ตอนที่แล้วตอนที่ 10 ถึงฆาต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12 กิจวัตรใหม่ของท่านอาจารย์

ตอนที่ 11 เฝ้าฝึกฝนต่อไป


ตอนที่ 11 เฝ้าฝึกฝนต่อไป

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

"ระบบนี่ให้คุณสมบัติที่ไม่คาดคิดแหะ" ลู่โจวคิดกับตัวเองขึ้นมา โชคดีที่ตอนนี้ตัวเขามีอายุมากแล้ว และผิวหนังของเขาเองก็หย่อนยานและเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลามากแล้ว และเพราะแบบนี้จึงไม่มีใครที่สังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเขาแน่นอน เว้นแต่ว่าคนคนนั้นตั้งใจที่จะสังเกตตัวเขาอย่างแท้จริง

เมื่อโจวจี้เฟิงได้ยินแบบนั้นแล้วเขาก็ตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด "หยุดพล่ามได้แล้ว! เจ้าน่ะอย่าพยายามหว่านล้อนข้าซะให้ยากเจ้าเฒ่า! ทุกคนในโลกล้วนรู้ดี ศิษย์คนที่เจ็ดของเจ้าสีวู่หยาเองก็เป็นคนที่เจ้าเล่ห์เช่นเจ้า ข้าน่ะไม่ตกหลุมพรางกลอุบายงี่เง่าของเจ้าหรอก!"

ลู่โจวในตอนนั้นได้แต่ส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกไป "เจ้าน่ะช่างเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาจริงๆ ! เจ้าน่ะมันไม่รู้อะไรเลยต่างหากเล่า! ในตอนนี้ข้าจะบอกทุกอย่างกับแกเอง ในตอนที่ข้าได้ไปเยี่ยมมณฑลยี่มาเมื่อหลายปีก่อน ข้าคนนี้ได้ครอบครัวสกุลเจียงเพื่อเข้า บังเอิญที่ลูกสาวสกุลเจียงในตอนนั้นได้ให้กำเนิดทารกขึ้นหนึ่งขึ้นมา เด็กทารกแรกเกิดคนนั้นเกิดมาพร้อมกับโครงสร้างกระดูกที่ไม่ธรรมดาและหนำซ้ำเขายังมีพรสวรรค์พิเศษที่น่าทึ่งมากอีกด้วย ข้าตั้งใจที่จะรับเด็กนั่นให้มาเป็นศิษย์ ข้าได้ให้เวลาผู้เป็นพ่อเป็นแม่ของเจ้าเด็กนั่นตัดสินใจเป็นเวลากว่าสามวันด้วยกัน แต่ไม่ว่าพวกเขาทั้งสองจะตัดสินใจอะไร ข้าก็จะพาเด็กคนนั่นมาด้วยอยู่ดี...แต่ตอนนั้นเรื่องไม่คาดฝันก็ดันมาเกิดขึ้นซะก่อน ครอบครัวสกุลเจียงได้ถูกสังหารตายยกครัว"

"ในวันที่ข้ากลับมามันก็สายเกินไปซะแล้ว...ดูเหมือนว่าจะมีผู้ฝึกยุทธ์ได้มาสังหารครอบครัวสกุลเจียงไป ข้าน่ะที่ได้สังหารผู้คนมามากมายในชีวิตย่อมพบกับโศกนาฏกรรมมานับไม่ถ้วน และนี่เองก็เป็นอีกโศกนาฏกรรมอีกครั้งหนึ่งที่ไม่สามารถหลีกหนีความจริงไปได้ ผู้ฝึกยุทธ์จากพวกออร์โธดอกซ์ทุกคนในโลกล้วนคิดว่าตัวข้าน่ะเป็นคนทำ แต่ไม่มีใครเลยที่จะล่วงรู้ความจริงนี้ แท้จริงแล้วลู่ฉางเฟิงนั่นแหละเป็นคนทำ"

โจวจี้เฟิงที่กำลังต่อสู้อยู่กับความเจ็บปวดภายในใจได้พูดเยาะเย้ยออกมา "เจ้าน่ะจะกุเรื่องไปได้สักแค่ไหนกัน..."

ลู่โจวรู้ดีว่าอีกฝั่งไม่เชื่อ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังพยายามต่อไปอย่างเต็มที่ "เจ้าน่ะมีปานที่ไหล่สินะ ในตอนที่เจ้าเกิดมาน่ะตัวเจ้านั้นเย็นจนเกินไป ในตอนนั้นก็ได้ข้านี้แหละที่ช่วยกำจัดพลังความเหน็บหนาวนั่นไป และเพราะแบบนั้นในตัวของเจ้าจึงมีพลังที่ชั่วร้ายหลงเหลืออยู่ ชื่อสกุลที่แท้จริงของเจ้าก็คือสกุลเจียง เจ้าน่ะเป็นลูกชายสกุลเจียง..."

โจวจีเฟิงที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับผงะ ตัวเขารู้ดีว่ามีเพียงไม่กี่คนในโลกเท่านั้นที่รู้ว่าร่างกายของเขามีปานอยู่บนไหล่ ทำไมตาเฒ่านี่ถึงรู้ได้กัน?

"เจ้าน่ะยังเด็กเกินไป เจ้าน่ะอาจจะหนีความจริงในตอนนี้ไปได้แต่เจ้าน่ะรับผลที่จะตามมาไม่ได้หรอกนะ...เอาสิ ถ้าหากเจ้าไม่เชื่อละก็ไสหัวไปซะ"

บางครั้งการถอยกลับมาก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเดินไปข้างหน้า และครั้งนี้ลู่โจวก็ได้พิสูจน์แล้ว

แม้ว่าโจวจี้เฟิงจะยังมีท่าทีที่ยังไม่เชื่อ และเพราะแบบนั้นตัวเขาที่เกิดลังเลจึงพูดขึ้น "ฉันไม่เชื่อในสิ่งที่เจ้าพูดหรอก...เจ้ามหาวายร้ายเฒ่า เจ้าน่ะหวังที่จะใช้กลอุบายนี้กุเรื่องมาเพื่อหลอกใช้งานข้าสินะ"

"ถ้าหากเจ้ายังกล้าใส่ร้ายท่านอาจารย์ของข้าอีกครั้ง ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้นเอง! ไม่เชื่อก็ลองดูซะสิ!" หยวนเอ๋อที่ได้ฟังยกมือขึ้นมาอย่างเดือดดาล

โจวจี้เฟิงที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับพูดอะไรไม่ออก "..."

ทันใดนั้นเองเขาก็รู้ได้ทันทีว่าชายชราคนนี้ไม่ได้น่ากลัวในแบบที่เขาเคยคิดเอาไว้ ศิษย์ตัวน้อยหยวนเอ๋อนั้นเป็นคนที่น่ากลัวกว่ามาก

ดั่งคำพูดที่เคยว่าเอาไว้ "คนดีมักถูกรังแก ม้าดีมักถูกควบขี่" ลู่โจวในตอนนี้ตระหนักได้แล้วว่าการจะรับมือกับพวกคนหนุ่มคนสาวนั้นเป็นอะไรที่จะใช้ไม้อ่อนไม่ได้ เขาจึงเก็บความอ่อนโยนทั้งหมดไปก่อนที่จะหัวเราะและพูดออกมา "อาจารย์ของเจ้า ลู่ฉางเฟิงนั่นได้ฆ่าครอบครัวของเขา ครอบครัวสกุลเจียงยังไงล่ะ นอกจากนี้หมอนั่นยังข่มขืนแม่ของเจ้าอีกด้วย เมื่อสามสิบปีก่อนอาจารย์ของเจ้าได้ฝึกฝนจนไปถึงขั้นภัยพิบัติมหาศักดิ์สิทธิ์ได้ การฝึกที่ขั้นนั่นได้จะถูกแบ่งออกเป็นขั้นใหญ่ๆ ทั้งหมดสามขั้นด้วยกัน ขั้นปฐมแห่งเต๋า, ขั้นมหาโกลาหล และขั้นสุดท้ายขั้นเต๋าผสมผสาน ถ้าหากฝึกไปจนถึงขั้นเต๋าผสมผสานได้นั่นจะกลายเป็นหนทางไปสู่..."

ลู่โจวที่ไม่ทันได้พูดจบ เจ้าตัวน้อยหยวนเอ๋อก็ได้พูดขัดจังหวะเขาซะก่อน "อาจารย์ ข้ารู้เรื่องนี้...พื้นฐานการฝึกยุทธ์นั้นเป็นพลังที่แสนจะทรงพลัง ผู้ที่สามารถฝึกตนจนไปถึงขั้นเต๋าผสมผสานได้จะสามารถกลืนกินวรยุทธ์ของผู้อื่นรวมไปถึงพลังทั้งหมดได้ พลังที่ถูกดูดกลืนมาท้ายที่สุดแล้วก็จะถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว และนี่คือหนทางที่ท่านอาจารย์กำลังจะพูดใช่ไหมคะ?"

ลู่โจวไม่ได้ตอบกลับ ตอนนั้นหยวนเอ๋อตัวน้อยจึงรีบก้มหน้าทันที เธอรู้สึกผิดที่ได้พูดแทรกท่านอาจารย์คนนี้และในตอนนี้เธอก็ไม่กล้าที่จะพูดอีกต่อไป ตอนนั้นเองโจวจี้เฟิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ขมวดคิ้วก่อนที่จะส่ายหัวตาม

ลู่โจวที่ได้เงียบไปพักหนึ่งได้พูดต่อไป "ในสำนักดาบสวรรค์ เส้นทางการฝึกยุทธ์ในท้ายที่สุดแล้วก็จะเป็นเหมือนกับอาจารย์ของเจ้าอย่างลู่ฉางเฟิง เจ้าเคยเห็นไหมล่ะว่าอาจารย์ของเจ้ามีอะไรผิดปกติไหม?"

ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลุยอีกต่อไป

แม้คำพูดของลู่โจวในตอนนี้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรโจวจี้เฟิงได้ แต่อย่างน้อยถ้าหากตัวเขาสามารถกระตุ้นให้ศิษย์รักดีคนนี้สงสัยอะไรได้ นั่นก็ถือว่าเป็นความสำเร็จสำหรับตัวเขามากแล้ว ถ้าหากมีอะไรผิดปกติขึ้นจริงยังไงเด็กคนนี้ก็จะต้องไปสืบเสาะทุกอย่างเองอยู่ดี

"ข้ารู้ดีว่าเจ้าน่ะไม่เชื่อข้า...หยวนเอ๋อ ปล่อยชายคนนั้นไปซะ" ลุ่โจวพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

"ท่านอาจารย์จะปล่อยเขาไปง่ายๆ แบบนี้หรอคะ? เจ้านี่มันกล้าทำร้ายท่านอาจารย์เลยนะ!" หยวนเอ๋อเม้มริมฝีปากในระหว่างพูด

"อย่าอวดดีนัก!"

เมื่อได้ยินแบบนั้นหยวนเอ๋อตัวยน้อยก็ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมา เธอทำได้เพียงกระทืบเท้าอย่างเบาๆ เท่านั้น หลังจากนั้นเธอก็หันไปหาโจวจี้เฟิงก่อนที่จะพูดระบายความโกรธ "เจ้ามันหมูโสโครกสกปรกจอมโง่! อาจารย์ของข้าจะโกหกเจ้าเพื่ออะไรกัน? ถ้าหากข้าเป็นอาจารย์ข้าคงจะไม่เสียเวลามาคุยกับเจ้า การฆ่าเจ้าเลยคงจะเป็นอะไรที่ง่ายกว่า เจ้าโง่!"

โจวจี้เฟิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป "..."

ตอนนี้จิตใจของเขาอยู่ในความสับสน เขาคนนั้นได้แต่คิดทบทวนตัวเอง "ฉันจะไปเชื่อได้ยังไงกัน..." สัญชาตญาณของโจวจี้เฟิงยังคงปฏิเสธความจริงอยู่

หลังจากที่จบเรื่องหยวนเอ๋อก็ได้ส่งโจวจี้เฟิงออกไป ลู่โจวในตอนนั้นเหลือบมองไปที่เมนูภารกิจ เขารู้ดีว่าภารกิจรองของเขาไม่อาจที่จะเสร็จสิ้นในทันทีได้ ตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว

ถ้าหากโจวจี้เฟิงฉลาดมากพอ เขาก็น่าจะไปตรวจสอบในสิ่งที่ลู่โจวได้พูดต่อไป เว้นแต่ว่าเจ้าโจวจี้เฟิงจะโง่งมและปัญญาอ่อน ถ้าหากเขาเป็นแบบนั้นลู่โจวก็คงจะไม่สามารถเสร็จสิ้นภารกิจรองนี้ได้

"ท่านอาจารย์ ทำไมท่านไม่ฆ่าเขาไปล่ะคะ?" หยวนเอ๋อถามทันทีหลังจากที่เขาส่งโจวจี้เฟิงออกไปจากศาลาปีศาจลอยฟ้า

แต่ในตอนนั้นลู่โจวไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแต่ส่ายหัวไปเพื่อตอบโต้เท่านั้น

ความปรารถนาในการสังหารอยู่ภายในใจของหยวนเอ๋อตัวน้อยอย่างเต็มอก และแน่นอนความปรารถนานี้เองก็ยังอยู่ในศิษย์พี่ของเธออีกด้วย เธอคนนี้คงจะได้รับอิทธิพลมาจากจีเทียนเด๋าในอดีตเป็นอย่างมาก

ลู่โจวยืนขึ้นก่อนที่จะไขว้มือไปที่ด้านหลัง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มปริปากพูด "การฆ่าน่ะไม่ใช่วิธีในการแก้ปัญหาหรอกนะ"

"แต่ท่านอาจารย์ส่งข้าให้ไปฆ่าพวกผู้ฝึกยุทธ์ชาวออร์โธดอกซ์ต้องหลายคน เจ้าพวกนั้นได้แต่แอบอยู่ที่ภูเขาทองของพวกเรา สมควรแล้วที่เจ้าพวกนั้นจะถูกฆ่าไป!" หยวนเอ๋อตัวน้อยพูดอย่างมีอารมณ์

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นใช้มือของตัวเองเคาะไปที่หัวของหยวนเอ๋อก่อนที่จะพูดออกมา "อย่ามาเถียงข้า!"

"อุ๊ย!"

"ข้าเคยบอกด้วยอย่างงั้นหรอว่าห้ามเจ้าฆ่าคนน่ะ? หะ การฆ่าน่ะมันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวหรอกนะ การจะแก้ปัญหาน่ะมันมีทางแก้มากกว่าหนึ่งเสมอ!"

"โอ้!" หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำพูดลู่โจวอยู่ดี

ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบ "ติ้ง! ลูกศิษย์ของคุณกำลังทำชั่ว ตอนนี้แต้มบุญของคุณกำลังจะถูกหักในไม่ช้า!"

"บ้าเอ๊ย! แต้มบุญของฉันจะถูกหักไม่ได้" ลู่โจวคิดในใจ

แม้ว่าเขาจะพยายามสงบสติอารมณ์มากแค่ไหน แต่เขาก็เกือบที่จะล้มลงเพราะมัวแต่กำลังคิดอะไรอยู่

"ไปตามศิษย์พี่ของเจ้ามาที่นี่ซะ!"

"ได้ค่ะท่านอาจารย์!"

ในตอนที่หยวนเอ๋อออกจากศาลาไป ลู่โจวในตอนนั้นก็ได้ถามระบบภายในใจของเขา "ฉันเหลือแต้มบุญเพียงน้อยนิดแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมถึงจะต้องหักแต้มบุญของฉันอีกกัน?"

แน่นอนว่าระบบที่ลู่โจวมีก็ยังคงไม่ได้ตอบโต้อะไรเขา แม้ว่าการที่ลูกศิษย์ของลู่โจวไปทำความดีจนได้แต้มบุญมา แต่ถ้าหากลูกศิษย์ของเขาทำชั่วตัวเขาก็จะถูกหักแต้มบุญได้เช่นกัน

แล้ว...เจ้าพวกนั้นมันทำความชั่วอะไรอยู่กัน? แล้วแค่ไหนล่ะถึงเรียกว่าทำชั่วได้?

ไม่นานมากนักศิษย์ทั้งสามก็ได้ปรากฎตัวขึ้น ด้วนมูเฉิง, หมิงซี่หยิน และจ้าวยู่ ทั้งสามได้เดินเข้ามาในศาลาปีศาจลอยฟ้า พวกเขาทั้งสามโค้งคำนับให้กับลู่โจวในทันที คนที่เดินมาสุดท้ายก็คือหยวนเอ๋อตัวน้อยนั่นเอง พวกเขาทั้งสามได้คิดไว้แล้วว่าจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

"สวัสดีครับ/ค่ะ ท่านอาจารย์!" ศิษย์ทั้งสามทักทายออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

"บอกข้ามาสิว่าพวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่" ลู่โจวเอ่ยปากถาม สีหน้าของเขาในตอนนี้ดูว่างเปล่าไร้ความรู้สึกใดๆ

"หะ? ท่านอาจารย์พวกเราได้ทำตามที่ท่านสั่ง พวกเราตระเวนไปรอบภูเขาทองแห่งนี้ พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย!" หมิงซี่หยินตอบกลับมาด้วยท่าทีที่ไร้เดียงสา

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นพูดออกมาอย่างแผ่วเบา "พวกเจ้าก็น่าจะเข้าใจอารมณ์ของข้าในตอนนี้ดีนิ ข้าไม่ชอบให้ใครมาโกหกต่อหน้าข้าแบบนี้หรอกนะ!"

เมื่อศิษย์ทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้น ท่าทีของพวกเขาก็ได้เปลี่ยนไปในทันที

ตอนนั้นเองศิษย์คนที่สี่อย่างหมิงซี่หยินได้รีบพูดออกมา "พวกเราพบนักล่าบางคนที่เชิงเขาทางตอนใต้...ภูเขาทองนั้นไม่ใช่สถานที่สำหรับการล่าสัตว์..."

"พวกเจ้าโจมตีเขาไปอย่างงั้นสินะ?"

"ขะ...ข้าโทษท่านอาจารย์ ข้าน่าจะฆ่าพวกมันให้หมดๆ ไปซะ!" หมิงซี่หยินรีบพูดอย่างร้อนรนกว่าเดิม

"..."

"ภูเขาทองนั้นเป็นสถานที่ขึ้นชื่อที่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี แล้วนักล่าพวกนั้นจะไม่รู้ความจริงในเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน? เป็นไปได้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นสายลับที่ถูกส่งมาจากพวกชาวออร์โธดอกซ์ ท่านอาจารย์ข้าจะไปจัดการเจ้าพวกนั้นให้หมดในตอนนี้เอง!"

หมิงซี่หยินที่กำลังจะหันกลับไปในตอนนั้นเขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้นมาก่อน "ช้าก่อน!"

"ฮะ?"

"ม่านพลังป้องกันยังไม่ถูกซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นถ้าหากใครจะบุกรุกดินแดนของเราโดยไม่ตั้งใจก็อาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เจ้าน่ะไล่พวกนั้นไปก็พอ พวกเจ้าจงโจมตีใครก็ตามที่มีเจตนาที่ร้ายก็พอ!" ลู่โจวได้พูดออกมา

ศิษย์ทั้งสามที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็จ้องหน้าของกันและกันและคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา "เดี๋ยวก่อนนะ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ท่านอาจารย์จะทำได้เลยนิ...พวกเราควรจะสังหารทั้งผู้บุกรุกรวมไปถึงครอบครัวของพวกเขาด้วยไม่ใช่หรอ?"

"ศิษย์ทั้งสามจะเชื่อฟังคำสั่งของท่านอาจารย์!"

ค่าความจงรักภักดีของพวกเขาในตอนนี้อยู่ที่ 68%, 62% และ 65% ตามลำดับ

หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามก็ได้ออกจากศาลาไป หลังจากที่พวกเขาออกไปได้ความกดดันทั้งหมดที่เคยมีก็ได้หายไป ศิษย์คนที่ห้าอย่างจ้าวยู่ได้ยิ้มก่อนที่จะใช้มือของตัวเองเล่นเส้นผมของตัวเองเอาไว้ "จู่ๆ ท่านอาจารย์ก็อยากที่จะเล่นเป็นคนอ่อนโยนอย่างงั้นหรอ ศิษย์พี่...พวกศิษย์พี่คิดว่าท่านอาจารย์น่ะแตกต่างไปจากเมื่อก่อนไหม?"

หมิงซี่หยินผู้ที่อวดอ้างว่าตนเองมีมันสมองที่ดีที่สุดได้ใช้มือลูบไปที่คางก่อนที่จะพูดขึ้นมา "อย่าตื่นตกใจไปศิษย์น้องหญิง พวกเราจะต้องเรียนรู้ความผิดพลาดในอดีต...บางทีท่านอาจารย์อาจจะลองทำอะไรใหม่ๆ ก็เป็นได้"

"ใช่แล้ว พวกเราก็แค่ทำตามคำสั่งของท่านอาจารย์ไปโดยไม่ต้องไถ่ถามอะไรหรอก แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว" ด้วนมู่เฉิงไม่ได้สนใจอะไร เขาเดินลงไปจากภูเขาในทันที

ไม่นานหลังจากนั้นลู่โจวก็ได้พักผ่อนที่อยู่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าสักที ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง

"คุณได้ช่วยเหลือชีวิตผู้บริสุทธ์ไป 15 ชีวิต ดังนั้นคุณจึงได้รับรางวัลตอบแทน 150 แต้มบุญ"

"มีคนทั่วไปหันมานับถือคุณ 14 คน ดังนั้นคุณจึงได้รับรางวัลตอบแทนเป็น 14 แต้มบุญ และมีคนศรัทธาในคุณ 1 คน ดังนั้นคุณจะได้รับรางวัลตอบแทนเป็น 10 แต้มบุญ"

"คำแนะนำ #1: ถ้าหากทำให้ผู้คนศรัทธาได้จะได้รับแต้มบุญคนละ 10 แต้ม การที่จะเปลี่ยนคนธรรมดาให้มานับถือนั้นไม่ได้รับโบนัส x10"

"คำแนะนำ #2: คุณจะไม่ได้รับแต้มบุญจากผู้ศรัทธาคนเดิม"

"คำแนะนำ #3: แต้มบุญที่จะได้รับมาไม่สามารถได้มาจากการวางแผนเอาเองจนทำให้ได้ผู้ศรัทธามา"

ลู่โจวในตอนนั้นรีบลืมตาขึ้นมาทันที

"อะไรนะ! ฉันได้แต้มบุญจากผู้ที่ศรัทธาได้? ทำไมระบบงี่เง่านี้ถึงไม่ยอมบอกก่อนหน้านี้กันล่ะ?"

เมื่อใดก็ตามที่มีคนคุกเข่าเคารพนับถือตัวฉัน ฉันก็จะได้รับแต้มบุญอย่างงี้สินะ!

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด