ตอนที่แล้วตอนที่ 14 ภารกิจเสร็จสิ้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16 จิตใจของเหล่าสาวก 2

ตอนที่ 15 จิตใจของเหล่าสาวก 1


ตอนที่ 15 จิตใจของเหล่าสาวก 1

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

ลู่โจวเหลือบมองไปที่ร้านขายเคล็ดวิชาที่อยู่ในร้านค้า เคล็ดวิชาที่ขายถูกที่สุดจะต้องใช้แต้มบุญอย่างน้อย 1,000 แต้มบุญในการซื้อ ดังนั้นตัวเขาจึงไม่รีบใช้แต้มบุญที่เหลือในตอนนี้ไป

ตอนนี้ลู่โจวที่เห็นประโยชน์ของพวกลูกศิษย์ตั้งใจที่จะให้พวกเขาออกไปทำภารกิจมากขึ้น การที่ให้พวกลูกศิษย์นั้นออกไปทำภารกิจตัวเขาเองก็จะมีชีวิตอยู่ที่ยืนยาวมากยิ่งขึ้น และถ้าหากตัวเขาสะสมแต้มบุญได้มากพอ ลู่โจวก็ยังจะสามารถแลกเคล็ดวิชาต่างๆ รวมไปถึงอาวุธได้อีกด้วย

ในความทรงจำดั้งเดิมของจีเทียนเด๋า ในโลกใบนี้ทุกหย่อมหญ้านั้นมันแฝงไปด้วยความอันตราย ด้วยระดับพลังวรยุทธ์ที่เขามีในตอนนี้ การที่จะปกป้องตัวเองได้เห็นทีจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้นลู่โจวคงได้แต่อาศัยอยู่ในภูเขาทองแบบนี้ต่อไป เมื่อตัวเขาจะต้องเจอกับภัยอันตรายจริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นเหล่าลูกศิษย์สาวกของเขาก็จะมาปกป้องตัวของเขาเอง

แต่แน่นอนเหนือสิ่งอื่นใดตัวเขาจะต้องระวังเหล่าลูกศิษย์พวกนี้เอาไว้ให้ดี ลูกศิษย์พวกนี้อาจจะทรยศตัวเขาได้ตลอดเวลา

ลูกศิษย์ของเขาทั้ง 5 ได้ออกจากภูเขาทองลูกหนีไปแล้ว ดังนั้นเขาจะต้องระมัดระวังลูกศิษย์ที่เหลือทั้ง 4 คนเอาไว้ให้ได้ ตราบใดที่ลู่โจวมีของที่สุดยอดอย่างการ์ดระเบิดพลังสุดยอดอยู่ตัวเขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวว่าลูกศิษย์พวกนี้จะสร้างปัญหาอะไรเข้า

"หยวนเอ๋อ! "

ในป่าที่แสนเงียบสงบ ศิษย์น้องเล็กจากสำนักภูเขาทองก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างสง่างามราวกับนางฟ้า เธอคนนั้นได้โค้งคำนับลู่โจวในทันทีที่มาถึง "ท่านอาจารย์มีอะไรรึเปล่าคะ? "

"ไปเอาสี่ขุมทรัพย์แห่งการศึกษาจากศาลาปีศาจลอยฟ้ามาทีสิ"

"โอ้! ท่านอาจารย์ ท่านไม่เคยที่จะเขียนพวกนั้นเองเลยนะ ท่านอาจารย์มักจะใช้ให้ศิษย์เขียนมันให้อยู่เสมอๆ ทำไมวันนี้ท่านอาจารย์ถึงอยากที่จะเขียนเองกันคะ? "

"เมื่อไหร่กันที่ข้าจะต้องให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบเจ้ามาจ้ำจี้จ้ำไชแบบนี้? "

"ท่านอาจารย์ศิษย์ไม่กล้า ศิษย์จะไปเดี๋ยวนี้..." หยวนเอ๋อรีบก้มหัวลงก่อนที่จะแลบลิ้นออกมา หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้นำสมบัติแห่งความรู้ทั้งสี่ออกมาวางเอาไว้ตรงหน้าของลู่โจว

หลังจากที่นำขุมทรัพย์แห่งการศึกษามาให้ หยวนเอ๋อก็ได้แต่เฝ้าดูท่านอาจารย์ของเธอต่อไปอย่างเคารพเท่านั้น เธออยากจะรู้จริงๆ ว่าท่านอาจารย์คนนี้ของเธอกำลังจะทำอะไรกันแน่ และเมื่อเธอเห็นว่าลู่โจวไม่ได้ขับไล่เธอออกไป เมื่อเห็นแบบนั้นหยวนเอ๋อจึงขยับเข้ามาใกล้กับลู่โจวมากขึ้น

"ท่านอาจารย์ ให้ศิษย์เตรียมหมึกให้ท่านเถอะนะ" ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อเสนอตัวอาสาที่จะช่วยลู่โจว หยวนเอ๋อตัวน้อยได้นั่งคุกเข่าลงข้างๆ กับโต๊ะน้ำชาก่อนที่จะเริ่มบดหมึกออกมาอย่างระมัดระวัง

ในชีวิตก่อนหน้านี้ ลู่โจวนั้นเคยศึกษาวิชาศิลปะมาอยู่บ้าง ในเวลาว่างตัวเขาจะชอบฝึกฝนคัดฝีไม้ลายมือ ผลงานของเขาก็มักจะชนะจนได้รับรางวัลอยู่บ่อยๆ ในสมัยที่ตัวเขายังเรียนอยู่

ดังนั้นการเขียนจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับลู่โจวเลย

เขาได้หยิบพู่กันขึ้นมาก่อนที่จะจุ่มลงไปในหมึกอย่างนุ่มนวล จากนั้นเขาก็หยิบกระดาษสีขาวบริสุทธิ์แผ่นหนึ่งขึ้นมา ลู่โจวไม่รอช้ารีบเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษแผ่นนั้นไปในทันที: ยู่เฉิงไห่, ยู่ฉางตง, ด้วนมูเฉิง, หมิงซี่หยิน, จ้าวยู่, ยี่เทียนซิน, สีวู่หยา, ซู่ฮ่องกง และซีหยวนเอ๋อ

ลู่โจวได้เขียนชื่อลูกศิษย์ของเขาจากบนลงล่างตามวันเวลาที่ตัวเขาได้รับศิษย์พวกนั้นเป็นลูกศิษย์ รายชื่อทั้ง 9 เป็นรายชื่อศิษย์อันชั่วร้ายของปรมาจารย์จีเทียนเด๋า เขาคนนี้เป็นปรมาจารย์จอมวายร้ายที่เคยทำเรื่องชั่วจนทำให้คนทั้งโลกตกตะลึงมาแล้วนั่นเอง

ลู่โจวในตอนนี้ได้จ้องไปที่รายชื่อลูกศิษย์ของเขาก่อนที่จะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาสงสัยว่าวรยุทธ์ของศิษย์คนโตนั้นจะไปถึงขั้นไหนกันแล้ว ดูเหมือนศิษย์คนเล็กที่สุดของเขาจะมีวรยุทธ์พื้นฐานอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว และศิษย์คนโตล่ะ? เขาคนนั้นไม่แข็งไปกว่าจีเทียนเด๋าเลยอย่างงั้นหรอ? ถ้าหากศิษย์คนโตอย่างยู่เฉิงไห่กับศิษย์คนรองอย่างยู่ฉางตงร่วมมือกันฆ่าตัวจีเทียนเด๋า ป่านนี้ปรมาจารย์จีเทียนเด๋าคนนี้คงไม่ต้องลาโลกไปแล้วหรอกหรอ?

จีเทียนเด๋านั้นรู้มาตลอดว่าศิษย์ของตัวเขาทุกคนไม่ต่างอะไรจากสัตว์ร้าย ศิษย์ทุกคนไม่ต่างอะไรกับพยัคฆ์หรือหมาป่าที่ดุร้ายเลย ไม่ว่าพวกมันจะถูกฝึกมามากแค่ไหนแล้วแต่ยังไงสัตว์ร้ายก็ยังเป็นสัตว์ร้ายอยู่วันยังค่ำ ยังไงพวกเขาก็ต้องทรยศผู้เป็นอาจารย์คนนี้ในสักวันหนึ่งอยู่ดี และเพราะจีเทียนเด๋าจะต้องรู้อยู่แล้ว เขาคนนี้ได้เก็บอะไรไว้เป็นไพ่ตายกันแน่นะ? อะไรกันที่จะทำให้ตัวเขามีชัยเหนือลูกศิษย์ทั้ง 9 ไปได้?

ลู่โจวเริ่มขบคิดทุกอย่าง น่าเสียดายที่ส่วนสำคัญที่สุดในความทรงจำของจีเทียนเด๋านั้นขาดหายไป และเพราะแบบนี้เองไม่ว่าลู่โจวจะคิดมากเท่าไหร่ตัวเขาก็ไม่สามารถหาคำตอบได้เลย 'จีเทียนเด๋าจะต้องมีของที่เอาไว้ช่วยชีวิตตัวเองสิ ของสิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่นะ? '

ในระหว่างที่ลู่โจวกำลังใช้ความคิด หยวนเอ๋อศิษย์คนที่เก้าของเขาก็ได้โบกมืออยู่ตรงหน้าของเขาอยู่ก่อนแล้ว เธอจ้องมองไปที่กระดาษที่ลู่โจวเขียนอย่างชื่นชมก่อนที่จะพูดออกมาว่า "ท่านอาจารย์ งานเขียนของท่านนี่ช่างงดงามจริงๆ! ทำไมท่านอาจารย์ถึงเขียนชื่อศิษย์ล่ะ? "

ลู่โจวในตอนนั้นได้ถอนหายใจก่อนที่จะพูดขึ้นมา "ข้าน่ะกำลังครุ่นคิดอยู่"

"ครุ่นคิดอย่างงั้นหรอ? "

"การนั่งวิปัสสนาครุ่นคิดถึงสิ่งที่ทำลงไปควรจะเป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติเป็นประจำทุกวันอยู่แล้วนะหยวนเอ๋อ ข้าน่ะได้สอนศิษย์ทั้งเก้าให้ก่อกรรมทำชั่วไปทุกหนทุกแห่ง และเพราะแบบนั้นเองคนทุกคนในยุทธภพถึงต้องเดือดร้อนแบบนี้ ข้าน่ะคิดว่าข้าทำผิดไปแล้วจริงๆ "

ในระหว่างที่ลู่โจวได้ขยับปากพูดออกมา เขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้น 'ฉันน่ะทำผิดอะไรกัน? ไม่ใช่ฉันสิที่ผิด จีเทียนเด๋านั่นแหละที่ผิด' ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เป็นคำสุภาษิตเดียวที่ลู่โจวพอจะนึกออกในตอนนี้ ถ้าหากตัวเขาไม่ได้ทำชั่วไว้เป็นเยี่ยงอย่าง แน่นอนว่าศิษย์ทั้ง 9 ของเขาก็คงจะไม่เป็นวายร้ายเหมือนกับในทุกวันนี้ ลู่โจวในตอนนี้รู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก ลูกศิษย์ของเขาทุกคนสามารถลงมือฆ่าคนได้เป็นผักเป็นปลาโดยไม่ต้องยั้งคิดอะไร

"แล้วทำไมท่านอาจารย์ถึงรับพวกเราทั้งเก้าให้เป็นลูกศิษย์ด้วยล่ะคะ? ท่านอาจารย์น่ะมีลูกศิษย์เพียงแค่เก้าคนเท่านั้น...ด้วยความสามารถอันยิ่งใหญ่ของท่านอาจารย์แล้ว ท่านอาจารย์คงสามารถเปิดสำนักโดยมีศิษย์นับพันนับหมื่นได้ง่ายๆ และเมื่อถึงตอนนั้น ใครก็แล้วแต่ที่กล้าขัดขืนกับท่านอาจารย์ ท่านก็จะสามารถใช้ลูกศิษย์นับหมื่นของท่านไปกวาดล้างคนพวกนั้นได้ในทันที ผู้ที่ยอมจำนนเท่านั้นถึงจะมีโอกาสที่อยู่รอด ส่วนผู้ที่ต่อต้านเราจะต้องถูกกวาดล้าง! "

"..."

ลู่โจวยกมือแก่ๆ ของเขาขึ้นมาก่อนที่จะเคาะลงบนหน้าผากของหยวนเอ๋อ เด็กผู้หญิงตัวน้อยคนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืนเลยแม้แต่น้อย เธอได้แต่หลับตาลง เกร็งไหล่ขึ้นมาก่อนที่จะปิดตารอการลงโทษจากท่านอาจารย์

แต่ถึงแบบนั้นมือของลู่โจวก็ได้หยุดกลางคัน หลังจากนั้นเขาก็ใช้มือของตัวเองวางไปที่หัวของเธออย่างเบาๆ แทน

"แล้วทำไมเจ้าน่ะถึงคิดแต่จะฆ่าคนกัน...เจ้าน่ะลืมที่ข้าได้สั่งสอนไปแล้วอย่างงั้นสินะ? "

"ไม่ ศิษย์คนนี้ไม่กล้าลืม"

"อืม...ข้าน่ะเคยบอกเจ้าไปแล้วนะ ว่าการฆ่าฟันน่ะไม่ใช่หนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ คำคำนี้มันไม่ได้หมายความว่าห้ามฆ่าฟันผู้อื่น แต่เจ้าน่ะจะต้องตัดสินแก้ปัญหาตามสถานการณ์จริงๆ ต่างหาก ถ้าจะยกตัวอย่างก็คงจะเป็นเรื่องนั้น ข้าน่ะไม่เห็นด้วยหรอกนะที่พวกเจ้าจะต้องไปฆ่าคนธรรมดาๆ ที่ไม่มีแม้แต่อาวุธ คนพวกนั้นน่ะใช้ชีวิตที่มีทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะหวังอยู่ในโลกอย่างสงบสุขเพียงเท่านั้น คนที่อยากอยู่อย่างสงบสุขเจ้าน่ะคิดว่ามันสมควรแล้วหรอถึงต้องไปฆ่าคนแบบนั้น? "

หยวนเอ๋อส่ายหัวปฏิเสธไป

"ข้าจะยกอีกตัวอย่างหนึ่งให้เจ้าได้เห็น เจ้าจำคนตระกูลซีที่ศิษย์พี่ของเจ้าเคยช่วยชีวิตเอาได้สินะ ถ้าหากพวกโจรนั่นได้สังหารคนจากตระกูลซีไปในทันที เมื่อถึงตอนนั้นทั้งเจ้า ข้า ศิษย์พี่ของเจ้าก็ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะช่วยเหลือชีวิตของครอบครัวเจ้าเอาไว้เลย สิ่งที่พวกเจ้าได้ทำลงไปมาโดยตลอดก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่หรอยังไง? "

หยวนเอ๋อได้ส่ายหัวออกมาอีกครั้ง

"ก็จริงอยู่ที่พวกโจรนั่นจะสมควรตายแล้ว แต่แล้วไงล่ะ? เจ้าพวกนั้นต้องการแค่เงินเพียงเท่านั้น การฆ่าคนจึงไม่ใช่ทางแก้ปัญหาของพวกมัน แล้วพวกเจ้าล่ะ กำลังต้องการอะไรอยู่กันแน่? "

หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นได้ตอบกลับไปอย่างระมัดระวัง "วรยุทธ์ค่ะ พวกเราล้วนแต่ต้องการฝึกวรยุทธ์ใช่รึเปล่าคะ? ถ้าหากจะฝึกฝนจนข้ามขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ไปได้ พวกเรานั้นก็จะอยู่ที่จุดสูงสุดของผู้ฝึกยุทธ์ จุดสูงสุดนั่นจะทำให้พวกเรารู้แจ้งเห็นจริงเกี่ยวกับความเป็นนิรันดร์อย่างงั้นสินะคะ? "

"ใช่แล้ว ถ้าหากเป้าหมายของเจ้าเป็นแบบนั้น การฝึกยุทธ์นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ"

"ศะ...ศิษย์เข้าใจแล้ว"

"ข้าดีใจนะที่ได้ยินแบบนั้น"

หยวนเอ๋อได้พยักหน้าขึ้นมา แต่ถึงแบบนั้นสีหน้าของเธอก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้คิดอะไรขึ้นมาได้ เธอรีบถามท่านอาจารย์ของเธอในทันที "ท่านอาจารย์คะ แล้วท่านจะรับศิษย์เพิ่มรึเปล่าคะ? "

ดวงตาของลู่โจวที่กำลังจ้องมองไปที่กระดาษอยู่ถึงกับเบิกโตขึ้นมา

'เอ๊ะ? '

ตอนนี้เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว

"หยวนเอ๋อ เจ้าได้ถามข้ามาสินะว่าทำไมข้าถึงรับพวกเจ้าทั้งเก้าเป็นศิษย์น่ะ แล้วเจ้าคิดว่าข้ามีเหตุผลอะไรกัน? "

"ที่ท่านอาจารย์รับพวกเราเป็นศิษย์น่ะเป็นเพราะว่าพวกเรามีพรสวรรค์ที่น่าอัจจรรย์อยู่ในตัว พวกเราน่ะเป็นอัจฉริยะของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ก็ว่าใช่ไหมคะ? "

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นได้แต่ส่ายหัวก่อนจะพูดขึ้น "เจ้าดูในกระดาษนี่ให้ดีๆ สิ...เจ้าเห็นชื่ออะไรไหมล่ะ? "

หลังจากที่จ้องมองไปที่ชื่ออยู่นาน หยวนเอ๋อที่ไม่เห็นอะไรเลยผิดปกติก็ได้แต่ส่ายหัวออกมา ลู่โจวในตอนนั้นหัวเราะขึ้นมา เขานึกขำในความไร้ยางอายของจีเดียนเด๋าอยู่ภายในใจ

"ตราบใดที่ดวงจันทร์ยังคงส่องแสงสุกสกาวอยู่เหนือผืนมหาสมุทร พวกเหล่าเราศิษย์อาจารย์ก็ยังจะคงแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ ให้แก่กัน..."

หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นยังคงดูไม่เข้าใจ แต่เมื่อเธอได้ยินบทกวีขึ้นมา หยวนเอ๋อก็รีบปรบมือก่อนที่จะกล่าวอะไรออกมา "มันเป็นบทกวีที่ไพเราะมากๆ เลยท่านอาจารย์! "

ทันทีที่เธอปรบมือจนเสร็จ เธอก็หันไปดูบนแผ่นกระดาษอีกครั้ง เธอตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้แล้ว แน่นอนว่าทุกตัวอักษรในบทกวีนั้นจะมีชื่อตัวอักษรของเหล่าศิษย์สาวกอยู่ด้วย

"นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่ท่านอาจารย์รับพวกเราเป็นลูกศิษย์อย่างงั้นหรอคะ? ดูเหมือนว่าจะมีหนึ่งตัวอักษรที่ขาดหายไป..." หยวนเอ๋อเกาหัวของเธอ เธอรู้สึกว่าบทกวีบทนี้มันอยากที่จะเชื่อถือได้

ลู่โจวเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทำไมจีเทียนเด๋าถึงคิดอะไรแยบยลได้ถึงขนาดนี้

ศิษย์คนที่เก้าของเขาพูดถูก ในตอนนี้เหลือเพียงตัวอักษรเดียวเท่านั้นที่ยังขาดหายไปในบทกวี ตัวอักษรนั้นก็คือ "ชิ" นั่นเอง ถ้าหากจีเทียนเด๋าค้นหาลูกศิษย์ตามในบทกวีเจอจริงๆ นั่นจะหมายความว่าเกณฑ์การรับลูกศิษย์ของเขาไม่ใช่พรสวรรค์แต่อย่างใด แต่มันเป็นชื่อต่างหาก แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงลู่โจวที่ได้รับความทรงจำมาก็รู้สึกแปลกใจอยู่ดี โลกใบนี้นั้นไม่ใช่โลกใบเดียวกับชีวิตเดิมที่เขาได้เคยใช้ไป แล้วทำไมจีเทียนเด๋าถึงรู้จักบทกวีบทนี้กัน?

เป็นไปได้ไหมว่า...จีเทียนเด๋าเป็นนักเดินทางข้ามมิติด้วย?

ในขณะเดียวกันนั้น...

หมิงซี่หยินที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า ตัวเขาจ้องมองลงบนพื้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน "ในที่สุดข้าก็ออกจากภูเขาทองมาได้ ถึงเวลาสนุกแล้วอย่างงั้นสินะ! "

ในขณะที่จ้องมองไปที่เมืองด้านล่างที่มีชื่อว่าถังซี คนนับร้อยที่อยู่ภายในเมืองนั้นก็ต่างกู่ร้องออกมาด้วยความตื่นตกใจ

"พวกมดปลวกผู้โง่เขลา...วันนี้ข้าน่ะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ข้ารีบไปหาอิสตรี สาวๆ สวยๆ เพื่อหาความสนุกสนานจะดีกว่า! "

ในตอนนั้นหมิงซี่หยินที่กำลังจะบินถลาลงก็คิดถึงคำพูดของท่านอาจารย์ขึ้นมาได้ ในตอนนั้นเองเขาได้พึมพำอะไรออกมาก่อน "แต่เดี๋ยวก่อนนะ ท่านอาจารย์กำลังทำกิจวัตรใหม่ของท่านอยู่ และถ้าหากข้าทำตามกิจวัตรใหม่ของท่าน...แค่ก, แค่ก! การให้ทั้งเงินทั้งทองกับชาวบ้านพวกนี้ที่ยึดมาจากพวกโจรได้ก็ถือว่าเป็นการทำความดีเหมือนกันสินะ! "

หมิงซี่หยินได้ปลดสัมภาระของเขาออกมา ในตอนนั้นเขาได้โยนทรัพย์สมบัติที่มีค่าลงบนถนนในตัวเมืองไป ในตอนนั้นเองทั้งตั๋วเงิน ทองคำ อัญมณีทั้งหลายต่างก็ร่วงหล่นมาจากฟากฟ้า มันเป็นเหมือนกับสายฝนแห่งสมบัติ

"นี่สินะความรู้สึกของคนใจกว้างน่ะ! "

หมิงซี่หยินในตอนแรกกะที่จะใช้ทรัพย์สมบัติที่ได้มาไปกับเหล่าอิสตรี แต่เมื่อตัวเขาตัดสินใจใหม่ได้ ในตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บทรัพย์สมบัติพวกนี้ได้อีกต่อไป ยังไงซะตัวเขาเองก็ไม่ได้ต้องการใช้เงินอยู่แล้ว

ผู้คนบนถนนนั้นต่างก็วิ่งหาที่กำบัง แต่เมื่อพวกชาวบ้านทั้งหลายเห็นสิ่งที่ตกลงสู่พื้นเป็นทองคำ เงิน และเครื่องประดับอัญมณีต่างๆ ในตอนนั้นเองพวกชาวบ้านก็เริ่มที่จะไขว่คว้าสมบัติเหล่านั้นแทน

เมื่อชาวบ้านทั้งหลายเห็นร่างของใครบางคนปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พวกเขาทั้งหลายต่างก็ทิ้งตัวลงไปกับพื้นก่อนที่จะเริ่มคำนับทำความเคารพในทันที

"นั่นมันพระโพธิสัตว์! ใช่แล้ว พระโพธิสัตว์มีจริง! ขอบคุณท่าน ขอบคุณท่านจริงๆ! "

“ขอบคุณสวรรค์!”

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด