ตอนที่แล้วบทที่ 84 : ค่าคุ้มครอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 86: แลนเซล็อต

บทที่ 85 : ยูนิคอร์น


“เฮ้! เฮ้! เฮ้!”

“เฮ้! เฮ้! เฮ้!” เผ่าโถวเหยินของฟิว โรสเซอร์ได้จัดพิธีกรรมขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้วิเศษที่จากไป

สำหรับชนเผ่านี้แล้ว นี่เป็นสิ่งสำคัญและควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง

วิลเลียมก็สนใจที่จะมาชมดูเช่นกัน เพราะฝันในวัยเด็กของเขาคือการได้เที่ยวเล่นไปทั่วโลก!

แต่ความฝันนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงไป เมื่อเขาเป็นวัยรุ่น…

จากนั้นเขาก็ได้ค้นพบเกมสวมบทบาท และตระหนักได้ว่าทัศนียภาพในโลกแห่งความจริงนั้นแสนจะธรรมดา และสวยงามน้อยกว่าในเกมมาก

ดังนั้น ความฝันใหม่ของเขาคือการได้สวมใส่อุปกรณ์ระดับรีเจนดารีไปเดินตามถนน เขาต้องการจุดประกายความอิจฉาขึ้นในหัวใจของผู้เล่นคนอื่นๆ

หรือไม่ก็ต้องการที่จะมีทักษะทุกอย่างในโลกแห่งเกมและเดินทางไปรอบๆ เขาอยากจะกลายเป็นฮีโร่ที่ไม่เคยทิ้งชื่อของเขาไว้เบื้องหลัง ผู้คนจะเห็นแต่เพียงแผ่นหลังของเขา และร้องสรรเสริญผู้เล่นในตำนานคนนี้

วิลเลียมไม่ได้รู้สึกว่าความฝันของเขานั้นผิดปกติ

เขาเชื่อว่าผู้เล่นชายทุกๆคนนั้นมีความฝันที่มหัศจรรย์!

ตอนนี้ฟิว โรสเซอร์มีเขาสีทองและสวมชุดอุปกรณ์ระดับเงินระยิบระยับน่าตื่นตา มีเพียงขวานอันเปล่งประกายของเขาเท่านั้นที่เด่นสะดุดตาออกมา

นี่เป็นอาวุธระดับทองเข้มที่สืบทอดกับมาหลายชั่วอายุ พลังการต่อสู้ที่ลุกโชติช่วงได้รวมเข้ากับอาวุธเอาไว้ มันไม่ใช่อาวุธกิ๊งก๊องเลยด้วยซ้ำ

สีหน้าของฟิว โรสเซอร์เคร่งครัดมาก แต่ใบหน้าเขายังมีสีเลือดอยู่ เขาและนักรบโถวเหยินวัยเยาว์หลายตนล้อมรอบนักรบโถวเหยินอีกตนที่ถือไม้เท้าเวทย์ พวกเขาที่รายล้อมเริ่มสวดภาวนา “เฮ้! เฮ้! เฮ้!”

“จงตื่นขึ้นเถิด! ท่านผู้วิเศษโถวเหยิน!” ฟิว โรสเซอร์คำรามดังกึกก้อง

“มอ~~~” ผู้วิเศษโถวเหยินคำรามเสียงต่ำ ทันใดนั้นเขาก็ยืนขึ้นและกระแทกไม้เท้าเวทย์ลงบนพื้น

ไอเวทย์สีเขียวกระเพื่อมออกไปทุกทิศทาง พืชพรรณต้นไม้ทุกชนิดที่สัมผัสเข้าก็กลายเป็นของเหลวสีดำ มีเพียงนักรบโถวเหยินเท่านั้นที่ไม่เป็นอะไรและตะโกนด้วยความตื่นเต้น ผู้วิเศษตนใหม่ปรากฏขึ้นแล้ว มันควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง!

คนที่ต้องการจะกลายเป็นผู้วิเศษแห่งเผ่าโถวเหยินอย่างน้อยจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลาง เผ่าโถวเหยินนั้นยินดีที่นักรบโถวเหยินตนนี้ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลางได้ในที่สุด เขาสามารถกลายเป็นผู้วิเศษของนักรบโถวเหยินได้อย่างเป็นทางการแล้ว

วิลเลียมเลิกคิ้ว “เวทย์พิษ ช่างเป็นการสืบทอดที่แปลกประหลาด! มันต้องเป็นพิษแน่ ไม่เช่นนั้นก็คงเป็นไฟ หรือไม่ก็เป็นคำสาป!”

เขาเห็นว่าฟิว โรสเซอร์ดูเหมือนว่าจะไม่มีความสุขมากนัก โดยธรรมชาติแล้ว เขาเข้าใจว่าทำไม หัวหน้าเผ่าทุกคนคาดหวังว่าจะมีผู้วิเศษ แต่เมื่อผู้วิเศษปรากฏขึ้น พวกเขาก็ดูเหมือนจะไม่มีความสุขมากนัก

เหตุผลคือผู้วิเศษเปรียบได้กับนักปราชญ์ของชนเผ่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาอาจจะใช้อำนาจบางอย่างกับผู้นำ

แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นผู้นำหรือผู้วิเศษ เป้าหมายของพวกเขาก็เป็นสิ่งเดียวกัน คือการพัฒนาเผ่าและทำงานอย่างหนักเพื่อมัน

เผ่าโถวเหยินทั้งเผ่าเป็นของวิลเลียม พวกเขาไม่มีสิทธิ์ใดๆอีกต่อไป พวกเขาแค่ต้องฝึกฝน, ในกำเนิดบุตร, ปกป้องชาวประมงที่ทะเลสาบสายรุ้ง, และทำให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับอสูรที่ทำงานในเหมือง

โดยรวมแล้ว ชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้ถือว่าแย่

ไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อพวกเขาได้ยินว่าวิลเลียมจะทำการขยายเมืองรุ่งอรุณอีกครั้ง และอำนาจของเขาได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แผนการต่างๆที่พวกเขาวางไว้เพื่อต่อต้านวิลเลียมก็ถูกละทิ้งไป

ในตอนกลางวันนั้นพวกเขาทำงานอย่างหนัก ส่วนในตอนกลางคืนพวกเขาก็ทำงานเพื่อภรรยาของพวกเขาเช่นกัน จากนั้นก็ไม่อะไรที่ต้องทำอีก เนื่องจากไม่มีกลุ่มคนที่พวกเขาต้องต่อสู้

เมื่อพิธีเสร็จสิ้น ฟิว โรสเซอร์ก็นำผู้วิเศษคนใหม่มาพบวิลเลียม

ทั้งคู่คุกเข่าลงเมื่อวิลเลียมจ้องมองพวกเขา “เจ้าชื่ออะไร?”

“มาสเตอร์ โปรดเรียกข้าว่าวอลเทอร์!” ผู้วิเศษของนักรบเผ่าโถวเหยินเงยหน้ามองวิลเลียมด้วยความเคารพราวกับเป็นคำตอบของเขา

“ระดับมาสเตอร์?”

วิลเลียมตบไหล่เขาเบาๆ “หืม ไม่เลวนี่ พรุ่งนี้เราจะพาเจ้าไปหาช่างตีเหล็กในเมืองเพื่อสร้างอุปกรณ์ให้เจ้า”

“ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน มาสเตอร์!” สีหน้าของวอลเทอร์เต็มไปด้วยความยินดี เขาเป็นผู้วิเศษ แต่เขาไม่ชอบเสื้อคลุมเวทย์และหมวกวิเศษ เขาชอบชุดเกราะที่กระฉับกระเฉง มันสะดวกสำหรับเขามากกว่า หากเขาไม่ชอบไม้คฑา เขาสามารถเปลี่ยนอาวุธได้

“ฟิว โรสเซอร์” วิลเลียมเรียกเขามาถาม “ชนเผ่าของเจ้าจุคนได้กี่คน?”

“ท่านพูดถึงจำนวนทหารที่สามารถต่อสู้ได้หรอครับท่านลอร์ด?” ฟิวโรสเซอร์รู้สึกตื่นเต้น ตั้งแต่ที่เขาย้ายออกมาจากเผ่า เขาได้สวมชุดเกราะที่น่าประทับใจ แต่ไม่มีโอกาสที่ได้ใช้มัน เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

“ใช่ เราจะให้ภารกิจแก่เจ้า!”

“ท่านลอร์ดสามารถวางใจได้เลย เรายังมีทหาร 500 ตนที่เตรียมพร้อมอยู่ นี่คือกองทหารชั้นยอดของทหารที่ยอดที่สุด แค่อุปกรณ์ของพวกเขา...ไม่ได้ดีมากนัก...” ท้ายที่สุดแล้วฟิว โรสเซอร์ก็คือผู้นำ เขาก็ต้องเห็นแก่คนของเขาอยู่แล้ว

วิลเลียมพยักหน้า เขาไม่ได้คิดมาก “เราจะมอบชุดเกราะคุณภาพสูง 500 ชุดเป็นไง? แต่จงจำไว้ว่า เจ้าต้องใช้ต่อสู้เพื่อเราเท่านั้น เข้าใจหรือไม่?”

“ครับท่านลอร์ด!” ฟิว โรสเซอร์คุกเข่าลงบนพื้น มันแสดงให้เห็นถึงความภักดีอย่างแท้จริงต่อวิลเลียม

“ดีมาก เจ้าจะเป็นทัพหน้าของเรา หลังจากนี้เจ็ดวัน รุดหน้าไปทางใต้ เจ้าสามารถฆ่าหรือจับใครก็ตามที่ไม่เข้าร่วมกับเรา ไม่ว่าจะเป็นอสูรเวทย์หรือผู้คน เราต้องการสร้างถนนไปสู่มหาสมุทรในหนึ่งเดือน แต่เราก็ไม่ต้องการที่จะเห็นชาวเมืองได้ได้รับอันตราย เจ้าทำได้ไหม?”

วิลเลียมมองฟิว โรสเซอร์ด้วยสายตาที่ดูเหมือนเต็มไปด้วยความมั่นใจและยกย่อง

ในฐานะผู้นำของนักรบโถวเหยิน ฟิว โรสเซอร์รู้สึกราวกับได้รับความไว้วางใจ เขาจึงตบหน้าอกและตะโกนเสียงดัง “ท่านลอร์ดไม่จำเป็นต้องกังวล นักรบโถวเหยินจะมุ่งไปข้างหน้าด้วยความตั้งใจอย่างไม่ย่อท้อ จากทะเลสาบสายรุ้งไปยังมหาสมุทร แม้แต่วิญญาณศัตรูก็จะถูกสังหารด้วยขวานของข้า!”

“แค่ฆ่าพวกมันซะ เราไม่ต้องการเห็นวิญญาณของพวกมัน” มุมปากของวิลเลียมกระตุก

ฟิว โรสเซอร์กล่าวเสียงต่ำ “ครับมาสเตอร์ ข้าจะฆ่าวิญญาณพวกมันให้หมด!”

“...” วิลเลียมโบกมืออย่างช่วยไม่ได้และให้เขาไปได้

เขารู้สึกว่าเจ้าตัวเหลวแหลกคนนี้จะไม่นำผลลัพธ์ที่ดีกลับมายังไงก็ไม่รู้ นี่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและหัวใจดุ่มๆด่อมๆ

“ฉันควรกลับไปให้เร็วที่สุด แล้วไปสนทนากับองค์หญิงเพื่อที่จะสามารถควบคุมโชคร้ายนี้ได้” วิลเลียมตัดสินใจอย่างมีความสุข เขาไม่ได้อ้อยอิ่ง ก่อนจะขี่ม้าออกจากที่แห่งนี้ไป

กล่าวได้ว่า NPC ในเมืองรุ่งอรุณนั้นไม่ได้โชคดีมากนัก ก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งหมดจะต้องตาย

ทั้งลอทเนอร์, อเล็กซ์, และคนที่เหลือนั้นมีค่าโชคเริ่มต้นเพียง 20 แต้มเท่านั้น

โอดอมไม่ได้ตายในเหมืองมิทริล ค่าโชคของเขาจึงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงมีค่าหัวแสนเหรียญติดอยู่บนหัวของเขาอยู่ดี คงไม่ได้ดีไปกว่านี้แล้ว

ส่วนโมเสสน่ะเหรอ?

ค่าโชคในปัจจุบันของเขาคือหนึ่ง เลวร้ายกว่าวิลเลียมเสียอีก หากเขาไม่เป็นจอมเวทย์ วิลเลียมคงไม่สนใจที่จะสร้างความสัมพันธ์กับเขา แล้วโมเสสก็ไม่ได้นำค่าโชคหน่วยเดียวออกไปจากเขาอีกด้วย นั่นล่ะคือค่าเฉลี่ยโชคของพวกเขา

โชคดีที่ความแตกต่างระหว่างสามกับสองไม่ได้กว้างมากนัก ตอนนี้เขาก็ไม่ได้แคร์อะไรมากนักหรอก…

ในเมืองที่น่าสมเพชเช่นนี้ วิลเลียมที่อยู่กับพวกเขาทั้งวันก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง การช่วยเหลือผู้อื่นไม่ได้เพิ่มค่าโชคของเขาสักนิดและมันก็ไร้ประโยชน์…

แต่ค่าโชคของแอนนี่นั้นสูงกว่าปกติ

หลังจากที่วิลเลียมเปลี่ยนแปลงชะตาของเจ้าหญิงแอนนี่ ค่าโชคของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอได้รับความสามารถติดตัวอีกครั้ง นี่สิคือโชคดีอย่างแท้จริง!

นี่เรียกได้ว่า?

เธอเป็นผู้เล่นที่โชคดีอย่างยิ่งยังไงล่ะ?

เนื่องจากเขาไม่สามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว ดังนั้นในฐานะผู้เล่นที่มีสถิติค่าโชคเพียงสามแต้ม เขาจึงต้องเพิ่มมันอย่างแน่นอน

ระหว่างทางกลับเขาเห็นชาวประมงหลายคนเดินทางไปมา พวกเขาใช้รถม้าเพื่อขนปลาจำนวนมากกลับไปยังเมืองแห่งรุ่งอรุณ

เมื่อพวกเขาเห็นวิลเลียมพวกเขาทั้งหมดก็รีบลงจากรถม้าและทักทายเจ้านายของเมืองด้วยความเคารพ

ชาวประมงเหล่านี้เป็นคนของวิลเลียม

เขาเป็นคนที่สร้างถนนในป่า เขาเป็นคนที่พัฒนาทะเลสาบสายรุ้ง และยังเป็นผู้รับผิดชอบทหารที่อารักขาโดยรอบ

ชาวประมงมีหน้าที่จับปลาเท่านั้น หลังจากจับปลาได้แล้วทหารที่ท่าเรือจะทำการตรวจสอบ

ในแต่ละครั้ง ชาวประมงสามารถเก็บปลาที่จับได้ไว้ 10% นี่คือเงินเดือนของพวกเขา แต่หากจับปลาได้น้อยเกินไป พวกเขาจะได้รับการชดเชย

ท้ายที่สุดแล้ว ส่วนใหญ่ของชาวเมืองที่สามารถจับปลาได้เป็นทาสที่เปลี่ยนเป็นพลเมือง

พวกเขาไม่มีความต้องการสูง

วิลเลียมจัดรถม้าให้พวกเขาขนส่งปลา เขายังสร้างเรือและอวนปลาให้พวกเขาอีกด้วย หากชาวประมงสามารถหารายได้ได้ พวกเขาก็ไม่มีข้อร้องเรียนอันใด

ในอดีตทะเลสาบสายรุ้งไม่เคยมีการหาปลาที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน มีปลาจำนวนมากในทะเลสาบ ชาวประมงเหล่านี้สามารถทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้น

แต่เพื่อที่จะดำเนินการพัฒนาต่อไป จำนวนของปลาก็ยังจำเป็นต้องมีอยู่ในทะเลสาบสายรุ้ง นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขากังวลในการพัฒนาทรัพยากรในทะเล

ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น

วิลเลียมก็ได้เดินเข้าไปในสวนลอยฟ้าของแอนนี่ภายใต้สายตาที่เค็มไปด้วยความอิจฉาของอาร์เธอร์ ในตอนที่วิลเลียมปิดประตูนั้น

องครักษ์หลวงอาร์เธอร์รู้สึกราวกับชีวิตของเขาได้ก้าวเข้าสู่ความมืด…

ณ ตอนนี้

ในที่สุดวิลเลียมก็ได้เห็นยูนิคอร์น มันมีปีก เมื่อมันก้าวเดินจะมีสายรุ้งและแสงศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายออกมาจากร่างกาย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด