ตอนที่แล้วตอนที่ 3 จะสอนศิษย์ให้ได้ดีโดยไม่ใช้กำลังมันคือความเกียจคร้านของอาจารย์!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 ร่างสุดยอด

ตอนที่ 4 ความในใจที่ซ่อนอยู่


ตอนที่ 4 ความในใจที่ซ่อนอยู่

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

สายตาของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์นับพันกำลังจ้องมองไปที่ลู่โจวอย่างไม่คาดสายตา เหล่ายอดฝีมือทั้งหมดพยายามที่จะจับพลังงานที่กำลังไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขาเพื่อที่จะค้นหาพลังที่แท้จริงของคนๆ นี้ แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ผิดหวัง ไม่มีใครเจออะไรทั้งนั้น ตอนนี้ลู่โจวเป็นเหมือนกับคนธรรมดาไม่มีผิด

ลู่ฉางเฟิงได้รวบรวมพลังสำหรับการใช้เคล็ดวิชาดาบประกายแสงสวรรค์ ในไม่ช้าลำแสงทั้งหมดที่เปล่งประกายออกมาจากดาบก็ได้มาบรรจบกัน

"ท่านอาจารย์..." หยวนเอ๋อดูกังวล ในขณะเดียวกันนั้นเองเหล่าสาวกวายร้ายอีก 3 คนไม่ได้รู้สึกกังวลเหมือนกับเธอ พวกเขาทั้งหมดต่างก็จ้องมองดูเหตุการณ์อย่างใจจดใจจ่อ

"ไม่ต้องห่วง! ท่านอาจารย์ของพวกเราน่ะไม่ถูกจัดการง่ายๆ หรอก" หมิงซี่หยินศิษย์คนที่สี่ได้พูดขึ้น

บางทีอาจารย์ของพวกเราอาจจะซ่อนไม้ตายไว้จริงๆ ก็ได้ คนพวกนี้แหละที่จะเป็นเครื่องมือในการทดสอบฝีมือที่แท้จริงของท่านอาจารย์

หยวนเอ๋อรู้ดีว่าศิษย์พี่ทั้งหมดของเธอนั้นมีเจตนาที่แท้จริงเป็นยังไง เธอสัมผัสความรู้สึกของพวกเขาได้อย่างชัดเจนโดยที่ไม่มีอะไรมาปิดบังเลยแม้แต่น้อย

แต่...

อาจารย์ของเธอในตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักดาบสวรรค์ เขาคนนี้แม้แต่สุดยอดฝีมือของดินแดนภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์โฉมใหม่เองยังไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับเขา เห็นได้ชัดว่านี่จะต้องเป็นแผนการของลู่ฉางเฟิงไม่ผิดแน่

ในขณะเดียวกันนั้นเองลู่โจวที่กำลังจะต้องเผชิญหน้ากับชายคนนั้น แม้ภายนอกของเขาจะยังดูสงบเยือกเย็นแต่ภายในของเขานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกประหม่า ตัวเขาในตอนนี้ทำได้แต่เพียงจ้องมองของทั้งหมดในเมนู – การ์ดระเบิดจุดสุดยอดและการ์ดประกันชีวิตดึงดูดความสนใจของตัวเขาไปทั้งหมด – ตอนนี้ลู่โจวไม่สามารถรับรู้อะไรใกล้ตัวได้อีกต่อไป

เมื่อถึงคราวจำเป็นจริงๆ ลู่โจวรู้ดีว่าเขาจะต้องใช้การ์ดระเบิดจุดสุดยอดออกมาอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นลูกศิษย์ทั้ง 4 ของเขากำลังสงสัยในตัวของเขาอยู่

"ติ้ง! ตรวจพบภารกิจรอง ซ่อนเร้นเจตจำนงให้ได้"

สีหน้าของลู่โจวเปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่เห็นภารกิจใหม่ ตอนนี้ตัวเขากำลังเผชิญหน้ากับทั้งศัตรูที่อยู่ด้านหน้าและศัตรูที่อยู่ด้านหลังอย่างลูกศิษย์ของตัวเขาเอง!

ในตอนนั้นเองลู่ฉางเฟิงได้รวบรวมพลังจนเสร็จแล้ว เขากำลังใช้วิชาดาบประกายแสงสวรรค์ออกมา

"ตายซะ!"

ชิ้ง! ชิ้ง ! ชิ้ง!

คลื่นพายุคมดาบได้พุ่งตรงไปยังลู่โจว ลมแรงจากคลื่นดาบนับร้อยนับพันนั้นทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดที่อยู่ใกล้รู้สึกได้ถึงพลัง พวกเขาทำได้เพียงหรี่ตาลงเพื่อหลบสายลมอันแหลมคนเท่านั้น

"ท่านอาจารย์!" ศิษย์น้องหยวนเอ๋อรู้สึกตกใจ

ด้วนมูเฉิง, หมิงซี่หยิน และจ้าวยู่ ทั้งหมดต่างก็จับตามองการต่อสู้ในครั้งนี้ สีหน้าของลูกศิษย์ทั้ง 3 รู้สึกกังวลขึ้นมา แม้ว่าท่านอาจารย์ของเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มันก็คงเป็นการยากอยู่ดีที่จะรับการโจมตีที่อยู่ตรงหน้านั้นได้ ทำไมเขาถึงยังจะรับการโจมตีนั้นอยู่ล่ะ?

"ตาแก่ แกน่ะจะมาตายที่นี่ไม่ได้นะ!" ด้วนมูเฉิงส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่พอใจ เขาซบตากับหมิงชี่หยินและจ้าวยู่เข้า พวกเขาทั้งสามต่างก็ขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล ถ้าหากอาจารย์ของพวกเขาตาย แน่นอนว่าเคล็ดวิชาทั้งหมดรวมไปถึงอาวุธที่พวกเขาควรจะได้จะต้องหายไปแน่นอน

ชิ้ง!

ด้วนมูเฉิงและจ้าวยู่ได้พุ่งออกไปด้านหน้า พวกเขาทั้งสองคนได้ต้านพลังคลื่นคมดาบนับร้อยเอาไว้ ศิษย์คนที่สามและศิษย์คนที่ห้าได้ผลักคลื่นพลังนั้นออกไป ศิษย์คนหนึ่งพุ่งไปที่อาจารย์ของเขาส่วนอีกคนหนึ่งนั้นพุ่งตรงไปที่ดาบของลู่ฉางเฟิง

"โอ้?" ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อย “พวกแกคงจะกลัวว่าข้าคนนี้จะต้องตายก่อนที่จะได้สมบัติไปอย่างงั้นสินะ?”

"ท่านอาจารย์รีบถอยเร็ว!"

คลื่นคมดาบวายุได้ถูกด้วนมูเฉิงปัดออกไปอย่างง่ายดาย ในตอนที่พวกเขากำลังต้านพลังอยู่นี่เอง ดาบทั้งหลายที่ถูกรวบรวมเอาไว้ก็เริ่มที่จะหลุดออกไปทีละเล่ม คลื่นวายุทั้งหมดถูกปัดไปชนกับม่านพลังป้องกันของภูเขาทอง ถึงแม้ว่าพลังทั้งหมดจะถูกปัดออกจากตัวลู่โจวไปได้ แต่ตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ดี ตัวเขารีบอาศัยจังหวะนั้นหันหลังกลับเข้าไปในม่านพลังแห่งการป้องกันด้วยความตกใจกลัวแทน

จ้าวยู่พยายามที่จะป้องกันพลังเพื่อที่จะช่วยอาจารย์เอาไว้ และเมื่อเธอถอยกลับมาด้านหลังของม่านพลังป้องกันได้ พลังทั้งหมดก็เข้าปะทะเข้ากับพลังม่านป้องกันแทน

ตู้ม!

ตู้ม!

คลื่นพลังทั้งสองชนิดที่มองไม่เห็นเข้าปะทะกัน ทันใดนั้นก็เกิดระเบิดขึ้นกลางอากาศราวกับว่าเป็นดอกไม้ไฟ

แคร๊ก! แคร๊ก!

ในพริบตานั้นเองม่านพลังป้องกันของภูเขาทองลูกนี้ก็ได้แตกกระจายทั้งหมด ตอนนี้ม่านพลังป้องกันของภูเขาลูกนี้ไม่อาจที่จะคงอยู่ได้อีกต่อไป

และหลังจากนั้นเองบรรยากาศแห่งความสงบก็เข้าปกคลุมเชิงเขาลูกนี้อีกครั้ง ลู่โจวเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะมองม่านพลังป้องกัน ตัวเขาได้แต่ถอนหายใจออกมาเพียงเท่านั้น

ดูเหมือนว่าการ์ดประกันชีวิตที่ตัวเขามีนั้นยังไม่ถูกใช้งานไป ตอนนี้เขายังเหลือการ์ดทั้งหมดอยู่ 5 ใบเช่นเดิม ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือตอนนี้ตัวเขายังไม่ถูกโจมตีนั่นเอง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเหล่าสาวกวายร้ายของเขาก็ได้ทำลายแผนการทั้งหมดไปอย่างราบคาบ!

"นั่นมันฝีมือของลูกศิษย์เจ้าแก่นั้นอย่างงั้นสินะ เจ้าแก่นั้นได้แค่วิ่งอย่างเดียวแหละนะ!"

"ข้าเองก็เห็นแบบนั้นเหมือนกัน นี่มันน่าละอายจริง!"

"ข้าไม่คิดเลยนะว่าปรมาจารย์จอมวายร้ายคนนั้นจะน่าสมเพชได้ถึงขนาดนี้"

และเพราะเรื่องทั้งหมดนี้เองทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์กว่าหลายหมื่นคนรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น

ลู่ฉางเฟิงได้บินไปบนฟ้าก่อนที่จะพูดขึ้น "นี่สินะเคล็ดลับของแก? ดูเหมือนว่านี่จะเป็นบุญตาของสายตาคู่นี้แล้ว"

การโจมตีของเขานั้นได้พลาดเป้าไป แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ได้รู้สึกใส่ใจอะไรกับการโจมตีในครั้งนั้น ตอนนี้คนส่วนใหญ่ทั้งหมดต่างก็รู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น กลุ่มมหาวายร้ายพวกนี้คงจะมีเพียงชื่อเสียงความน่ากลัวเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่

"ลู่ฉางเฟิง เจ้ามันคนไร้ยางอาย! เจ้าคิดจะให้ท่านอาจารย์ของพวกเรายืนรับการโจมตีอยู่นิ่งๆ อย่างงั้นหรอ แถมเจ้ายังโจมตีมาอย่างสุดพลังอีกด้วย น่าสมเพชจริงๆ เจ้าน่ะคิดว่าพวกเราโง่กันมากอย่างงั้นหรอ?" จ้าวยู่ได้พูดประชดประชันออกมาพร้อมรอยยิ้ม

"จ้าวยู่ เจ้าน่ะเข้ามายุ่งผิดเรื่องแล้ว ข้าก็แค่จะขอปะมือกับท่านอาจารย์ก็เท่านั้นเอง ฮาฮ่า ดูเหมือนว่าปรมาจารย์จอมวายร้ายนั่นจะมีแต่ชื่อซะแล้ว แม้แต่ลูกศิษย์ของตัวเขาเองก็ยังไม่เคารพแบบนี้ ช่างน่าสมเพชจริงๆ" ลู่ฉางเฟิงพูดขึ้น

"ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนั้นจะตกอับได้ถึงขนาดจะต้องให้เหล่าลูกศิษย์มาช่วยเหลือแบบนี้ นี่จะต้องเป็นข่าวใหม่ของโลกใบนี้อย่างแน่นอน!"

ลู่โจวไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของพวกชาวยุทธ์เลย การพูดคุยกับคนพวกนั้นก็เหมือนกับการสนทนาที่ไร้ค่าและเปล่าประโยขน์สำหรับเขา การล้อเลียนนั้นใช้ไม่ได้ผลกับลู่โจวคนนี้ ตัวเขาหันมองไปที่การ์ดระเบิดจุดสุดยอดอีกครั้ง ถ้าหากลู่โจวใช้การ์ดพลัง ตัวเขาจะมีความสามารถในการต่อสู้ได้เพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ถ้าหากตัวเขาจะใช้การ์ดใบนี้ตัวเขาจะต้องจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุดนั่นเอง

เมื่อหมิงซี่หยินได้ฟังคำลบหลู่ผู้เป็นอาจารย์ ตัวเขาในฐานะลูกศิษย์กำหมัดแน่นก่อนจะพูดออกไป "ท่านอาจารย์ อย่าไปเสียเวลาคุยกับพวกสวะนั่นเลย พลังของท่านอาจารย์น่ะเป็นเลิศอยู่แล้ว ตราบใดที่พวกเราสามารถจัดการกับเหล่ายอดฝีมือทั้งสิบได้ พวกที่เหลือก็เป็นเพียงแค่พวกกระจอกเพียงเท่านั้น ท่านอาจารย์จัดการกับเหล่ายอดฝีมือเลย ส่วนพวกผมจะรับมือกับพวกลูกสมุนทั้งหมดเอง ท่านอาจารย์คิดว่ายังไงกัน?"

ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินคำพูดของผู้เป็นลูกศิษย์ ตัวเขาได้ใช้น้ำเสียงจริงจังพูดออกมา "พวกแกกล้าสงสัยในการตัดสินใจของข้าอย่างงั้นหรอ?"

"ไม่พวกเราไม่บังอาจคิดแบบนั้น!"

ลู่โจวเข้าใจความหมายของภารกิจในก่อนหน้านี้แล้ว ภารกิจขับไล่ผู้รุกรานนั้นหมายความว่าอะไรกัน ถ้าหากตัวเขาไม่ทำให้พวกลูกศิษย์พวกนี้สงบลงได้ เขาก็คงจะต้องเจอกับปัญหาภายหลังอย่างแน่นอน

เวลาที่ใช้การ์ดระเบิดจุดสุดยอดเองก็ยังคงมีอยู่อย่างจำกัด ถ้าหากตัวเขาใช้การ์ดทั้งหมดไป นั่นจะต้องทำให้เขาตกอยู่ในสภาวะวิกฤตอีกครั้งอย่างแน่นอน

"ด้วนมูเฉิง!"

"ครับท่านอาจารย์!?"

"เจ้ากล้าดียังไงกัน!" ลู่โจวได้เน้นเสียงของเขาดังมากขึ้น

"อะไรหรอครับ?"

"เจ้ากล้าดียังไงเข้ามาจุ้นจ้านเรื่องของข้าน่ะ หะ?"

ท่าทีการแสดงออกของด้วนมูเฉิงเปลี่ยนไปในทันที เขารีบคุกเข่าลงก่อนที่จะพูดกับลู่โจว “ศิษย์รู้แล้วว่ามันผิด แต่ศิษย์รู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านอาจารย์เท่านั้น เจ้าลู่ฉางเฟิงมันพยายามใช้กลอุบายหลอกล่อท่านอาจารย์ให้ติดกับ! ท่านอาจารย์อย่าไปหลงกลมันนะครับ!”

ในความจริงแล้วมีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ตอนนี้เพียงแค่มีใครสักคนลงมือ กระดาษบางๆ แผ่นนี้ก็จะถูกฉีกออกอย่างง่ายดาย ในเดือนก่อน จีเทียนเด๋ากำลังดิ้นรนและวางท่าอยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนเหล่าสาวกของเขาก็ไม่ใช่พวกโง่เลยแม้แต่น้อย รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่หลุดออกมาทำให้พวกเหล่าสาวกสงสัยผู้เป็นอาจารย์คนนี้มาเนิ่นนานแล้ว

ลู่โจวเป็นนักเดินทางข้ามมิติ ตัวเขานั้นไม่ใช่จีเทียนเด๋าเหมือนกับทุกคนที่รู้จักกัน ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะพยายามจินตนาการและเลียนแบบมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเข้าใจแก่นแท้คำพูดของจีเทียนเด๋าจริงๆ ได้ ตอนนี้เหล่าสาวกลูกศิษย์ทั้งหลายต่างรู้แล้วว่าอาจารย์ของพวกเขานั้นกำลังเสแสร้งแกล้งทำอยู่ พวกเขาที่รู้อยู่แล้วว่าผู้เป็นอาจารย์คนนี้เสแสร้งอะไรเอาไว้จึงไม่จำเป็นจะต้องเคารพตัวเขาอีกต่อไป

ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินไม่ได้แสร้งทำเป็นกลัวอาจารย์เหมือนกับด้วนมู่เฉิงอีกต่อไป ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้ที่ทรยศ เขาคนนั้นจึงรีบพูดออกมา "การจะเลียนแบบท่านอาจารย์คงจะเป็นเรื่องยากมากอย่างงั้นสินะ ท่านอาจารย์! แต่ข้าน่ะคิดว่ามันจบแล้วล่ะ"

"โอ้?"

"พี่สามเองก็ลุกขึ้นมาเถอะ..." ตอนนี้ความคิดของหมิงซี่หยินได้เปลี่ยนไปแล้ว ในตอนนั้นเองใบหน้าของด้วนมูเฉิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ตัวเขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ

ศิษย์คนที่ห้าอย่างจ้าวยู่เองก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดต่อไป "ยอมแพ้ซะเถอะท่านอาจารย์! ตราบใดที่ท่านยอมมอบเคล็ดวิชาทั้งหมดรวมไปถึงอาวุธที่มี พวกเราก็จะพาท่านหนีรอดออกไปเอง แน่นอนว่าท่านอาจารย์ก็ยังคงเป็นอาจารย์ของพวกเราต่อไป"

ดวงตาของหยวนเอ๋อเบิกกว้างขึ้น ตอนนั้นเองเธอพูดออกมาว่า "ศิษย์พี่ชาย ศิษย์พี่หญิง พวกศิษย์พี่กำลังทำอะไรกัน..."

ด้านนอกม่านพลังป้องกันเอง ลู่ฉางเฟิงรวมไปถึงคนอื่นๆ ต่างก็กำลังหัวเราะเยาะ ตอนนี้ภาพที่พวกเขาเห็นคือการที่ลูกศิษย์และอาจารย์กำลังจะสู้กันเอง

"ถึงแม้ว่าพวกเจ้าอาจจะหนีรอดจากโทษทัณฑ์สวรรค์ไปได้ แต่เจ้าน่ะหนีปีศาจที่สร้างขึ้นมาไม่ได้หรอกนะ!"

"นี่มันเวรกรรมไงล่ะ! เจ้าที่ได้สร้างมหาวายร้ายมาทั้งหมดจะต้องจบชีวิตด้วยน้ำมือของพวกมันเอง"

"ลูกศิษย์มหาวายร้ายทั้งห้าของเจ้าเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดี จุดจบของปรมาจารย์จอมวายร้ายอย่างเจ้าน่ะจบไม่สวยอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเราชาวออโธดอกซ์จะไม่ต้องลงมือสู้เองก็ตาม แต่นี่มันสมควรแล้ว!"

เหล่ายอดฝีมือทั้งสิบกำลังจ้องมองใบหน้าของกันและกันก่อนที่จะหัวเราะขึ้น

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด