ตอนที่แล้วตอนที่ 12 ตื่นได้แล้ว (Rise and Shinel)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14 การตระเตรียม (La préparation)

คอนที่ 13 รายงานตัว (Report for Duty)


รายงานตัว

(Report for Duty)

หลังจากที่ทั้งสามได้เดินทางมายังป้อมคอร์ด ซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายทหารเล็กของเมืองบอสตัน เมื่อเข้าไปใกล้ก็จะพบเหล่าทหารอาสาและทหารประจำการจากสหจักรวรรดิ รอบ ๆ นั้นเป็นค่ายทหารส่วนมากนั้นจะเป็นเต็นท์ผ้าขาวรอบนอกกำแพง มีกระโจมใหญ่อยู่ระหว่างเต็นท์ และมีเหล่าทหารหาญจำนวนมากที่อยู่ประจำการอยู่ในและนอกค่าย รวมไปถึงบนกำแพงสูงก็ยังมีเหล่าเสื้อแดงกระจายอยู่รอบ ๆ ข้างบนกำแพงสูง

ขณะที่ทั้งสามเข้าใกล้ค่ายรอบนอกเข้าไปเลื่อยๆ ก็ได้มีเสียงโว้กแว้กโว้ยวายของเหล่าชายหนุ่มสาวในค่าย ซึ่งเสียงนั้นดูเป็นวัยรุ่นที่คึกเสียมากกว่า เมื่อเข้ามาใกล้เสียงก็จะพบ พวกทหารหนุ่มสาวกำลังทะเลาะกัน ฝั่งซ้ายสวมใส่เครื่องแบบที่เห็นได้ทั่วไปของเช้าเมืองชาวบ้านหมวกปีกกว้างเหมือนหมวกแควาเลียร์ ผิดกับคู่กรณีที่อยู่อีกฝั่งขวาที่สวมเครื่องแต่งกายสีแดงอันฉูดฉาด ดูเป็นทางการเสียมากกว่า เสียงโห่ร้องด้วยความเกลียดชัง โดยฝั่งขวานั้นสบถด่าอย่างดูถูกดูแคลน ต่างฝ่ายต่างโต้เตียบกันเสมือนหมาป่าแตกฝูง เมื่อฝ่ายใดเริ่มพูดทำให้อีกฝั่งโกรธยิ่งกว่า ก็จะทำท่าทีเข้าไปตะลุมบอนแต่ก็ยังดีที่มีเพื่อนๆฝั่งของตนคอยห้ามไว้

ระหว่างที่กำลังจะเกิดการชกต่อยทะเลาะวิวาดกันจริง ๆ ลาสก็เดินมาในระยะการมองเห็นของเหล่าทหารทั้งสองฝ่าย แน่นอนว่าเมื่อเห็นลาสและผู้ที่เดินทางมาด้วยคนข้างๆ ก็ตื่นตะหนกและหยุดชะงักทุกการกระทำอย่างกะทันหัน พวกเขาดีดตัวออกจากเหตุการพวกตนสร้างขึ้นมาเอง ค่อยๆสลายการชุมนุมอย่างว่าง่าย ทำให้ลาสถึงกำลังมึนงงกำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที ลาสหันหน้าไปไถ่ถามชายบนหลังอาชาข้างๆ

“คุณแดเนียมียศสูงขนาดไหนถึงทำให้พวกเขาถึงได้เลิกรากันง่ายๆอย่างนี้กัน? ”

“ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากหรอกครับแค่ พันโท เองครับ ”

“บิดาคุณเรียกน้อยงั้นหรือ”

ทั้งสามคนได้เดินทางไปอีกทางซึ่งเป็นที่ตั้งของกระโจมฝั่งขวาซึ่งเป็นที่ตั้งของเหล่านักรบเสื้อแดงที่ทะเลาะกันเมื่อสักครู่ พวกเขานั้นน่าจะเป็นทหารประจำการจากสหจักรวรรดิ ซึ่งดูจะถือว่าตนเองมียศสูงกว่าทหารอาสาจากอาณานิคม แต่ถ้าถามว่าฝั่งไหนทำให้ลาสปลื้มก็คงเป็นทหารประจำการเสียมากกว่า ด้วยความทีแค่เดินผ่านก็มีคนมาทำความเคารพ มันก็ทำให้ หลายๆคนรู้สึกดีทั้งนั้นล่ะ ความเป็นระเบียบ ความเป็นผู้ดี แค่เห็นก็รู้สึกดีมีอารยะแล้ว กระโจมตรงหน้าของพวกลาสนั้นเป็นกระโจมที่อยู่ตรงกลางระหว่าง เต็นท์ขาว มียามเฝ้าตลอดเวลา เมื่อมาถึงที่ ก็ได้มีชายสองคนเดินออกมา

ทั้งสามได้ลงจากม้าของตนก่อนที่ทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ออกมาจากกระโจมจะทำความเคารพ

“ ยินดีต้อนรับกลับครับ พันโท ผมได้รับจดหมายจากพันเอก

แล้ว แต่ไม่คิดว่าท่านจะอวยศให้ชาวอาณานิคมง่ายกันแบบนี้ “ ชายด้านซ้ายของลาส ที่มีอายุก้าวเจ็ดสิบ มีสีผมที่ขาวและรอยย่นบนใบหน้าเป็นตัวบ่งบอกอายุคราวๆ ได้เอ่ยขึ้นพร้อมจ้องเขม็งไปยังลาส สายตาแหลมของเขานั้นมองเหยียดลาสอย่างไม่ปกปิด

“ระวังคำพูดตัวเองด้วยร้อยเอก” ชายข้างๆเอ่ยห้าม

“ขออภัยด้วยครับ”

ลาสสรุปข้อความที่ชายที่มียศร้อยเอกในใจว่า เขาผู้นี้คงไม่ชอบที่เห็นใครได้เลื่อนขั้นโดยไม่ได้ใช้ความสามารถ หรือ เขาเป็นพวกเหยียดชาวอาณานิคมเข้าเส้น แต่จะไปว่าเขาก็ไม่ได้เพราะมันเป็นสิทธิของเขาที่จะวิจารณ์ ยิ่งสิ่งที่เราได้มานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่แล้ว เขาจะเอาพูดก็คงต้องโทษตัวเองที่ทำพลาดไป

“ถ้ายังไงก็เชิญเข้ามาคุยข้างในกันก่อน ผมจะเป็นคนควบคุมดูแลเอง”

ชายด้านขวาที่พูดห้ามร้อยเอกข้างได้เชิญลาสและอีกสองคนเข้าไปข้างในกระโจม กระโจมขาวหลังนี้ เป็นกระโจมรูปแบบวงกลมใหญ่ เมื่อเข้าไปข้างในก็จะพบเหล่าทหารยศสูงอีกสามคนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะซึ่งเป็นโต๊ะกรมออกวงรีเล็กน้อย บนโต๊ะนั้นมีแผนที่อะไรสักอย่างวางอยู่ พร้อมแก้วไวน์และของมึนเมาทั้งหลาย แม้รอบๆข้างจะไม่มีอะไรนอกจากชั้นวางของเล็กๆ ที่มีหมวกวางอยู่ ทั้งสามที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมาทำความเคารพ ผู้ที่มียศสูงที่สุดในเต็นท์ซึ่งก็คือ พันโท แดเนียล ที่เดินทางมาพร้อมกัน ก่อนที่จะกลับลงไปนั่งยังที่นั่งเดิมของตน และรอให้ลาส

เมื่อทุกคนได้นั่งเข้าที่ ก็ได้เริ่มพูดคุยกันทันที โดยเริ่มจากรายงานจากฝ่ายการจัดการการส่งกําลังบำรุงด้านการทหาร ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องรายงานก่อน เนื่องจากว่าอาณานิคมแห่งนี้ไม่ค่อยมีโรงงานผลิตอาวุธ อย่าว่าแต่มีอุตสาหกรรมบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ การส่งยุทโธปกรณ์ข้ามทะเลนั้นใช้เวลานานหลายเดือนซึงมันใช้เวลานานมากกว่าการเดินทางระหว่างเอเชียไปยังอเมริกาหลายเท่าตัวในยุคก่อน สมันสามารถบอกลาสได้ว่าอาณานิคมแห่งนี้ออกหากไกลจากสามทวีปหลักมาก และยังสามารถบอกได้อีกว่าโลกที่ชื่อออนโทลานแห่งนี้นั้นมีขนาดและพื้นที่ใหญ่มากกว่า โลก ของเขาอย่างมาก เมื่อจบรายงานของฝ่ายจัดส่งกําลังบํารุงหรือโลจิสติกส์ ก็จะเป็นเรื่องของตัวลาสที่ได้รับการอุปถัมภ์จากพันตรี เซอร์กาย แม้ว่าจะมีบ้างคนที่ไม่พอใจ แต่ไหนเมื่อเป็นคําสั่งจากผู้บัญชาการของตนก็มิอาจขัดได้ แต่เพื่อไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกไม่พอใจ เซอร์กายจึงได้มีคำสั่งให้อบรมสั่งสอน โดยผู้ที่อาสาจะรับหน้าที่ฝึกสอนลาสคือชายรุ่นใหญ่ที่ช่วยลาสก่อนเข้ากระโจมนั้นเอง เขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างตัวใหญ่อายุรุ่นใหญ่แต่ไม่แก่จนเกินไป มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า ด้านขวาทำให้รู้สึกถึงความขลังอยู่ในตัว มียศเป็นร้อยเอก ซึ่งเมื่อฝึกสอนพื้นฐานเสร็จลาสจะได้รับการอวยยศเป็น ร้อยตรี ทันทีเมื่อจบการรบครั้งแรก ทังๆที่ต้องจบจากโรงเรียนนายร้อยของสหจักรวรรดิแท้ๆ การใช้เส้นสายมันง่ายขนาดนี้เลยหรอ ลาสคิดสงสัยในใจของตน เมื่อจบการประชุมครั้งแรกทุกคนก็ได้แยกย้ายกันไปทำธุระของตนต่อไป ส่วนลาสและบูลล์จะถูกพาตัวไปดูหมู่และที่พักของตน หรือก็คืออีกสั่งของกระโจม

เมื่อมาถึงอีกฝั่งของกระโจมด้วยขวาก็จะรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมองมาที่พวกของตน ซึ่งมากจากเหล่าทหารอาสาที่เคยทะเลาะกับทหารประจำการ ทำให้รู้สึกขนลุกซู่จนต้องลูบแขนทำให้ลาสนั้นเป็นกังวลกับชีวิตตัวเองอย่างมาก ทั้งสองมาถึงกระโจมใหญ่ที่ไม่ต่างกับกระโจมเมื่อตะกี้ เมื่อเข้าไปข้างในกลับไม่ค่อยมีอะไรสักอย่างนอกจากโต๊ะเล็กๆสองสามโต๊ะ มันช่างวางเปล่าจนน่าใจหาย ลาสขอบคุณผู้ที่มาส่งก่อนจะเดินเข้ามาเช็คด้านในพร้อมบูลล์ ที่จริงแล้วพวกเขาต้องไปเดินหาหน่วยของตนแต่ในๆก็เจอที่นั่งพักแล้ว จะขอพักเสียหน่อยจะเป็นไร นั่งม้ามาเสียนานขอพักหน่อยเถอะลาสคิด

ระหว่างที่นั่งอยู่ลาสก็นึกขึ้นมาได้ว่าบูลล์ยังคงยื่นอยู่โดยที่ไม่กล้านั่ง จึงได้เรียกให้มานั่งคุยด้วยกัน

“ขอโทษด้วยนะ ไม่คิดว่าจะได้มาเป็นทหารแบบนี้” ลาสเอามือมาปิดหน้าของตนพร้อมขอโทษ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่คิดว่าไปพร้อมคุณยังดีกว่าอยู่เฉยไปวันๆเสียดีกว่า”

“นายพร้อมที่จะฆ่าเผ่าเดี่ยวกันหรอ” ลาสถามอย่างเย็นชา

ชายหนุ่มเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มตัวสั่นก่อนจะก้มหน้ากัดฝัน ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความลังเลที่จะตอบ ลาสไม่พูดอะไรต่อคงจะให้หนุ่มน้อยค่อยๆคิดไปเลื่อยๆ การฆ่าพี่น้องของตนเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่ลาสก็คิดว่าบูลล์คงรู้อยู่แล้วว่าการตามมาเป็นทหารพร้อมลาสนั้น อาจจะต้องรบกับชนเผ่าเดียวกัน เป็นใครก็ต้องกังวลใจเป็นทั้งนั้น ขณะนั้นเองทีบูลล์กําลังจะตอบลาส ก็ได้มีคนเดินเข้ามาในกระโจม เป็นผู้ชายที่สวมชุดเหมือนทหาอาสาทั่วๆไป เขาเดินเข้ามาก่อนจะทำความเคารพลาส ซึ่งลาสก็ยื่นขึ้นก่อนจะวันทบหัตถ์กลับไป เขาพูดต่อ

“หัวหน้าหมวดที่หนึ่ง หลี่ จวิน กองร้อยทหารอาสาบอสตัน รายงานตัวขอรับ”

“ว่าที่ร้อยตรี ดักลาส แมริแลนด์” ลาสตอบกลับก่อนจะปล่อยมือลงพร้อมกับหัวหน้าหมวดหรือผู้หมวดจวิน ชื่อของผู้หนมวดจวินนั้นเหมือนกับคนจีน หรือาจจะมีจักรวรรดิหรืออาณาจักรที่มีอารยธรรมคล้ายคลึงแบบอารยธรรมจีนก็เป็นไปได้ ผู้หมวดจวิน

“ประทานโทษที่ขัดจังหวะขอรับ ผมมารับช่วงต่อเพื่อให้ท่านไปพบปะ คนในหน่วยขอรับ”

ผู้หมวดจวินก้มและทำความเคารพก่อนจะออกไปรอข้างนอก ทิ้งไว้เพียงชายหนุ่มทั้งสองในกระโจมให้ สนทนาให้เสร็จเสียก่อน ซึ่งทั้งสองนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก เพื่อไม่ให้ผู้ที่มารับ รอนานจนเกินไป ทั้งสองเดินตามผู้หมวดจวินไปเลื่อยๆ ซึ่งพื้นที่ ที่จะได้พบปะเหล่าคนในหน่วยหรือกองร้อยนั้นเป็นที่ราบที่ใช้พักของเหล่าทหารอาสาทั่วไป เมื่อมาถึงจุดๆหนึ่งที่สามารถมอบหมายคำสั่งได้ พวกเขาก็ค่อยๆทยอยลุกขึ้น หรือ เข้ามาหาทั้งสาม แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ลาสรู้สึกไม่ชอบใจเลย ก็คือ ความไม่กระตื่อรื่อร้นของผู้ใต้บังคับบัญชา สายตาที่จ้องมองมานั้น ไม่มีความเคราพแม้แต่น้อย แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ก็ไหนเมื่อตัวของเขานั้น ไม่ได้มาจากความสามารถของตนเอง และ เมื่อสักครู่ก็มีเหตุทะเลาะวิวาท จะให้ไม่มองแรงได้อย่างไร

ลาสเหล่ตาไล่มองเหล่าชายฉกรรจ์และหนุ่มสาวที่เข้ามาในสนามตรงกลางก่อนที่จะถอนหายใจกับความอคติของผู้คนเหล่านี้ ทุกคนในสนามแห่งนี้คือเหล่าอาสาสมัครจากบอสตัน ที่อาสาออกมาทำศึกสงครามในคราวนี้ เมื่อทุกคนเข้ามาใกล้พอที่จะได้ยินแล้ว ลาสก็ได้เอามือไขว้หลังก่อนเริ่มพูด

“ผมไม่รู้หรอก และ ผมก็จะไม่โทษพวกคุณด้วย พวกคุณทั้งหลายจะโกรธแค้นอะไรกับเหล่าผู้บัญชาหรือพวกยศสูงๆการจากสหจักรวรรดิมันก็เป็นเรื่องพวกคุณ” ลาสหันไปมองรอบๆเพื่อจ้องมองสีหน้าของทุกคน ซึ่งกำลังตั้งอกตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ

“คุณไม่เคยเห็นสิ่งสำคัญ สำหรับทำสงครามด้วยซํ่า อย่างไรก็ตามพวกคุณก็แค่หวังผลตอบแทนหลังจบศึกก็เท่านั้น ”

“เหตุผลที่ทำศึกสงครามในครั้งนี้ก็เพื่อ ปากท้องของครอบครัวของพวกคุณ เพื่อที่จะได้ปกป้องพวกเขาพวกคุณถึงได้อยากอาสาออกมารบทั้งๆที่รู้ว่าบ้างวันในสนามรบจะต้องสิ้นชีวิตในคราวนั้น..”ลาสเว้นพื้นที่พูดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

เช่นนั้นคือเหตุผลจริง ๆ ที่พวกท่านออกมากันอย่างนั้นหรือ?

ทุกคนที่เริ่มแสดงสีหน้าที่แตกต่างตามกันไป ก่อนจะเริ่มมีเสียงคนพูดขึ้นมาเบาๆว่า " เพราะแกนั้นแหละ " ก่อนจะมีอีกคนที่อยู่ข้างในกลุ่มทหารอาสาตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความเกี้ยวกราด

“ก็เพราะพวกแกไม่เคยมองเราด้วยความเท่าเทียม!” และก็เริ่มมีคนพูดออกมาอีกเลื่อยๆ ไม่หยุดย่อน แสดงให้ลาสได้เห็นความเกลียดชังต่อผู้ที่สถานะที่สูงกว่าพวกตน พวกเขานั้นเกลียดการดูถูก การเอารัดเอาเปรียบ และ การปฏิบัติที่แบ่งชนชั้นที่สามารถเห็นได้อย่างชัดชัดเจน

“ผมเข้าใจพวกคุณ ก็เพราะผมไม่ได้มาจากดินแดนแม่เสียหน่อย” ลาสเลือกที่จะใช้คำพูดที่บ่งบอกตัวเองว่าไม่ได้อยู่กับจักรวรรดิ หรือบ่งบอกได้ว่าตัวเขานั้นก็ไม่ได้เกินที่ไหนไกลเลยแม่แต่นิด เมื่อบอกกล่าวออกไปแบบนั้น หลายๆคนก็เริ่มที่จะสงบสติสงบอาการลบ้างเล็กน้อย พวกเขาแค่มีอคติกับผู้คนจากสหจักรวรรดิเพียงเท่านั้น หรือ ผู้ปกครองของพวกเขา แม้จะมีบ้างคนที่ยังคงไม่ไว้ใจลาส แต่เพียงแค่การเริ่มตนแรกๆ ลาสก็สามารถทำให้หลายคนหันมาลดอคติและเปิดใจอยู่หลายคน ถือว่าประผลสำเร็จในการพูดอย่างมาก

เมื่อเห็นว่าหลายคนเปิดใจให้กับลาสแล้ว ลาสก็ได้เริ่มพูดสั่งรวมพลให้เป็นระเบียบโดยจะรวมเป็น 1 กองร้อย แยกออกมาเป็น 4 หมวด 1 หมวดจะมี 50 นาย รวมทั้งกองร้อย เป็น 200 กําลังพล เมื่อเข้าประจําหมวดของตน ผู้หมวดก็เริ่มรายงานตัวแก่ลาส

“หัวหน้าหมวดที่หนึ่ง หลี่ จวิน กำลังพล 50 นาย รายงานตัวขอรับ” ผู้หมวดที่หนึ่งคือหลี่ จวิน ที่มาแนะนำตัวในตอนแรก เขาเป็นชายรุ่นใหญ่ มีหน้าตาออกไปทางเอเชียในโลก่อน มีสีผมที่ออกดำ แทนที่จะตัวเล็กแต่ส่วนสูงของเขานั้นสูงกว่าลาสมาก มันทำให้รู้สึกอิจฉาอย่างบอกไม่ถูก

“ผู้บังคับหมวดที่สอง เบลิซาอุส กำลังพลรวม 50 นาย รายงานตัวครับ” คนที่สองเป็นชายกลางคนที่มีสีผมออกบลอนด์ทอง มีสีตาสีฟ้าทะเล หน้าตาฝั่งยุโรปรูปร่างกล้ามเนื้อที่สูงใหญ่ทำเอาร่างบางตรงหน้าเบลิซาอุสอิจฉาตาร้อนทั้นทีแต่ออกอาการไม่ได้ ‘ อยากมีกล้ามเนื้อแบบนั้นจัง! ’ ผิดกับคนที่ร่างบางอิจฉา เขาคนนี้มีอาการที่ไม่สบอารมณ์กับลาสอย่างเห็นได้ชัด

“ผู้บังคับหมวดสาม อันฮัลท์ เวติก้า กำลังผลรวม 50 นาย รายงานตัว” คนที่สามเป็นชายหนุ่มอายุน่าจะน้อยกว่าลาสอย่างมาก ตัวผอม สูงพอๆกับ จวิน มีผมสีนํ้าตาลอ่อน หน้าตาฝั่งเอเชียไมเนอร์ หน้าตาที่ดูขี้เล่นเหมือนวัยรุ่นไฟแรง

“ผู้บังคับหมวดสี่ อีวาน โดลโกลรูโคลย่า กำลังผลรวม 50 นาย รายงานตัวแด่ท่าน” ผู้หมวดคนสุดท้ายเป็นชายแก่ รุ่นปู่หัวโล้นมีหนวดเครา หน้าตาแบบรัสเซีย ถึงอายุจะดูเยอะแต่ก็มีออร่าที่น่าเครารพ

แม้สำเนียงแต่ละคนจะไม่เหมือนกันหรือชื่อเรียกของพวกเขาก็แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่พวกเขาเหล่านี้ นั้นเกิดและโตบนแผ่นดินที่ห่างไกลจากโลกอองโทรานแห่งนี้ ซึ่งมันสามารถช่วยสร้างเหตุผลในแผนการของลาสได้อย่างดี เมื่อรายงานกันเสร็จลาสก็ได้ แนะนำตัวเอง

“ ว่าที่ร้อยตรี ดักลาส แมริแลนด์ ต่อไปนี้ผมจะเป็นผู้บังคับบัญชา กองกำลังทหารอาสา บอสตัน ที่หนึ่ง ตามคำสั่ง พันเอก เซอร์ กาย ดิ ดับลินท์”

ผมตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันที่จะได้รับความร่วมมือที่ดีจากพวกคุณนะครับ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด