ตอนที่แล้วตอนที่ 27
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 29

ตอนที่ 28


ตอนที่ 28

เมื่อผู้อัญเชิญเห็นว่า ร่างกายของซูฮยอนเริ่มกลับมาพร้อมสู้อีกครั้ง

มันจึงตัดสินใจชี้นิ้วสั่งมอนสเตอร์ออกไปทันที

“ไปฆ่าพวกมันซะ”

เมื่อเสียงคำสั่งของมันเงียบลง...

พวกมอนสเตอร์ที่ถูกอัญเชิญมาก็เริ่มเคลื่อนไหว

คมเขี้ยวและกงเล็บที่แหลมคม ต่างพุ่งตรงไปหาซูฮยอนและลีจุนโฮอย่างพร้อมกัน

มอนสเตอร์ทุกตัวมีความแข็งแกร่งคล้ายๆ กับ ลิซาร์ดคอมพ์

แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่แกร่งแข็งกว่า

ตู้ม

ในเวลานั่นเอง ดาบของซูฮยอนก็ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง

ยังไม่หมด รอบๆตัวของซูฮยอนยังเต็มไปด้วยทะเลเพลิงที่ร้อนแรง

เขาเคลื่อนไหวไปมาตามผนังถ้ำอย่างรวดเร็วจนตามองไม่ทัน

ผู้อัญเชิญเมื่อเห็นว่าท่าไม่ดี

มันจึงหยิบไม้เท้าขึ้นมาเพื่อทำการป้องกัน

“มันหายไปไหนกัน”

โฮกกกกก

เมื่อมอนสเตอร์เห็นเหยื่อของมัน

พวกมันก็พากันวิ่งกรูกันไปในทางเดียวกัน

ผู้อัญเชิญมีหน้าที่แค่ควบคุมสติปัญญามอนสเตอร์เท่านั้น

มันไม่มีสิทธิ์ไปควบคุณสัญชาตญาณดิบเถื่อนของสเตอร์

เมื่อมอนสเตอร์พุ่งตรงไปหาซูฮยอน

ร่างกายของพวกมันก็ระเบิดตูม ก่อนจะกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อที่กระจัดกระจ่าย

ตามเนื้อตามตัวของมัน โดนเปลวเพลิงของซูฮยอนคลอกจนสามารถรับประทานได้

เมื่อมอนสเตอร์บางส่วนตายลง จนทางข้างหน้าโล่งโจ้ง

ซูฮยอนก็ใช้การเคลื่อนไหวแบบใหม่พุ่งตรงไปหาผู้อัญเชิญทันที

ผู้อัญเชิญตัดสินใจชูไม้เท้าขึ้นบนฟ้า

แล้วค่อยๆร่ายคาถาของมัน

ไม่นานพลังเวทย์แห่งความมืดที่ชั่วร้าย ก็พวยพุ่งออกมาจากไม้เท้าของมัน

ตูม

ดาบและไม้เท้าเข้ามาปะทะกัน

เปลวเพลิงสีแดงฉานเข้าปะทะกับเวทย์แห่งความมืด

เมื่อพลังทั้ง 2 มาเจอกัน มันก็เกิดปฏิกิริยาระเบิดขึ้น

ผู้อัญเชิญโดนแรงระเบิดจนกระเด็นติดผนังถ้ำ

มันพยายามพยุงตัวขึ้น ก่อนจะกระอักเลือดออกมา

เมื่อยืนได้อย่างมั่นคง ผู้อัญเชิญก็มองไปที่มือทั้ง 2 ข้างที่สั่นเทา

<<พลังอะไรกัน…>>

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเป็นพลังของซูฮยอน

ด้วยความที่ซูฮยอนบีบอัดพลังเวทย์ลงไปในสกิลเป็นจำนวนมาก

มันทำให้ผลของสกิลที่ออกมา รุนแรงขึ้นหลายเท่า

แม้ว่าจะปะทะกันแค่ครั้งเดียว แต่ซูฮยอนก็รู้ได้เลยว่า....

<<พลังความมืดของมัน เป็นปรปักษ์กับพลังของฉัน>>

ณ. ตอนนี้ ผู้อัญเชิญเริ่มมีความหวาดเกรงขึ้น

การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของซูฮยอน มันก็น่าปวดหัวมากอยู่แล้ว

แถมตอนนี้ยังต้องมาเจอกับสกิลเวทย์ที่หักล้างกับพลังความมืดของมันอีก

เมื่อผู้อัญเชิญเห็นว่าซูฮยอนแกร่งแข็งกว่าที่มันคิด

มันจึงตัดสินใจชูไม้เท้าขึ้นไปบนฟ้าเพื่อใช้พลังเวทย์ของมันอีกครั้ง

ไม่นานพลังแห่งความมืดก็ทะลักออกมา

อากาศภายในดันเจี้ยนเริ่มเต็มไปด้วยกลิ่มเหม็นเน่า

พื้นดินที่เหยีบบอยู่ก็เริ่มเสื่อมสภาพ

จากเดิม...บรรยากาศโดยรอบมีแค่ความร้อนของเปลวเพลิง

แต่บัดนี้กลับมีพลังความมืดเข้าแทรกแซง

ใช้เวลาไม่นานพลังความมืดก็กะจ่ายไปทั่วดันเจี้ยน

ในที่สุดผู้อัญเชิญ ก็สามารถระบุตำแหน่งที่ตายตัวของซูฮยอนได้สักที

คาถาของมันที่ร่ายออก สามารถหาที่ซ่อนของซูฮยอนเจอในเวลาอันสั่น

ถึงแม้ผู้อัญเชิญจะร่ายคาถาดูเงอะงะ

แต่มันก็ได้ผล

เมื่อซูฮยอนมาเจอพลังเวทย์แห่งความมืด เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น

ซูฮยอนจ้องมองไปที่ไม้เท้า ซึ่งยอดของมันมีหินสีม่วงเรืองแสงอยู่

<<เป็นเพราะเจ้านั้นเหรอ?>>

ดูเหมือนพลังเวทย์ส่วนใหญ่จะถูกปล่อยออกมาจากหินก่อนนั้น

แค่มองแว็บเดียว ซูฮยอนก็รู้ได้ทันที่ว่ามันคืออะไร

<<หินอีเธอร์เกรดสูงสุด>>

ภายในหินอีเธอร์ทุกก้อน จะมีพลังเวทย์บรรจุอยู่ภายใน

ที่สำคัญหินอีเธอร์มันถูกค้นพบได้ในเฉพาะดันเจี้ยนเท่านั้น

ด้วยจำนวนที่น้อยนิดของมัน

ทำให้ราคาของหินอีเธอร์ แพงจนหูแทบขาด

ไอเทมหรืออุปกรณ์ที่ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ใช้ มันก็สร้างมาจากหินอีเธอร์เกือบทั้งหมด

<<ถ้าฉันปราบมันได้ ไม่แน่ฉันอาจจะได้อาวุธดีๆสักชิ้น>>

สถานการณ์ตอนนี้ของซูฮยอน ดูรับมือยากเล็กน้อย

แต่ซูฮยอนก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรมาก

เพราะซูฮยอนมั่นใจว่า เขาจะต้องเอาชนะ ผู้อัญเชิญได้แน่

ตูม...

ซูฮยอนระเบิดพลังเวทย์ของตัวเองออกมา จนพลังทั้งสองเข้าปะทะกันอีกครั้ง

ซูฮยอนรีดพลังเวทย์จากร่างกายออกมาทั้งหมด

และปล่อยใส่ผู้อัญเชิญอย่างเต็มแรง

“อะไรกัน....”เสียงของผู้อัญเชิญเต็มไปด้วยความตกใจ

ผู้อัญเชิญเริ่มถอยหลังไปที่ละก้าวสองก้าว

พลังเวทย์แห่งความมืดที่มันภูมิใจ เริ่มถูกเปลวเพลิงของซูฮยอนกลืนกินไปที่ละนิด

ซูฮยอนทำให้เวทย์ปกคลุมตัวดาบอีกครั้ง

ก่อนที่เขาจะง้างดาบแล้วปักลงสู่พื้นดิน

ฉึก

ด้วยดาบที่แหลมคมและพลังเวทย์ที่ซูฮยอนปล่อยออกมา

มันทำให้พลังแห่งความมืดถูกคลื่นความร้อนของซูฮยอนกลืนกินไปจนหมด

ผู้อัญเชิญเมื่อเห็นว่ามีคลื่นพลังงานความร้อนพุ่งตรงมาหาตัวมัน

มันจึงตัดสินใจยกไม้เท้าที่ถืออยู่ มาบังการโจมตีของซูฮยอนทันที

“ปะ...เป็นไปไม่ได้….”

เมื่อการโจมตีผ่านไป รอยแตกเล็กๆก็ปรากฏขึ้นบนไม้เท้าของมัน

ผู้อัญเชินตอนนี้จิตใจเต็มไปด้วยความสับสน

เพราะมันคิดไม่ถึงว่า ไม้เท้าที่แกร่งแข็งของมันจะเกิดรอยแตกร้าวได้

“อย่างพึ่งได้ใจไป มันยังไม่จบ”

ดาบของซูฮยอนโจมตีออกไปอีกครั้ง

เมื่อผู้อัญเชิญเห็นว่าซูฮยอนกำลังจะโจมตีออกมาอีกครั้ง

มันจึงตัดสินใจยกไม้เท้าขึ้นแล้วร่ายคาถาเพื่อป้องกันร่างกาย

ไม่นานเกราะบางๆที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความมืดก็ปกคลุ่มร่างของผู้อัญเชิญ

<<ถ้าอยากทำลายเกราะป้องกันของมัน..>

เขาต้องเข้าประชิดตัวของมัน

หลังจากที่ซูฮยอนตัดสินใจได้แล้ว

เขาก็กระโดดขึ้นไปบนอากาศอีก 2-3 ครั้ง เพื่อเพิ่มความเร็ว

ฟรึ่บ

ซูฮยอนใช้การเคลื่อนไหวแบบใหม่ แล้วพุ่งเข้าสู่สนามเวทย์ของมันทันที

เมื่อซูฮยอนเข้ามาในอาณาเขตของผู้อัญเชิญ

ร่างกายของเขาก็ปวดร้าวไปทั้งตัว

ไม่ใช่แค่นั้น เขายังได้กลิ่นเหม็นเน่าที่น่า สะอิดสะเอียนลอยฟุ้งอยู่เต็มอากาศ

ซูฮยอนเรียกเปลวเพลิงออกมาเพื่อปกป้องร่างกาย

เขากำดาบในมือแล้ว สะบัดไปทางผู้อัญเชิญซึ่งหลบอยู่หลังม่านกันบังของมัน

“ลาก่อน”

ฉึก

ดาบยาวของซูฮยอนแทงทะลุชุดคลุมที่มันสวนใส่

* * *

“เกือบไปเรา”

ลีจุนโฮชี้ดาบไปที่มอนสเตอร์และหันหลังเข้ากับกำแพง

โฮกกกกกกก

ตอนนี้เขาไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว

“ซวยเป็นบ้า นี้ฉันจะต้องมาตายที่นี่จริงๆเหรอ”

นี่เป็นครั้งแรกของลีจุนโฮที่ต้องมาเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์มากมายขนาดนี้

ต้องขอบคุณสกิล สวิ๊ฟ ของเขา ที่ทำให้ลีจุนโฮมีชีวิตจนถึงตอนนี่

ถ้าไม่มีมัน เขาคงได้กลายเป็นอาหารของพวกมอนสเตอร์ไปนานแล้ว

<<ฉันฆ่าพวกมันไปได้ 10 กว่าตัวสินะ>>

ถึงแม้จะฆ่าไปเยอะแล้ว

แต่ก็ยังเหลือมอนสเตอร์อีกนับ 10 รอให้ลีจุนโฮไปจัดการอยู่

ตอนนี้สภาพร่างกายของลีจุนโฮเริ่มไม่ไหวแล้ว

ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้น

สภาพจิตใจของเขาก็อ่อนล้าเช่นกัน

เหตุเพราะเขาต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์จำนวนมากด้วยตัวคนเดียว

เลยทำให้เขาต้องแบกรับความกดดันหนักเกินไป

ในตอนนั้นเอง มอนสเตอร์ที่เพ็งเล็งไปที่ลีจุนโฮก็มีอาการแปลกๆไป

‘หรือว่าที่ตรงนั่น จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?’

การต่อสู้ระหว่างซูฮยอนกับผู้อัญเชิญ เริ่มทำให้ลีจุนโฮไม่สบายใจ

<<ที่สำคัญการต่อสู้ของพวกเขาทั้ง 2 คน ลีจุนโฮไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้>>

เพราะพลังของพวกเขาทั้งรุนแรงเกินไป

แค่เข้าไปเหยียบอาณเขตแค่นิดเดียว ลีจุนโฮก็รู้สึกแสบผิวหนังแล้ว

ถ้าลีจุนโฮกระโจนเข้าไปช่วยซูฮยอน เขาก็เป็นได้แค่ตัวถ้วงเปล่าๆ

<<ไม่ใช่แค่นั้น>>

สกิลของพวกเขาทั้งสอง ยังมีอานุภาพที่รุนแรงมากๆ

แม้แต่ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ A ยังยากเลยที่จะปล่อยสกิลที่รุนแรงแบบนั้นออกมา

ลีจุนโฮเชื่อว่าแม้แต่ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ แรงค์ A บางคน ยังมีฝีมือไม่ถึงครึ่งของซูฮยอนเลยด้วยซ้ำ

ลีจุนโฮสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วปล่อยออกมา

หลังจากถอนหายใจออกมา ภายในจิตใจของก็เริ่มสงบขึ้น

มานาของเขาที่เกือบจะหมด ก็เริ่มฟื้นฟูอย่างช้าๆ

ลีจุนโฮตอนนี้รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น

“เอาล่ะ”

หมับ

ลีจุนโฮจับดาบในมือด้วยสายตามุ่งมั่น

“ฉันควรลงมือต่อได้แล้ว”

บูม

ในตอนนั้นเอง ถ้ำดันเจี้ยนก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

พร้อมกับรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังเวทย์ ที่มีอานุภาพรุนแรงเข้าปะทะกัน

“อ๊ากก อะไรอีกวะเนี้ย”

* * *

ตูม

เมื่อเปลวเพลิงเข้าปะทะกับพลังแห่งความมืด

มันก็เกิดปฏิกิริยาระเบิดขึ้นอีกครั้ง

แรงระเบิดของมันทำให้ถ้ำสั่นสะเทือนไปทั้งหมด

พลังเวทย์ที่ปล่อยออกมาจากดาบของซูฮยอนเริ่มกัดกินร่างกายของผู้อัญเชิญอย่างช้าๆ

ฉึก

เมื่อปลายดาบของซูฮยอนทิ่มทะลุไปได้

เขาก็อัดพลังเวทย์ลงไปที่ดาบอีกจำนวนมาก

เปลวเพลิงสีแดงฉานเริ่มเผาไหม้เสื้อคลุมของมัน

ซ่า ซ่า

ปัง

ไม่นาน ผู้อัญเชิญก็เริ่มทนไม่ไหว มันล้มตัวลงกับพื้นถ้ำ พร้อมสภาพล่อนจ้อน

แม้หัวของมันจะถูกดาบซูฮยอนเจาะเป็นรูโบ๋

แต่มันก็ยังไม่ตาย มันพยายามเปิดปากพูด

“ข้า..จะ..สาปแช่ง..แก...”

“อ่อเหรอ..ไปสาปแช่งในนรกก็แล้วกัน”

เปรี๊ยะ

ซูฮยอนใช้เท้าเหยียบหัวกะโหลกของผู้อันเชิญจนแตกละเอียด

เมื่อกะโหลกของผู้อัญเชิญแตกออก

ลูกปัดเม็ดเล็กๆก็กลิ้งออกมาโดนขาของซูฮยอน

ซูฮยอนหันไปมองซากศพของมันแล้วกล่าว “หลับให้สบาย”

โฮกกกกกก

เมื่อผู้อัญเชิญเสียชีวิต มอนสเตอร์ที่โดนควบคุมก็เริ่มได้สติกลับคืนมา

“ถ้างั้น ต่อไปก็...”

ซูฮยอนหันหน้าไปมองลีจุนโฮที่มีสีหน้าอ่อนล้า

วุป วุป

เขารวบรวมพลังเฮีอกสุดท้ายลงไปในดาบแล้วกล่าว

“มาทำให้มันจบๆกับเถอะ จะได้กลับบ้านกัน”

* * *

“แฮ่ก แฮ่ก”

ลีจุนโฮนอนพักอยู่กับพื้น พร้อมกับร่างกายที่เหนื่อยล้า

ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงมากๆ

มันเหมือนกับว่า หัวใจดวงน้อยๆของลีจุนโฮอยากออกมาดูโลกภายนอกอย่างไงอย่างงั้น

“ร่างกายของฉันขยับต่อไม่ไหวแล้ว”

ด้านหลังของลีจุนโฮตอนนี้เปียกโชกไปด้วยเลือดของมอนสเตอร์

เขากล้าสาบานเลยว่า ตั้งแต่ที่เขากวาดล้างดันเจี้ยนมา

เขาไม่เคยเจอศึกหนักขนาดนี้มาก่อน

<<ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันจะรอดมาได้>>

เขาเคยเตรียมตัวเตรียมใจได้แล้วว่าเขาต้องตายที่ดันเจี้ยนแห่งนี้แน่ๆ

แต่เหมือนปาฏิหาริย์จะมีจริง

ทำให้ลีจุนโฮรอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด

ไม่ใช้แค่นั้น

<<การต่อสู้ที่ผ่านมาของฉัน ก็จัดอยู่ในระดับที่ดีมากๆ>>

สายตาของลีจุนโฮแอบไปมองซูฮยอนเล็กน้อย

เมื่อลองดูจากภายนอก สภาพร่างกายของซูฮยอนยังดูดีกว่าลึจุนโฮหลายเท่านัก

มันจำให้ลีจุนโฮอายนิดๆ

พูดตามตรงลีจุนโฮไม่เคยเห็นซูฮยอนต่อสู้จริงจังเลยสักครั้งเดียว

เพราะทักษะของเขายังอ่อนเกินไป

ถ้าลีจุนโฮเข้าไปช่วย เขาคงได้ตายก่อนเป็นคนแรกๆ

เหตุที่สภาพร่างกายของซูฮยอนยังมีแรงเหลืออยู่

เป็นเพราะว่าเขาบริหารจัดการมานาในร่างกายได้เป็นอย่างดี

เลยทำให้ซูฮยอนมีกำลังเหนืออยู่นิดหน่อย

ถึงแม้จะมีแรงเหลืออยู่ แต่เนื่องจากคู่ต่อสู้ของเขามีแข็งแกร่งมากๆ

มันจึงทำให้ร่างกายของซูฮยอนเริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามมา

“พักสักหน่อยเถอะ”

ซูฮยอนบอกให้ลีจุนโฮนอนต่อ

เพราะผู้อัญเชิญได้ตายไปแล้ว ทำให้ดันเจี้ยนแห่งนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก

เมื่อไม่มีอะไรให้ลีจุนโฮต้องทำ เขาก็ค่อยหลับตาลงแล้วพักเอาแรง

แต่ให้เมื่อซูฮยอนมีแรงเหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย

ทำให้เขาต้องรับบทเป็นพระเอก เพื่อจบเรื่องราวทั้งหมด

[เหลือเวลาอีก : 00:01:45]

เวลามันเหลืออีกแค่นิดเดียว

ถ้าพวกเขาช้าไปแค่อีกก้าวเดียว พวกเขาคงไม่สามารถทำลายหินอัญเชิญได้ทันแน่ๆ

ตุบ

ซูฮยอนเดินไปหาหินอัญเชิญแล้ววางมือทาบลงไป

หลังจากการต่อสู้จบลง เจ้าหินอัญเชิญก็เกิดปริแตกเล็กน้อย

เมื่อซูฮยอนวางมือลงไปบนหินอัญเชิญเสร็จ

เขาก็อัดพลังเวทย์ลงไป

วิ้ง วิ้ง วิ้ง

คลื่นพลังเวทย์ที่รุนแรงเริ่มหลอมรวมกับหินอัญเชิญ

ใช้เวลาไม่นาน

ตูม

เมื่อมันไม่สามารถลองรับพลังเวทย์ของซูฮยอนได้อีกต่อไป

หินอัญเชิญก็เกิดรอยร้าวมากขึ้น จนในที่สุดมันก็แตกออกจากกัน

[คุณผ่านการทดสอบแล้ว]

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด