ตอนที่แล้วตอนที่ 28 เมื่อ 18 ปีก่อน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 30 ภายใต้ทัณฑ์สวรรค์สาป-ภัยพิบัติของมวลมนุษย์

ตอนที่ 29 วิญญาณกลับคืนสู่โลก


ตอนที่ 29 วิญญาณกลับคืนสู่โลก

"พูดมาเถอะ"

หลังจากได้ยินมู่อี้พูดเกี่ยวกับการคาดเดาเรื่องของลูกสาวของเขา ซูจงซานก็อยากรู้ขึ้นมาทันทีและมองไปที่มู่อี้อย่างใจจดใจจ่อ

"ท่านผู้อาวุโสซูเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่ามนุษย์และวิญญาณต่างมีเส้นทางที่แตกต่างกันใช่ไหมขอรับ?" มู่อี้พูดตรงๆด้วยน้ำเสียงสุภาพ

"แน่นอน ข้าเคยได้ยิน" ซูจงซานพยักหน้า

"ดูเหมือนว่าเหตุผลที่ทำให้เนี่ยนหนิวเอ้อร์และแม่ของนางสามารถอยู่ในสถานะวิญญาณจนถึงปัจจุบันต้องขอบคุณป่าไผ่ในสวนหลังบ้านเล็กๆแห่งนี้ " มู่อี้พูดอย่างช้าๆ

"เป็นเพราะป่าไผ่แห่งนี้หรือ?" ซูจงซานรู้สึกประหลาดใจและมองมู่อี้ด้วยความงุนงง

"ถูกต้องขอรับ มีคนเปลี่ยนตำแหน่งของสวนหลังบ้านนั่นให้เป็นไปตามหลักของฮวงจุ้ยและสมบัติอันล้ำค่าแห่งสวรรค์และโลกก็ถูกปลูกขึ้นมาที่นั่น ที่สติปัญญาของเนี่ยหนิวเอ้อร์ไม่ได้หายไปเป็นเพราะนางได้สร้างความสัมพันธ์พิเศษกับสมบัติอันล้ำค่านั้น ตราบใดที่ต้นไผ่อันล้ำค่ายังมีชีวิตนางก็จะสามารถรักษาสถานะวิญญาณของนางได้" เมื่อพูดถึงเรื่องนี้มู่อี้ก็มองไปที่ซูจงซานและพูดต่อไปว่า "แต่น่าเสียดายที่ต้นไผ่เพียงต้นเดียวไม่เพียงพอที่จะช่วยแม่ของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ด้วย หลังจากนางตายไปก็ไม่ยอมไปสู่สุคติและกลายเป็นวิญญาณเพราะความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะได้อยู่กับลูกของนาง แต่เมื่อเวลาผ่านไปสติปัญญาของนางก็ค่อยๆหายไป นอกเหนือจากสัญชาตญาณแล้วในตอนนี้นางไม่มีความทรงจำใดๆหลงเหลืออยู่อีกเลย แม้ว่าตอนนี้นางจะยังคงสภาพร่างวิญญาณไว้ได้แต่ไม่ช้าก็เร็วดวงวิญญาณของนางก็จะแตกสลายอย่างสมบูรณ์แน่นอนขอรับ"

"อะไรนะ!"

หลังจากมู่อี้พูดจบซูจงซานก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

"ท่านนักพรตเต๋าได้โปรดช่วยลูกสาวของข้าด้วย ไม่ว่าท่านต้องการอะไรข้ายินดีมอบให้ทุกอย่าง" ซูจงซานมองมู่อี้และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เขาล้มเหลวในการปกป้องลูกสาวของตนเองในขณะที่นางยังมีชีวิตอยู่ และตอนนี้นางได้กลายเป็นวิญญาณไปแล้วถ้าเขาไม่สามารถช่วยนางได้อีกเขาก็คงไม่มีคุณสมบัติเป็นพ่อของนางอีกต่อไป ดังนั้นในขณะนี้ซูจงซานจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรเขาก็ยอม

"การส่งดวงวิญญาณไปสู่สุขคติ แม้ว่าข้าจะไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้แต่ก็คิดว่าสามารถหาทางได้ ที่สำคัญคือเนี่ยนหนิวเอ้อร์ ท่านผู้อาวุโสตระกูลซูจะรับมือกับนางอย่างไร?" มู่อี้ถามต่อไป

"เรื่องนี้ ..." ซูจงซานเงียบไปทันที

เขายังจำสิ่งที่มู่อี้ถามไปก่อนหน้านี้ได้อย่างชัดเจน มนุษย์และวิญญาณต่างมีเส้นทางที่แตกต่างกันและแม้ว่าเขาจะยอมรับเนี่ยนหนิวเอ้อร์ได้ แล้วคนอื่นๆในตระกูลซูจะสามารถยอมรับนางได้หรือไม่? ลูกชาย ลูกสะใภ้ หลานชาย และคนในตระกูลจะยอมรับวิญญาณได้หรือเปล่า?

ซูจงซานไม่ได้พูดอะไรออกมาและนิ่งเงียบ

"จริงๆแล้วการที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์อาศัยอยู่ที่นี่มันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับนาง นางเป็นวิญญาณหากท่านติดต่อกับนางเป็นเวลานานมันจะเป็นอันตรายต่อท่านได้ และนางถือว่ายังเด็กมากกลับต้องเผชิญกับสายตาของคนที่แปลกประหลาดจ้องมองตลอดทั้งวัน ท่านคิดว่านางจะรู้สึกอย่างไร? " มู่อี้ยังคงพูดต่อไป

"ท่านนักพรตข้าควรทำอย่างไรดี?" ซูจงซานพูดอีกครั้ง

"เนี่ยนหนิวเอ้อร์ไม่ใช่เด็กปกติทั่วไป สำหรับเรื่องนี้ข้าคิดว่าต้องไปพูดคุยกับนางก่อนแล้วข้าจะมาบอกท่านผู้อาวุโสในภายหลัง แต่ถ้าเป็นไปได้ข้าจะส่งให้นางไปสู่สุขคติและหลุดพ้นจากโลกที่โหดร้ายใบนี้เพื่อให้นางได้ไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี" มู่อี้พูดและส่ายศีรษะ

"ตกลง เรื่องทุกอย่างเชิญท่านนักพรตตัดสินใจได้เลย หลังจากนั้นชายชราผู้นี้จะตอบแทนท่านแน่นอน" ซูจงซานมองไปที่มู่อี้ด้วยสายตาขอบคุณ แต่ในความคิดเห็นของเขานั้นยิ่งมู่อี้อธิบายมามากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่มีความสุขมากเท่านั้น เงินทองเมื่อไหร่ก็หาได้แต่ไม่ว่ายังไงเนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็ถือเป็นหลานสาวของเขาคนหนึ่ง

"พวกเราค่อยคุยเรื่องนี้ในตอนที่ข้าทำได้สำเร็จดีกว่าขอรับ" มู่อี้ส่ายหัว แม้ว่าเขาต้องการเงินเป็นอย่างมากแต่เขาก็ต้องการช่วยเหลือวิญญาณแม่ลูกเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกขอบคุณเพียงใดในตอนนี้เขาก็ไม่ดีใจเท่ากับการที่สามารถช่วยส่งภรรยาของเขาและลูกสาวของเขาไปสู่สุขคติได้ดังนั้นมู่อี้จึงไม่รีบร้อน

ในขณะนี้ภายในเมืองมีเสียงดังขึ้น เพียงแค่มองไปยังทิศทางที่คบเพลิงมากมายก็จะสามารถรู้ได้ทันทีว่ามีผู้คนมากมายกำลังวิ่งผ่านไปด้วยความเร่งรีบ

"ดีมาก ดูเหมือนว่าเราจะเจอตัวมันแล้ว ครั้งนี้มันไม่สามารถหนีไปได้แน่นอน"  ซูจงซานมองออกไปและพูดอย่างเย็นชา

ตอนนี้ความเกลียดชังของเขาที่มีต่อฉือกุยเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ซูจงซานรู้สึกดีใจได้เพียงไม่นาน ในไม่ช้าก็มีคนมาแจ้งข่าวว่าฉือกุยถูกตัดแขนไปข้างหนึ่งแต่ก็ยังสามารถหนีไปได้

ภายในห้องนั่งเล่น ซูจงซานรู้สึกโกรธอย่างมาก เขารู้สึกหงุดหงิดที่ลูกน้องของตนเองไร้ความสามารถ แต่เขาก็รู้สึกหวาดกลัวที่ฉือกุยหนีรอดไปได้เช่นกัน เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าถ้าอีกฝ่ายตอบโต้กลับมาตระกูลซูจะได้รับความเสียหายมากแค่ไหน

โชคดีที่ฉือกุยถูกยิงด้วยลูกธนูและตอนนี้ยังถูกตัดแขนไปอีกข้างหนึ่ง แม้ว่าเขาจะสามารถหลบหนีและรอดชีวิตไปได้แต่เขาก็ไม่ได้ต่างไปจากเสือที่ไร้เขี้ยวเล็บเลย หากเป็นเช่นนี้ตระกูลซูก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเขามากนัก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตระกูลซูมีศัตรูมากมายไม่ใช่แค่คนหรือสองคน

แต่ตอนนี้ตระกูลซูยังคงยืนหยัดอยู่แม้จะพบเจอปัญหามามากมาย

ถึงแม้ว่าฉือกุยจะหนีไปได้แต่เขาได้ทำสิ่งของติดตัวตกหล่นเอาไว้นั่นก็คือหนังสือที่เปื้อนเลือดและเมื่อซูจงซานได้รับมาดขาก็มอบให้กับมู่อี้ในทันที

มู่อี้รับหนังสือเหล่านั้นมาและเปิดอ่าน หลังจากสัมผัสกับกระดาษก็พบว่ามันมีความอ่อนนุ่มคล้ายกับผ้าไหม แต่มีความแข็งแรงทนทานอย่างมากแม้ว่ามู่อี้จะออกแรงดึงเล็กน้อยมันก็ไม่สามารถฉีกขาดได้

เมื่อมู่อี้อ่านตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือ หัวใจของเขาก็เต้นระรัวราวกับจะระเบิดออกมา

มู่อี้ใช้มือข้างหนึ่งลูบไปบนตัวอักษรเหล่านั้น เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะยกฝ่ามือออกและเห็นคำสี่คำที่เขียนบนหน้าปกหนังสือ เคล็ดวิชาควบคุมวิญญาณ

แม้ว่าเขาจะคิดเอาไว้อยู่แล้วแต่มู่อี้ก็ไม่คิดว่านี่จะเป็นวิธีการบ่มเพาะของฉือกุย

แม้ว่ามันจะเป็นเคล็ดวิชาที่ชั่วร้ายแต่มันก็เป็นเคล็ดวิชาของลัทธิเต๋า เคล็ดวิชานี้คือเคล็ดวิชาสายมืดและแฝงไปด้วยความชั่วร้ายซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่มู่อี้ได้ร่ำเรียนมา ทิศทางเคล็ดวิชาของที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วนี้ทำให้เขายากที่จะยอมรับได้

ธงในกระเป๋าของมู่อี้เพียงอย่างเดียวทำให้เขาเข้าใจจุดประสงค์ของหนังสือในมือของเขา

"ใจเย็นๆ ข้าต้องเก็บมันไว้" มู่อี้หลับตาลงเพื่อทำสมาธิและจิตใจที่ฟุ้งซ่านของเขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้เปิดหนังสือเพื่ออ่านเนื้อหาที่อยู่ข้างในแต่เก็บไว้ในกระเป๋าของเขา

เมื่อซูจงซานเห็นเช่นนั้น เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาและสั่งให้คนรับใช้พามู่อี้ไปพักผ่อน

ในตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฉือกุยทุกคนคงได้พักผ่อนไปนานแล้ว

มู่อี้นั่งลงบนเตียงก่อนที่หยิบเคล็ดวิชาควบคุมวิญญาณออกมาและค่อยๆเปิดออก

"สิ่งมีชีวิตทุกตัวบนโลกใบนี้ล้วนต้องตายและหลังจากตายไปแล้วก็จะกลับมาสู่โลกอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่เรียกว่า วิญญาณ"

เมื่อมู่อี้เห็นข้อความนี้เขาก็ขบคิดเล็กน้อยและรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล แต่ก็ยังไม่รู้ว่าทำไม

"วิญญาณ มีอยู่จริง สภาพที่ไม่มั่นคง มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้"

"วิญญาณคือพลังหยินที่สามารถดูดกลืนพลังหยางของมนุษย์ได้"

"วิญญาณสามารถเปลี่ยนแปลงได้และยังสามารถใช้ประโยชน์จากวิญญาณเมื่อใช้วิธีที่ถูกต้อง"

ในตอนนี้มู่อี้ก็มีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับวิญญาณมาก่อนแล้ว

"วิญญาณไม่มีลักษณะจำเพาะ หลังจากมนุษย์ตายไปวิญญาณจะถูกแยกออกจากร่างกายและหลอมรวมกับสวรรค์และโลก วิญญาณไม่มีสติปัญญาและไม่มีที่อยู่อาศัยจึงถูกเรียกว่าวิญญาณเร่ร่อน"

"ความตายและความไม่พอใจ เมื่อพลังหยินภายในร่างกายเปลี่ยนแปลงจึงกลายเป็นวิญญาณอาฆาต"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด