ตอนที่แล้วตอนที่ 8 เตรียมตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 เยือนบ้านตระกูลซู

ตอนที่ 9 จิตที่สงบ


ตอนที่ 9 จิตที่สงบ

ผ้าพันแผล ผงยาบด มู่อี้เตรียมของที่จำเป็นต่อเพื่อไม่ให้เสียเวลา

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วหลับตาลงเพื่อทำจิตใจให้ว่างเปล่า

มู่อี้สามารถเข้าสู่สมาธิได้รวดเร็วมากหลังจากการฝึกฝนในสามวันที่ผ่านมา

ทันใดนั้นมู่อี้ก็ลืมตาขึ้น ในตอนนี้ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมและมีความสงบเยือกเย็นกว่าเดิมมาก

มู่อี้จับพู่กัน จุ่มน้ำหมึก และวาดอักขระลงบนกระดาษยันต์ด้วยความชำนาญ ในตอนที่มูอี้กำลังวาดอยู่นั้นก็มีแสงสว่างสลัวๆปรากฏขึ้นรอบๆตัวก่อนที่จะหายไปในที่สุด

ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของมู่อี้ ดูเหมือนว่าตอนที่เขาวาดยันต์คุ้มภัยได้สำเร็จก็มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น

น่าเสียดายที่เขายังไม่ผ่านการเบิกเนตรแห่งสวรรค์ ถ้าเขาผ่านการเบิกเนตรมาการวาดยันต์จะเป็นสิ่งที่ง่ายมากยิ่งขึ้น

ยันต์รูปแบบนี้เขาไม่เคยวาดได้สำเร็จมาก่อนดังนั้นมันจึงเป็นครั้งแรกที่เขาทำได้

อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าจะประสบความสำเร็จได้ในการวาดเพียงครั้งเดียว มันทำให้เขารู้สึกมั่นใจขึ้นมาก

หลังจากนั้นมู่อี้ก็ลงมือวาดยันต์อีก 5 ครั้ง แต่ก็มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ

มู่อี้รู้สึกว่ายันต์ที่วาดสำเร็จเพียง 2 แผ่นก็เพียงพอแล้วดังนั้นเขาจึงไม่ได้วาดต่อ หลังจากหยุดพักอยู่ชั่วครู่เขาก็เริ่มวาดยันต์สะกดวิญญาณอีกครั้ง

หลังจากวาดยันต์สะกดวิญญาณได้สำเร็จภายในครั้งเดียวมู่อี้ก็หยุดวาด ในมุมมองของเขายันต์สะกดวิญญาณเตรียมไว้เพียงแผ่นเดียวก็เพียงพอแล้ว กุญแจสำคัญคือยันต์ปราบปีศาจ

มู่อี้ลงมือวาดยันต์ปราบปีศาจอย่างต่อเนื่องกว่า 20 แผ่น แต่มีเพียง 2 แผ่นเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ อัตราความสำเร็จเป็น 1 ใน 10 แม้ว่าอัตราความสำเร็จจะค่อนข้างแย่ แต่มู่อี้ก็ไม่ได้รู้สึกท้อแท้แต่อย่างใด ในมุมมองของเขานี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อเขาฝึกฝนบ่มเพาะได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นอัตราความสำเร็จจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

มียันต์ปราบปีศาจเพียง 2 แผ่นก็หมายความว่าเขามีโอกาสเพียง 2 ครั้งเท่านั้น มันมีน้อยเกินไปจริงๆ แต่เขามีกระดาษยันต์เปล่าๆเหลือเพียง 7 หรือ 8 แผ่นเท่านั้น จากอัตราความสำเร็จก่อนหน้านี้ความเป็นไปได้ที่มู่อี้จะวาดได้สำเร็จมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

มู่อี้กำลังคิดว่าจะใช้กระดาษยันต์ที่เหลืออยู่ในการวาดยันต์สายฟ้าซึ่งเขาสามารถวาดอักขระได้เพียงครึ่งเดียว

มู่อี้รู้สึกว่าสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จในอดีตก็คือจิตใจของเขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะวาดอักขระยันต์สายฟ้า แม้ว่านักพรตเฒ่าจะสอนวิธีวาดอักขระยันต์สายฟ้าให้เขาทุกขั้นตอนอย่างละเอียด มันก็เหมือนกับการที่จิตรกรเอกสอนมือใหม่หัดวาดรูป เขารู้ดีว่าลำดับขั้นตอนการวาดเป็นอย่างไรแต่ก็ไม่สามารถวาดออกมาได้

ตอนนี้มู่อี้รู้สึกว่าจิตใจของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นและอยากจะลองวาดดู ถึงแม้ว่ามันจะไม่สำเร็จก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร

เมื่อคิดได้เช่นนี้ มู่อี้ก็รวบรวมสมาธิและลงมือวาดอักขระยันต์สายฟ้าในทันที

รูปแบบอักขระยันต์สายฟ้ายังคงเกินความสามารถของเขาในตอนนี้ ถึงแม้ว่ามันจะดูทรงพลังและแตกต่างจากเมื่อก่อนหลายเท่า แต่มันก็ยังดูแปลกประหลาดและไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้

หลังจากวาดอักขระยันต์สายฟ้าห้าหรือหกแผ่นติดต่อกันผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิมและมู่อี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

มู่อี้รู้ดีว่าการที่วาดไม่สำเร็จเป็นเรื่องปกติแต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกค้างคาใจอย่างมาก

"เป๊าะ!"

หลังจากวาดอักขระยันต์สายฟ้าแผ่นสุดท้าย พู่กันที่มู่อี้ใช้ก็หักเนื่องจากแรงที่มากจนเกินไปจากสภาวะสมาธิของตนเอง

"ทำไมถึงไม่สำเร็จกันนะ"

มู่อี้ทิ้งพู่กันที่หักอยู่ในมือแล้วถอนหายใจออกมา

มู่อี้เก็บยันต์ทั้งสองประเภทไว้ในจุดที่หยิบจับได้สะดวกที่สุดเพราะมันสามารถช่วยชีวิตในช่วงเวลาวิกฤติได้ ยันต์ปราบปีศาจที่เขาวาดสำเร็จ 2 แผ่นและยันต์สะกดวิญญาณถูกเก็บเอาไว้ในกระเป๋าของเขาเพื่อที่จะสามารถใช้ในช่วงเวลาสำคัญได้ทันท่วงที

หลังจากจัดเก็บทุกอย่างเรียบร้อยแล้วมู่อี้ก็ล้างหน้าของเขาอีกครั้ง เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าลินินเป็นชุดนักพรตเต๋าและลงจากภูเขาไปยังจุดนัดหมาย

แต่เมื่อมู่อี้กำลังจะจากไป ทันใดนั้นเขาก็เหลือบมองกระดาษเปล่าสีเหลืองที่เหลืออยู่บนโต๊ะ เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่และค่อยๆเดินมาที่โต๊ะอีกครั้ง

เวลาผ่านไปชั่วครู่ มู่อี้กัดนิ้วชี้ของตนเองและมีเลือดไหลออกมา

มู่อี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยและใช้นิ้วของตนเองที่เต็มไปด้วยเลือดวาดอักขระยันต์สายฟ้าลงบนแผ่นกระดาษสีเหลือง

"ฟึบ!"

เมื่อมู่อี้วาดอักขระยันต์สายฟ้าเสร็จสิ้น เขารู้สึราวกับว่ามีบางสิ่งในจิตใจของเขาแตกสลาย

เขาไม่ได้ใส่ใจกับอักขระสายฟ้าที่วาดขึ้นบนแผ่นกระดาษสีเหลือง แต่ปิดตาของตนเองลงและทำจิตใจให้สงบ

เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ มู่อี้ก็เข้าสู่สมาธิ

จิตใจของมนุษย์นั้นไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ มันเหมือนกับมีม่านหมอกที่คอยเป็นอุปสรรคในการฝึกฝน สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นถ้าในใจของเขายังคงคิดถึงเรื่องต่างๆ การคิดถึงเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องในอดีตและเรื่องที่กังวลในตอนนี้จะทำให้จิตใจของเขาว้าวุ่นจนเกินไปและทุกอย่างจะสงบลงได้ถ้าหากว่าเขารู้จักสิ่งที่เรียกว่า การสงบจิตใจ

การที่ไม่สามารถทำให้จิตใจสงบนิ่งได้เกิดจากการมีความคิดต่างๆวนเวียนอยู่ในใจ ความพยายามที่มากเกินหรือความปล่อยวางจนเกินไปก็มีผลเช่นเดียวกัน

หนทางแก้ไขดูเหมือนจะง่ายดายนั่นก็คือการไม่คิดอะไรเลย แต่มนุษย์ไม่ใช่ก้อนหินที่จะทำเช่นนั้นได้

การทำจิตใจให้สงบความหมายก็บ่งบอกชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว

แตเนื่องจากการฝึกฝนอย่างหนักมาหลายวันมู่อี้ก็ได้มาถึงจุดสูงสุดของขั้นตอนนี้แล้ว สิ่งที่ขาดหายไปมีเพียงโอกาสเท่านั้น

หลังจากมู่อี้วาดอักขระยันต์สายฟ้าได้สำเร็จ ในที่สุดเขาก็หลุดจากคอขวดของขั้นตอนนี้ทันที

เพียงขั้นตอนเดียวแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน

ในอดีตมู่อี้คิดว่าการที่เขาจะสำเร็จการทำจิตใจให้สงบจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี แต่ตอนนี้เขาสามารถเข้าสู่สถานะนี้ได้ตลอดเวลาและไม่จำกัดเพียงการนั่งและเดินเท่านั้น

ผ่อนคลาย ใจสงบ คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง

การทำจิตใจให้สงบคือการคงสภาพของสิ่งนี้ไว้ในใจและรักษามันเอาไว้

และประโยชน์ของการมีจิตที่สงบนั้นชัดเจนมาก ประการแรกคือความคิดของมู่อี้มีความละเอียดรอบคอบมากขึ้นและทำให้เขากลายเป็นคนฉลาดหลักแหลมมากขึ้นโดยธรรมชาติ

นอกจากนี้การมีจิตที่สงบยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและเป็นคนที่มีเหตุผลมากยิ่งขึ้น

เวลาผ่านไปนานก่อนที่มู่อี้จะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก เขาก้าวเข้าสู่การมีจิตใจที่สงบขั้นที่ 2 แล้วซึ่งทำให้มู่อี้มีจิตใจที่กล้าแกร่งมากขึ้น

อย่างไรก็ตามมู่อี้ไม่ได้สามารถอยู่ในสถานะนี้ตลอดเวลา

มู่อี้ยังไม่สามารถคงสภาวะนี้ได้นานมากนัก แม้ว่ามันจะมีประโยชน์ต่อเขาอย่างมากก็ตามแต่ก็ทำให้เขาสูญเสียพลังงานไปมากเช่นกัน ถ้าหากฝืนมากไปอาจจะทำให้ร่างกายของเขาย่ำแย่ได้

หลังจากออกจากสมาธิแล้วมู่อี้ก็มองไปที่ยันต์สายฟ้าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ เขารับรู้ได้ว่ายันต์สายฟ้าแผ่นนี้ประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย มู่อี้สามารถรู้สึกถึงพลังอันรุนแรงที่มีอยู่ในนั้นเพียงแค่ถือมันไว้ในมือของเขา

แน่นอนว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความจริงที่ว่ายันต์สายฟ้ามาจากมือของเขามิฉะนั้นเขาจะไม่รู้สึกถึงพลังใด ๆ

หากไม่ใช่เพราะยันต์สายฟ้าแผ่นนี้มู่อี้อาจจะต้องใช้เวลาอีกนานในการก้าวสู่ขั้นที่ 2 เหตุผลที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จนอกเหนือจากโอกาสก็คือความพยายามที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

ยิ่งเขาฝึกฝนมากเท่าไหร่ มู่อี้ก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณนักพรตเฒ่า ดูเหมือนว่านักพรตเฒ่าจะตั้งใจวางรากฐานที่ดีให้กับมู่อี้จึงทำให้เขาสามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว

คนปกติทั่วไปกว่าจะบรรลุขั้นตอนนี้จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองหรือสามปี

"ท่านปู่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง"

มู่อี้เก็บยันต์สายฟ้าเอาไว้และเดินทางลงไปจากภูเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด