ตอนที่แล้วตอนที่ 74 ลักลอบเข้าปราสาท
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 76 พื้นที่และภาพรวม

ตอนที่ 75 อดีตของเจ้าชาย


ตอนที่ 75 อดีตของเจ้าชาย

“อย่าแม้แต่จะส่งเสียง หากเจ้ากล้าอ้าปากแม้แต่นิดเดียว ดาบเล่มนี้จะตวัดคอของเจ้าก่อนที่จะทันได้พูดอะไรออกมา”

มันเป็นคำขู่ที่เจ้าชายเอ็ดมันด์พูดออกมา แต่เจสเปอร์ก็เชื่อว่าคำขู่ที่ออกจากปากของเจ้าชายคนนี้เป็นของจริง

เจ้าชายเอ็ดมันด์หาได้สนใจชายแปลกหน้าที่ลักลอบเข้ามาในปราสาทที่ตนจับได้แม้แต่น้อย เป้าหมายสำคัญคือเขาจะฝ่ากองทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้าห้องของเสนาบดีอีกอร์คนนี้ได้อย่างไรต่างหาก

“โปรดฟังข้าก่อน ข้าไม่ได้เป็นศัตรูกับท่าน”

เจสเปอร์ไม่กล้าที่จะส่งเสียงมากนักแต่หากเขาไม่เลือกที่จะอธิบายเรื่องใดๆ เจ้าชายเอ็ดมันด์ก็คงจะไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตต่อแน่ๆ

“อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า” เจ้าชายเอ็ดมันด์บอกปัด พร้อมกับกดน้ำหนักลงที่ดาบ

‘-10’ มีค่าความเสียหายปรากฏขึ้น แม้เป็นความเสียหายที่เล็กน้อยแต่เจสเปอร์รับรู้ถึงความเย็นจากใบดาบที่แหลมคมสัมผัสลงที่คอของเขาราวกับของจริง

“หากเจ้าชายไม่ฟังที่ข้าพูด ข้าคงต้องเผยตัวตนของท่านให้ทหารยามพวกนี้ได้รับรู้”

ในเมื่อเจ้าชายเลือกที่จะข่มขู่เขามาตั้งแต่แรก ด้วยนิสัยของเจสเปอร์ก็คงไม่ยอมที่จะให้อีกฝ่ายข่มเหงตนเองแต่เพียงผู้เดียวแม้ศัตรูตรงหน้าจะเป็นถึงเจ้าชายแห่งเมืองแซนนิกซ์ก็ตาม ทันที่ทีเขาพูดออกไปดาบในมือของเจ้าชายก็ลดมือลง พลางสำรวจท่าทีของชายที่ลักลอบเข้าปราสาทอีกครั้ง

สถานการณ์พลิกกลับอย่างรวดเร็ว เจ้าชายเอ็ดมันด์ดูจะเข้าใจในสิ่งที่เจสเปอร์พูด ยอมเก็บดาบเก็บดาบที่ถืออยู่ในมือลงแลกกับการไม่ให้เจสเปอร์เปิดเผยตัวตนที่กำลังอยู่ให้สถานะหายตัว

“เจ้าชายดูจะแตกต่างจากที่ข้าได้ยินมามากเหลือเกิน เอาล่ะตรงนี้อาจไม่เหมาะที่จะพูดคุยกัน ท่านพอจะมีที่ให้ข้าได้แนะนำตัวบางหรือไม่”

เจ้าชายเอ็ดมันด์เหลือบมองเจสเปอร์ด้วยสายตาที่โกรธเคืองเล็กน้อย ก่อนที่จะสะบัดผ้าคลุมของตนไว้รอบตัวเจสเปอร์

‘พรึบ’

ไม่รู้ว่าผ้าคลุมที่เจ้าชายสวมใส่อยู่มีความสามารถพิเศษอะไรบาง แต่ที่เจสเปอร์รับรู้ได้เลยคือร่างกายของเขากำลังเข้าสู่โหมดสถานะหายตัวเช่นเดียวกับเจ้าชาย

“ตามฉันมา แล้วอย่าทำอะไรบ้าๆถ้าไม่อยากตายจริงๆ” เจ้าชายเอ็ดมันด์พูดพลางมองด้วยสายตาดุ สื่อความหมายว่า ‘ตูเชือดเอ็งแน่’

เจสเปอร์เดินตามเจ้าชายเอ็ดมันด์ไปด้วยความสงบ ก่อนที่จะเข้าไปในห้องมืดๆที่มีเพียงตะเกียงเล็กๆแค่ดวงเดียว

“ตรงนี้ปลอดภัยแล้ว เจ้ามีเรื่องอะไรจะบอกข้าก็รีบบอกมา ข้ายังมีอะไรหลายอย่างต้องจัดการ” เจ้าชายเอ็ดมันด์นั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆตัวนึงพลางมองมาทางเจสเปอร์อย่างไม่สบอารมณ์

“เรื่องที่ท่านต้องจัดการ คงหมายถึงเรื่องจัดการเสนาบดีอีกอร์สินะ” หลังจากที่ได้เห็นการเจ้าชายเอ็ดมันด์ที่แอบเดินลับๆล่อภายในประสาทของตัวเอง ก็ทำให้เขาพอจะเดาออกได้แล้ว เจ้าชายคงรับรู้ถึงสถานะของตนเองแล้วว่าตนมีค่าเป็นเพียงแค่ หมากตัวนึงของเสนาบดีอีกอร์

เจ้าชายเอ็ดมันด์ดูจะตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เจสเปอร์พูดออกมาแต่เขาก็ยังคงเก็บอาการได้เป็นอย่างดี

“ก่อนอื่นเลยท่านต้องไว้ใจข้าก่อน” เจสเปอร์หยิบเหรียญตราผู้กล้าออกมา ก่อนที่จะส่งไปให้เจ้าชายเอ็ดมันด์ที่ 7 ได้ดูเพื่อยืนยันตัวตนของตัวเขา

“องค์หญิงซีซีเรียเป็นคนส่งเจ้ามาอย่างนั้นหรือ”

เจสเปอร์พยักหน้า ก่อนที่จะเล่าเรื่องเหตุการณ์การลอบสังหารองค์หญิงซีซีเรียระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวงให้เจ้าชายได้ฟัง พร้อมกับบอกภารกิจที่ตนเองถูกส่งมาเมืองแซนนิกซ์ด้วยเช่นกัน

“ในเมื่อเจ้าเป็นคนขององค์หญิงซีซีเรีย เหตุใดถึงต้องมาช่วยข้าที่เป็นศัตรูกับนางด้วย ผู้กล้าอย่างเจ้ามีรู้หรือว่า พ่อของข้ากับนางมีเรื่องบาดหมางกัน”

“สิ่งที่ผ่านมาแล้วนั้นเป็นเรื่องของอดีต แต่ปัจจุบันท่านสามารถลิขิตเองได้ว่าจะมององค์หญิงเป็นศัตรูหรือจะมองนางดั่งมิตร ส่วนข้าขอเพียงทำให้อาณาจักรแห่งนี้ปลอดภัย แม้คนหยาบคายที่จิตใจดีข้าคนนี้ก็จะเปลี่ยนให้เป็นสหายที่รู้ใจ”

เจสเปอร์เตือนสติเจ้าชายที่ถูกความแค้นในอดีตบดบัง ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่าๆพลางนึกย้อนถึงอดีตที่ตัวเขาเคยเผชิญมา ใช่แล้วเจ้าชายที่ 7 เติบโตมาพร้อมกับพี่ชายที่รักใคร่ แต่แล้วทุกอย่างกับเปลี่ยนไปหลังจากที่ ขุนนางอีกอร์ได้เข้ามา ตนและพระเชษฐาที่เคยสนิทสนมกลับกลายเป็นคนแปลกหน้าระหว่างกัน เขาหลงเชื่อคำยั่วยุจากอีกอร์สารพัด จนเมื่อวันที่พี่ชายของตนถูกวางยาพิษลอบสังหาร เขาก็ยังหลงเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเกิดจากราชวงศ์กรีนเวต้าต้องการกำจัดตระกูลเอ็ดมันด์ให้หมดสิ้นไปจากอาณาจักร

แต่เมื่อวันหนึ่งเจ้าชายที่ 7 กำลังคิดถึงพี่ชายและบิดาที่จากไป ของตนเองได้เข้าไปยังห้องที่พวกเขาทั้งสองเคยอยู่ เขาได้ยินเสียงของคนบางคนกำลังเดินมายังห้องที่เขาอยู่ แม้เขาจะเป็นถึงผู้ปกครองที่เมืองแห่งนี้แต่เสียงของกลุ่มคนที่กำลังเดินมาชั่งคลับคล้ายคลับคลากับเสียงของเสนาบดีอีกอร์ ที่เป็นดั่งคนสนิทของเขาในเวลานั่น

แต่ที่นี้เป็นเขตหวงห้ามที่มีเพียงผู้ปกครองเท่านั้นถึงจะขึ้นมาได้!! แล้วเสนาบดีอีกอร์ขึ้นมาทำไม? เจ้าชายที่ 7 รีบใช้ทักษะอำพรางตัวที่เป็นวิชาตกทอดของตระกูล เอ็ดมันด์ อย่างรวดเร็ว ร่างทั้งร่างหายวับไปกับตา ไร้เสียง ไร้กลิ่น และไร้ตัวตน

“ท่านอีกอร์จะดีหรือที่พาพวกข้ามาที่หวงห้ามเช่นนี้ นี้มันห้องของกษัตริย์เอ็ดมันด์ที่ 5ไม่ใช่หรอกหรือ?” ขุนนางทั้งหลายต่างหวาดกลัวเมื่อรู้ว่ากำลังเดินเข้ามาในเขตหวงห้ามซึ่งเป็นที่ประทับของกษัตริย์องค์ก่อน

“พวกเจ้าจะกลัวอะไร ลืมไปแล้วยังงั้นหรอไอ้โสโครกที่พวกเจ้าเรียกมันว่ากษัตริย์ทำกับชาวเมืองอย่างพวกเราไว้ยังไง ถึงพวกมันตายไปพันครั้งก็ไม่สาสมกับที่ทำกับเมืองแซนนิกซ์ของพวกเราให้แปดเปื้อน!!”

เจ้าชายเอ็ดมันด์ได้ยินสิ่งที่ขุนนางเหล่านั้นพูดคุยเต็มสองรูหู นี้หรือคือขุนนางที่พ่อและพี่ชายของตนชุบเลี้ยง แล้วกล้าดียังไงถึงมาบอกให้บิดาของตนต้องตายเป็นพันครั้ง ใครกันที่ชักนำสงครามมาให้บ้านเมืองของเราไม่ใช่เพราะขุนนางอย่างพวกแกหรอกหรือ หากไม่ใช่บิดาของข้าออกโรงปกป้องแทนจนตัวเองต้องตกตาย

“พวกแกอยากได้ชิ้นอะไรก็หยิบเอาเถอะ ของพวกนี้มันควรจะเป็นของพวกเรา” เสนาบดีอีกอร์เชิญชวนให้ขุนนางคนอื่นหยิบข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงเครื่องประดับของกษัตริย์เอ็ดมันด์ที่ 5 ไปจนหมดห้อง

“หากพวกเราเอาไปหมดเช่นนี้ เจ้าชายที่ 7 จะไม่ล่วงรู้หรือท่านอีกอร์ ฮ่าฮ่า”

“เด็กโง่อย่างเจ้าชายที่ 7 นั้นนะหรอ ลองไม่มีข้าดูสิจะทำอะไรเป็น วันๆได้แต่นั่งเศร้าโศกถึงบิดาและพี่ชายที่ตายหรือไม่ก็นั่งโกรธแค้นตระกูลกรีนเวต้าตามที่ข้าบอกไป โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฮ่าฮ่า”

“ท่านอีกอร์ช่างเฉียบแหลม หากแผนของท่านเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆข้าเชื่อว่าอีกไม่นาน ชาวเมืองแซนนิกซ์ จะนับถือท่านเป็นกษัตริย์ แน่ๆ พวกข้าขอเรียกท่านว่า กษัตรย์อีกอร์ เลยก็แล้วกัน ฮ่าฮ่า” ขุนนางจอมสอพลอและเสนาบดีผู้โฉดชั่วต่างสนุกสนานไปกับการขโมยของในห้องกษัตริย์องค์ก่อนด้วยอารมณ์เบิกบาน

ผิดกับอีกฝากหนึ่งที่มีชายคนหนึ่งกำลังยืนมองอยู่ด้วยอารมณ์โกรธแค้นที่ทะลุถึงขีดสุด มือทั้งสองข้างกำหมัดจนแน่น เล็บที่ถูกบีบรัดจิกเข้าที่อุ้งมือจนมีเกิดเป็นรอยเลือดหยดลงมา แต่แม้จะโกรธแค่ไหนเจ้าชายผู้นี้กลับยืนอยู่อย่างนั้นไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวออกมา

“ฉันมันขี้ขลาด ฉันไม่กล้าแม้แต่จะตอบโต้ คนอย่างฉันมันไม่คู่ควรกับตำแหน่งเจ้าชายเลยแม้แต่น้อย”

เจ้าชายเอ็ดมันด์พูดด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเศร้า แม้ห้องนี้จะมีเพียงแสงสว่างนิดหน่อยที่มาจากตะเกียงดวงเล็ก แต่เจสเปอร์ก็รู้ว่าเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าเขาเจ็บปวดแค่ไหนที่รู้ว่าคนสนิทของตนเองหักหลัง เพราะเขาก็เคยโดนกระทำแบบนั้นมาไม่ต่างกัน

“ถ้าไม่ลองก้าวจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวท่านเองวิ่งได้ ท่านยังไม่เคยลองเป็นเจ้าชายที่ดีให้กับประชาชนเลยแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวไม่คู่ควร”

เป็นครั้งที่สองที่คำพูดของเจสเปอร์ช่วยเตือนสติเจ้าชายตรงหน้าที่กำลังท้อแท้ให้กลับมามีความหวังขึ้นอีกครั้ง

เจ้าชายเอ็ดมันด์ตบหน้าของตัวเองเพื่อเรียกสติให้กลับมา มันคงจะจริงอย่างที่ชายแปลกหน้าคนนี้พูด สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันเป็นอดีตไปข้าสามารถลิขิตเองได้และต่อจากนี้ข้าจะทำหน้าที่เจ้าชายให้สมกับที่เป็นทายาทของตระกูลเอ็ดมันด์ที่ยิ่งใหญ่ให้จงได้

“ข้าอยากรู้ว่าห้องของเสนาบดีอีกอร์มีความลับซ่อนอะไรเอาไว้อยู่ เจ้าจะมาด้วยกันกับข้าไหม” เจ้าชายที่ 7 ไว้ใจในตัวเจสเปอร์ ก่อนจะสะบัดผ้าคลุมเหมือนครั้งที่แล้วให้เจสเปอร์เข้าสู่สถานะหายตัว

เจสเปอร์และเจ้าชายที่ 7 มุ่งหน้าไปยังห้องของเสนาบดีอีกอร์ที่เต็มไปด้วยทหารยามยืนเฝ้าตลอดทางเดิน

“เสนาบดีเฒ่าคนนี้มีทหารยามอารักขามากกว่ากษัตริย์ Candor แห่งเมืองอีรูไดซ์เสียอีก”

เจสเปอร์บ่นออกมาเบาๆแต่ก็ไม่สามารถเล็ดลอดหูของเจ้าชายที่ 7 ที่ อยู่ด้านข้างไปได้

“เจ้าไม่ได้เป็นเพียงแค่คนขององค์หญิงซีซีเรียใช่ไหม” เจ้าชายเอ็ดมันด์ที่ 7 ถามเจสเปอร์หลังจากที่ได้ยินชายหนุ่มคนนั้นบ่นถึงทหารยามเมื่อครู่

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ข้ามีศักดิ์ขุนนางประจำอาณาจักรแห่งนี้ แต่สำหรับเมืองของท่าน ดูเหมือนยศศักดิ์ที่ข้ามีดูจะไร้ซึ่งความหมาย แต่ถ้าบอกว่าเป็นกองทัพประจำอาณาจักรกรีนเวต้า ท่านก็พอน่าจะพอเข้าใจถึงสถานะของข้าไม่มากก็น้อย”

ยศศักดิ์ขุนนางที่เจสเปอร์มีไม่สามารถเรียกใช้ได้ในเมืองแซนนิกซ์แห่งนี้ เป็นเพราะว่าชาวเมืองให้ความเคารพและนับถือเฉพาะตระกูลเอ็ดมันด์และขุนนางที่ถูกแต่งตั้งจากเจ้าชายเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นสถานะกองทัพประจำอาณาจักรกรีนเวต้าของเจสเปอร์ก็ไม่อาจดูแคลนได้เพราะนั้นคือชื่อเรียกกองทัพที่เกรียงไกรผู้พิชิตเมืองแซนนิกซ์ให้ราบคาบมาแล้ว เมื่อสงครามครั้งก่อน

ด้วยสกิลหายตัวที่มีของเจ้าชาย ทั้งให้ทั้งคู่สามารถหลบเลี่ยงสายตาทหารยามจำนวนมากมาได้อย่างง่ายดาย หากเขาไม่ได้พบองค์ชายก่อนหน้านี้ เขาคงอาจจะต้องฝ่าทหารพวกนี้ทั้งหมดด้วยกำลัง เจ้าชายคอยๆเปิดประตูห้องของเสนาบดีอีกอร์ด้วยความระวังก่อนที่ทั้งคู่จะแทรกตัวเข้าไปพร้อมกับปิดมัน

ภายในห้องประดับประดาอย่างหรูหรา มีเหรียญทองจำนวนมากสุ่มกองพะเนิน เครื่องเพชรพลอยส่องแสงระยิบระยับ เขาและเจ้าชายกวาดสายตาไปทั่วทั้งห้องแต่แล้วดาบอีเทอนัลวอล์เบลดในมือของเจสเปอร์ก็ทำเสียเรื่องเข้าจนได้ มันได้กลิ่นของแร่ บางอย่างที่ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น

‘Utopian Titanium’ แร่ที่ช่วยอัพเกรดเลเวลของดาบให้สูงขึ้นอีกขั้น มันวางอยู่เหนือเพชรพลอยมากมายในห้อง ทันทีที่เจสเปอร์เห็นเขา ดาบในมือก็พุ่งออกไปด้วยความหิวโหย แม้เขาจะเหนี่ยวรั้งมากแค่ไหนก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจต้านทานต่อความแข็งแกร่งของดาบที่ตกทอดมาจากปรมาจารย์เมนอสได้เลย

‘วูมมมมม’

ดาบดูดกลืนอย่างบ้าคลั่งส่งเสียงแผดร้องออกมาจากทั่วทั้งใบดาบ ก่อนที่จะดูดกลืนแร่ Utopian Titanium ที่มีค่าเข้าไปจนอิ่มหนำ ดังราชสีห์ที่ดุร้ายเมื่อกินเหยื่อจนอิ่มท้องก็เชื่องราวกับลูกแมว มันลอยกลับไปเข้าไปอยู่ในมือของเจสเปอร์ตามเดิม เขารับรู้ถึงพลังที่เปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลจากมันในทันทีที่ได้สัมผัส ก่อนที่ประตูในห้องถัดไปจะเปิดอ้าออก

“ทหารยาม!!”

เสนาบดีอีกอร์ในชุดนอนแผดเสียงร้องราวกับคนบ้าเมื่อได้เห็นร่างของเจสเปอร์อยู่ที่ห้องของตัวเอง

“ยื้อเอาไว้ก่อน ข้าขอหาอะไรบางอย่างก่อน” เป็นเสียงของเจ้าชายเอ็ดมันด์ที่พูดให้เจสเปอร์ได้ยิน พร้อมกับ ข้อความที่เด้งเตือนอย่าบ้าคลั่งในช่องสนทนากิลด์

[เจสเปอร์!!ฉันไม่รู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น แต่นายรีบออกมาเร็ว ทหารยามและอัศวินจำนวนมากกำลังวิ่งเข้าไปในปราสาทเต็มไปหมดเลย]

ข้อความถูกส่งมาจากอามมี่และลูอิสที่เฝ้าดูอยู่ด้านนอกปราสาทตามที่เขาได้วางเอาไว้ แต่จะให้เขาหนีได้อย่างไรในเมื่อเจ้าชายที่อยู่ในสถานะล่องหนขอร้องให้เขาช่วยยื้อเวลา

‘ทั้งหมดเป็นเพราะแก ขอฉันดูหน่อยสิว่าสิ่งที่แกทำให้ฉันต้องเสี่ยงแบบนี้มันคุ้มค่าแค่ไหน’ อาจจะดูบ้าที่เขาพูดกับดาบของตัวเอง แต่ดาบเล่มนี้ก็ดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มพูดเป็นอย่างดี มีไฟเคลือบที่ใบดาบ ทั้งที่เจสเปอร์ไม่ได้ร่ายสกิล Enchant

‘ไอ้ผู้บุกรุกโสโครกแกต้องตาย ทหารฆ่ามัน’

ทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้าห้องต่างกรู่กันเข้าใส่เจสเปอร์ทันที ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงดาบที่เคลือบด้วยไฟโต้กลับไป เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง ทหารยามแต่ละคนล้วนกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว ดูเหมือนเจสเปอร์เองก็ดูจะแปลกถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาเช่นเดียวกัน

‘ตูม’

เจสเปอร์ม้วนตัวเข้าฟาดฟันมีค่าความเสียหายปรากฏขึ้นเหนือหัวทหารยามเป็นแถบๆ บางคนถึงกับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เจสเปอร์สังหารทหารยามไปมากกว่า 5 คน ในการโจมตีระลอกแรกลงไปอย่างรวดเร็ว

สีหน้าของเสนาบดีอีกอร์เปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยว ก่อนที่มันจะพ่นคำงำงัมบาองย่างที่ปากของมัน

“หนีเร็ว” เจ้าชายเอ็ดมันด์คว้าเอกสารบางอย่างติดมือก่อนที่จะสะบัดผ้าคลุมเข้าใส่เจสเปอร์ เพื่อให้หลบลำแสงสีดำบางอย่างที่ลอยตรงเข้าใส่จุดที่ชายหนุ่มยืนอยู่

‘บรึ้ม!!’ ลำแสงสีดำสาดส่องเข้าใส่ยังจุดที่เจสเปอร์ยืนอยู่เมื่อครู่จนระเบิดเป็นหลุมกว้างขนาดใหญ่ เสนาบดีอีกอร์แสยะยิ้มเมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ตัวเองทำไว้แต่รอยยิ้มนั้นก็จางหายไปในทันทีเมื่อพบว่า ผู้บุกรุกได้หายไปแล้ว

“ได้ของที่ต้องการมาแล้ว รีบหนีเร็ว” เจ้าชายที่ช่วยเหลือเจสเปอร์เมื่อครู่พยายามเร่งเร้าเขาให้รีบออกมา พลางมองเจสเปอร์ที่กำลังก้มโงนเงน หรือว่าชายผู้นี้จะถูกอาคมดำของอีกอร์เข้าไปกันแน่?

เจ้าชายที่ 7 หวังจะวิ่งกลับไปช่วยเหลือเจสเปอร์ที่มีอาการเหมือนจะล้ม เจ้าชายรีบตรงมาพยุงเจสเปอร์อย่างรวดเร็ว แต่กับพบว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้มีอาการอะไรอีกแล้ว พวกเขาทั้งสองจึงรีบวิ่งออกจากห้อง ด้วยสถานะล่องหน

“ปิดล้อมคนเข้าออกทุกทาง อย่าให้พวกมันหนีไปได้”

เสนาบดีตะโกนลั่น ก่อนที่จะออกเดินตามทหารออกไปจากห้องที่บัดนี้เต็มไปด้วยควันฝุ่นและเศษเครื่องใช้ที่แตกกระจัดกระจาย

...โปรดติดตามตอนต่อไป...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด