ตอนที่แล้วเรื่องสยองที่ 11 : ยาสั่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเรื่องสยองที่ 13 : สังขยาสีชมพู

เรื่องสยองที่ 12 : ลงมือ


บนคอนโดกลางใจเมือง ณ ห้อง ๆ หนึ่ง มีร่างสามร่างกำลังทำอะไรบางอย่างแตกต่างกันอยู่ ร่างหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิหลับตา ร่างที่สองกำลังยืนมองพร้อมให้คำแนะนำ ส่วนร่างที่สามกำลังกดมือถือตีป้อมอย่างเมามันอยู่ที่โซฟา และวิญญาณอีกหนึ่งดวงที่กำลังยืมมองอย่างเอาใจช่วย

“พี่นั่งมาครึ่งวันแล้วนะ ทำไมไม่เห็นวิญญาณออกจากร่างเลย” พี่น้ำพูดขึ้นมาอย่างเหนื่อยอ่อน หลังจากลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และพบว่าตัวเองยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เดิมไม่ต่างอะไรไปจากรอบที่แล้ว

ผมเองก็ลุ้นจนหมดแรง นับถือในความพยายามของพี่น้ำจริง ๆ ตั้งแต่สิบโมงเช้า เวลาตอนนี้ก็ปาไปเกือบหกโมงเย็นแล้ว ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าอยู่ดี หลังจากคุยกับพี่น้ำเมื่อคืน ผมก็ตัดสินใจให้พี่น้ำทำตามใจตัวเองต้องการ ว่าเลือกที่จะคืนร่างให้ผม แล้วตัวเองจะกลายเป็นวิญญาณเอง แต่ดูท่าวิธีนี้ดูจะได้ผลช้าเหลือเกิน ถ้าให้พี่น้ำทำสมาธิและถอดวิญญาณออกมา

“พี่น้ำทำสมาธิดี ๆ สิครับ ใหม่ ๆ ก็แบบนี้แหละ คนทั่วไปใช่ว่าจะทำกันได้ง่าย ๆ มันต้องใช้เวลาฝึกครับ” ไอ้คีย์พูด

“จริงครับพี่ มันต้องใช้เวลา” ไอ้ชาพูดเสริม ขณะสายตาและมือของมันยังมอง และสไลด์อยู่บนหน้าจอมือถือของตัวเองอย่างเมามัน

ไอ้ชาเคยเล่าให้ผมฟังว่าหลังจากสูญเสียพลังไป การทำสมาธิถอดจิตของมันก็ทำได้ยากกว่าเดิมหลายเท่าตัว จากที่ตอนมีพลังจากหนังสือปีศาจนั่นแทบจะออกจากร่างได้ทันที แต่พอมันลองทำครั้งล่าสุดหลังจากเสียพลังไปแล้วใช้เวลาเป็นชั่วโมง ผมก็คิดว่ามันไม่แปลก เพราะถ้ามนุษย์ทั่วไปทำเรื่องพวกนี้ได้เร็วขนาดนั้น โลกของเราคงจะเต็มไปด้วยวิญญาณที่ถอดร่างเที่ยวเล่นไปทั่ว

จ้อก ...

เสียงท้องร้องของใครคนหนึ่งดังขึ้นมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใคร เพราะมันมาจากคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่นั่นเอง เล่นเอาผม ไอ้คีย์ และไอ้ชาถึงกับขำออกมา หิวขนาดนี้คงจะมีสมาธิหรอก

“ถ้ารอบนี้ไม่ได้ก็ไปกินข้าวเถอะพี่น้ำ ฮ่าฮ่า” ผมหัวเราะขำ

ตัวผมเองก็ไม่ได้ซีเรียสหรอก ที่จะให้พี่น้ำถอดจิตสลับวิญญาณกับผมได้ในวันเดียว ของแบบนี้มันต้องฝึกกันนานอยู่ ผมเองก็รอได้

“โอ๊ย ! ท้องบ้าของนายอะอิฐ มันร้องประท้วง ขออีกรอบ”

เจ้าตัวว่าแบบนั้นแล้วก็เริ่มหลับตาลงใหม่ ผมล่ะเห็นใจในความพยายามจริง ๆ

ทั้งห้องตอนนี้มีแสงสลัวจากเทียนที่ล้อมเป็นวงกลมรอบตัวพี่น้ำเพื่อให้แสงสว่าง ผ้าม่านบริเวณหน้าต่างกระจกบานใหญ่ถูกปิดจนหมดเพื่อให้เจ้าตัวมีสมาธิ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไร เพราะถ้าเปิดม่านออกไปตอนนี้คงเห็นพระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว

“ทำสมาธินะครับพี่น้ำ หายใจเข้าออก ไม่ต้องคิด ไม่ต้องกังวล ทำจิตใจให้ว่าง” ไอ้คีย์พูด มันยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไปเรื่อย ๆ หลังจากพี่น้ำเริ่มทำสมาธิใหม่อีกครั้ง

พี่น้ำนั่งสมาธิไปอีกสักพักผมก็เริ่มเห็นว่าพี่น้ำเริ่มมีอาการแปลก ๆ ขึ้นมา เจ้าตัวลืมตาขึ้นมา หน้าตาบูดเบี้ยว เอามือกุมที่คอของตัวเองเหมือนกับหายใจไม่ออก จนทั้งผมและไอ้คีย์ตกใจไม่รู้ว่าพี่น้ำเป็นอะไรขึ้นมา ไอ้ชาที่นอนเล่นเกมที่โซฟาก็รีบลุกขึ้นมาดูด้วยความเป็นห่วงเหมือนกัน

“อัก ! ช่วยด้วย หายใจไม่ออก พะ พี่หายใจไม่ออก” พี่น้ำร้องขึ้นมา พร้อมกับดิ้นจนชนกับแท่งเทียนที่วางไว้รอบตัวล้มระเนระนาดดับไปหมด

“เกิดอะไรขึ้นวะ ไอ้ชา ไอ้คีย์ ! ทำไมพี่น้ำเป็นแบบนี้อะ” ผมหันไปร้องถามไอ้คีย์กับไอ้ชาเสียงสั่นอย่างเป็นห่วง พวกมันเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้น่าจะให้คำตอบได้โดยเร็ว

“ไอ้แมท ๆ เคยสอนกู ถ้าวิญญาณออกจากร่างแล้วรู้สึกแปลก ๆ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับร่างของเรา” ไอ้ชาละล่ำละลักพูดขึ้นมาอย่างเร่งรีบ อาการพี่น้ำเริ่มน่าเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าตัวเริ่มดิ้นน้อยลง มือที่กุมคอตัวเองเริ่มเลื่อนไหลลงมาเหมือนหมดทางสู้ พร้อมกับเปลือกตาที่กำลังจะปิด

“ไอ้อิฐมึงรีบไปดูร่างพี่น้ำที่โรงพยาบาลเร็ว เดี๋ยวกูรีบถอดจิตแล้วตามไป ชามึงเฝ้าพี่น้ำไว้นะ” ไอ้คีย์พูดสั่งผมกับไอ้ชา

“เออ ๆ ได้ ๆ” ไอ้ชาตอบ ก่อนรีบเข้ามาช่วยมาพยุงพี่น้ำอุ้มไปนอนที่โซฟา

ไม่รอช้า ผมรีบหลับตานึกถึงสถานที่ที่ตัวเองต้องการจะไปทันที ไวเท่าความคิด ร่างวิญญาณของผมก็มาปรากฏตัวที่ห้องพักคนป่วยของพี่น้ำ ภาพตรงหน้าทำเอาผมอึ้งไปเลย ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเอาหมอนกดปิดหน้าพี่น้ำไว้อยู่เหมือนพยายามจะฆ่าให้ตาย

นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย ถึงขนาดจะฆ่าจะแกงกันได้ลง แถมทำกับคนไม่มีทางสู้ด้วย นี่คงเป็นสาเหตุที่พี่น้ำหายใจไม่ออกซินะ ผมรีบเข้าไปห้ามพยายามดึงตัวเขาออก แต่วิญญาณของผมกลับทะลุผ่านร่างนั้น

โธ่เว้ย !

ทำไมเป็นวิญญาณแล้วมันทำอะไรไม่ได้แบบนี้เนี่ย

มีสมาธิดิวะ ไอ้อิฐ มึงทำได้ ! มึงทำให้สิ่งของเคลื่อนไหวได้ !

พลั่ก !

ร่างของผู้หญิงคนนั้นกระเด็นล้มลงมากองที่พื้นด้วยฝีมือของผม พร้อมกับหมอนที่กระเด็นไปอีกทาง ผมล้มตัวลมมานั่งที่พื้นอย่างเหนื่อยหอบ รู้สึกเหมือนกับตัวเองได้ไปวิ่งมาราธอนมา มันใช้พลังงานไปเยอะมาก แต่ก็รู้สึกตกใจกว่าเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่พยายามจะฆ่าพี่น้ำ ใบหน้าที่ผมเห็นไม่กี่ครั้งแต่ก็คุ้นพอที่จะจำได้

นั่นมันแม่เลี้ยงพี่น้ำ !

ใบหน้าของคนที่ล้มตัวอยู่ที่พื้นดูไม่แปลกใจเลยสักนิดกับเรื่องที่เกิดเมื่อกี้ ราวกลับว่าเหตุการณ์นั้นเป็นเรื่องปกติ ซึ่งผมคิดว่าถ้าเป็นคนปกติทั่วไปจะต้องวิ่งหนีป่าราบไปแล้ว เพราะอยู่ดี ๆ ก็เหมือนมีคนผลักตัวเองล้มไปกองกับพื้นทั้ง ๆ ที่ในห้องนี้ไม่มีใครเลยสักคนนอกจากตัวเองกับร่างไร้สติที่นอนอยู่ที่เตียง ร่างนั้นค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นมา ใบหน้าสวยจากการศัลยกรรมมองไปรอบห้องเหมือนกำลังมองหาใครสักคนอยู่ แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังจนผมขนลุก

“ฉันว่าแล้ว ว่าแกต้องไม่ได้อยู่ในร่าง แกอยู่ที่นี่ใช่ไหมอีน้ำ !” ร่างนั้นพูด ไม่ได้ตะโกนออกมาเหมือนโมโห แต่ก็ดังพอที่จะทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเจ้าตัวกำลังไม่พอใจอยู่มาก

“ได้ แกจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม”

ริมฝีปากของร่างนั้นเริ่มพึมพำอะไรบางอย่างอยู่คนเดียวออกมา ก่อนหยิบมีดปลอกผลไม้แถวโต๊ะบริเวณโซฟาข้างเตียงมาถือไว้ ผมเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ชักเริ่มจะหลอนกับคนตรงนี้มากขึ้นทุกที แม่เลี้ยงพี่น้ำไม่ธรรมดาเลย นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว

ไอ้คีย์ ! รีบมาดิวะ

ทันทีริมฝีปากหยุดท่องอะไรสักอย่าง ใบมีดก็ตวัดไปมารอบห้อง

เฟี้ยว !

“โอ๊ย !”

ผมร้องออกมาอย่างเจ็บปวด รู้สึกเหมือนโดนมีดบาดบริเวณแขนของตัวเอง แต่ไม่มีเลือดไหลออกมา มันกลับเป็นแสงสว่างสีขาวที่ไหลออกมาแทน แม่เลี้ยงพี่น้ำชะงักกึกตกใจนิด ๆ หลังจากได้ยินเสียงร้องของผมที่ดังออกมาเมื่อกี้ เจ้าตัวคงรู้แล้วว่าวิญญาณที่อยู่ในห้องนี้ไม่ใช่พี่น้ำ แต่เป็นตัวผม

“เสียงผู้ชาย แกเป็นใคร ! มายุ่งเรื่องของฉันทำไม”

ร่างนั้นเริ่มเดินตรงมายังที่มาของเสียง โชคดีที่เขามองไม่เห็นตัวผม ผมเลยค่อย ๆ ขยับตัวหนีไปอีกทาง

“ไอ้อิฐ ! พี่น้ำเป็นไงบ้าง มึงเป็นไรเปล่า โทษที กูรีบออกจากร่างเร็วสุดแล้ว” เสียงพูดของไอ้คีย์ดังมาอย่างรีบร้อนก่อนตัว พร้อมกับร่างของไอ้คีย์ปรากฏขึ้นมาในสภาพวิญญาณมายืนอยู่ตรงกลางห้อง ก่อนมันจะหันซ้ายหันขวามองหาผม แล้วก็เห็นผมยืนหลบแม่เลี้ยงพี่น้ำอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง

สวรรค์ เกือบไปแล้วนะเพื่อน ...

“มาอีกตัวงั้นหรอ !” แม่เลี้ยงพี่น้ำพูดขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ในมือที่ถือมีดยังคงตวัดไปมาอย่างไม่รู้ทิศทาง

“กูไม่เป็นไร แม่เลี้ยงพี่น้ำเขาจะฆ่าพี่น้ำ เขาเป็นพวกมีวิชาด้วย” ผมพูดให้ไอ้คีย์ฟังแบบย่อ ๆ

“เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย” ไอ้คีย์พูดออกมางง ๆ ถึงมันจะยังจับต้นสายปลายเหตุไม่ถูก แต่มันก็เริ่มด้วยการใช้พลังของตัวเองกดกริ่งเรียกพยาบาลให้เข้ามาภายในห้อง และใช้พลังยมทูตของมันทำให้มีดในมือของแม่เลี้ยงพี่น้ำลอยกลับไปวางบนจานที่มีคนปลอกผลไม้ทิ้งไว้อย่างเก่า

แม่เลี้ยงพี่น้ำดูหัวเสียขึ้นไปอีกเมื่ออาวุธในมือได้หลุดออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างนั้นมองตาขวางไปรอบห้องเพราะไม่เห็นตัวผู้ก่อเหตุ

“พวกแกเป็นใครกันแน่ ! พวกแกไม่ใช่วิญญาณเร่ร่อนธรรมดาใช่ไหม มายุ่งเรื่องของอีน้ำทำไม”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาขัดจังหวะพอดี ทำให้ร่างของแม่เลี้ยงพี่น้ำกัดฟันอย่างเจ็บใจ ก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนพร้อมกับฉีกยิ้มเดินไปปลดล็อคประตูให้กับพยาบาลได้เดินเข้ามา

ผมกับไอ้คีย์มองคนตรงนั้นอย่างอึ้ง ๆ คนเรามันเปลี่ยนสีหน้าและความรู้สึกได้รวดเร็วขนาดนั้นเลยหรอ

เรื่องอื่นจะเป็นยังไงไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าร่างพี่น้ำไม่ปลอดภัยแน่ ๆ เรื่องในครอบครัวพี่น้ำมันเป็นยังไงกันแน่ถึงขนาดกับจะต้องฆ่าต้องแกงกันลง ลางสังหรณ์ผมมันบอกว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพี่น้ำและผมในวันนั้นมันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ มันคืออุบัติเหตุที่ต้องมีใครสักคนอยู่เบื้องหลัง

“คุณกดเรียกดิฉันหรือเปล่าคะ” พยาบาลสาวพูด

“อ๋อ ใช่ค่ะ พอดีอยากให้เข้ามาเปลี่ยนถุงน้ำเกลือ ใกล้จะหมดแล้วนี่คะ ดิฉันเป็นแม่ของน้ำค่ะ” แม่เลี้ยงพี่น้ำพูดพร้อมกับเลื่อนสายตาไปมองสายน้ำเกลือที่เหลืออยู่หนึ่งในสามของถุง

“ได้ค่ะ เท่าที่ดูน่าจะได้อีกชั่วโมงนะคะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ยังไงดิฉันก็ต้องเข้ามาเปลี่ยนอยู่แล้ว พอดีเห็นแฟนคุณน้ำเขาเข้ามาเยี่ยม ไม่ทราบว่ากลับไปแล้วเลยยังไม่กล้ารบกวนค่ะ”

“งั้นฝากจัดการด้วยนะคะ ฉันขอตัวก่อน”

“ได้ค่ะ”

พูดกับพยาบาลจบ ร่างของแม่เลี้ยงพี่น้ำก็เดินมาบิดลูกบิดประตูก่อนก้าวท้าวออกไปจากห้องพักผู้ป่วย ใบหน้าของแม่เลี้ยงพี่น้ำหันกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ก่อนประตูจะถูกปิดลง

ริมฝีปากนั้นพูดออกมาอย่างไม่มีเสียงแต่ทั้งผมและไอ้คีย์ก็จับความหมายของมันได้

ฝากไว้ก่อนเถอะ ...

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด