ตอนที่แล้วตอนที่ 17 : ขาวกับดำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 19: แม่ของทั้งสาม

ตอนที่ 18: จอมวางแผนผู้ถูกรู้ทันแผนของตัวเอง  


สามวันหลังจากเหตุการณ์นั้น

อาร์โนลด์เป็นคนสุดท้ายในบรรดาลูกๆของจักรพรรดิที่มาถึงเคียร์

แม้ว่าคนอื่นจะมาเข้าร่วมการต่อสู้ไม่ทัน, แต่พวกเขาก็ยังรีบกลับมาพร้อมกับพวกอัศวิน, ดังนั้นแทบจะทุกคนจึงกลับมาถึงเคียร์ประมาณช่วงเย็นของวันนั้น

“ดูเหมือนว่าท่านจะกลายเป็นตัวตลกอีกแล้วนะครับ”

“ช่างมันเถอะหน่า ปล่อยไปเถอะ”

ในขณะที่เขาพูดคุยกับเซบาส, เขาก็ลงจากรถม้าที่มาจอดหน้าคฤหาสน์

ที่นี่, เขาเจอคนกลุ่มนึงมารอต้อนรับเขาอยู่

“ท่านพี่......!”

“ไง, คริสต้า เป็นยังไงบ้าง?”

“มันน่ากลัวมากเลยค่ะ......”

ในขณะที่อุ้มตุ๊กตาเหมือนปกติ, เธอก็เดินเตาะแตะเข้ามากอดเขา

หลังจากลูบศรีษะของเธออยู่หลายครั้ง, เขาก็จับมือเธอเดินเข้าไปข้างใน

ที่นี่มีคนที่มารอต้อนรับเขาอยู่อีกคือฟีเน่, ลีโอแล้วก็

“ยินดีต้อนรับกลับนะ อัล”

“ยินดีต้อนรับกลับครับเจ้าชายอาร์โนลด์”

“อา, กลับมาแล้ว”

เอลน่ากับอัศวินของเธอกำลังตั้งแถวต้อนรับเขา

เท่าที่เขาเห็น, ดูเหมือนจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลย ด้วยความรู้สึกโล่งอกในเรื่องนี้, เขาก็เดินไปหาลีโอ

“พวกเอลน่าหน่ะมันแน่นอนอยู่แล้ว, ว่าแต่นายไปทันใช่ไหม?”

“ครับ, ซิลเวอร์ช่วยข้าเอาไว้”

“สมกับที่เป็นนักผจญภัยแรงค์ SS จริงๆ เขาเป็นคนที่มีความสามารถใช้ได้เลยว่าไหม”

“อัล, คนแบบนั้นมันมีดีตรงไหนกัน?”

เอลน่าพูดด้วยสีหน้าขุ่นเคือง

เขาตอบกลับเธอด้วยการยักไหล่

“เขาก็ช่วยจักรพรรดิเอาไว้ได้ไม่ใช่หรอ?”

“ก็แค่ทำตามอารมณ์เท่านั้นแหล่ะ แบบเจ้านั่นหน่ะข้าดูออก”

“ถึงจะทำตามอารมณ์ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ถึงยังไงเขาก็ช่วยองค์จักรพรรดิเอาไว้ได้ ใช่ไหม, คริสต้า?”

“อื้ม”

“เห็นไหมหล่ะ”

“หนอย, ดึงองค์หญิงคริสต้าไปเป็นพวกแบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย!”

ด้วยการพูดคุยกันลักษณะนี้, พวกเขาก็เข้าไปในคฤหาสน์

ในระหว่างทาง, เขาได้สบตากับฟีเน่แล้วเธอก็คืนเขากลับมาด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน เธอกำลังบอกว่าให้เลื่อนการพูดคุยของเราไปก่อนสินะ? เขาตีความหมายจากรอยยิ้มของเธอได้ง่ายๆ, แล้วก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์ต่อพร้อมกับคริสต้าที่ไม่ยอมปล่อยมือเขา

มันเป็นเพราะท่านพ่อบอกเขาว่าจะเริ่มการประชุมในทันทีที่เขามาถึง

อย่างไรก็ตาม

“เจ้ามาสายนะอาร์โนลด์ มัวทำอะไรอยู่หล่ะ?”

“นั่นมันท่านพี่เอริคนี่ ข้ากำลังรอคนคุ้มกันอยู่เพราะข้าไม่มีอัศวินอยู่ช่วยคุ้มกันข้ากลับหน่ะ ข้าขอโทษด้วยที่มาสาย”

“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก ถึงยังไงเจ้าก็ไม่ได้รู้สึกผิดตั้งแต่แรกแล้วนี่, ใช่ไหมหล่ะ?”

ชายผมสีน้ำเงินสวมแว่น

เจ้าชายลำดับสองเอริคยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขา

แม้ว่าจะสวมแว่นอยู่ดวงตาของเขาก็ยังคมกริบ มันเหมือนกับว่าเขามักจะตัดสินคุณค่าของทุกสิ่งที่อยู่ต่ำกว่าเขาเสมอ

บางทีเธอน่าจะกลัวสายตาคู่นี้, คริสต้าจึงเข้าไปหลบข้างหลังเขา

“ข้ารู้สึกผิด ไม่มากก็น้อยแหล่ะ”

“บางทีเจ้าก็ทำตัวไม่ชัดเจนนะ เจ้าไม่ได้รู้สึกผิดกับพวกเรา, ใช่ไหมหล่ะ? เจ้าชอบเป็นแบบนั้นตลอด”

“เอาเถอะ, ถ้าท่านพี่มองแบบนั้น, ข้าก็คงต้องบอกว่าใช่หล่ะนะ ถึงยังไงข้าก็ไม่ได้รบกวนใครอยู่แล้วนี่”

พวกที่เขารู้สึกผิดนั้นมีแค่คนที่ใกล้ชิดกับเขาเท่านั้น

เขาไม่ได้มีอารมร์รู้สึกผิดกับเอริค, พี่ๆของเขาหรือแม้กระทั่งพ่อของเขาเลยซักนิด

พอได้ยินคำตอบแบบนี้, เอริคก็ยิ้มออกมา

“เจ้าเองก็น่าสนใจอยู่นะอาร์โนลด์ การให้เอลน่าล่วงหน้ามาก่อนนั้นถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดี ต่อจากนี้ไปก็ขอให้ตัดสินใจให้ถูกต้องแบบนี้หล่ะ ถ้าเจ้าทำตัวให้ดูมีคุณค่ากับข้า, เหมือนลีโอนาร์ด, ข้าก็จะไม่ทำอะไรแย่ๆกับเจ้าหรอก”

“ท่านพี่พูดเหมือนกับว่าได้เป็นจักรพรรดิแล้วเลยนะ”

“ข้าคือจักรพรรดิองค์ต่อไป แน่นอนว่า, ไม่ว่าเจ้า, กอร์ดอนหรือซานดร้าจะพยายามหนักแค่ไหน, ก็ไม่มีทางเปลี่ยนความจริงนี้ได้หรอก จำเอาไว้ให้ดีหล่ะ”

พอพูดจบเอริคก็กวาดตามองพวกเขาทุกคนแล้วมาหยุดที่ลีโอ

ลีโอเองก็ไม่ได้หลบตาหนีแล้วเผชิญหน้ากับมันตรงๆ

ใช่แล้ว, เขาไม่ได้กลัวเลยต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นเอริคก็ตาม

“อย่าทำตัวเหลิงจนเกินไปหล่ะ”

“ข้าจะจำใส่ใจเอาไว้ครับ ท่านพี่เอริค”

พวกเขายืนนิ่งในขณะที่เอริคหันกลับไปแล้วเดินลึกเข้าไปในคฤหาสน์

ตอนนี้มันคือการประกาศสงครามแล้ว

ครั้งนี้, มันพูดได้เลยว่าพวกเขาทั้งคู่ได้เพิ่มเครดิตให้ตัวเองด้วยการที่เขาส่งเอลน่าล่วงหน้ามาก่อนและลีโอก็นำทัพอัศวินเข้ามาช่วยต่อสู้

พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากซิลเวอร์ก็จริงแต่การกระทำต่างๆนั้นก็ยังคงเพิ่มเครดิตของพวกเขาอยู่ดี

สิ่งที่เอริคจะสื่อก็คือว่าถ้าพวกเขาทำอะไรเกินหน้าเกินตาแบบนี้อีกเขาจะขยี้พวกเขาทิ้ง

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมองข้ามผู้ที่มีสิทธิได้เป็นจักรพรรดิมากที่สุดไม่ได้อีกแล้วสินะ แต่ถึงอย่างนั้น, มันก็ยังเป็นแค่คำเตือน เขายังลงมือกับพวกเขาไม่ได้ง่ายๆ

แต่ถ้าเกิดพวกเขาทำเกินหน้าเกินตาอีกเขาก็คงจะร่วมมือกับกอร์ดอนและซานดร้าเพื่อขยี้พวกเขาแน่ๆ ซึ่งถ้าเป็นเขาเองก็คงจะทำแบบนั้นเหมือนกัน

“ท่านพี่คะ.......”

“มีอะไรรึเปล่า? เจ้ากลัวหรอ?”

“ไม่เป็นไรนะ เขาไม่ทำอะไรเจ้าหรอก, คริสต้า แล้วก็แน่นอนว่า, พวกเราเองก็จะไม่เป็นอะไรเหมือนกัน”

พอเห็นคริสต้าพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม, พวกเขาก็เดินเข้าไปข้างในต่อ

“เอ้อ, ลีโอ ถ้าท่านพ่อถาม, ให้ตอบแบบนี้นะ”

ในระหว่างทาง, เขาได้กระซิบกับลีโอ

ลีโอเบิกตากว้างแต่เขาก็พูดต่อไปเพื่อทำให้มั่นใจว่าลีโอจะได้ยินอย่างครบถ้วน

“เข้าใจแล้วนะ?”

“จะไม่เป็นไรจริงๆหรอครับ?”

“อา, มีแค่นายเท่านั้นที่จะพูดแบบนั้นได้, แล้วมันก็เป็นการช่วยเจ้านั่นด้วย”

...

จักรพรรดิยังคงอยู่ที่เคียร์หลังจากจบเหตุการณ์นั้นและรับหน้าที่สั่งการในเรื่องการซ่อมแซมเมือง แต่ถึงอย่างนั้น, มันก็แค่ทำเป็นพิธี ความเสียหายจากสึนามิไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้น

ส่วนเรื่องที่พ่อของพวกเขาทำจริงๆก็คือการสืบสวนดูว่ามีคนอื่นเกี่ยวข้องกับการเกิดเรื่องวุ่นวายนี้อีกไหม

และบางทีอาจเป็นเพราะการสืบสวนเป็นไปได้อย่างราบลื่น, จักรพรรดิจึงรอให้เขามาถึงและเรียกรวมพวกลูกๆพร้อมกับอัศวินหลวงเพื่อจัดประชุม

“ทุกคน, ขอบใจนะ”

ในขณะที่พูดนั้น, สีหน้าของจักรพรรดิดูเหนื่อยๆอย่างเห็นได้ชัด

เอาเถอะ, มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะเขาออกไปลุยในสนามรบด้วยตัวเอง, แถมเขาก็ไม่ได้หนุ่มๆแล้วและหลังจากที่จบเรื่องก็ยังต้องมาทำงานต่อโดยที่ไม่ได้พักอีก ยิ่งไปกว่านั้น, เขาต้องรู้แล้วแน่ๆว่าลูกชายโง่เง่าของเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย

“ครั้งนี้ข้าได้เรียกรวมแค่คนที่จำเป็นต้องรู้เรื่องเท่านั้น สิ่งที่ข้ากำลังจะพูดต่อไปนี้ถือเป็นความลับ เมื่อคืน, คาร์ลอสที่ได้รับบาดเจ็บหนัก, ฟื้นขึ้นมาแล้ว หลังจากที่ตรวจสอบหลักฐานที่รวบรวมมาในช่วงไม่กี่วันนี้, ข้าก็ยืนยันได้ว่าคาร์ลอสมีส่วนเกี่ยวข้องกับแวมไพร์สองตัวนั่น คาร์ลอสล่ามอนส์เตอร์ที่ถูกขลุ่ยที่ไอ้สองตัวนั้นครอบครองอยู่ล่อออกมาและมาถึงที่นี่เป็นคนแรก ยิ่งไปกว่านั้น, เขายังร่วมมือกับพวกแวมไพร์ในการโจมตีเคียร์ด้วยเงื่อนไขที่ว่าพวกนั้นจะถอยในตอนที่เขากลับมาและเพื่อเป็นการตอบแทน, เขาจะยกเลิกค่าหัวของพวกมันให้ ช่างเป็นการกระทำที่สิ้นคิดจริงๆ!”

“หรือจะให้พูดก็คือ....คาร์ลอสวางแผนล่อพวกมอนส์เตอร์ออกมาตั้งแต่แรกแล้วสินะครับ?”

“ใช่ ถึงแม้ว่าเขาจะถูกพวกแวมไพร์หลอกใช้แต่เขาก็ทำมันเพื่อประโยชน์ของตัวเอง, และทำให้ข้ารวมทั้งจักรวรรดิต้องตกอยู่ในความเสี่ยง ข้าไม่สามารถยกโทษให้กับเรื่องนี้ได้จริงๆ!”

ดวงตาของจักรพรรดิแดงก่ำ อาร์โนลด์คิดว่าเขาพยามอดกลั้นความโกรธของตัวเองอยู่

อย่างไรก็ตาม, เอริคได้คุกเข่าลงต่อหน้าจักรพรรดิ

“ฝ่าบาท ได้โปรดช่วยลดโทษให้เขาเถอะครับ ถึงจะโง่ยังไง, เขาก็ยังคงเป็นน้องชายของข้า”

นี่มันการโกหกหน้าตายชัดๆ

กอร์ดอนกับซานดร้าเองก็ทำตามเขา

แน่นอนว่า, พวกเขาไม่ได้กำลังอ้อนวอนให้คาร์ลอสเพราะความห่วงใย แล้วก็ใช่, มันไม่ได้สำคัญว่าจะมีใครสังเกตเห็นตรงจุดนี้รึเปล่า

ที่ทำแบบนี้ก็เพราะทุกคนรู้ว่านี่คือสิ่งที่จักรพรรดิต้องการ

ถ้าเขาอยากประหารคาร์ลอสจริงๆเขาก็คงจะทำไปแล้ว มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกประชุมแล้วแสดงความโกรธออกมาแบบนี้ มันเป็นเพราะจักรพรรดิไม่สามารถยกโทษให้เขาได้ด้วยตัวเอง

เขาจำเป็นต้องให้เอริคกับคนอื่นๆทำให้เขายกโทษให้คาร์ลอส ไม่อย่างนั้น, เขาก็จะไม่สามารถรักษาเกียรติภูมิของเขาในฐานะจักรพรรดิได้

เอาเถอะ, ถึงยังไงมันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฆ่าเขาอยู่แล้ว

หลังจากที่เขารับการโจมตีของแซม, คาร์ลอสก็เสียมือขวาและการควบคุมร่างกายช่วงล่างไป เขาจะต้องนอนติดเตียงไปตลอดชีวิต พอเห็นลูกชายเป็นแบบนี้, ในฐานะคนเป็นพ่อเขาคงไม่สามารถฆ่าลูกชายของตัวเองได้

อย่างไรก็ตาม, จะให้เป็นแบบนี้ต่อไปมันก็ไม่ดีเหมือนกัน

ถ้าทุกคนขอให้ไว้ชีวิตคาร์ลอสมันก็จะดูเหมือนว่าจักรพรรดิยอมใจอ่อนเพราะถูกอ้อนวอน ซึ่งมันคงจะเป็นผลร้ายต่อชื่อเสียงของเขา

“ลีโอนาร์ด จะพูดว่าเจ้าเป็นคนที่มีส่วนช่วยเหลือมากที่สุดก็ว่าได้ เจ้าคิดว่ายังไงกับเรื่องนี้?”

“ถ้างั้นข้าขออนุญาตพูดนะครับ ฝ่าบาทไม่ควรยกโทษให้เขาครับ เขาควรจะถูกตัดหัว”

ในตอนนั้นเอง, สีหน้าของทุกคนก็แข็งทื่อ

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมันเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของคนที่ไม่น่าจะพูดแบบนี้มากที่สุด

ดูเหมือนจักรพรรดิเองก็ค่อนข้างประหลาดใจเหมือนกัน

“....ทำไมเจ้าถึงพูดอย่างนั้นหล่ะ? เขาเป็นน้องชายของเจ้าไม่ใช่หรอ?”

“ก่อนความเป็นพี่น้อง, เขาคือกบฎของจักรวรรดิ ถ้าฝ่าบาทยกโทษให้เขาที่นี่มันก็จะกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีได้ แล้วข้าจะอธิบายกับอัศวินที่ยอมเสียเลือดเนื้อเพื่อปกป้องพวกเราได้ยังไงครับ?”

“เรื่องนี้ไม่ได้นำไปบอกกับประชาชนหรือัศวิน มันแค่กับพวกเราที่นี่ เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก”

“ถึงอย่างนั้น, ก็ยังยอมรับไม่ได้อยู่ดีครับ ฝ่าบาทควรจะซื่อตรงและแสดงให้พวกเขาได้เห็นด้วยการตัดหัวกบฎเพื่อแสดงให้พวกเขาดูว่าฝ่าบาทเป็นคนยุติธรรม แม้จะเป็นลูกของตัวเอง, ท่านก็จะตัดสินโทษสำหรับบาปของเขา แบบนี้จะทำให้ประชาชนวางใจได้ครับ”

ลีโอพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

ตอนนี้ความคิดเห็นถูกแบ่งแล้ว ไม่ว่าเขาจะเลือกแบบไหน, เขาก็จะมีความชอบธรรม

พูดอีกนัยนึงก็คือ, ตอนนี้จักรพรรดิสามารถใช้มันเป็นข้ออ้างได้แล้ว

ถ้าเขาช่วยคาร์ลอส, มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะดูถูกลีโอ และนี่ก็จะเป็นสาเหตุที่ต่อให้ลีโอเสมอกับกอร์ดอน, กระแสก็ได้ปรับเพื่อทำให้ลีโอได้เป็นทูตที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จแล้ว

ทุกอย่างพัฒนาไปตามความต้องการของจักรพรรดิ

จักรพรรดิที่รู้สึกพึงพอใจเหลือบมองอาร์โนลด์ พอเห็นสีหน้าไม่สนโลกของเขาแล้ว, เขาก็ทำหน้ามุ่ย

“เจ้ามีอะไรจะแนะนำไหม?”

“หมายความว่ายังไงครับ?”

“เห้ออ....เอาเถอะ ข้าจะเคารพความเห็นของเอริคกับคนอื่นๆแล้วไว้ชีวิตคาร์ลอส แต่ว่านะ, ลีโอนาร์ด ข้าเองก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความสำเร็จของเจ้าได้เหมือนกัน”

พอพูดจบ, จักรพรรดิก็เรียกให้ลีโอไปยืนข้างหน้าเขา

ลีโอเดินไปตรงนั้นแล้วคุกเข่าลงอย่างสง่างาม

จากนั้นจักรพรรดิก็ชักดาบออกมาแล้วยื่นให้ลีโอ

ลีโอรับมัน

“พอดีข้าไม่ได้สั่งให้เตรียมพิธีเอาไว้ก่อนเพราะฉะนั้นทนไปทั้งแบบนี้แล้วกันนะ ลีโอนาร์ด, ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ชนะของเทศกาลนี้ คาร์ลอสหมดคุณสมบัติไปแล้ว, อาร์โนลด์ที่เป็นที่สองเองก็หมดคุณสมบัติเหมือนกัน ส่วนเจ้าก็ได้ที่สามเสมอกับกอร์ดอน แต่ว่า, ลีโอนาร์ดเจ้าได้พาอัศวินมากอบกู้เคียร์ ตอนนี้เจ้าได้รับความนิยิมทางฝั่งตะวันออก ลีโอนาร์ดต้องเป็นผู้ชนะที่นี่เพื่อลบล้างความไม่พอใจของผู้คน เจ้าคงจะเข้าใจใช่ไหม? กอร์ดอน”

“....ตามที่องค์จักรพรรดิเห็นสมควรครับ”

กอร์ดอนโค้งคำนับด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

เนื่องจากน้ำเสียงของเขาสั่น, แสดงว่าเขาต้องโกรธอยู่แน่ๆ

อย่างไรก็ตาม, เขาไม่สามารถขัดการตัดสินใจของจักรพรรดิได้ มันไม่มีปัจจัยให้ทำแบบนั้น

ในตอนนั้นเอง, เอลน่าก็ก้าวเข้ามายืนเบื้องหน้าจักรพรรดิ

“ฝ่าบาท, ข้าขอเรียกร้องอะไรหน่อยได้ไหมคะ”

“อะไรรึ?”

“ข้าอยากให้ช่วยยกเลิกตัดสิทธิเจ้าชายอาร์โนลด์ค่ะ เขาเป็นคนส่งพวกเราไปที่เคียร์ การกระทำของเขาสมควรได้รับการสรรเสริญ ความอับยศจากการถูกตัดสิทธินั้นไม่คู่ควรกับเขาค่ะ”

“พวกเราเองก็ขอร้องด้วยครับ, ฝ่าบาท!”

อัศวินของเธอคุกเข่าตามเอลน่า

จักรพรรดิหลับตา

จากนั้น

“อาร์โนลด์......การที่กำไลของเจ้าพังมันเป็นเพราะความผิดพลาดใช่ไหม?”

“ครับ ข้าบังเอิญทำมันพัง”

“ถ้างั้นก็คงเลิกตัดสิทธิไม่ได้ ถ้าเจ้าตั้งใจทำลายมันแล้วส่งเอลน่ามาหาข้ามันก็อีกเรื่องนึง แต่กฏก็คือกฏ ผู้ชนะจะเป็นลีโอนาร์ดเหมือนเดิม”

เอลน่ามองเขาเหมือนกับว่าเธอไม่อยากจะเชื่อการกระทำของเขาแต่เขาก็ไม่สนใจเธอ

ต่อให้เขาบอกว่าจงใจทำเพื่อส่งเอลน่ามาที่นี่, เขาก็ไม่ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นทูตที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ดี

อย่างดีที่สุด, เขาก็คงจะได้รับคำชมมาบ้างแต่ก็เหมือนกับที่จักรพรรดิพูดก่อนหน้านี้, ลีโอนาร์ดต้องเป็นผู้ชนะเพราะความนิยมทางฝั่งตะวันออกของเขา

ไม่มีใครยอมรับชัยชนะของเขา

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมถึงปล่อยให้เขาเป็นเจ้าชายโง่ที่บังเอิญทำกำไลพังก็ไม่เป็นไร

เขาคิดแบบนั้นแต่ว่า

“แต่ถึงอย่างนั้น, มันก็เป็นความจริงที่ข้าถูกเอลน่าช่วยเอาไว้ หรือพูดอีกนัยนึงก็คือ, ข้าถูกช่วยเหลือเพราะความผิดพลาดของอาร์โนลด์ และข้าก็จะมอบรางวัลให้สำหรับความผิดพลาดนั้น”

“เอ้ะ?”

“ข้าจะแต่งตั้งอาร์โนลด์เป็นรองทูต จงไปกับลีโอนาร์ดแล้วให้ความช่วยเหลือเขาซะ”

“....ทะ, ท่านพ่อ?”

“เรียกฝ่าบาทสิ, อาร์โนลด์”

“เอ่ออ....ข้า....ข้าไม่คิดว่าข้าจะมีทักษะขนาดนั้นนะครับ”

“เจ้าจะทิ้งทุกอย่างให้ลีโอนาร์ดทำก็ได้ แต่อย่างน้อยก็หางานที่ตัวเองทำได้แล้วทำมันเพื่อพิสูจน์ให้ข้าเห็นซะ เรื่องนี้จบแค่นี้ พรุ่งนี้ข้าจะประกาศอย่างเป็นทางการอีกที ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ”

พอพูดจบ, จักรพรรดิก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้

จากนั้นเขาก็ออกไป, แล้วเขาก็หันมามองเขาด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับสะใจที่ได้แกล้งสำเร็จ

ตาพ่อบ้านั่น, ตั้งใจนี่หว่า......!

หนอยย! เขาเล่นทำแผนการของเราเละเทะหมดเลย!?

ถ้าเรากับลีโอต้องออกจากจักรวรรดิทั้งคู่, ใครจะอยู่ที่นี่เพื่อชี้นำขุมอำนาจของเราหล่ะ!?

 

เอาจริงดิ!?

เขาตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ ในอีกด้านนึง, พวกคู่แข่งของเขาต่างก็มีสีหน้าประมาณว่า ‘สมควรโดนแล้ว’

นี่มันไม่ดีแล้วไง..... ถ้าเขาไม่ทำอะไรซักอย่าง, ขุมอำนาจของพวกเขาจะต้องพังในตอนที่พวกเขาไม่อยู่แน่

“แบบนี้ก็ดีเลยไม่ใช่หรอ! อัล”

“....”

“อัล? เป็นอะไรรึเปล่า?”

“ก็คิดเอาไว้แล้วหล่ะ, อย่ามาข้องเกี่ยวกับข้าอีกนะ......”

“ทำไมหล่ะ!?”

เขาเอามือก่ายหน้าผากแล้วส่งเสียงไล่เอลน่าที่กำลังดีใจ

อย่างไรก็ตาม, เขาเข้าใจดี มันไม่ใช่ความผิดของเอลน่า

เขาคิดเอาไว้แล้วว่าเธอจะขอให้ยกเลิกการตัดสิทธิเขา สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือการตอบสนองของพ่อ

เหตุผลที่ท่านพ่อทำแบบนี้ต้องเป็นเพราะการทำตัวไม่สนโลกของเราแน่ๆ เขาคงจะหงุดเพราะเขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเต้นอยู่บนฝ่ามือของเรา

นี่มันความผิดของเราเต็มๆ.....

การประชุมจบลงด้วยการที่เขาต้องเอามือก่ายหน้าผากเพราะความน่าขบขันของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด