ตอนที่แล้วเรื่องสยองที่ 26 : การกลับมาของน้ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเรื่องสยองที่ 28 : สุกี้แห้ง

เรื่องสยองที่ 27 : เกมพลิก


“อิฐ ! บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเดินแบบนั้น !” เสียงพี่น้ำดังออกมาขณะเจ้าตัวนั่งมองผมอยู่บนเตียง

คลาสอบรมมารยาทกุลสตรีเริ่มขึ้นทันที หลังจากที่พี่น้ำบอกว่าถึงเวลาแล้วที่ผมต้องเล่นบทบาทเป็นเธอบ้าง ถ้าถามว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ ผมก็กำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอนให้พี่น้ำดูนี่แหละ หลังจากตื่นขึ้นมาได้สักพัก โดยมีพี่น้ำคอยบอกว่าต้องเดินแบบผู้หญิงนะ แถมไปเอาส้นสูงมาให้ผมใส่อีกต่างหาก เดินทีแทบจะล้ม ไม่รู้เมื่อวานพี่น้ำไปหาเครื่องแต่งกายผู้หญิงพวกนี้มาหมดได้ในวันเดียวได้ยังไง ผมล่ะเชื่อเขาเลย

“อีกแล้วอิฐ ! มือไม่ต้องแกว่งเยอะ แล้วเวลาเดิน หุบ ๆ ขาบ้าง จะอ้าไปถึงไหนฮะ !” พี่น้ำบ่นผมต่อ เจ้าตัวลุกขึ้นจากเตียงเดินมาตีขาผมหนึ่งที

ให้ตายเถอะ ! ถึงอะไรที่อยู่ตรงระหว่างขามันจะหายไป แต่ก็ใช่ว่าผมจะชินกับการเดินที่พี่น้ำบอกได้ในทันที

“ผมพยายามอยู่นี่ไงครับ” ผมบอกพี่น้ำไป พลางเดินตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง หุบขาให้ด้วยเอ้า ! เดินบิดจนเหมือนประกวดนางงามไปหมดแล้วเนี่ย

“ค่ะ ไม่ใช่ครับ” พี่น้ำพูดดุอีกครั้ง

ตอนนี้ผมมีความรู้สึกว่าเวรกรรมกำลังย้อนสนองตัวเอง เมื่อนึกถึงตอนสมัยที่ผมบอกให้พี่น้ำทำนู่นนี่นั่นให้ได้เหมือนกับผมเมื่อสองเดือนก่อน จำได้ว่าตอนนั้นผมโคตรหงุดหงิดพี่น้ำเลยที่ทำไม่ได้ดั่งใจผมสักที ตอนนี้รู้ซึ้งแล้วว่าการทำตัวให้เป็นเหมือนคนอื่นมันยากลำบากแค่ไหน เฮ้อ ...

พี่น้ำเล่าให้ฟังว่าวันนี้พี่เอกถูกนัดไปสอบปากคำกับตำรวจ เพราะสุจิตราไปแจ้งความว่าเขามีส่วนรู้เห็นในการหายตัวไปของร่างพี่น้ำ วันนี้ผมกับพี่น้ำเลยจะเข้าไปแสดงตัว และคุยกับตำรวจว่าไม่มีการลักพาตัวอะไรทั้งสิ้น เป็นแค่เรื่องการเข้าใจผิดกันเฉย ๆ เท่านั้นเอง

เรื่องที่ผมเข้าไปอยู่ในร่างพี่น้ำได้และร่างพี่น้ำฟื้นตัวอย่างรวดเร็วก็ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเราเหมือนกัน เพราะถ้าร่างพี่น้ำยังนอนเป็นผักอยู่แบบนั้น ไม่นานตำรวจคงจะหาต้นตอและสืบได้ว่าพี่น้ำอยู่ที่ไหน และพอถึงตอนนั้นพวกเราคงไม่พ้นโดนข้อหาลักพาตัวคนป่วยออกจากโรงพยาบาลเป็นแน่ แต่วันนี้เป็นวันดีของพวกเรา

กะจะไปทำให้สุจิตราหน้าแหกแบบหมอไม่รับเย็บสักหน่อย ...

แค่คิดก็ตลกแล้ว ถ้าเห็นร่างของพี่น้ำลุกขึ้นมาเดินไปมาแบบนี้เจ้าตัวจะทำหน้ายังไง ...

หลังจากเดินวนไปวนมาให้พี่น้ำดูอีกรอบ พี่น้ำก็บอกให้หยุดพอแค่นั้น เพราะตอนนี้พวกเราเหลือเวลาอีกไม่มากต้องเดินทางไปสถานีตำรวจ ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน อีกอย่างผมยังอยู่ในชุดนอนหลวมโครกของตัวเองอยู่เลย ยังไม่ได้อาบน้ำแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรสักอย่าง ตื่นนอนมาหลังจากพี่น้ำได้รับสายจากพี่เอก ผมก็โดนจับมาให้เดินไปเดินมาทำตัวเป็นผู้หญิงทันที ว่าแล้วพี่น้ำก็ไล่ผมไปอาบน้ำ

“รีบไปอาบน้ำได้แล้ว ชุดอยู่นี่” พี่น้ำพูด พร้อมเดินไปหยิบชุดออกมาจากตู้เสื้อผ้า ชุดเดรสตัวหนึ่งก็ถูกนำมาวางไว้บนเตียง สงสัยเจ้าตัวจะไปซื้อของพวกนี้มาพร้อมพวกครีมบำรุงเมื่อวาน ผมพยักหน้าให้เขาไป พร้อมหยิบผ้าเช็ดตัวและของที่จำเป็นเดินเข้าไปในห้องน้ำ ไม่วายมีเสียงเร่งตามมาจากพี่น้ำ

“อาบเร็ว ๆ ด้วยล่ะ”

เมื่อวานผมอาบน้ำช้ามากหรือไง ...

“จ้า” ผมพูดออกไปลากเสียงยาวเป็นการประชดแบบขำ ๆ

หลังจากอาบน้ำเสร็จ เช็ดตัวให้แห้ง ผมก็หยิบชุดชั้นในของผู้หญิงขึ้นมาจับและมองเป็นครั้งแรกของชีวิต

แอบเขิน เหมือนตัวเองเป็นโรคจิต ...

ว่าแต่ มันใส่ไงวะเนี่ย !

ผมยื่นหน้าออกไปจากตัวห้องน้ำมองหาพี่น้ำเพื่อขอความช่วยเหลือ เห็นเจ้าตัวกำลังนั่งสไลด์จอมือถือเล่นอยู่บนเตียง พี่น้ำพอได้ยินเสียงผมเรียกก็มองมายังประตูห้องน้ำประมาณว่ามีอะไร ผมยิ้มน้อย ๆ ให้เจ้าตัว ก่อนยื่นเสื้อในสีขาวโชว์ให้เจ้าตัวดู ซึ่งดูเหมือนพี่น้ำจะพอเข้าใจว่าผมเรียกทำไม ก็คนมันใส่ไม่เป็นนี่หว่า ...

“พี่น้ำ มันใส่ยังไง” ผมพูดออกไปขำ ๆ ตามมาด้วยการตะโกนกลับมาของพี่น้ำพร้อมกับใบหน้าที่แดงแป๊ด แล้วร่างของเจ้าตัวก็เดินตรงมาหาผมในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวทำให้ !”

ทำไมต้องเกรี้ยวกราด ขอความช่วยเหลือแค่นี้เอง ... ฮ่าฮ่า

เสร็จจากการแต่งตัว ผมก็มานั่งอยู่ที่หน้ากระจก มีพี่น้ำยืนถือเครื่องสำอางแต่งหน้าเตรียมพร้อมจะใส่ทุกอย่างลงมาบนใบหน้าของผมชุดใหญ่

“ต้องแต่งหน้าด้วยหรอพี่” ผมถามออกไป ไม่เข้าใจพวกผู้หญิงเลยจะแต่งไปทำไม ทีผู้ชายเวลาออกไปไหนไม่เห็นต้องแต่งหน้าเลย

“แต่งสิ จะออกไปทั้ง ๆ หน้าสดงี้หรือไง เป็นบ้าหรอ !” พี่น้ำพูดกลับมาเหมือนผมพูดอะไรผิดไปร้ายแรงจนผมต้องหัวเราะขำกับความหัวร้อนของเธอ

“โอเค ๆ ไม่เถียงละครับ” ผมพูดออกไปขำ ๆ ทำตัวนิ่ง ๆ ให้พี่น้ำจัดการต่อ ไม่อยากเชื่อเลยว่าวันแรกของการทำตัวเป็นผู้หญิงมันจะวุ่นวายขนาดนี้

เป็นผู้หญิงนี่มันลำบากเนอะ ...

ผมกับพี่น้ำเดินออกมาด้านนอกของห้องก็เจอกับไอ้ชาที่กำลังนั่งกินขนมปังปิ้งกับกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหารแถวโซนครัว ผมเลยเดินเข้าไปนั่งเพื่อหาอะไรลงท้องเช่นกัน วันนี้ไอ้ชามีหน้าที่เป็นสารถีพาผมกับพี่น้ำไปส่งที่สถานีตำรวจ เนื่องจากไอ้คีย์ไม่ว่าง มีภารกิจยมทูตต้องออกไปทำกับพี่ฟองอีกแล้วที่ต่างจังหวัด

“เชรด ! ไอ้อิฐ มึงโคตรสวยอะ” ไอ้ชาเอ่ยแซวผมทันทีที่ผมนั่งลงที่เก้าอี้ หยิบขนมปังปิ้งที่อยู่ในจานมาทาแยมก่อนยัดเข้าใส่ปากเพื่อรองท้องเป็นอาหารเช้า

“พอเลยไอ้ชา เดี๋ยวกูโบกหัวคว่ำ” ผมพูดกับมัน ไอ้ชาหัวเราะขำจนไม่เห็นตา ขณะเดียวกัน พี่น้ำก็เดินถือถ้วยกาแฟมาสอง แก้วหนึ่งเป็นของตัวเอง แก้วหนึ่งยื่นส่งให้ผม

“ขอบคุณครับพี่น้ำ” ผมพูดออกไปพร้อมยื่นมือออกไปรับแก้วกาแฟ มีไอ้ชาส่งสายตาล้อเลียนให้อยู่

ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น พวกเราก็ไปถึงสถานีตำรวจตามที่พี่เอกได้บอกพวกเราเอาไว้ว่าตำรวจนัดเขามาสอบปากคำเวลากี่โมง พวกเราจึงเดินเข้าไปในนั้น หลังจากมาถึง เห็นพี่เอกกำลังนั่งคุยอยู่กับตำรวจด้านในห้องกระจกใสห้องหนึ่ง ข้างตัวพี่เอกมีสุจิตรากำลังนั่งอยู่ไมห่างกันมากนัก ผมกับพี่น้ำเลยเดินไปแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าไปขอพบผู้ดูแลคดีนี้แล้วเดินเข้าไปทางด้านในกับพี่น้ำเพื่อให้ปากคำและชี้แจงเพิ่ม ส่วนไอ้ชานั่งรออยู่ด้านนอกอยู่คนเดียว

“คุณสุจิตรากำลังบอกว่าคุณเอกพงศ์เป็นคนลักพาร่างคุณศิราไปงั้นหรอครับ” ตำรวจที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับพี่เอกพูดขึ้น

“ใช่ค่ะคุณตำรวจ เอกพงศ์เข้าไปในบ้านดิฉัน ก่อนหน้าที่ลูกเลี้ยงดิฉันจะหายตัวไป เขามีท่าทีไม่พอใจอย่างมากที่ดิฉันไม่ยอมให้ลูกสาวย้ายไปยังโรงพยาบาลที่เขาต้องการ ฉันคิดว่าเขานี่แหละค่ะ ที่เป็นคนลักพาตัวน้ำไป ฉันก็แค่ทำทุกอย่างเพราะการฝากฝังของสามีดิฉันก่อนเขาจะเสีย ว่าให้ดูแลลูกสาวของเขาเป็นอย่างดี แต่คุณเอกเหมือนจะมีอคติกับฉันไม่ยอมให้ดิฉันดูแลน้ำ”

“คุณมีหลักฐานอะไรไม่ทราบ ที่มากล่าวหาว่าผมจะลักพาตัวแฟนตัวเอง แล้วเรื่องที่ผมไปบ้านคุณ มันเอามาเป็นหลักฐานว่าผมลักพาน้ำไปได้หรือไง” พี่เอกพูดหันไปมองหน้าสุจิตรา

“ฉันมีหลักฐานแน่ กล้องวงจรปิดในบ้านบันทึกเหตุการณ์ที่คุณเข้ามาในบ้านฉัน พร้อมทำท่าทางไม่พอใจ นี่ไงคะหลักฐาน เพราะงั้นคุณตำรวจต้องเชื่อดิฉันไปตรวจสอบที่อยู่ของคุณเอกพงศ์นะคะ” สุจิตราพูด พร้อมยื่นมือถือตัวเองส่งให้กับตำรวจ ในมือถือแสดงคลิปวีดีโอไม่กี่นาทีที่เป็นตอนเอกกำลังพูดออกมากึ่งตะโกนแบบไม่พอใจสุจิตรา หลังจากนั้นก็เดินออกไปนอกบ้าน

“ผมขอตรวจสอบหลักฐานก่อนนะครับ” ตำรวจที่นั่งตรงข้ามกับพี่เอกพูดขึ้น

จังหวะเดียวกันผมกับพี่น้ำก็ถูกตำรวจคนหนึ่งพาเข้ามาภายในห้องที่พี่เอกกับสุจิตรากำลังให้การกับตำรวจกันอยู่

“ขอบโทษครับพอดีมีคนเข้ามาให้การเพิ่มครับ” เจ้าหน้าที่ที่พาผมกับพี่น้ำเข้ามาภายในห้องพูด ทำให้ทั้งสามคนที่นั่งอยู่ภายในห้องหันมาสนใจพวกเรา พี่เอกหันมาเจอหน้าผมกับพี่น้ำก็ทำหน้าดีใจ ในขณะที่สุจิตรากับทำหน้าตรงกันข้ามเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ริมฝีปากสีแดงพูดพึมพำออกมาเบา ๆ แต่ผมก็เดาคำที่เจ้าตัวพูดได้ไม่ยาก

“น้ำ ... นี่แก”

“เป็นอะไรไปหรอคะ ... คุณน้า ดีใจหรอคะที่เห็นน้ำฟื้นแล้ว” ผมพูดออกไป พร้อมส่งยิ้มให้กับสุจิตรา คนฟังทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว ผมสังเกตเห็นที่มือของเธอกำหมัดแน่น

            “เอ่อ  ... นี่คือคุณ” ตำรวจที่กำลังสอบปากคำพี่เอกถามพวกเราขึ้นมา

“ฉัน นางสาว ศิรา เลิศสิริทรัพย์อนันต์ คนที่ถูกแจ้งความว่าถูกลักพาตัวไปค่ะ” ผมพูดกับตำรวจ

“ทุกอย่างเป็นแค่การเข้าใจผิดค่ะ ไม่มีการลักพาตัวอะไรกันทั้งสิ้น เพราะฉันยืนอยู่ตรงนี้ ส่วนคุณเอก ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ทั้งนั้นคะ...ค่ะ”

เกือบพลาดแล้วผม ประโยคสุดท้ายเกือบจะครับไปแล้ว

“งั้นสรุปว่าทุกอย่างโอเคแล้วนะครับคุณสุจิตรา” คุณตำรวจหันหน้าไปมองสุจิตรา ผมเห็นเจ้าตัวกัดฟันแน่นก่อนพูดขึ้นมา

“ค่ะ ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะคะ”

ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเราก็เดินออกมานอกสถานีตำรวจ สุจิตราหลังจากเดินออกมาจากห้องสอบปากคำก็เดินหนีออกไปเลยไม่พูดอะไรสักคำ ทิ้งไว้เพียงแต่สายตาที่มองพวกเราเหมือนกับว่าเรื่องนี้มันยังไม่จบ

“คนเลวแบบนั้น มันต้องได้ชดใช้กับสิ่งที่ทำกับพ่อฉันสักวัน” พี่น้ำในร่างผมพูด ผมเห็นเจ้าตัวพยายามสงบสติอารมณ์เหมือนกันที่จะไม่พุ่งเข้าไปทำร้ายสุจิตรา แค่นี้ผมก็คิดว่าพี่น้ำใจเย็นมากพอแล้ว

“น้ำ น้ำใช่ไหม” พี่เอกพูดขึ้นมาอย่างดีใจ เจ้าตัวเพิ่งจะเดินออกมาทีหลัง หลังจากผมกับพี่น้ำและไอ้ชาเดินออกมาจากสถานีตำรวจก่อนหน้าไม่นาน เขาเข้ามาหาผมแล้วส่งยิ้มกว้างให้ ดึงแขนผมไปกุมอย่างถือวิสาสะ จนผมต้องรีบพูดออกไป เพราะคิดว่าเขาต้องเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นพี่น้ำแน่ ๆ สงสัยเมื่อกินแสดงดีเกินไปหน่อยจนมีคนเชื่อว่าผมเป็นพี่น้ำจริง ๆ

“ไม่ใช่ พี่ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้น ผมอิฐ ไม่ใช่พี่น้ำ ขนลุก” ผมพูด พี่เอกที่ได้ฟังดังนั้นก็รีบปล่อยมือของผมอย่างรวดเร็วแล้วหันไปมองพี่น้ำที่ยืนยิ้มขำอยู่ในร่างผมแทน แล้วเจ้าตัวก็หันหน้ากลับมาหาผมอีกที

“เล่นซะเหมือนเลยนะเมื่อกี้ ก็นึกว่าน้ำกลับเข้าร่างตัวเองได้แล้ว ใครจะคิดว่าเป็นนาย” พี่เอกพูดกับผม ดึงหน้าตึง ๆ เหมือนเดิม ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ยังไม่ได้พาพี่น้ำหนีออกมาจากโรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นพวกเราพร้อมใจสงบศึกสามัคคีกันเพื่อช่วยเหลือพาพี่น้ำออกมา

เสือสองตัวมันอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้อยู่แล้ว ...

“แน่นอนครับ ผมอยู่กับพี่น้ำมาตั้งสองเดือนกว่าแล้วนี่ ผมรู้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นท่าเดิน นิสัย หรืออะไรก็ตาม” ผมพูดออกไปอีกรอบเพื่อเกทับพี่เอกพร้อมกับรอยยิ้ม จนพี่เอกก็ยิ้มขึ้นมาบ้างแต่เป็นรอยยิ้มที่เหมือนเป็นผู้ชนะ

“คงไม่รู้ดีกว่าคนเป็นแฟนกันหรอกมั้ง”

ผมลืมความจริงข้อนี้ไปอีกแล้ว ... พี่น้ำยังเป็นแฟนพี่เอกอยู่

“เอ่อ ผมไหน ๆ เรื่องมันก็คลี่คลายมาเล็กน้อย เย็นนี้เรามาปาร์ตี้สุกี้ทำเองเลี้ยงฉลองกันดีไหมครับที่คอนโด เนื่องในโอกาสที่ทำให้สุจิตราหน้าแหกไปแบบนั้น เชิญพี่เอกด้วยนะครับ” ไอ้ชารีบพูดแก้สถานการณ์ก่อนที่ทั้งผมกับพี่เอกจะมีสงครามน้ำลาย เกทับกันไปมามากไปกว่านี้ ส่วนพี่น้ำขึ้นไปนั่งรอบนรถตั้งแต่เมื่อไรแล้วก็ไม่รู้

“เอาสิ  พี่อยากทำสุกี้แห้งของโปรดให้น้ำทานเหมือนกัน ขอยืมครัวด้วยนะอิฐ” พี่เอกพูดขึ้นมามองหน้าผมแบบเยาะเย้ย เหมือนว่าตัวเองรู้จักพี่น้ำดีกว่า

“งั้นก็เชิญนะครับพี่ แต่ผมบอกไว้ก่อน สุกี้แห้งเนี่ย ผมทำได้โคตรอร่อย เจอกันตอนเย็นครับ” ผมพูดออกไปมองหน้าพี่เอกเหมือนท้าทาย แล้วเดินกลับขึ้นไปนั่งบนรถ

“ทำไมกูรู้สึกถึงเค้ารางท้องเสียวะ” ไอ้ชาบ่นพึมพำขึ้นมาเบา ๆ หลังจากมันมานั่งที่คนขับแต่ผมได้ยิน

“พูดอะไรของมึงไอ้ชา ขากลับคอนโดแวะซื้อของทำสุกี้ด้วย” ผมพูดออกไปกับไอ้ชาแบบหงุดหงิด

ผมเนี่ย เชฟกระทะเหล็ก ...

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด