ตอนที่แล้วEp.150 - สังเวียนเมืองเฉิงหยาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.152 - อย่าปล่อยให้ลงจากเวทีแบบมีชีวิต

Ep.151 - สวรรค์โปรดปราน


2/5

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.151 - สวรรค์โปรดปราน

ท่ามกลางเสียงยกยอปอปั้น

ฉินเฟิงยังนิ่งสงบ ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ

ซินเจี่ยเซิงพอเห็นก็เริ่มหงุดหงิด เขารู้สึกราวกับหมัดเด็ดที่แสดงออกมาต่อยลงบนผ้าฝ้ายนุ่มๆ

“เป็นอะไรไป? ตอนนี้เกิดกลัวขึ้นมารึไง? กระทั่งหมายเลขนักสู้ก็ยังไม่ยอมเผยมันออกมา ปอดแหกไปแล้วหรอ?”

ซินเจี่ยเซิงส่งหมายเลขนักสู้ของตนออกไปแล้ว และมันยังบ่งบอกถึงระดับความแข็งแกร่งทางกายภาพและกำลังภายในของเขา

กล่าวได้ว่าแม้จะมีท่าทีหยิ่งผยอง แต่เขาก็มิใช่ตัวโง่งมของรุ่นลูกรุ่นหลานแห่งตระกูลใหญ่ อย่างน้อยก็มีความแกร่งทางกายภาพและกำลังภายในอยู่ในระดับ ‘มากพรสวรรค์’

ซึ่งระดับมากพรสวรรค์นี้ ไม่ได้เกิดจากการโมเมขึ้นด้วยตนเอง หากแต่เป็นการประมวลผลจากการทดสอบเฉพาะของศูนย์ประลอง โดยจัดระดับให้ตามคะแนนจากน้อยไปมาก อันได้แก่ ระดับสามัญ , ระดับชั้นยอด , ระดับมากพรสวรรค์ , ระดับสวรรค์โปรดปราน , ระดับคงกระพัน

ซึ่งการที่ซินเจี่ยเซิงเป็นถึงระดับ ‘มากพรสวรรค์’ นั่นหมายความว่าเขามีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะสามารถทะยานขึ้นสู่เลเวล E ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ถึงเวลานั้น ไม่ว่าจะไปที่ใดในเมืองเฉิงหยาง เขาก็สามารถออกปาก มีสิทธิ์มีเสียง

ฉินเฟิงที่จริงมิได้ปอดแหก แต่เขาไม่มีหมายเลขนักสู้ต่างหาก เพราะยังไงซะ เขาเพิ่งจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก

ฉินเฟิงเปิดอุปกรณ์สื่อสารของตน แล้วทำการเชื่อมต่อกับเครือข่ายสาธารณะ

“ยินดีต้อนรับสู่ศูนย์ประลองผู้ใช้พลังประจำเมืองเฉิงหยาง ภายในศูนย์จะประกอบไปด้วย …”

เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น เห็นได้ชัดว่ามันคือเสียงตอบรับอัตโนมัติสำหรับบริการของศูนย์ประลอง มีไว้ใช้อธิบายข้อกำหนดของการลงสู่สังเวียน

เห็นถึงฉากนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงซินเจี่ยเฉิง คนอื่นๆที่รุมล้อมเขายังถึงขั้นพูดไม่ออก

“อ่าว นั่นเขาเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกหรอกหรอ?”

“บางทีอาจจะไม่ใช่คนจากเมืองเฉิงหยางก็ได้”

หลังจากที่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เปลวเพลิงแห่งความโกรธของซินเจี่ยเฉิงก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง

ไอ้เด็กนี่ ที่แท้ก็แค่หมาจรจัด แต่ริหาญมาท้าทายอำนาจของตระกูลซิน---

---แสดงว่ามันไม่เห็นตระกูลซินอยู่ในสายตาเลย!

“เฮ้ไอ้บ้านนอก เพิ่งจะเคยมาเมืองเฉิงหยางเป็นครั้งแรกงั้นหรอ? ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแกถึงกล้าล่วงเกินฉัน! คราวนี้จะได้เห็นกันว่าแกจะตายยังไง!”

นี่ดั่งสำนวนที่ว่าเป็นแค่งูดิน แค่ริอาจท้าทายมังกรเจ้าถิ่น ฉินเฟิงเพิ่งมาที่เมืองนี้เป็นครั้งแรก ก็หาเรื่องทำให้ซินเจี่ยเซิงต้องขุ่นเคืองซะแล้ว ฉะนั้นเป็นธรรมดาที่ฉินเฟิงจะต้องพบจุดจบไม่ดี

ผู้คนโดยรอบเอง ก็เหมือนจะพอคาดเดาผลลัพธ์ได้แล้วเช่นกัน และเริ่มพากันส่งเสียงสาปส่งหยาบคายออกมา

“เจ้าหนู ไม่ต้องไปฟังคนพวกนั้นหรอก เห็นเครื่องมือทดสอบผู้ใช้พลังนั่นไหม นายก็แค่ไปยืนตรงนั้นและปล่อยให้มันสแกน เสร็จสิ้นกระบวนการนายก็จะได้รับหมายเลขนักสู้ จากนั้น นายสามารถใช้หมายเลขนักสู้ทำการ ‘ขอท้าประลองแบบสุ่ม’ ได้ แต่แน่นอน ถ้าหากนายต้องการเลือก ‘จับคู่ประลอง’ กับนายน้อยซินโดยตรง ก็สามารถทำได้เช่นกัน ขอแค่กรอกหมายเลขนักสู้ลงไปบนสังเวียน!”

ฉินเฟิงรับฟังสิ่งที่ชายคนนั้นพูดอย่างตั้งใจ มันช่วยประหยัดเวลาได้มาก เขาก้าวเดินไปยังเครื่องมือที่ตั้งอยู่ในห้องโถงทันที

แสงจากเครื่องทดสอบสแกนผ่านร่างของฉินเฟิง จากบนลงล่าง ศีรษะจรดเท้า

ช่วงเวลาต่อมา เสียงจากเครื่องมือทดสอบก็ดังขึ้น

【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!】

【ผลการทดสอบอายุกระดูก : 16 ปี】

【ผลการทดสอบความแข็งแกร่งทางกายภาพ : ระดับสวรรค์โปรดปราน】

---ระดับสวรรค์โปรดปราน นั่นเท่ากับว่าเขาเป็นมังกรในหมู่หงสา! เป็นลูกรักของพระเจ้า!!

ยิ่งไปกว่านั้นฉินเฟิงยังมีอายุแค่เพียง 16 ปี! นี่มิใช่หมายความว่าเขาเพิ่งปลุกพลังได้แค่ 3 เดือนเองหรอกหรือ?

ไม่รีรอให้ฝูงชนร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ ผลการทดสอบก็ดังขึ้นอีกครั้ง

【ตรวจพบความผันผวนของพลังสมาธิ】

【ความเข้มข้นของพลังสมาธิ : ระดับสวรรค์โปรดปราน 】

“ว่ายังไงน้าาา!!”

“หูฉันฝาดไปรึเปล่า?”

“เครื่องมันเพี้ยนไปแล้วมั้ง?”

ผู้คนเริ่มเกิดความสงสัยว่าเครื่องมือทดสอบอาจจะรวนหรือพัง

ต้องรู้นะว่า ความแข็งแกร่งทางกายภาพน่ะ มันเป็นตัวบ่งบอกถึงพละกำลังกาย และของฉินเฟิงมันสูงมาก นี่ชัดเจนว่าฉินเฟิงต้องเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ

แต่ถึงกระนั้นความเข้มข้นพลังสมาธิของฉินเฟิงเองก็ยังอยู่ในระดับสวรรค์โปรดปรานเช่นกัน เรื่องแบบนี้มันไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด

อีกด้านหนึ่ง ซินเจี่ยเฉิงเองก็ดูจะตกใจไม่น้อย

เพราะกระทั่งซินเจี่ยเซิงที่ถูกป้อนทรัพยากรมากมายตั้งแต่เด็ก และได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี ก็ยังเป็นได้แค่ผู้ใช้พลังเลเวล F6 ในระดับมากพรสวรรค์เท่านั้น แต่แค่นี้ก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว

เพราะเหตุผลเดียวกันนี้เอง ซินเจี่ยเซิงเลยกลายเป็นคนหยิ่งผยอง เขาเลยกล้าหยามหยั่นฉินเฟิง เพราะมั่นใจว่าต่อให้เป็นหน้าไหนในเลเวลเดียวกัน ก็ไม่สามารถแข็งแกร่งพอจะต่อกรกับตนเองได้

ทว่าเมื่อครู่นี้ ความมั่นใจทั้งหมดที่มีทั้งหมด เมื่อเผชิญกับฉินเฟิง มันกลับแตกสลาย หายไปสิ้นไม่มีหลงเหลือ!

นี่มันผีห่าซาตานตนใดกัน? อายุแค่ 16 ปี แต่กลับครอบครองเลเวลเดียวกับตน กระทั่งผลวัดจากเครื่องมือทดสอบ ก็ยังอยู่ในระดับสวรรค์โปรดปราน

อย่างไรก็ตาม ราวกับประชดประชันให้คนอื่นอึ้งยังไม่พอ ผลการทดสอบยังคงไม่จบลง!

【ตรวจพบพลังวรยุทธโบราณ】

【ความเข้มข้นกำลังภายใน : ระดับคงกระพัน】

ราวกับหินมหึมาถูกทุ่มลงในแอ่งน้ำใหญ่

---ระดับคงกระพัน!!

ไม่คาดฝันเลยว่าระดับคงกระพันจะปรากฏกายขึ้น

หากใช้ห้าระดับ อ้างอิงตามระดับของสัตว์ร้าย , ระดับคงกระพันจะเทียบเท่าได้กับระดับจักรพรรดิสัตว์ร้าย!

ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าว มีความเป็นไปได้เฉพาะคนที่อยู่ในเลเวล D เท่านั้น และการที่ระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายปรากฏกายขึ้น คงไม่ต้องบอกบรรยายว่ามันน่าตื่นตะลึงเพียงใด

ซินเจี่ยเซิงเริ่มรู้สึกว่ากายเขากำลังสั่นสะท้าน

【ผลการทดสอบเสร็จสมบูรณ์】

สิ้นเสียงเครื่องทดสอบ

ข้อมูลก็ถูกผูกไว้กับอุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิง จากนั้นบัญชีนักสู้ก็ถูกจัดตั้งขึ้น

ฉินเฟิงก้าวลงจากแท่นทดสอบ มองไปยังซินเจี่ยเซิงที่บัดนี้ใบหน้าขาวอมเทาราวกับขี้เถ้า

“เริ่มกันได้รึยัง?”

คำกล่าวของฉินเฟิงแม้แผ่วเบา ทว่าสำหรับซินเจี่ยเซิง มันราวกับคำสบถสาปแช่งของปีศาจร้าย

‘เริ่มกันได้รึยังงั้นหรือ?’

ให้เริ่มอะไร?

เริ่มสู้เป็นตายไม่เกี่ยงบนเวทีอะนะ???

อย่างไรก็ตาม ซินเจี่ยเซิงมิอาจกล่าวคำเหล่านั้นออกมาได้ ‘ความเข้มข้นกำลังภายในระดับคงกระพัน , ความเข้มข้นพลังสมาธิและความแข็งแกร่งทางกายภาพอยู่ในระดับสวรรค์โปรดปราน …. ใครจะไปกล้าเริ่มกับเอ็งวะ? บิดาคนนึงล่ะไม่กล้าแน่นอน!’

“เจ้าหนู อวดดีไปเถอะ คิดว่าแค่แกแข็งแกร่งแล้วจะรอดไปได้งั้นหรือ กล้าทำให้คนตระกูลซินอย่างฉันต้องขุ่นเคือง เตรียมรับผลการกระทำได้เลย!” ซินเจี่ยเซิงกล่าวโกรธแค้น

แต่คราวนี้ เป็นสีหน้าของฉินเฟิงที่แปรเปลี่ยนไป

“อะไร? นี่แกกำลังพ่นอะไรออกมา? อย่าบอกนะว่ารู้สึกกลัวแล้ว? ยอมรับมาเถอะว่าแก ‘ปอดแหก’ !”

ฉินเฟิงเปล่งวาจาเหยียดหยัน ชัดเจนว่าไม่แยแสต่อคำขู่ของซินเจี่ยเซิง

สมองของซินเจี่ยเซิงเต้นตุบๆ เขาคล้ายเดือดพาลจนเลือดขึ้นหัว จนเกือบจะกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายอย่างพลันแล่น---

---แต่เขาก็ไม่กล้า!

หวาดกลัวที่จะต่อสู้กับฉินเฟิง ต้องบอกว่าเวลานี้ความคิดในหัวเขาตีกันจนสมองกลายเป็นว่างเปล่า รู้สึกแค่เพียงอยู่ต่อไปคงยิ่งอับอาย

แต่ยังไม่วายทิ้งคำขู่ส่งท้าย “อย่าหนีไปไหนซะก่อนล่ะถ้าแกแน่จริง!”

สิ้นเสียง ซินเจี่ยเซิงก็หมุนตัว และ--ฟิ้ว! พุ่งจากไปอย่างรวดเร็ว ทำทีคล้ายหากชักช้า ภัยพิบัติเบื้องหลังจะไล่กวดตนเองได้ทัน

เมื่อซินเจี่ยเซิงเผ่นหนีไป ผู้คนที่แต่เดิมรายล้อมเขาก็กลายเป็นโง่งม พอเบนสายตามองฉินเฟิง ก็แยกย้ายกันหลบเลี่ยงเปิดทาง

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงกลับไม่ยอมเดินจากไป เจ้าตัวชี้ไปยังคนๆหนึ่งกลางฝูงชน

“เมื่อกี้นายใช่ไหมที่บอกจะสู้กับฉัน ไอ้คนที่บอกขอใช้แค่มือเดียวก็พอน่ะ?”

ชายคนนั้นสตั้น! เร่งโบกไม้โบกมือ

“ไม่ ไม่ ไม่ เลเวลของฉันต่ำกว่าพี่ชาย สู้กันไม่ได้หรอก!”

ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชา ชายคนนั้นทำเหมือนกับซินเจี่ยเซิงเป๊ะ พูดจบก็หมุนตัว ฉีกวิ่งหนีไปทันที

ฉินเฟิงเลื่อนสายตาอีกครั้ง ไปตกลงที่อีกคนหนึ่ง

“ส่วนนาย บอกว่าขอใช้แค่ 2 ขาก็เตะฉันปลิวได้ใช่ไหม? งั้นมาสู้กันซักตั้งเป็นไง ฉันต่อให้ตัวเองใช้แค่ขาเดียวเลยเอ้า!”

เหงื่อเย็นเยียบทะลักออกมาจากแผ่นหลังของชายคนนั้นทันที

นั่นเพราะเขามีเลเวลสูงกว่าฉินเฟิง ตนอยู่ใน F7 ทว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพอยู่ในระดับสามัญ แม้อาจกล่าวว่าเป็นผู้ใช้พลังที่ดี แต่เมื่อเทียบกับฉินเฟิงแล้วไม่นับว่าเป็นสิ่งใด! อันที่จริงเขาไม่คู่ควรขัดรองเท้าให้ฉินเฟิงด้วยซ้ำ!

“อา! เมียฉันเพิ่งส่งข้อความมาพอดี ว่าฝากซื้อน้ำปลากลับบ้านด้วย ขอตัวก่อนนะ!”

ว่าจบ ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบโต้ พุ่งตัวหนีไปทันที!

ทว่าไม่มีใครต่อว่าเขา เนื่องจากทุกคนทราบดีว่าการหนีตอนนี้คือตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินเช่นกัน

“พวกนายทุกคนมีใครอยากจะสู้กับฉันบนสังเวียนรึเปล่า? นี่เป็น ‘ครั้งแรก’ ที่ฉันมาที่นี่ แถมยังเป็นคน ‘บ้านนอก’ ฉะนั้นได้โปรดมา ‘สั่งสอน’ กันหน่อยเถอะ!”

ฉินเฟิงจงใจยัด 3 คำ ครั้งแรก บ้านนอก สั่งสอน ที่ตนเคยถูกก่นด่า และเน้นย้ำมันเป็นพิเศษ

แต่คนเหล่านี้กลับไม่มีใครกล้าคิดว่าฉินเฟิงเป็นเพียงบ้านนอกอีกต่อไป

เนื่องจากอายุแค่นี้ แต่กลับแข็งแกร่งชนิดต่อต้านสวรรค์ บอกเลยว่าต่อให้ฉินเฟิงเอ่ยปากว่าตนเองมาจาก ‘เมืองหลวงอันดับหนึ่ง’ แห่งแผ่นดินใหญ่ในทวีปตะวันออก พวกเขาก็จะเชื่อ!!

“โอ๊ย จู่ๆฉันก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา!”

“อา! ดาราที่ฉันตามเพิ่งไลฟ์สดพอดี!”

“ฮัลโหลที่รัก? อ้าว ลูกจะคลอดแล้วหรอ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!”

พริบตานั้นทั้งหมดราวกับไม่เคยรู้จักซินเจี่ยเฉิงมาก่อน ไม่ทำทีเหมือนตอนเยาะเย้ยฉินเฟิง แต่แสร้งทำเป็นไม่ว่างติดธุระ อ้างเหตุผลง่อยๆ แล้วแตกกระเจิงวิ่งหลบหนีไปคนละทิศทาง …

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด