้องหรอก นั่งนี่แหละ เราไปช่วยเอง" โตดันไหล่อีกคนให้นั่งลงก่อนตามน้องชายไป

"โตเล่าให้แม่ฟังหมดแล้ว เขาบอกว่าหนูมาจากอนาคต" เธอเลิกคิ้วถาม

"เอ่ออ...ค คือ.."

เล่าไปใครจะเชื่อวะ ขนาดพิสูจน์มาได้หลายอย่าง เต้พี่ชายคนกลางของบ้านยังตั้งท่าจะหาว่าเขาบ้าอยู่เลย

"เล่ามาเถอะ น้าอยากฟัง.." เธอยกยิ้มใจดี ยิ้มที่เหมือน 20 ปีข้างหน้าไม่ผิด เธียร์เล่าเรื่องราวที่พอจะเล่าได้ เรื่องเดิมๆ คือชื่อเสียงของตุลาที่จะกลายเป็นอิษวัต ชีวิตหลายๆ อย่างของตนเองบางส่วน

"แล้ว...น้าล่ะ หนูเคยเจอไหม?"

"เคยสิครับ แต่เป็นครั้งเดียว...เป็นวันเดียวกับที่ผมจากมาที่นี่ คุณน้าอาจจะไม่เชื่อ แต่คุณน้ายังสวยและใจดีเหมือนวันนี้ที่ผมได้พบเลย.."

"ปากหวานขนาดนี้น้าก็ดีใจแย่"

"อะไรกันยิ้มไม่หยุดเลย แม่ก็ชอบเข้าอีกคนแล้วสิ" โตแซว ทำเอาน้องชายแอบค้อนเพราะรู้ว่าเหน็บตน ชอบเข้าอีกคน ถ้าใจฟังพี่ชายกำลังยียวนเขา

"เธียร์ใจดีนะแม่ เขาไม่มีพิษภัยอะไร ตั้งแต่อยู่ที่นี่ก็ไม่เคยทำให้เราเดือดร้อนเลย ออกจะขี้เกรงใจด้วยซ้ำ" ตุลาเอ่ย

"แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ตุลย์ เราก็ดูจะสนิทกันมากนะ เข้าข้างเขาเสมอเลย" คำของแม่ทำเอาโตขำพรืด

"ก็กลัวแม่จะไม่เชื่อเรื่องที่เขาพูด..." ตุลาเลิ่กลั่ก

"ไม่เห็นสำคัญเลย แม่ไม่รู้หรอกนะ มันก็มีเหตุผลหลายอย่าง แต่ถ้าเขาดีกับเราทำไมแม่ต้องตั้งแง่ด้วยล่ะ" เธียร์ได้ฟังอย่างนั้นก็ยกยิ้มกว้าง

"เอ้อ แล้วก็เรื่องพ่อ..." ต๋อยพยายามพาเข้าเรื่อง

"ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า" ตุลาตัดบท โตถอนหายใจยาว

"คุยกันเถอะนะ พ่อไม่ได้จะว่าหรือขัดขวางสักหน่อย เขาก็คิดไปตามประสาเขานั่นแหละ..."

เธียร์เริ่มเห็นสถานการณ์ไม่ดี เลยจะขอตัวลุกออกไปด้านนอก

"งั้นขอตัวพาเธียร์ไปส่งเลยแล้วกันนะแม่ เดี๋ยวจะมืด..." ตุลย์ได้โอกาสเดินคว้ากุญแจรถเดินออกไปทันที

"สวัสดีครับ.."

"จ้ะ ว่างก็มาใหม่นะ" เธอรับไหว้เธียร์ที่เอ่ยลา

ปัง!

เสียงปิดประตูรถลงอย่างแรง

"เอ่อ..คือ..."

"อย่าเพิ่งถามเลย.." ตุลย์ห้ามเอาไว้ ก่อนสตาร์ทออกรถไป ระหว่างทางไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ตุลย์แวะจอดร้านของชำ

"รอเดี๋ยวนะ" เขาหายไปครู่เดียวจริงๆ

ก่อนจะออกมาพร้อมแอลกอฮอล์ เปิดประตูแล้ววางมันลงที่เบาะหลัง เธียร์ไม่ถามอะไรจนรถแล่นมาจอดที่หอเขา

"ขอบคุณนะวันนี้.." ยังไม่ทันจะก้าวลงจากรถ

"ขอขึ้นไปกินที่ห้องเธอได้ปะ.."

"อ อ๋อ ได้ดิ" งงเล็กน้อยแต่ก็เดาได้ว่าเพราะเรื่องที่ตุลย์ตัดบทมารดาจากที่บ้านมา

"เราถามได้หรือยัง ว่าเธอมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เรื่องพ่อใช่ไหม? "

เธียร์เอ่ยถามหลังจากนั่งดื่มด้วยกันอยู่ตรงระเบียงห้องที่มองเห็นวิวเมืองเหงาๆ ช่วงเย็น

"เขาไม่ได้อยากให้เราเดินเส้นทางนี้ บอกว่าอาชีพเต้นกินรำกิน.." ว่าแล้วก็ยกขวดกรอกเข้าปาก

โห...อาชีพนี้เป็นอีกอาชีพที่ผู้คนอยากจะเป็น อยากจะคว้า แล้วมันง่ายเสียที่ไหน ไม่ใช่ทุกคนจะได้มาถึงจุดเดียวกับตุลา อาชีพที่ถ้ารุ่งก็ตั้งตัวได้ก็เร็ว แม้มันจะไม่มั่นคงจริงๆก็เถอะ แต่อาชีพไหนก็ไม่มั่นคงขนาดนั้นทั้งนั้นปะวะ ยกเว้นบ้านฐานะมั่นคงอยู่แล้ว เต้นกินรำกิน ไม่ได้ยินทานานแล้วแฮะ

คำที่ตอกย้ำว่าเขายังอยู่ใน 20 ปีก่อนจริงๆ

"บอกว่าเราไม่มีทางไปรอดหรอก ยังไงก็จะกลับมาตายรังที่บ้าน สู้ให้เราเรียนอะไรที่มันเอามาบริหารที่บ้านได้ หรือเรียนกฎหมายอย่างพี่ชายดีกว่า" แววตาของตุลย์ดูเศร้าสร้อย

"เขาพูดด้วยความไม่เข้าใจน่ะ แต่เธอจะทำมันได้ดีนะ ดีมากด้วย สักวันเขาต้องภูมิใจ.."

"หึ.." ตุลย์ยิ้มเยาะให้ตัวเอง ขาที่ยกงอขึ้นมาจากพื้นมีใบหน้าเศร้าๆก้มลงไปซบบนเข่า เธียร์อดไม่ได้ที่จะยกมือไปแตะที่ไหล่นั่นเบาๆ

ไม่รู้จะปลอบยังไง...

แต่อีกฝ่ายค่อยๆ เงยขึ้นมาตาแดงเล็กน้อย เหมือนชะงักกับสัมผัสนั้น เธียร์เลยค่อยๆ ยกมือออก

"โทษที.." เอ่ยด้วยเพราะคิดไปเองว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ชอบใจ

"จับอีกได้มั้ย? "

คำขอของตุลย์ทำเอาอีกคนผิดคาด ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ พยักหน้าเล็กน้อยและลูบมือลงไปบนไหล่นั่นอีกครั้ง

"เธอร้องหรอ..." ถามด้วยเพราะตัวอีกคนสั่นนิดๆ

ตุลย์ไม่ตอบเพียงแต่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ทฤนห์เลยต้องเลื่อนตัวไปโอบไว้ทั้งตัว มือหนึ่งลูบ อีกมือหนึ่งจับแขนไว้

"เขาไม่เคยภูมิใจในตัวเราเลย..." เจ้าของเสียงเพลงฮิตครานี้กำลังเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงเศร้าๆ

"ไม่เป็นไรนะตุลย์ มันไม่เป็นไร.."

ปลอบจนเวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ ไม่รู้นานแค่ไหนที่มือข้างหนึ่งของเธียร์ถูกกุมแนบเอาไว้

Rrrrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ตุลย์เอื้อมไปหยิบมากดปุ่มตัวเลขลงไป

"อยู่กับเธียร์... ก็กินนิดหน่อย อืม กลับได้...ครับ" พูดตอบโต้แปปเดียวก็กดวางสาย

"แม่โทรตามแล้ว"

"จะกลับไหวหรอ เธอเมา.." แค่ลุกขึ้นก็เซแล้ว

"แม่ก็บอกให้ค้างที่นี่ แต่เราเกรงใจ"

"เกรงใจอะไร เราไปอยู่บ้านเธอตั้งกี่เดือนล่ะ อยู่นี่แหละ อึดอัดหน่อยแต่ปลอดภัยกว่าขับกลับนะ.." ตุลย์ยอมจนได้

ทฤนห์จะไว้ใจได้อย่างไร เมาแล้วไม่ควรจะขับขี่ยานพาหนะ และตอนนี้เองตุลาก็อาบน้ำอยู่ในเสื้อผ้าชุดลำลองที่เจ้าของห้องหาซื้อมาถูกๆ บางตัวก็เป็นของตุลย์เองด้วยซ้ำที่ให้เขาใส่ติดมา

"นอนได้นะ..." ถามขณะที่จัดหมอนและเตียงที่คับแคบเพื่อให้เพียงพอสำหรับสองคน

"ได้" ตุลย์มองไปยังมุมของห้องที่ยังมีขวดเบียร์กระจาย

"งั้นนอนได้แล้ว อ๋อ พวกนั้นเดี๋ยวเราเก็บเอง" เธียร์ทำท่าจะลุกไปเก็บ

"ค่อยเก็บพรุ่งนี้ก็ได้ เธอ...นอนเป็นเพื่อนเราก่อนได้มั้ย.." สิ้นเสียงนั้น เธียร์หันกลับไปก็เห็นอีกคนยังมีดวงตาแดงก่ำและอ้อนวอน

เด็กน้อยจริงๆ เลยนายตุลา...

"ได้...งั้นนอนสิ" เธียร์ยิ้มก่อนจะล้มตัวลงข้างกัน

"อะ เอ่อ ..." ตุลาอ้ำอึ้ง

"มีอะไร" อีกคนอยากจะสื่ออะไรสักอย่างกับเธียร์แต่ไม่ยอมสบตา แล้วจากนั้นจึงค่อยๆช้อนมองราวกับเขินอาย

"ลูบไหล่เราหน่อยได้มั้ย"

"หึๆ ได้สิ ..."

ตุลย์ยังคงเป็นเด็กน้อยจริงๆ เขาไม่เคยเห็นมุมนี้มาก่อน

ไม่ให้หวั่นไหวก็คงไม่ได้ ...

ในโลกที่ไม่มีใครเลยใบนี้ การมีใครสักคนยื่นมือมาช่วยเรา เชื่อเราเสมอในเรื่องที่มันไม่มีใครสักคนเชื่อ เลือกให้เราปลอบเขาในวันที่เขาอ่อนแอ

แค่นี้ก็มันก็เพียงพอจะเป็นเหตุผลให้ตกหลุมรักได้แล้วใช่มั้ย...

ช่างหัว 20 ปีนั่นไปก่อน....เขาเผลอมีใจรักตุลย์ที่เป็นนายตุลาคนนี้เสียแล้ว ตุลย์ที่ยังเป็นตุลาคนนี้นี่แหละ

•••••••••••⏱•••••••••••

๘ กันยายน ๒๔๖๓

ตอนที่แล้วบทที่ ๙
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๑๑
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด