ตอนที่แล้วตอนที่10 เอาจริงNC+
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่12คนต้องสงสัย

ตอนที่11 เบี่ยงเบน


ตอนที่11เบี่ยงเบน

ตื่นขึ้นมาก็หายใจแทบไม่ทั่วท้องกับคนตรงหน้าที่นอนซุกหาไออุ่นจากตัวฉันที่ตอนนี้กำลังร้อนผ่าวๆเพราะความอุ่นร้อนจากมัดที่นอนกอดฉันอย่างไม่รู้ตัว

“ถ้ารู้ว่าเธอทำตัวขี้อ้อนแบบนี้ฉันคงจะจับเธอกินตั้งแต่แรกแล้วล่ะมัด..ฟอดดดดดด”

“อื๋อ??”

เหมือนเจ้าตัวเริ่มรู้สึกตัวว่าแต่เมื่อคืนเราทำอะไรกันไปบ้างนะ สายตาของฉันก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปที่รอยเชือกมัดตามผิวของมัดที่ตอนนี้เลือนลางลงไปเยอะแต่ก็ยังมีรอยแดงๆอยู่นิดหน่อย

“ถ้าฉันแอบลักหลับเธอมันจะดีไหมนะมัด..”ฉันที่เอาแต่นอนคิดแผนชั่วในใจก็ต้องยอมวางมือและลุกจากเตียงไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพราะวันนี้มีธุระต้องไปหาปอมมันที่บ้านแต่ไม่รู้มันจะให้ความช่วยเหลืออะไรไหมหรือว่ามันไปเที่ยวเตร่ที่ไหนอีก

“ถ้าเกิดมันเคลื่อนไหวจริงๆก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่มัดจะไม่อยู่ในอันตรายแต่ก็ไม่เสี่ยงดีกว่าจนกว่าจะรู้ความเคลื่อนไหวจริงๆ”

“ก๊อกๆ..”

“??”

“คุณยู..อยู่ในนั้นเหรอคะ”

“ช่าย..ฉันอาบน้ำอยู่”

“มัดปวดฉี่..ขอฉี่หน่อยสิคะ”

ฉันเดินไปเปิดประตูให้เจ้าตัวที่ยืนตัวล่อนจ้อนหน้าประตูโดยที่ไม่คิดจะหาอะไรมาสวมหรือทับเลย สงสัยเบลอตื่นนอนแหง

“แอ๊ดดด..ปึง”

“ฉี่ซะสิ”ฉันที่กำลังยืนหันหลังให้มัดที่ทำท่าเก้ๆกังๆแต่ก็ยอมไปฉี่แต่โดยดี และออกจากห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“สงสัยละเมอมั้ง”

หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันเปิดประตูออกจากห้องน้ำออกมาก็ไม่เจอมัดที่เตียงซะแล้ว ไม่ใช่ว่าวิ่งหนีกลับห้องตัวเองรึไง ฉันไม่รอช้าที่จะไล่ตามติดๆไปหาเจ้าตัวที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อกี้ หรือว่าฉันทำอะไรแปลกๆใส่ไปไม่ก็เจ้าตัวอายเกินไปที่จะคุยเพราะว่าสาวไทยไม่ได้ง่ายแบบนั้นนะเพราะฉันเองก็ผิดด้วยส่วนนึงที่ทำอะไรแบบนั้นแบบไม่คิดลงไปจนมัดอาจจะเกลียดเอาได้

“ก๊อกๆ..มัดอยู่ในห้องไหม..เปิดให้ฉันหน่อย”

“..”

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากในห้องนอกจากเสียงเงียบฉี่ จนฉันอดเป็นห่วงไม่ได้ว่ามัดหมี่จะทำอะไรรึเปล่า จนท้ายที่สุดประตูก็ยอมเปิดออกแต่โดยดี

“แอ๊ดดดด...มะ..มีอะไรรึเปล่าคุณ”

“ทำไมเมื่อกี้เธอหลบหน้าฉันมัด..”

“ฉ..ฉัน....”

“หือ?ตอบฉันสิคนเก่งว่าทำไมเธอถึงกล้าหลบหน้าฉันในห้องน้ำ”ฉันไม่รอช้าที่จะดันตัวเข้าไปในห้องและปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย

“แต่คุณต้องไปทำงานนี่คะ...นี่ก็สายแล้วด้วยเดี๋ยวคุณจะ..”

“จะอะไร..เธอคิดเรอะว่าบอสอย่างฉันจะมีคนดุ..เว้นก็มีแต่เธอนี่แหละมัดที่ดุใส่ฉันฉอดๆ”

กลายเป็นว่าฉันเป็นคนจุดประเด็นงี่เง่ามาเถียงกับมัดอีกซะได้ทั้งที่เมื่อกี้เป็นห่วงอยู่แท้ๆ

“คุณคิดว่าฉันเป็นอะไรฉันเป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ ใครล่ะจะกล้าไปด่าคุณในเมื่อเราทั้งคู่ไม่ได้เป็นอะไรต่อกันเรื่องเมื่อคืนคุณก็ถือซะว่ามันเป็นเรื่องงี่เง่าแล้วก็อุบัติเหตุที่เราทั้งคู่แกล้งกันก็เท่านั้นนี่”

“เธอ..นี่มัน”ฉันที่ตอนนี้เริ่มโมโหจนกำหมัดแน่น เพราะท่าทีหยิ่งผยองแบบนั้นแหละที่ฉันเกลียดและอยากทำลายเป็นที่สุด

“ก็ได้..เธอจะได้เห็นดีกัน”

“...”

หลังจากที่เราเหวี่ยงใส่กันเสร็จฉันก็เป็นฝ่ายแยกตัวหนีจากมัดที่อยู่ในห้อง

“คิดได้ไงว่าเป็นแค่เรื่องแกล้งกันแล้วที่เธอข่มขืนฉันวันนั้นฉันยังไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องของอุบัติเหตุสักนิดเลยนะมัด..แม่งเอ๊ย”

“โมโหอะไรอีกพี่..”

“ยู”เจ้าน้องตัวแสบที่กำลังนั่งกินไส้กรอกอยู่ข้างล่างโดยที่มีเมดเดินเพ่นพล่านไปมาตามปกติ แต่ทำไมฉันคิดว่าน้องมันแปลกๆเหมือนกันหิวมากกว่าผิดปกติเพราะตอนเช้ามันกินแค่ซีเรียลนี่ อย่าบอกนะว่าไปเล่นกับบอดี้การ์ดตัวเองมาอีกแล้ว เฮ้อให้ตายเถอะ

“ยูมิ..พี่มีอะไรจะถามหน่อย”

“อื้ม..ได้สิ”ยูมิที่เลิกกินไส้กรอกเอาแต่ซ้อมเขี่ยไส้กรอกวนไปมาในจาน

“เรื่องที่เธอจะไปเล่นอะไรก็แล้วแต่ช่วยเว้นพักระยะห่างจากบอดี้การ์ดได้ไหม คงไม่อยากให้พี่ลงโทษแบบหนักสินะ”

“เฮือก...”

“ถ้าเกิดยังมีครั้งต่อๆไปอีกเธอคงจะได้ชิ้นส่วนสักชิ้นของบอดี้การ์ดคนนั้นอยู่ในถุงก็ได้นะยูมิ”ฉันกดเสียงแข็งกับยูมิที่นั่งเหงื่อตก เพราะว่ามันเกินกว่าขอบเขตที่ฉันเคยบอกไปหลายครั้ง หากยังมีครั้งต่อไปฉันอาจจะตั้งตัดหัวคนขึ้นมาก็ได้

“ก..ก็ได้ยูจะไม่ทำอีกแล้ว..แต่ยูเว้นเธอได้ไหมพี่”

ยูมิเหลือบสายตาไปที่คนสนิทของตัวที่ยืนหน้าขรึมหน้าประตูในสภาพที่เหมือนจะปกติเพียงแต่รอยแดงๆที่คอมันพ้นปกเสื้อขึ้นมานั่นแหละที่ฉันถึงเกลียดนักหนา

“รอยแดงที่คอ..”

“อึก...มันก็แค่”ยูมิก้มหน้างุดมองจานอย่างลุกลี้ลุกลนไปมา

“เรื่องแบบนี้ถ้าหากเธอยังแยกแยะไม่ออก เธอคงไม่อยากกลับไปอยู่ที่รัสเซียนะยูมิเธออยากจะไปอยู่ที่นั่นอีกครั้งใช่ไหม”

“รัสเซีย..ก็ได้ยูมิขอโทษ”กลายเป็นว่าฉันต้องมานั่งดุน้องสาวตัวเองที่ตอนนี้หงอยจนกินข้าวไม่อร่อยและน้ำเสียงที่เหมือนจะร้องไห้นั่นด้วย

“พี่ไม่ได้ขู่ให้เธอกลัวพี่แค่เป็นห่วงเธอนะเข้าใจไหมยูมิ..”

“ค่ะ..”ก่อนที่ยูมิจะลุกไปห้องครัวปล่อยให้ฉันนั่งครุ่นเคืองกับตัวเองไปสักพักจนสุดท้ายไม่มีทางเลือกนอกจากออกไปข้างนอกเพื่อไปหาคนๆนึงที่ฉันไม่ได้ไปหาซะนานไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะยังอยู่ที่เดิมรึเปล่านี่สิ

“ไม่มีเวลาว่างมาหาเลยพี่จะโกรธฉันรึเปล่านะ”

ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยนอกจากอยากไปหาพี่เพื่อที่จะระบายแล้วก็ขอคำปรึกษาเรื่องต่างและฉันก็อยากจะให้ใครสักคนมาปลอบไม่ใช่หวาดกลัวฉันที่ทำตัวแบบนั้นไปเพราะเป็นห่วงแต่ฉันแค่เลือกวิธีอธิบายไม่ถูกก็เท่านั้นเอง

ฉันได้แต่คิดวิตกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องก็เท่านั้นถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าฉันทำตัวบ้าๆแบบนั้นใส่มัดปานนี้ฉันคงจะกอดเธอจูบเธอให้หน่ำใจ

“โธ่เว้ย..มึงเป็นอะไรของมึงวะยู มึงไม่เคยเป็นแบบนี้นี่หว่าให้ตายเถอะ”ฉันได้แต่สบถไปเรื่อยระหว่างขับรถมุ่งหน้าออกจากเมืองไปทางทิศใต้ ระยะทางไม่ไกลมากราว40กิโลเมตร ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงฉันก็ขับรถมาถึงหมู่บ้านชนบท แถวตีนเขาเป็นหมู่บ้านทั่วไปไม่ได้มีความสำคัญวิเศษอะไรหรอก ฉันหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าทางคดเคี้ยวเล็กน้อยและขับตรงมาอีกสักพักก็ถึงบ้านหลังนึงที่ฉันโหยหาที่สุดในตอนนี้

“เอี๊ยด...แกร๊ก..พรึ่บ...ปึง”

“ฟู่...พี่ทำอะไรอยู่นะ”ฉันยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมลังเลอยู่พักนึงก่อนตัดสินใจเดินไปที่ประตูอย่างเก้ๆกังๆปนกังวล

“ก๊อกๆ...”

“แอ๊ดดดด..ยูกิ?”

“พี่อแมนด้า..”

หญิงสาวผมดำขลับค่อนข้างฟูเล็กน้อยและสวมเพียงเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่หลวมโครก ในสภาพหน้าตาตื่นๆเหมือนพึ่งตื่นนอนออกมารับฉันด้วยหน้าตาที่ตกใจแบบสุดขีด

“เข้ามาก่อนสิยูกิ”

“ขอบคุณค่ะ..ปึง”ฉันเดินเข้าประตูบ้านเข้ามาข้างในบ้านที่ค่อนข้างจะเละเทะไม่เป็นระเบียบ กองขวดเบียร์จำนวนมากวางกระจัดกระจายตามทางเดิน ฉันทำได้แค่ย่ำเท้าเดินหลบแล้วมานั่งทรุดตัวบนโซฟาที่มีกองผ้ามากมายวางเต็มไปหมด

“พี่อแมนด้า...ทำไมพี่”

“เอ่อ..คือ..พี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะยู..อื้อออออออออ”

“ค่ะ”ฉันมองดูพี่สาวคนนี้วิ่งตาตั้งไปห้องน้ำด้วยสภาพที่ค่อนข้างจะเอ่อไม่พูดดีกว่า ฉันทำได้แค่กวาดตามองไปรอบๆห้องที่ดูไม่ได้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน แต่ว่าก็ชั่งมันเถอะเพราะว่าวันนี้ฉันมาขอคำปรึกษาก็แค่นั้นไม่ได้มีเจตนาอื่นเหมือนปอมมันหรอกนะ

“แค่ไม่ได้มาหาแป๊บเดี๋ยวพี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”

“แอ๊ดดดด..พี่มาหาแล้วยู”

“ค่ะ..พี่อแมนด้า...พี่ทำอะไรเนี่ย”

“ก็ที่มาหาพี่ไม่ได้จะมาทำเรื่องอย่างว่าเหรอคะ?”

“มะ..ไม่ใช่นะพี่..ใส่เสื้อผ้าก่อน...”

กลายเป็นว่าพี่อแมนด้าเดินล่อนจ้อนออกมาจากห้องน้ำพร้อมยืนเท้าเอวโชว์เรือนร่าง อย่างไม่อายใครแต่ฉันนี่สิดันตกใจจนทำตัวไม่ถูกกว่าจะได้คุยรู้เรื่องก็ลากก็ออกมาข้างนอกที่หลังบ้านแทน

“ซ่า..ซ่า”

“คือยูทะเลาะกับเธอเพราะเรื่องเล็กน้อยนั่นน่ะเหรอคะ”

“ค่ะ..ยูเป็นฝ่ายผิดแล้วเราทั้งคู่ก็ทะเลาะกันใหญ่โต”

“อื้ม..ถ้าเป็นพี่คงจะเข้าไปขอโทษเลยแต่ว่ายูกิคงไม่ทำแบบนั้นง่ายๆสินะคะ”

“ทำค่ะ..”ฉันตอบไปตามตรงแบบไม่ต้องคิด ไม่ง่ายเลยที่ฉันจะยอมใครแบบนี้

“อื้ม..เป็นแบบนี้นี่เอง”

“พี่อแมนด้ามีแนวคิดยังไงบ้างคะ”

ฉันที่ตอนนี้ค่อนข้างจนปัญญากับตัวเองขืนทำอะไรบุ่มบ่ามอาจทำให้เรื่องราวใหญ่โตมากกว่านั้นได้อีก ถ้าไม้ติดเรื่องที่เราทะเลาะกันเราก็คงจะหัวเราะด้วยกันบนเตียงแล้วล่ะ ให้ตายเถอะ

“ทำไมยูไม่ลองเบี่ยงเบนประเด็นอื่นล่ะ หรือพาไปผ่อนคลายก็ได้”

“ผ่อนคลาย..ที่ไหนล่ะคะในป่า ภูเขา น้ำตก ทะเลหรือห้าง”

“อาจเป็นที่ๆเธอชอบอย่างพาไปเที่ยวเมืองหรือชวนไปดูหนัง แล้วค่อยใช้แผนคืนดีตอนที่กำลังแฮปปี้ไงล่ะ”

ฉันนั่งฟังพี่บอกแผนต่างๆให้ฟังซึ่งก็มีเค้าโครงว่าจะได้ผล อาจจะลองทำที่บ้านก็ได้น่าจะเวิร์ค

“ขอบคุณนะคะสำหรับคำแนะนำ..ถ้าเกิดยูไปคุยกับปอมยูคงได้อย่างอื่นแล้วล่ะค่ะ”

“ว่าแต่ทำไมไม่โทรมาถามล่ะ แล้วถ่อมาไกลขนาดนี้ไม่เหนื่อยเหรอขับรถน่ะ”

“ไม่ค่ะ..”ฉันส่ายหน้าเล็กน้อยให้พี่สาวตรงหน้า ถ้าไม่ติดว่าเราเคยนอนด้วยกันครั้งนึงก็นับว่าอแมนด้าเป็นพี่สาวที่ดีเลยแหละ

“ถ้างั้นยูขอตัวกลับก่อนนะคะ”

“ขอพี่จุ๊บให้หายคิดถึงหน่อยค่ะ”อแมนด้าลุกจากเก้าอี้ก่อนจะมานั่งคร่อมทับหน้าตักฉันแล้วเริ่มบรรเลงประทับรอยจุ๊บทั่วหน้าก่อนจะผละออกไปอย่างเสียดาย

“ไว้วันหน้าเรามานอนด้วยกันอีกนะยูกิ”

“...”ฉันเลี่ยงที่จะไม่ตอบและเดินกลับขึ้นรถไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดช่องเก็บของหยิบทิชชู่มาเช็ดรอยลิปทั่วแก้มออก ถ้ามัดหมี่รู้ว่าฉันถูกจุ๊บมามีหวังบ้านแตกแหง แล้วทำไมฉันต้องแคร์ความรู้สึกด้วยล่ะในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย มัดก็แค่ของเล่นระบายอารมณ์เฉยๆ

“ถ้าฉันถลำลึกไปอีกเธออาจจะเจ็บตัวก็ได้นะมัด..”

หลังจากที่เราทะเลาะกันเสร็จคุณยูก็หายหัวออกจากบ้านไป ทิ้งให้ฉันนอนร้องไห้ตาระบมที่เผลอตัวพูดจากระแทกแดกดันเข้าให้ พอจะรู้แหละว่าเจ้าตัวไปไหนคงออกไปหาผู้หญิงสวยๆมากกไม่ก็ไปหานางแบบยั่วสวาทพวกนั้น คงจะให้ฉันขายหน้าสินะที่เป็นแค่อีตัวนอนแหกแข้งแหกขาให้เอาตลอดเวลาบนเตียง ฉันก็เหมือนนกที่โดนล่ามในกรงคอนกรีตหนาๆมีบอดี้การ์ดนับร้อยลาดตะเวนอ้อมบ้านทั้งวันทั้งคืน เหมือนกับบ้านนี้เป็นบ้านพ่อค้ายาเลย

“ที่รวยนี่ไม่ใช่ทำงานผิดกฎหมายมารึไงถึงรวยขนาดนี้..แถมยังคนอารักษ์ขาเป็นร้อยเป็นพัน”

“ก๊อกๆ...”

“ฮึกๆ..ใครคะ”ฉันซูดน้ำมูกฟึดใหญ่ก่อนจะเดินไปแง้มประตูดูแขก

“ยูเองค่ะพี่”

“อึก..น้องยูเข้ามาเลยค่ะ”

ฉันเปิดประตูให้ยูมิเข้าห้องมา เหมือนกับว่าจะมีธุระอะไรสักอย่างแหะ

“เรื่องพี่ยู”

“อึก..ไม่ต้องเล่าก็ได้ค่ะพี่ไม่อยากฟัง”ฉันตอบปฏิเสธเสียงแข็งใส่ยูมิทันที ที่มาหาเพราะจะเล่าเรื่องยูกิน่ะเหรอฝันไปเหอะฉันไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นว่าไอ้คนบ้าๆแบบนั้นจะเป็นตายร้ายดียังไง

“ยูขอโทษแทนพี่ด้วยนะคะที่ทำให้พี่ต้องเจ็บตัวแล้วก็เจ็บช้ำน้ำใจ”

“!?”

“ยูแค่จะบอกว่าพี่ยูไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรที่ทำร้ายน้ำใจหรอกนะคะ ก็แค่พี่ยูเป็นพวกปากแข็งดื้อด้านปากไม่ตรงกับใจ”

“พี่เข้าใจค่ะ..แต่น้องยูไม่ต้องมาขอโทษแทนพี่ตัวเองก็ได้นี่คะ”

“ไม่ได้ค่ะ..ยูจะต้องปกป้องไม่ให้พี่มัดต้องเจ็บช้ำฝ่ายเดียว และยูอยากฝากพี่ยูกิไว้กับพี่มัดลำพังยูตัวคนเดียวคงจะสู้แรงคนอื่นๆที่จ้องจะงาบพี่ยูไม่ไหวยูเลยอยากให้พี่มัดช่วยอีกแรง”

‘หรือก็คือยูมิอยากให้ฉันเป็นไม้กันหมายัยบ้าพวกนั้นสินะเข้าใจแล้ว’

“แต่ว่าทำไมต้องเป็นพี่..”

“ก็เพราะ..ปริ้นๆ..”

เสียงบีบแตรที่ชวนให้หงุดหงิดตัดจังหวะการสนทนาของเราทั้งคู่จนต้องต้องตกใจวิ่งหนีออกจากห้องไป

“เดี๋ยวยูมาหาใหม่นะคะ”ยูมิที่เปิดประตูค้างแต่ก็ไม่วายหันมาบอกว่าจะหาโอกาสมาใหม่

“ค่ะ”ฉันขานรับเบาๆก่อนเดินไปชะโงกคอที่ริมหน้าต่าง ถึงได้รู้ว่าใครที่เข้ามาขัดจังหวะตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้

“คุณยู..หน็อยแน่”

เหมือนแรงอาฆาตฉันจะส่งไปถึงแรงหน่อยมั้งเจ้าตัวก็เลยเงยหน้าขึ้นมามองเป็นว่าเราทั้งคู่กำลังประสานสายตาจ้องกันอย่างไม่ส่งเสียงหรือคำพูดใดๆมีแต่แววตาเจ้าเล่ห์วิบวับที่ฉายระริกๆในลูกตาสีเขียวนั่นแหละ ฉันไม่รอช้าที่จะไหวตัววิ่งไปลงกลอนหาของมาดันตันประตูไว้ แต่ก็ถูกเจ้าคนร้ายนามว่ายูกิไขกุญแจเข้ามาทันพร้อมกับใช้เท้ายันเก้าอี้ที่ขวางอยู่ออกไปให้พ้นๆทาง

“แกร๊ก...ปึง!!”

“เธอคิดเหรอว่าจะหนีฉันพ้น..วิมล”

“คะ..คุณยู..คุณอย่าเข้ามานะ..”ฉันที่ตอนนี้กำลังเสียท่าถอยหลังกรูไปจนชิดผนังห้องตรงมุม แถมท่าทีที่ย่างกายเข้ามาของยูกิยิ่งทำให้ฉันแตกตื่นขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

“ฮ่า..ทำไมทีเมื่อกี้ยังระริกระรี้วิ่งหนีตาตื่นล่ะคะ..”ยูกิสาวเท้าเข้ามาประชิดตัวฉันเรื่อยๆจนสุดท้ายฉันก็ถูกปิดตายทางหนีออกจากแขนยาวๆนี่ที่ยันผนังไว้ ผมยาวสลวยลู่ตกลงเล็กน้อยข้างแก้มเม็ดเหงื่อๆเล็กๆที่ซอกคอเจ้าตัว ชวนให้ใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะกับท่าทีดุดันแต่ก็อ่อยในเวลาเดียวกันแบบนี้ โอ๊ยฉันจะบ้าตายเป็นวันละร้อยๆรอบ

“มองไปตรงไหนน่ะหึมัด..”ยูกิขึ้นเสียงเล็กน้อยหลังจับผิดนักโทษของตนเองที่ตอนนี้กำลังทำสายตาลวนลามเธอแทบไม่วางตา

“เฮือก!!...ฉะ...ฉันเปล่านะ..คุณเอาอะไรมาพูดอย่ามาปรักปรำฉันนะ”

“จริงเหรอที่เธอไม่ได้แอบมองฉัน”ยูกิโน้มตัวลงไปกระซิบเบาๆที่ข้างหูฉัน ลมหายใจร้อนๆที่เป่ารถตรงต้นคอยิ่งทำให้ฉันย่นคอหนีได้ในทันทีจนแทบไม่ได้ฟังคำที่ยูกิพูดเลยเมื่อกี้เพราะว่ามัวแต่ขนลุกจั๊กจี้อยู่แบบนั้น

“ไปดูหนังกันนะ...เย็นนี้..จุ๊บ”

“อื๋อ!!!!!!!!”

ฉันถูกคุณยูจุ๊บแบบไม่ทันตั้งตัวก่อนที่จะได้อ้าปากตะโกนด่าเจ้าตัวก็ยังไม่หยุดส่งคำขู่ให้อีกก่อนออกจากห้องไป

“ถ้าหากเธอไม่มาก่อน5โมงเย็นข้างล่าง..ฉันจะจัดทัณฑ์บนให้เธอถึงอกถึงใจเลย..ปึง”

“เฮือก!..ไอ้คนบ้า...ไอ้..คนเห็นแก่ตัวเอ๊ย..”ฉันกำหมัดแน่นหอบหายใจอย่างหนักหน่วง แต่พอลองนึกภาพตามอย่างที่คุณยูบอกฉันอาจจะตายจริงๆก็ได้ แววตาแข็งกราวประกาศคำขู่ลั่นเต็มสองหูแบบนั้นถ้าฉันไม่ไปก็เท่ากับว่าตัวเองกำลังแกว่งเท้าหาระเบิดแหงๆ

“โอ๊ยตายแน่ๆ..ความวัวไม่ทันหายความฉิบหายก็มาเยือนแล้ว..แม่ง”

ขยี้หัวตัวเองไปมาจนฟูฟ่อง หันควับไปที่นาฬิกาก็เกือบ5โมงแล้วอีกไม่กี่สิบนาทีน้ำก็ยังไม่อาบน้ำก็ไม่ได้แต่งโอ๊ยเป็นไงเป็นกันวะ

“คนอะไรวะแม่งชอบบงการฉิบหาย...ตึกๆๆๆ..ปึง!”

อาบน้ำด้วยความเร็วแสงจัดการเช็ดตัวจนแห้งก็ได้เวลารื้อทึ้งชุดในตู้ที่มีแต่ชุดหวาบหวิว โชว์ร่องอกแฟบๆของฉัน ฉันไม่สนใจรื้ออีกหลายชุดจนสุดท้ายก็ต้องตัดใจเลือกชุดที่โป๊น้อยที่สุดเป็นชุดสีครีมโชว์หลังแต่ด้านหน้าปิดมิดถึงต้นคอก็ตาม ทาลิปนิดหน่อยพอประมาณจัดทรงผมด้วยการมัดรวบๆแล้วก็วิ่งไปฉกกระเป๋าเน่าๆตัวเองวิ่งหน้าตั้งออกจากห้องไป

“ตึกๆๆๆๆ..”

“ติ๊กต่อก..ติ๊กต่อก..”

ฉันเห็นแค่ยูกิในชุดสบายๆกางเกงยีนส์เทาด้านเสื้อกล้ามสุดเซ็กซี่และเสื้อคลุมแขนยาวที่ดูสบายตากับทรงผมที่รวบขึ้นมัดปล่อยหางม้าสวยๆให้ใครเห็นก็ต้องใจละลาย

“ฮ่า..ฮ่า..ฉัน..มาทันเวลานะ”ฉันยกมือเบรกกับเจ้าตัวที่ตอนนี้ยกนาฬิกามาทำเสียงติ๊กต่อกข่มขู่ฉัน ตอนนี้ฉันไม่มีแรงจะด่าหรอกนะเพราะหอบหายใจอยู่

“ตามมา..”

“อื๋อ??”

เจ้าตัวฉวยข้อมือฉันลากไปที่โรงจอดรถ ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะมาอารมณ์ไหนไม่รู้เลือกมอเตอร์ไซต์ซะงั้นสีดำน้ำเงินสวยเชียว ว่าแต่จะให้ฉันใส่กระโปรงนั่งมอเตอร์ไซต์เนี่ยนะกระโปรงฉันเปิดเห็นหวอหมดบ้านหมดเมืองกันน่ะสิเนี่ย

“คะ..คุณจะขับมอเตอร์ไซต์เหรอคุณยู!!!”

“ก็ใช่..อ่อ..ลืมไปเลยแหะว่าวันนี้มีผู้โดยสารใส่ชุดยั่วตามา..งั้นเปลี่ยนเป็นรถสปอร์ตล่ะกัน..เลือกเอาว่าจะขึ้นคันไหน..1..2”

“สีแดวค่ะ!!”โอ๊ยแม่งเอ๊ยลิ้นพันจะบอกว่าสีแดงเป็นสีแดวเฉย อายเว้ย

“สีแดว?..อุ๊บ..ฮ่าๆๆๆ..เธอแม่ง..เอาเถอะตามมานี่”

“อื้อ”

คุณยูได้โอกาสก็แอบแต๊ะอั๋งฉันอยู่เรื่อยเลย โอ๊ยคุณคะคุณภาพฉันหมดแล้ว ขายไม่ออกพอดีจับบ่อยขนาดนี้

หลังจากนั่งรถได้เราทั้งคู่ก็เอาแต่เงียบใส่กัน ส่วนฉันน่ะเหรอตอนนี้กำลังพิมพ์แชทตอบคริสอยู่ เหมือนแอบคุยกับชู้ต่อหน้าผัวเลยแหะฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่ก็เอาเถอะยังไงคุณยูกิก็มีสาวเยอะอยู่แล้วจะมาสนใจฉันทำไมฉันเป็นแค่เลขาหน้าโง่ที่โดนลักพาตัว ข่มขืนใช้คำนี้ได้ไหมไม่สิใช้คำว่าขืนใจดีกว่าถ้าบอกข่มขืนมันดูทารุณกรรมไปอีกอย่างฉันก็ไม่ได้ถูกขืนใจบ่อยขนาดนั้น ก็มีสมยอมบ้างบางทีอารมณ์พาไป แต่ก็ไม่ถูกที่จะแบบมาตกหลุมรักกันเลยมันไม่ถูกต้องถึงยังไงฉันก็เกลียดขี้หน้าคุณยูอยู่ดี คนบ้าอะไรประสาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายชอบทำหน้าขรึมใส่บางทีก็มาไม้อื่นจนฉันรับมือไม่ถูก

“แต่กๆๆๆ...”

“...”ฉันแอบชำเลืองดูคุณยูบ้างเป็นครั้งคราว เผื่อเจ้าตัวจับได้ขึ้นมาคริสน่าจะไปนอนคุยกับปลาฉลามในทะเล

*แล้วคริสว่างบ้างไหม*

*ไม่เลยช่วงนี้คริสติดงาน..คงจะเดือนหน้าถึงว่างระหว่างนั้นคริสจะช่วยหาที่พักให้อีกแรงนะ*

*ขอบคุณมากๆเลยนะคริส*

*ไม่ต้องคิดมากยังไงเราก็เพื่อนห้องเดียวกัน^^*

*จ้า งั้นเดี๋ยวค่อยคุยกันต่อนะ*

*ได้สิ*

“เอี๊ยด..”คุณยูที่ตอนนี้กำลังเหยียบเบรคระหว่างรอไฟเขียวก็หันหน้าควับมาทางฉันทันที

“จะเอายังไงต่อเรื่องที่บ้าน”

จู่ๆคุณยูก็พูดถึงเรื่องที่บ้านฉันขึ้นมาซะอย่างงั้น ฉันนี่งงตาแตกเลย

“อะ..เอ่อทำไมคุณยู”

“เธอไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะ..เพราะตอนนี้”

“ปริ้นๆๆเสียงรถบีบแตรจากข้างหลังเตือนสติให้คุณยูรีบเหยียบคันเร่งเกือบสุดจนพุ่งทยานออกไปในทันที หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันเพิ่มเติมจนเข้าโรงหนังไปนั่งจับจอง ที่นั่งชั้นโซนฝั่งสวีทของคู่รักที่คุณยูเป็นคนเลือกให้ไม่ใช่ชั้นหรูหราแต่ก็กว้างสบายดี

“เอาน้ำ..ไหมจะซื้อมาให้”

“เอ่อ..ไม่ต้องก็ได้ค่ะ”

“อื้ม..รออยู่ตรงนี้นะ”

“ค่ะ..”ฉันขานรับเสียงอ่อนให้กับคุณยูที่ลุกออกจากที่นั่งไปซื้อน้ำมาให้ ฉันทำได้แค่กวาดสายตาไปรอบๆอย่างสงสัยบรรยากาศก็ไม่ได้ต่างจากบ้านเรามากนักก็แค่มีแต่ฝรั่งที่ตัวสูงหัวทะลุเบาะนั่งเลยแหะ มองๆดูเหมือนหน่อไม้เลย

“หาว..ยังไม่ทันเริ่มดูก็ง่วงซะแล้วเรา”

ฉันทำได้แค่กวาดสายตาวอกแวกไปมานี่ก็เกือบ10นาทีแล้วยังไม่เห็นคุณยูเลย อีกไม่นานหนังจะฉายแล้วแท้ๆเจ้าตัวไปไหนอีกล่ะเนี่ย จนหนังเริ่มฉายมาราวๆ5นาทีต่อมาฉันก็ไม่เจอคุณยูจนเริ่มวิตกว่าจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆกับเจ้าตัว ฉันเริ่มวอกแวกสายหน้าไปมาจนคนรอบข้างเริ่มจะรำคาญทำตาถลึงใส่ฉัน ฉันก็เลยตั้งนั่งทำตัวเงียบๆดูหนังไปจนหนังฉายมาประมาณครึ่งเรื่องคุณยูถึงโผล่มาในสภาพเหงื่อท่วมตัว

“คุณยู”ฉันกระซิบเบาๆกับคุณยูที่ตอนนี้กำลังยกน้ำขึ้นดื่มดังอึกๆ

“อืม..”

“คุณไปไหนมาคะ..”

“ดูหนังเถอะ..”เจ้าตัวบอกปัดใส่ฉัน ฉันก็ไม่อยากจะถามอะไรเพิ่มก็เลยนั่งดูหนังจนจบเป็นหนังที่ดีมีฉากเลิฟซีนพอประปราย นางเอกสวยพระเอกหล่อเข้มเร้าใจดี หนังก็ออกแนวตลกปนน้ำตาไปงั้นแหละ หลังจากดูหนังจบเราทั้งคู่ก็ออกมาจากโรงหนังตอนเวลา2ทุ่มกว่า ก็ถือว่าค่อนข้างจะมืดค่ำเลยแหะใครจะไปคิดว่าหนังยาวมากแถมขับรถมาก็นานด้วยเพราะติดไฟแดงทุกครั้งเลยแถมคนมาดูหนังก็เยอะมากด้วยกว่าจะได้ซื้อตั๋วก็ค่ำแล้ว

“หาววววววว..อื้อง่วงแล้ว”ฉันตบปากตัวเองเบาๆระหว่างยืนรอคุณยูเข้าห้องน้ำเสร็จ

“ไปรอที่รถก่อน..เดี๋ยวฉันตามไปอีกที”

“??”

“ไป!!”ยูกิขึ้นเสียงใส่ฉันที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเหวอหวาอย่างมึนงง

“คะ..ค่ะ..ตึกๆๆ”ฉันรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปรอที่รถตามที่คุณยูบอกแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันกลับไปมองแผ่นหลังนั่นที่กำลังวิ่งตามอะไรบางอย่างไป

“คุณยู...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด