ตอนที่แล้วเรื่องสยองที่ 32 : มันกลับมาแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเรื่องสยองที่ 34 : คุณเป็นใคร (Part 2)

เรื่องสยองที่ 33 : คุณเป็นใคร (Part 1)


“คุณ ... เป็นใครคะ”

คำถามของพี่น้ำที่ถามออกมาทำเอาผมแทบจะทำอะไรไม่ถูก ยิ่งประกอบกับใบหน้าที่แสนนิ่งของเจ้าตัวที่มองมายังผมเหมือนไม่รู้จริง ๆ ว่าผมเป็นใครก็ยิ่งทำให้ผมใจหาย พูดอะไรไม่ออก นี่พี่น้ำจำผมไม่ได้จริง ๆ หรอ แล้วเรื่องราวของเราตลอดเกือบสามเดือนที่ผ่านมาล่ะ มันคืออะไร มันเป็นความรู้สึกที่แบบบรรยายอะไรไม่ออกจริง ๆ

ถ้าใครสักคนที่จะโชคร้ายที่สุดในโลก คนคนนั้นมันต้องเป็นผมแน่ ๆ

ตอนนี้ใจมันหวิวแบบบอกไม่ถูก พยายามเรียกสติให้คิดคำพูดแล้วพูดออกไปกับพี่น้ำ แต่ผมก็พูดไม่ออก

เอาจริงดิ เรื่องบ้าบอแบบนี้มันมีแต่ในนิยายเท่านั้นแหละ ที่ล้มหัวฟาดพื้นแล้วความจำเสื่อม ...

เรื่องบ้านี่มันจะเกิดขึ้นกับผมจริง ๆ งั้นหรอ

“พี่น้ำ ... นี่พี่น้ำจำไอ้อิฐไม่ได้หรอครับ ไอ้อิฐไง ไอ้อิฐคนเดิม เพิ่มเติมคือ นั่งรถเข็น” ไอ้ชาที่ยืนอยู่ด้านหลังผมพูดขึ้นมาแบบงง ๆ เช่นกัน พยายามเล่นมุกให้ผมขำ แต่ผมว่ามันแป้ก หลังจากมันทนเห็นผมเงียบไม่ไหวอยู่สี่ห้าวินาที

“คุณก็เหมือนกัน เราเคยรู้จักกันหรอคะ” พี่น้ำพูดต่อ คราวนี้ไอ้ชาหันมามองหน้าผมแบบไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับพี่น้ำเนี่ย

“พี่น้ำ พี่จำอะไรได้บ้างครับ”

ในที่สุดผมก็กลั้นใจถามออกไปจนได้ พี่น้ำมองหน้าผมนิ่ง ๆ เหมือนพยายามจะคิด เจ้าตัวยกมือขึ้นมากุมแผลบริเวณที่หัวตัวเองก่อนพูดออกมา

“ก็ ... ปวดหัวอะ จำได้เหมือนว่ากำลังรอรุ่นน้องมารับไปเลี้ยงสายรหัส แล้วภาพมันก็ตัดไปเลยอะ แต่คุณหน้าคุ้นมากเลย เดี๋ยวนะ ...”

พี่น้ำจ้องหน้าผมพร้อมกับหรี่ตามองอีกครั้ง

“จำได้แล้ว ! นายคือไอ้โจรโบกรถที่บอกว่าน้ำมันหมด คนที่เมาแล้วอ้วกทิ้งไว้บนรถฉัน แถมเดินชนฉันที่สนามบินจนกระเป๋าเดินทางล้มระเนระนาดไปหมด”

หมดแรง ... รู้สึกหมดแรงจริง ๆ ความพยายามที่เคยทำมามันสูญเปล่าทั้งหมดเลยใช่ไหม

เหมือนตอนนี้พี่น้ำจะจำผมได้แค่ช่วงเวลาก่อนหน้าที่เจ้าตัวจะเคยได้ทำความรู้จักผมในฐานะเหลนรหัส ซึ่งมันเต็มไปด้วยความทรงจำแย่ ๆ มากมายที่เราบังเอิญพบกันทั้งหมด

ผมควรต้องทำไงดี ...

มันคงต้องเริ่มจากการแนะนำตัวซินะ ...

“ผมชื่ออิฐนะ เป็นเหลนรหัสของพี่” ผมพูดออกไป มองหน้าพี่น้ำก่อนฝืนยิ้มน้อย ๆ ให้เจ้าตัว ถึงแม้ตอนนี้มันจะยิ้มไม่ค่อยออกก็เถอะ ใบหน้าของพี่น้ำนิ่งไปสักพักหลังจากผมพูดจบ เจ้าตัวมองหน้าผม

อยู่ดี ๆ สีหน้าของพี่น้ำก็เปลี่ยนไป เธอเริ่มอมยิ้มที่มุมปากแล้วก็หัวเราะออกมาในที่สุด

“โอ๊ย ! ไม่ไหวแล้วอิฐ พี่ล้อเล่น พี่ไม่ได้ความจำเสื่อม อย่าทำหน้าแบบนั้นดิ ยิ้มน้า ยิ้ม ชีส” พี่น้ำพูด เอื้อมมือมาดึงแก้มผมที่นั่งอยู่บนรถเข็นเล่น

นี่พี่น้ำเล่นบ้าอะไรอยู่วะ ...

ยอมรับว่าผมโกรธ โกรธมากที่พี่น้ำเอาความรู้สึกผมมาเล่นแบบนี้ ทำไมถึงไม่เห็นใจคนที่รีบเข้ามาหาเพราะความเป็นห่วงบ้างเลย ผมเป็นฝ่ายมองหน้าพี่น้ำนิ่งบ้าง จนเจ้าตัวรับรู้ได้ว่าผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากเล่นด้วย มือเรียวของพี่น้ำปล่อยออกจากแก้มของผม พี่น้ำจะรู้บ้างไหมว่าเมื่อกี้ผมรู้สึกยังไง มันโคตรแย่อะ แย่จนแบบทำอะไรไม่ถูก

มันเหมือนกับคนที่ทุ่มเทอะไรไปมาก ๆ แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความว่างเปล่า

เหมือนกับโยนก้อนหินทีละก้อนลงไปในทะเลจนกว่าก้อนหินมันจะเต็มทะเล แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ... ไม่รู้ว่าควรหยุดหรือไปต่อดี

“นี่พี่น้ำเห็นความรู้สึกของผมเป็นเรื่องตลกหรอครับ”

พี่น้ำหน้าเสียเมื่อผมพูดออกไปแบบนั้น ไม่มีใครอยากให้คนอื่นเอาความรู้สึกของตัวเองมาล้อเล่นเป็นเรื่องตลกหรอก

“อิฐ จริงจังปะเนี่ย พี่ขอโทษ พี่แค่อำเราเล่นเฉย ๆ” พี่น้ำพูดต่อเอื้อมมือมาจับแขนผมไว้ แต่ผมเอามืออีกข้างของตัวเองมาจับมือของพี่น้ำไปวางไว้ที่เก่า

“ค่อยคุยกันวันหลังนะครับ ไอ้ชา กูอยากกลับห้องแล้วว่ะ” ผมหันไปบอกไอ้ชา

“เอ่อ ... ผมว่าพี่อำไอ้อิฐแรงไปหน่อยนะครับ ผมขอตัวพามันกลับห้องก่อน” ไอ้ชาพูด ก่อนเข็นรถเข็นคนป่วยของผมออกมาจากห้องพี่น้ำกลับไปยังห้องของตัวเอง โดยมีสายตาพี่น้ำมองตามมาอย่างสำนึกผิด

อิฐออกจากห้องไปแล้ว ...

น้ำมองไปยังประตูห้องที่ปิดสนิท ไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งที่เธอทำ มันจะทำให้เขาโกรธได้ขนาดนั้น เธอเคยเห็นเขาโกรธจริง ๆ จัง          ๆ แค่ครั้งเดียวตลอดเวลาที่ผ่านมา คือตอนที่เขาเข้ามาจูบเธอแล้วเธอบอกว่าให้ลืม ๆ ไปซะ กับวันนี้อีกครั้ง ที่เธอแกล้งทำเป็นความจำเสื่อมอำเขาเล่น แต่ดูเหมือนวันนี้เขาจะโกรธมากกว่า โกรธแบบแค่เห็นหน้าเขาเธอก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ

ยอมรับว่าทำผิดจริง ๆ คงต้องรอให้อิฐใจเย็นอีกสักพักค่อยเข้าไปหาและขอโทษอีกที ...

น้ำได้แต่ถอนหายใจออกมาแบบหงุดหงิดตัวเอง ไม่น่าเลย เธอไม่น่าเล่นแบบนั้นกับอิฐเลย น่าจะรู้ดีที่สุดว่าอิฐเป็นคนยังไงตลอดระยะเวลาสามเดือนที่รู้จักกัน เขาแคร์ความรู้สึกของเธอมากกว่าคนอื่น คอยอยู่ปลอบเธอตลอดเวลาเธอรู้สึกแย่ ทั้ง ๆ ที่เรื่องทุกอย่างมันก็กลับมาดีเหมือนเดิมหมดแล้วแท้ ๆ ทั้งเรื่องของครอบครัวเธอ เรื่องที่เธอสลับกลับมาอยู่ในร่างของตัวเอง แต่เธอกลับทำให้เรื่องมันกลับไปแย่เหมือนเดิมอีก

เฮ้อ ...

ก่อนที่อิฐกับชาบูจะเข้ามาในห้อง เอกก็เข้ามาคุยกับเธอ มานอนเฝ้าเธอเมื่อคืน เพราะตอนนี้เธอก็ไม่มีใคร ญาติคนเดียวที่มีก็คือมิ้งค์น้องสาวต่างมารดา ซึ่งนอนให้น้ำเกลือพักผ่อนอยู่อีกห้องเช่นกัน

น้ำยังไม่ลืมสิ่งที่อิฐได้บอกเอาไว้ เมื่อไรที่เธอกลับเข้าร่างได้ เขาจะมาถามเธออีกครั้ง

ตอนนี้ ... เธอมีคำตอบให้กับเขาแล้ว รอเพียงเขาถาม

เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าที่อิฐกับชาบูจะเข้ามาในห้องของเธอ เอกก็พูดเรื่องสำคัญออกมา มันทำให้น้ำตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น ว่าเธอควรจะทำอะไรต่อจากนี้ดี

“น้ำ ผมมีเรื่องจะพูดด้วย เรื่องระหว่างเรา” เอกพูดขึ้นมา ทำเสียงจริงจังก่อนลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงคนป่วย

“น้ำก็มีเรื่องจะพูดกับเอกเหมือนกัน แต่ ... เอกพูดก่อนเลย”

เอกสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนพูดออกมา

“ผมขอโทษนะ ผมอยากขอโทษอีกทีในฐานะที่ตอนนี้น้ำกลับเข้ามาอยู่ในร่างตัวเองได้แล้ว ที่ผมนอกใจน้ำ ผมจะไม่โยนความผิดให้ริน เพราะตบมือข้างเดียวยังไงมันก็ไม่ดัง ยอมรับว่าตอนนั้นผมทำไปด้วยความไม่ยั้งคิด ความผูกพันที่มีให้รินมันเติบโตรวดเร็วเหลือเกินเวลาเราสองคนห่างกัน แถมตอนนั้นพวกเรายังทะเลาะกันอีก เรื่องราวมันเลยเป็นแบบนั้น”

น้ำนิ่งฟังเอกพูดไปสักพักก่อนเจ้าตัวจะเริ่มพูดขึ้นมาบ้าง

“น้ำก็ขอโทษ ที่เคยทำตัวงี่ง่าเอาแต่ใจ ไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกอะไรตลอดเวลาที่เราคบกัน มีแต่เอกที่คอยตามง้อตลอด น้ำให้อภัยเอกนะ สำหรับทุกเรื่องที่มันเกิดขึ้น และขอบคุณที่คอยช่วยเหลือน้ำกับอิฐมาตลอด”

“ขอบใจมากนะน้ำที่ให้อภัยผม อีกเรื่องที่ผมควรจะบอกน้ำคือ ตอนนี้รินท้อง เขาท้องลูกของผม ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้วนอกจากคำว่าผมขอโทษ ขอโทษจริง ๆ นะน้ำ ที่ไม่เคยรักษาสัญญาอะไรไว้ได้สักอย่าง ผมไม่รั้งน้ำไว้หรอก ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบริน เรา ... เลิกกันเถอะนะ” เอกพูดออกมา ประโยคสุดท้ายเขาเว้นวรรคไว้นานมากก่อนจะพูดอีกครั้ง น้ำพยักหน้าอย่างเข้าใจ ยิ้มน้อย ๆ ให้เอก

พอมาถึงวันนี้ ... เธอก็ไม่รู้สึกเสียใจอะไรอีกแล้ว

น้ำรู้อยู่แล้วว่าสักวันคำคำนี้มันต้องถูกพูดออกมา ใช่ เธอเคยรักเขา รักเขามากตลอดหลายปีที่คบกัน เขาทำอะไรให้เธอหลายอย่าง แต่เธอเองก็ต้องยอมรับนิสัยตัวเองว่าที่ผ่านมา ไม่ได้ทำตัวเป็นแฟนที่ดีสักเท่าไร ทั้งขี้เหวี่ยง ขี้วีน งี่เง่าเอาแต่ใจ

และถ้ามองด้วยสายตาที่ไม่อคติจนเกินไป รินที่เคยทำงานเป็นเลขาเขากลับดูแลเขา เข้ากับเขาได้ดีกว่าเธอด้วยซ้ำถ้าไม่ได้ถูกปกรณ์บีบบังคับเจ้าตัวด้วยเงินที่ต้องเอาไปดูแลครอบครัว ตลอดเวลาที่อยู่กับอิฐมันทำให้เธอมองย้อนดูตัวเองตลอด อิฐทำให้เธอรู้ว่าเธอเองก็มีส่วนแย่เหมือนกัน

“น้ำเข้าใจ เพราะน้ำเองก็ไม่ได้รักเอกแบบนั้นอีกแล้ว ...”

เอกยิ้มก่อนพูดขึ้นมา ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าคนที่เขาคบมาด้วยหลายปีรู้สึกยังไงกับเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนนั้น ตอนนี้เขาเองก็ได้แต่ยอมรับความจริง ว่าน้ำไม่ได้รักเขาแล้ว ยิ่งเห็นท่าทีตอนที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน มันทำให้เขารู้ดีว่าเขาแพ้เด็กนั่นมาได้สักพักแล้ว ยิ่งตอนแข่งทำอาหารแล้วน้ำยกมือให้เด็กนั่น วันนั้นมันก็ทำให้เขารู้

ว่าเขาแพ้อิฐอย่างราบคาบ ...

“น้ำรักเด็กนั่น” เอกพูดออกมายิ้ม ๆ มองอดีตแฟนของตัวเองตรงหน้า น้ำเองก็ส่งยิ้มกลับให้เขาเหมือนกัน

“ใช่ น้ำเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไร เกิดขึ้นได้อย่างไร รู้ตัวอีกทีก็รักอิฐไปแล้ว ยิ่งตอนเห็นมีคนจะยิงอิฐ มันทำให้น้ำต้องทำอะไรสักอย่าง น้ำเสียเขาไปไม่ได้ งงเหมือนกันเพราะดันเอาร่างอิฐไปรับกระสุน คิดย้อนกลับไปแล้วก็ตลก ขำชะมัด” น้ำพูด ตามมาด้วยเสียงหัวเราะขำของเอกหลังจากฟังน้ำเล่าตอนที่เอาร่างไปรับกระสุนแทน

“ตอนนั้นน้ำรู้ตัวเลยว่าน้ำมั่นใจกับคำตอบของตัวเองแล้ว แปลกแต่จริง เมื่อเดือนก่อนยังทะเลาะกับอิฐอยู่เลย ว่าน้ำยังรักเอกอยู่ แต่ตอนนี้น้ำรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ น้ำไม่ได้รักเอกแบบเดิม ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าเวลาเพียงไม่กี่เดือนอิฐจะทำให้น้ำเปลี่ยนใจได้ อิฐทำให้น้ำรู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา มันไม่รู้สิ มันอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก” น้ำพูดต่อ

“รู้ตัวไหมเนี่ย ว่ายิ้มจนแก้มปริเวลาพูดถึงไอ้เด็กนั่น” เอกพูดหัวเราะขำ

“อิฐทำให้น้ำเรียนรู้อะไรหลายอย่างตลอดเวลาที่เราสลับร่างกันน่ะเอก มันเป็นช่วงเวลาที่มีทั้งเรื่องสุขและทุกข์ แต่น้ำก็ผ่านมันมาได้เพราะอิฐ”

“เอกดีใจด้วยนะ สำหรับความรักครั้งใหม่ของน้ำ”

“แล้วเรื่องระหว่างเอกกับรินล่ะ เอกคิดว่าจะยังไงต่อ”

“อืม ไม่รู้สิ เอกโกรธเขานะที่เขาเข้ามาในชีวิตเอกเพราะถูกจ้างมา แต่ครั้งสุดท้ายที่เขาบอกความจริงทุกอย่างกับเอก มันก็ทำให้เอกหาเหตุผลให้อภัยให้เขาได้ ยังไง เขาก็เป็นแม่ของลูกเอก เอกคิดว่าจะพยายามเริ่มต้นใหม่กับเขา”

“ดีแล้ว น้ำเอกก็ขอให้เอกมีความสุขมาก ๆ นะ”

“ครับ ตอนนี้เราเปลี่ยนสถานะเป็นเพื่อนกันแล้วนะ” เอกพูดพร้อมกับยื่นมือไปหาคนตรงหน้า น้ำเองก็ยื่นมือไปจับมือของเอก

“อื้ม”

ใครว่า ... เลิกกันแล้วจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้

เพียงแค่เราคุยกันด้วยเหตุผล และจบมันให้ดีก็พอ ...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะเอกที่กำลังนั่งคุยอย่างออกรสกับน้ำ ตามมาด้วย

“เฮ้อ พูดถึงไม่ทันขาดคำ เด็กของใครบางคนมาหาแล้วก็ไม่รู้ สงสัยน้ำคงจะไม่แก่แล้วล่ะมั้ง มีเด็กให้กินแบบนี้” เอกพูดล้อ ๆ กระซิบเบา ๆ เมื่อเห็นคนที่เข้ามาเยี่ยมน้ำ

น้ำก็ได้แต่ขำเอามือไปทุบเอกที่ล้อเธอ พอได้เปลี่ยนจากสถานะที่กลายเป็นเพื่อน เอกก็ไม่ได้ต่างอะไรจากกลุ่มเพื่อนผู้ชายกวน ๆ สมัยที่เรียนคณะวิศวะด้วยกันเลย สายตาน้ำมองไปยังคนที่เข้ามาในห้องในสภาพนั่งรถเข็นคนไข้ ที่ชาบูเป็นคนเข็นเข้ามา

พอเห็นหน้าอิฐแล้วก็นึกอยากจะแกล้งชะมัด เมื่อเจ้าตัวทำหน้าหงุดหงิดเวลาเห็นเธออยู่กับเอก น้ำเลยแกล้งทำหน้านิ่งใส่ คิดถึงพล็อตนิยายหรือหนังรักที่เคยดูเวลานางเอกถูกรถชนแล้วความจำเสื่อมจำพระเอกไม่ได้

“เป็นไงบ้างอิฐ หายเร็ว ๆ นะ” เอกลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ข้างเธอแล้วหันไปคุยกับคนเข้ามาใหม่

“ขอบคุณครับพี่” อิฐตอบเอกไป น้ำก็ได้แต่กลั้นยิ้มที่เห็นท่าทีของอิฐเวลาทำคิ้วขมวด

บางทีเห็นแล้วก็น่ารักดี ...

เหมือนเด็กหัวร้อนเวลาเล่นเกมแพ้ ...

“เฮ้ย ไม่ต้องทำหน้าทำตาแบบนี้ สงบศึกกันก่อน พี่ขอบใจนายมากนะ ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาช่วยดูแลน้ำเป็นอย่างดี” เอกพูดต่อ แต่อิฐเหมือนทำหน้าระแวงเพื่อนเธออีกแล้ว

ชอบแกล้งเธอนักใช่ไหมตอนเวลาเราสลับร่างกัน

ขอแกล้งอำคืนบ้างเถอะ ...

เธอก็อยากเล่นสนุกกับบทที่คิดไว้นั้นสักครั้งในชีวิต ...

แต่ถ้าตัดภาพมาตอนปัจจุบัน ...

เธอต้องมานั่งคิดวิธีง้ออีก ... ว่าจะทำยังไงดีกับเด็กบ้านั่น

เฮ้อ ... งอนโกรธเธอไปแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด