ตอนที่แล้วเรื่องสยองที่ 27 : เกมพลิก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเรื่องสยองที่ 29 : ใครจะชั่วกว่ากัน

เรื่องสยองที่ 28 : สุกี้แห้ง


ออกมาจากสถานีตำรวจ ไอ้ชาก็ขับรถพาพวกเรามายังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเพื่อที่จะซื้อของทำปาร์ตี้สุกี้เล็ก ๆ  ที่คอนโดในช่วยเย็นของวันตามที่มันบอกพี่เอกเอาไว้ ผมกับไอ้ชาพากันไปเลือกซื้อวัตถุดิบที่จะเอามาใช้ในการทำอาหาร ส่วนพี่น้ำขอตัวไปเดินซื้อเสื้อผ้าให้กับร่างของตัวเอง เหมือนเจ้าตัวอยากจะช้อปปิ้งหาอะไรมาใส่ร่างของตัวเองนานมากแล้ว เห็นบ่นบอกว่า นึกว่าในชีวิตนี้จะไม่ได้เลือกเสื้อผ้าสวย ๆ ให้ตัวเองได้ใส่อีกแล้ว เมื่อตกลงกันได้แบบนั้น พวกเราเลยตัดสินใจแยกย้ายกันเดินไปซื้อของคนละส่วน

“งั้นเดี๋ยวพี่ขอแยกไปดูโซนเสื้อผ้าเลยนะ ไหน ๆ ร่างพี่ก็ฟื้นกลับมาแล้ว ต้องหาเสื้อผ้าสวย ๆ ให้ใส่ฉลอง เมื่อเช้ามีความรู้สึกเหมือนตอนเด็ก ๆ ที่ได้เล่นตุ๊กตาเลยอะ เวลาแต่งหน้าแต่งตัวให้อิฐ” พี่น้ำพูดขึ้นมากับผม หัวเราะขำเบา ๆ

คร้าบ ... ตามสบายเลยครับพี่น้ำ นี่พี่น้ำเห็นผมเป็นตุ๊กตาในคราบร่างตัวเองไปแล้วหรอเนี่ย แต่ผู้หญิงกับการช้อปปิ้งเนี่ย เป็นของคู่กันที่ขาดไม่ได้จริง ๆ

“ได้ครับ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมโทรตามครับพี่น้ำ ว่าแต่มันไม่แปลก ๆ หรอ ที่เอาร่างผมที่เป็นผู้ชายไปเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าผู้หญิง แถมพี่ไม่ได้ลองชุดเองด้วย” ผมถามออกไป เพราะคิดว่าเจ้าตัวน่าจะชอบลองชุดเองมากกว่า

“ไม่เห็นจะแปลก อิฐไปเลือกซื้อของกับชาเถอะ พี่จำไซส์ตัวเองได้น่า ก็แค่บอกไปว่าซื้อเป็นของขวัญให้แฟน หรืออะไรก็ว่าไปดิ ผู้ชายซื้อเสื้อผ้าให้ผู้หญิง น่ารักจะตาย สัญญาว่าจะไม่ทำให้อิฐเสียลุคหรอกน่า”

แฟนงั้นหรอ ...

“เอ่อ ... อะไรแบบนั้นแหละ ไปแล้วนะ”

เหมือนพี่น้ำจะเงียบไปสักพักเมื่อรู้ตัวว่าเมื่อกี้พูดอะไรออกมา ผมมองเธอพูดอะไรรน ๆ อยู่คนเดียวแล้วก็รีบหันหลังเดินหนีผมกับไอ้ชาออกไป ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่มองตามไล่หลังไปขำ ๆ ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าเจ้าตัวเขินที่พูดคำว่าแฟนเมื่อกี้หรือเปล่า ถึงยังไงตอนนี้ผมก็ยังมีสถานะเป็นแค่รุ่นน้องของพี่น้ำอยู่ดี ตราบใดที่พี่น้ำยังคงไม่ได้เลิกกับพี่เอกอย่างชัดเจน

แต่ก็เอาเถอะ ... ผมยังพอมีเวลา พี่น้ำยังไม่ได้กลับเข้าร่างตัวเองนี่นา

ผมกับไอ้ชาเดินมายังโซนอาหารแล้วก็มองหาวัตถุดิบที่ต้องการ เย็นนี้ผมต้องโชว์ฝีมือทำสุกี้แห้งให้อร่อยกว่าไอ้พี่เอกให้ได้ ทำเป็นรู้ดีว่าพี่น้ำชอบกินสุกี้แห้ง นึกแล้วก็หมั่นไส้เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น

ว่าแต่ ...

“สุกี้แห้งมันต้องซื้ออะไรบ้างวะไอ้ชา” ผมพูด หันหน้าไปถามไอ้ชาที่เดินลากรถเข็นใส่สินค้าอยู่ข้าง ๆ หลังจากพี่น้ำเดินห่างออกไปเพื่อซื้อเสื้อผ้าให้กับตัวเอง ไอ้ชาหันมามองหน้าผมแบบเอือม ๆ ก่อนพูดขึ้นมา

“ไหนใครบอกว่าทำสุกี้แห้งอร่อยไงวะ ทำไมมึงไม่รู้ว่าต้องใส่อะไรบ้าง” ไอ้ชาพูดขึ้นมา มองหน้าผมแล้วส่ายหัว

ก็เพราะว่ากูแค่จะเกทับไอ้พี่เอกมันไง ...

“มันคงคล้าย ๆ ข้าวผัดแหละ ใช่ปะวะ กูคิดว่าน่าจะใช่ ทำไม่ยากหรอก มึงก็เคยกินข้าวผัดฝีมือกูไม่ใช่หรอ” ผมพูดออกไป นึกถึงตอนที่ตัวเองทำข้าวผัด มันก็ผัด ๆ เหมือนกันนั่นแหละ สุกี้แห้งก็ผัด

จำได้ว่าตอนนั้นไอ้คีย์ไม่อยู่ห้อง ประกอบกับการที่ยังพอมีอาหารเหลืออยู่บ้างในตู้เย็น ทั้งผมและไอ้ชาขี้เกียจลงไปซื้ออะไรกินด้านนอกคอนโด จึงตัดสินใจทำอาหารกินกันเอง โดยผมรับหน้าที่เป็นพ่อครัว

“เออ เคยกิน รสชาติตราตรึงติดอยู่ในใจกูมาก อร่อยสัส ๆ อร่อยเชี้ย ๆ เม็ดข้าวกัดทีฟันกูแทบหัก หมูไม่สุก ไข่นี่คาวไปถึงไส้ติ่งกู นี่กูยังไม่ได้พูดถึงผัก ที่มึงเอาซอสมะเขือเทศเทลงไปแทนนะ กูนี่แบบ ถ้าให้หมามันกิน ...”

“มึงพอเหอะ ถ้าจะบรรยายถึงความอร่อยอาหารที่กูทำแบบนี้” ผมรีบพูดยั้งไอ้ชาทันที ก่อนที่มันจะบรรยายความอร่อยของอาหารที่ผมทำได้เลวร้ายไปมากกว่านี้ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย ...

“สรุปซื้อไรบ้าง” ผมถามมันซ้ำอีกรอบ

“กูจะรู้ไหมเนี่ย”

“เอ้า ก็บ้านมึงขายชาบู ชาบูสุกี้มันก็คล้าย ๆ กันเปล่าวะ อีกอย่างมึงเป็นคนออกไอเดียนี้เอง” ผมพูดกับไอ้ชา มันเป็นคนต้นคิดเองนี่นาว่าอยากให้มีปาร์ตี้สุกี้ขึ้นมา

“ก็กูเห็นสายตากระแสไฟฟ้าช็อตเปรี๊ยะ ๆ ระหว่างมึงกับพี่เอก กูก็ต้องหาเรื่องมาหันเหความสนใจไง กลัวจะต่อยกันหน้าสถานีตำรวจ” ไอ้ชาพูด

“เออ ๆ กูเสริชเอาก็ได้วะ”

ในเมื่อเพื่อนมันไม่ได้เรื่องผมก็ถึงคราวที่ต้องพึ่งพาตัวเอง ว่าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาเสริชหาวัตถุดิบที่จำเป็นในการทำสุกี้ พลางนึกขึ้นมาได้ว่าไอ้คีย์ไปทำภารกิจพิเศษของยมทูตที่ต่างจังหวัด เลยถามไอ้ชาไปว่าไอ้คีย์จะกลับมาเมื่อไร

“แล้วเย็นนี้ไอ้คีย์กลับมายั้งวะ จะได้ซื้อของไปเผื่อ”

“มันบอกน่าจะถึงสักสี่โมงเย็น ไลน์มาบอกกูเมื่อตอนออกมาจากสถานีตำรวจได้สักแปบนั่นแหละ” ไอ้ชาตอบผมกลับมา

“เค ๆ วุ้นเส้น ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน ขึ้นฉ่าย ไข่ กระเทียม หมู ... ที่คอนโดเรามีอะไรบ้างวะ”

ประโยคแรกผมพูดกับตัวเองเพื่อทวนสิ่งที่เห็นในมือถือ ส่วนประโยคที่สองหันไปถามไอ้ชาว่าตอนนี้ที่คอนโดมีอะไรที่ไม่ต้องซื้อเพิ่มบ้าง

“มีไข่อย่างเดียว ทำอย่างกับพวกเราทำอาหารกันบ่อยนักนี่หว่า ปกติก็ซื้อตลอด รู้งี้กูน่าจะบอกว่าไปที่ร้านกู จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายทำเอง” ไอ้ชาพูดเซ็ง ๆ มันหยิบขวดน้ำจิ้มสุกี้มาสองขวดแล้วใส่เข้ารถเข็น

“แบบนี้ก็ดีแล้วน่า เปลี่ยนบรรยากาศ ทำเองสนุกดี มีทั้งสุกี้น้ำ สุกี้แห้ง” ผมพูดกับมัน หันไปมองหาโซนที่มีผักหลากหลายชนิดขายอยู่

“กูขอความจริง” ไอ้ชาพูดต่อ

“กูอยากรู้ว่าสุกี้แห้งฝีมือไอ้พี่เอกมันจะสักแค่ไหนกันเชียวเมื่อเทียบกับฝีมือกู คุยโวฉิบ”

คิดเรื่องที่ผ่านมาเมื่อไม่ถึงชั่วโมงก่อนอีกครั้งแล้วผมก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบทันที

“ของพี่เอกกูไม่ห่วงหรอก แต่ของมึงเนี่ย ...” ไอ้ชาพูด ทำหน้าเหมือนไม่ไว้ใจผมสักเท่าไร นี่มันเป็นเพื่อนผมจริงหรือเปล่าวะเนี่ย

“ไอ้ชา มึงอย่ามาดูถูกความสามารถกู กูดูเชฟกระทะเหล็กตั้งกี่รอบ รีวิวร้านอาหาร ถ่ายรูปของกิน กูตระเวนไปหมดทุกร้าน ดูมาหมดทุกวิธี เมื่อเชื่อใจกูดิ กินได้ อร่อยด้วย”

ไอ้ชามองหน้าผมแล้วยิ้มกว้างจนตาปิด ก่อนมันจะพูดขึ้นมาว่า ...

“อธิษฐานเอาเน้อ”

มันพูดจบ ผมก็ยกนิ้วกลางชูให้มันทันที ก่อนเดินไปอีกทางเพื่อไปซื้อเนื้อหมูและวัตถุดิบรายการอื่น ๆ ตามที่เสริชมาจากในมือถือของตัวเอง

ทำไมเป็นคนไม่เชื่อใจเพื่อนแบบนี้วะ ...

ช่วงเย็นของวัน ทุกคนก็มารวมกันอยู่ที่คอนโดของพวกเรา วันนี้พี่ฟองกับใยไหมก็เข้ามาปาร์ตี้ด้วย เนื่องจากไอ้ชาเป็นคนป่าวประกาศว่าผมจะแข่งทำสุกี้แห้งกับพี่เอก อยากให้มีกรรมการมาชิมกันหลาย ๆ คนเพื่อตัดสิน คือตอนแรกผมก็ไม่ได้กะจะจริงจังถึงขนาดเป็นการแข่งขันอะไรหรอก แค่อยากให้พี่น้ำชิมฝีมือสุกี้แห้งของผมเปรียบเทียบกับไอ้พี่เอกเท่านั้น แต่คุยกับไอ้พี่เอก เกทับกันไป เกทับกันมาจนท้ายที่สุดก็กลายเป็นว่าจะทำแข่งกันซะงั้น ว่าของใครอร่อยกว่ากัน

สรุปแล้ว มันเลยกลายเป็นการแข่งขันกันแทน ...

พี่เอกเริ่มใช้ครัวก่อนผม ผมยืนมองเจ้าตัวทำสุกี้แห้งอยู่ห่าง ๆ พร้อมกับทุกคน ดูท่าทางคล่องแคล่วเหมือนกัน แต่ก็อย่างงั้นแหละ ท่าดีทีเหลวมีเยอะแยะไป เพียงไม่กี่นาที ผมก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสุกี้แห้งที่ถูกถือใส่จานมาจากฝีมือพี่เอก พี่เอกหันมามองหน้าผมก่อนยักคิ้วให้อย่างท้าทาย ก่อนที่แต่ละคนจะลองไปชิมอาหารที่พี่เอกทำ

ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ตักมาชิมหนึ่งคำ หน้าตาดูดี รสชาติก็ ...

หึ ๆ ....

ก็งั้น ๆ แหละ พอกินได้ ...

และแล้วก็ถึงคราวที่ผมต้องเข้าครัวแสดงฝีมือให้ทุกคนได้ประจักษ์กันบ้าง ผมเริ่มด้วยการเทน้ำมันใส่ลงไปในกระทะไฟฟ้า ก่อนตกไข่และใส่หมูผัดคนกันให้สุก ตามด้วยวุ้นเส้นและเครื่องปรุงรสที่เตรียมเอาไว้ ได้กลิ่นหอม ๆ ออกมาแล้ว หน้าตาดูดีไม่แพ้ของไอ้พี่เอกเลยทีเดียว ไม่นานสุกี้แห้งของผมก็ปรากฏลงบนจานตามของพี่เอกมาติด ๆ เพื่อให้ทุกคนได้ชิมกัน

แต่คนอย่างผมมันก็ต้องมีอะไรพิเศษกว่าไอ้พี่เอกอยู่แล้ว ผมมีเคล็ดลับทำให้อาหารของผมดูน่าสนใจกว่าของพี่เอก และนั่นก็คือ ...

“ไอ้อิฐ มึงใส่ไข่มุก ลงไปในสุกี้แห้ง ?” ไอ้คีย์พูดขึ้นมา มองสุกี้แห้งในจานที่มีไข่มุกสีขาวใสประดับคาอยู่ด้วย ผมนี่หาข้อมูลมาอย่างดีกับการทำเมนูพิเศษจานนี้ มีความเชื่อว่าพี่น้ำจะต้องชอบแน่ ๆ เพราะเห็นพี่น้ำชอบกินชาไข่มุกอยู่บ่อย ๆ เวลาพวกเราออกไหนด้วยกัน

“เออดิ กูเห็นเขากำลังฮิตเลยช่วงนี้ในโซเชียล เมนูไข่มุก กูว่ามันต้องเวิร์ค” ผมพูดออกไปยิ้ม ๆ มองหน้าแต่ละคนที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ยอมเอาช้อนตักสุกี้ในจานของผมเข้าปากสักที

“สุกี้แห้งไข่มุก ... มึงเอางี้จริงหรอไอ้อิฐ” ตามมาด้วยไอ้ชาที่พูดขึ้นมามองหน้าผมหวาด ๆ

“เออดิวะ ของมันต้องมี ไม่แปลกโลกไม่จำเว้ย” ผมพูดออกไป

“อิฐ ... มันกินได้จริง ๆ ใช่ไหม” ใยไหมถามผมขึ้นมาอีกคน

“ต้องลองดิไหม แล้วแกจะตะลึง”

หลังจากชั่งใจกันอยู่นานผมสมควร แต่ละคนก็ทำใจได้ที่จะตักอาหารฝีมือของผมเข้าไปอยู่ในปาก ไอ้ผมก็ได้แต่ลุ้นว่ามันจะเป็นยังไง หันไปมองหน้าไอ้ชาที่ทำหน้ากลั้นใจสุดชีวิตแล้วใจหายแวบ ไอ้ชากินคำแรกเสร็จมันก็ไปหยิบแก้วน้ำข้างตัวขึ้นมาดื่มอึก ๆ เท่านั้นแหละผมรู้ผลแบบไม่ต้องสงสัย

“อื้มฮืม สะพรึงสัส ๆ ไอ้อิฐ กูว่าข้าวผัดไข่ที่มึงทำล่าสุดมันไม่น่าจะไปต่อได้แล้วนะ พอมาเจอสุกี้แห้งไข่มุก กูว่าสุดทางแล้วว่ะ คราวนี้มึงเลิกทำอาหารเหอะ”

ไว้หน้ากูบ้างไอ้ชา ...

ตามมาด้วยไอ้คีย์ที่เดินมาตบไหล่ผมแปะ ๆ เป็นเชิงปลอบใจ

สุดท้ายแล้วก็ถึงเวลาโหวตอาหารของใครจะเป็นผู้ชนะ ผมว่าจริง ๆ ไม่ต้องโหวตก็ได้ เพราะเมื่อกี้ลองเข้าไปชิมสุกี้แห้งฝีมือตัวเองแล้วยังรับไม่ได้เลย เชื่อผมเถอะ เราไม่ควรเอาไข่มุกไปทำอาหารอะไรนอกจากจะแช่มันอยู่ในชาไข่มุกเหมือนเดิม โคตรไม่เวิร์คอะ

“โอเค ใครให้พี่เอกชนะยกมือขึ้น” ไอ้ชาเป็นคนพูดขึ้นมาก่อนยกมือของตัวเองขึ้นอย่างรวดเร็ว

เลวมาก ... ไม่รักกูเลยไอ้ชา

ตามมาด้วยไอ้คีย์ ใยไหม พี่ฟอง การโหวตเป็นมติเอกฉันท์มาก ทุกเสียงเลือกพี่เอกอย่างไม่ต้องสงสัย ผมเหลือบไปมองหน้าคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้ยกมือ เป็นพี่น้ำนั่นเอง ไอ้ชาหันไปมองหน้าพี่น้ำก่อนพูดขึ้นมา

“ใครโหวตให้กับไอ้อิฐบ้างครับ”

แทบกรีดร้องออกมาเป็นภาษามนุษย์ต่างดาว เมื่อผมเห็นพี่น้ำยกมือขึ้น นี่พี่น้ำชอบสุกี้แห้งไข่มุกของผมด้วยอะ ไม่อยากจะเชื่อเลย ผมเห็นไอ้พี่เอกทำหน้าแปลกใจนิด ๆ มองไปยังพี่น้ำ

“มีแค่เสียงเดียว เอาเป็นว่า พี่เอกชนะนะครับผม” ไอ้ชาพูดขึ้นมา ก่อนทุกคนจะปรบมือให้กับผู้ที่ชนะ ผมเองก็ปรบมือเหมือนกัน แต่ปรบมือให้ตัวเองนี่แหละที่ทำให้พี่น้ำยกมือขึ้นมาได้ สงสัยดูท่าทางแล้วพี่น้ำน่าจะชอบกินไข่มุกจริง ๆ ไม่ว่าเอาไปใส่เมนูไหนเจ้าตัวก็น่าจะชอบ

หลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันทำอาหารแล้ว ทุกคนก็มานั่งตั้งวนกินสุกี้น้ำกันต่อ ดีที่พวกเราเคยซื้อหม้อสุกี้ไว้ตั้งแต่สมัยอยู่หอใน เพราะทุกสิ้นเดือน เวลาเงินหมดก็เอามาม่ามาเทใส่หม้อสุกี้ให้อืดแล้วแบ่งกันกินนี่แหละ เป็นทริคที่พวกผมใช้เป็นประจำ ต้นเดือนเหมือนราชา สิ้นเดือนเหมือนยาจก  พวกเราคุยเล่นเรื่องนู่นนี่นั่นไปเรื่อย เป็นอีกวันที่ได้รู้สึกเหมือนกับพักผ่อนหลังจากเจอเรื่องแย่ ๆ มานาน

ผมไม่ลืมที่จะหยิบจานสุกี้แห้งของตัวเองยื่นส่งให้พี่น้ำพร้อมกับรอยยิ้มกว้างให้เธอ

ใครจะไม่ชอบฝีมือทำอาหารผม ผมไม่รู้ ...

แค่พี่น้ำชอบ ... ผมก็ดีใจแล้ว

“ชอบก็ทานให้หมดจานเลยนะครับพี่น้ำ” ผมพูดออกไป พี่น้ำเอียงคอมองหน้าผมแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว เหมือนผมทำอะไรผิดร้ายแรง

“จะบ้าหรอ ! ยกมือให้เพราะสงสารต่างหาก กินได้ที่ไหนล่ะเนี่ย”

เล่นเอาหัวเราะกันทั้งวงสุกี้ ...

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด