ตอนที่แล้วตอนที่ 11 ทั้งหมดหรือไม่มีเลย ( All or nothing )
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปคอนที่ 13 รายงานตัว (Report for Duty)

ตอนที่ 12 ตื่นได้แล้ว (Rise and Shinel)


ตื่นได้แล้ว

(Rise and Shinel)

แสงอรุณยามเช้าที่สอดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนราวภาพวาดอันงดงาม และตามมาด้วยเสียงของเหล่าผู้คนยามเช้าก็ได้เริ่มดังขึ้น ปลุกให้ร่างบางค่อยๆตื่นนอนอย่างงัวเงียและสะลึมสะลือ เปลือกตาค่อยๆเปิดพร้อมกับแสงของพระอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านหน้าตาเข้ามาในดวงตา จนต้องยกมือขึ้นบดบังใบหน้า ลาสค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงของเขาด้วยความเหนื่อยล้าและเกียจคร้าน แต่ด้วยแสงแดดแยงตายามเช้านั้นมาพร้อมความร้อน ซึ่งผ่านจากหน้าต่างสาดส่องเข้ามา ก็แทบทำให้อยากจะฟุบลงไปนอนอีกสักรอบ แต่ยังไงก็ต้องลุกขึ้นไปเสียอยู่ดี เพราะวันนี้เป็นวันสําคัญมีนัดต้องไปรายงานตัวกับเซอร์กาย จะไปสายไม่ได้ มันจะดูไม่ดีอย่างมาก สิ่งสําคัญสําหรับการสร้างสัมพันธไมตรีคือความประทับใจครั้งแรก เพราะฉะนั้นจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด

ลาสชู่มือขึ้นทั้งสองข้างเหนือศีรษะของตนเพื่อบิดขี้เกียจ แต่ถ้ามีใครมาพบเห็นคงต้องมีใจเต้นกันบ้าง ตรงหน้ามันช่างต่างกับชายวัยกลางคนที่อายุเยอะ เพราะสภาพตอนนี้ของเจ้าตัวมีแค่เสื้อกล้ามสีขาวพร้อมกางเกงขาสั้นขาสั้น แม้ชีวิตก่อนจะใส่นอนเป็นปกติ แต่ตอนนี้กลับมีเสน่ห์อย่างเหลือหลาย ผิวที่ดูขาวเปล่งประกาย แถมเสื้อผ้ายังหลุดลุ่ยจนเปิดหัวไหล่อันเขาผ่องสะจนอยากจะเข้าไปกัดให้เป็นรอย แต่ถ้ารู้ว่าตรงหน้าเป็นชายฉกรรจ์อายุมากคงต้องกลับมาคิดใหม่อีกรอบละนะ ร่างบางค่อยๆลุกออกจากเตียงอย่างเชื่องช้า ก่อนที่จะออกไปจากห้องนอนตัวเอง เพื่อที่จะไปอานํ้าบนแต่งตัวให้เสร็จๆ

.

.

.

ตึกๆๆ

เสียงเดินอย่างหนักแน่นค่อยๆดังขึ้นมาจากโถงทางเดิน เมื่อหันไปมองเสียงที่ดังนั้นคือเสียงรองเท้าแบบหัวตัดน้ำเงินอินดิโกของลาสผู้ที่ใส่ชุดสูทสีนํ้าเงินเข้มตัวเก่าของเขา ผมที่ถูกรวบไว้ด้านหลังเป็นทรงหางม้าเพื่อให้มองเห็นได้ง่าย สร้างความดึงดูดให้กับผู้ที่จ้องมองอย่างมาก ลุงสมชายที่นั่งอยู่กลางบ้าน ค่อยๆลุกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มตลอดเวลาที่สมกับเป็นตัวเองอย่างที่เคยเป็นมา ลุงแกค่อยๆเดินมาหาลาสอย่างยิ้มแย้มเป็นกันเอง ก่อนที่ลุงแกจะพูด

" ข้าเตรียมของสําคัญของเจ้าไว้แล้ว ข้าจะให้แจ็คไปส่งที่ทำการของผู้นําเขตถือว่าเป็นคําบอกลาเสียแล้วกัน คงไม่ได้ลืมอะไรที่เป็นของส่วมตัวอีกแล้วสินะ "

" ขอบคุณที่ดูแลกันมาครับ " ลาสก้มหัวเพื่อเป็นการขอบคุณ

แม้ลุงสมชายที่ค่อยดูแลเขามาตั้งแต่ออกเดินทางครั้งแรก จะทำตัวเขาให้ความเครารพและเชื่อใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ในใจนั้นยังไม่ไว้ใจชายแก่ตรงหน้าอยู่ดี เพราะไม่รู้จึงได้เกรงกลัว เพราะเขาไม่เคยบอกเรื่องของเขาให้ฟังสักครั้ง แถมในช่วงกองคาราวานเขาก็เผลอตัวไปหลายครั้งหลายคราว ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักอีกฝ่ายดีพอกลับไวใจผู้นั้นมากเกินไป ตัวเขาน่าจะระวังให้มากกว่านี้ เมื่อไม่มีอะไรจะกล่าวต่อลาสก็เดินไปที่ประตูเพื่อออกจากบ้านและเดินทางทันที แต่ไม่ทันจะได้ออกก็มีเสียงเรียกให้หยุดเดินทันที

" อ๊ะ! ข้าลืมบอกเรื่องสําคัญไปเลย ฮ่าๆขอโทษจริงๆ เจ้าหนู บูลล์ จะต้องไปกับเจ้าด้วย แล้วก็ไม่จําเป็นต้องห่วงเรื่องเซอร์กายหรอกนะ เพราะข้าส่งคนไปบอกเขาแล้ว "

ลาสกระเด้งตัวรีบหันกลับไปหาลุงสมชายด้วยความตกใจและไม่เข้าใจ การกระทำของลุงสมชายนั้นทำเอาลาสเกือบจะอุทานโดยไม่เป็นภาษา เมื่อเห็นว่าไอลุงแก่ตรงยังยิ้มได้โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา ลาสจึงได้หันไปมองบูลล์ที่ไม่ได้ถูกทักมาตั้งแต่เมื่อวานเพื่อทักไถ่ถามเจ้าตัว แต่เมื่อมองเด็กหนุ่มหูหมาก็พบว่าเจ้าตัวก็แต่งตัวพร้อมออกไปข้างนอกต่างจากวันแรกอย่างมาก จากชนพื้นเมืองกลายเป็นลูกครึ่งชาวต่างชาติทันทีทันใด(?) คงหนีไม่พ้นลุงสมชายที่เอาเสื้อผ้ามาให้กระมัง ซึ่งดูท่าแล้วจะเถียงปฏิเสธก็คงไม่ทันแล้ว ลาสต้องเป็นต้องจําใจไปกับเด็กหนุ่มหูสุนัข สุดท้ายก็ได้แค่กรุ่มขมับอย่างหัวเสียอย่างช่วยไม่ได้ ลาสกวักมือเรียกให้เจ้าตัวเดินไปพร้อมกัน

เมื่อเปิดประตูออกจากบ้านก็ได้เจอกับชายที่ยืนพิงรถม้าพร้อมอาชาเตรียมพร้อม ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากแจ็ค ผู้ที่จะพาลาสและบูลล์ไปส่ง และ ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะเห็นว่าทั้งสองเดินออกมาจากบ้านแล้วจึงได้เดินไปหาเพื่อทัก แต่ไม่รู้ทำไมแจ็คถึงได้เอามือมาเกาะไหล่ของลาสก่อนจะเอ่ยเสียงดังว่า

" ไม่ได้ถูกล่อล่วงไปใช่ไหม! "

อ่า.. มันน่าจะซัดหน้าให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ถ้าเป็นคนอื่นคงจะปวดแสบปวดร้อนท้องน้อย และดุเหมื่อนว่าลาสที่ตอนแรกอารณ์จะดีในตอนนั้น ตอนนี้มันกลับมืดมัวจนน่าขนลุกซู่ อย่างกับภูติผีปีศาจที่มีแต่ความโกรธแค้น อายุบานนี้ยังถูกมองว่าเป็นเด็กสาวมันก็น่าเอาเท้าทีบยอดหน้าคนพูดเช่นกัน ลาสทำเป็นเมินคําพูดของแจ็คก่อนจะเดินขึ้นรถม้าทันทีไม่รีรอ ทั้งสองนั่งรถม้าเดินทางไปยังที่อาคารว่าการของผู้นําเขต เพื่อไปรายงานตัวกับ เซอร์กาย ทิ้งให้สองหนุ่มข้างหลังงงกันต่อไป ดูแล้วแจ็คคงไม่ได้รู้เรื่องแบบจริงๆเลย คงจะคิดไปเองว่าลาสถูกเซอร์ กาย บังคับให้ไปอยู่กับเขา แต่เมื่อไม่มีอะไรแล้วทั้งสามก็ได้ขึ้นรถม้าทันทีเพื่อที่จะเดินทางไปหาเซอร์กายทันที

....

.

.

.

.

ณ หน้าอาคารว่าการผู้นําเขต

รถม้าได้มาถึงหน้าอาคารสีขาวใหญ่กลางเมือง รูปร่างทรงสถานทูตสไตล์ยุโรปแบบอังกฤษยุคเก่า ให้อารมณ์แบบสถานทูตสมัยก่อน มีผู้คนเดินเข้าออกมากมายส่วนใหญ่เป็นชนชั้นสูงและทหารชั้นใหญ่ซะส่วนใหญ่ เมื่อเดินลงจากรถม้าลาสก็เดินเข้าไปในอาคารทันทีไม่รีรอ แต่ทว่าก็ได้มีคนมารอรับอยู่หน้าประตูใหญ่ เป็นชายหนุ่มผมสีนํ้าตาลแต่งชุดที่แตกต่างกับรอบข้างอย่างมาก เครื่องแบบสีแดงเวนิสที่โดดเด่นสุดสง่า กางเกงสีน้ำเงินเข้ม สวมหมวกซาฟารี ถ้าหากอยู่ในโลกเก่าคงคิดว่าแต่งชุดมาถ่ายหนังย้อนยุค ชายผู้ที่ถูกมองก็ได้ทักเรียกลาสเพราะว่าเจ้าตัวตรงหน้ากําลังเหม่อลอย

" ข้างนอกอากาศคงจะร้อนมาก ทำไมพวกเราไม่เข้าไปกันก่อนละครับ " เมื่อได้ยินอย่างนั้นลาสก็ได้แค่พยักหน้าเดินตามชายคนนั้นไปพร้อมกับบูลล์ เมื่อเข้าไปด้านในจะพบห้องรับแขกใหญ่ ห้องนี้ประดับด้วยเครื่องเรือนเก่าแก่จำนวนมาก แต่มันคงจะของประดับระดับที่หาได้ทั่วไปของที่นี่ ลาสที่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรผิดกับอีกคนที่ดูจะตื่นเต้นกับสิ่งรอบข้างอย่างมาก ทำให้ชายที่เดินนําพวกเขาสนใจลาสอย่างมาก ทั้งสองได้เดินไปขึ้นไปอีกชั้น ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของลาสที่มา ณ ที่แห่งนี้

เปิดประตูบานใหญ่เข้าไปก็พบห้องทำงานของเซอร์กาย ลาสไม่รอช้าสูดอากาศในห้องให้ชุ่มปอดก่อนจะเข้าไปคุยจริงจัง แต่มันช่างน่าเศร้าเพราะดันไม่ได้มีแค่เซอร์กายที่อยู่ในห้อง แต่ยังมีชายหญิงอีกคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ ซึ่งพวกเขาทั้งสองก็แต่งตัวดูดีอย่างมาก ฝั่งชายอายุราวๆห้าสิบหกสิบแน่นอนว่าเป็นคนสูงวัยส่วนอีกคนก็เป็นหญิงสาวผมสีบลอนด์ทองทั้งสองมิได้สนใจผู้ที่เข้ามาใหม่เลยสักนิด ผิดกับลาสที่ตอนนี้ในใจกําลังกระวนกระวายอย่างมาก เพราะหญิงสาวที่เขากำลังมองคือคนเดียวกันกับที่เขาเจอเมื่อตอนอยู่กับไวส์ ผู้ที่เป็นลูกสาวผู้ว่าราชการอาณานิคมเขต 6 แล้วถ้าให้เดาล่ะก็ ชายแก่ข้างๆคงบิดาของเจ้าตัว ดูเมื่อว่าทั้งสามกําลังจะคุยกันเสร็จแล้วเพราะทันทีที่ลาสย่างก้าวเข้ามาทั้งสองก็ลุกขึ้น ก้มหัวก่อนจะเดินผ่านลาสไปด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก เมื่อทั้งสองออกไปแล้วเซอร์กายก็ได้ทักขึ้น

" มาแล้วหรอ ถ้าอย่างนั้นเชิญนั่งก่อนสิ " เซอร์กายผายมือให้ลาสและบูลล์นั่งลงบนเก้าอี้นวม

" เอาจริงๆ เห็นชุดที่ใส่แล้วก็ไม่อยากพูดปกติหรอกนะ แต่ก็คงใช้คําพูดโบร่ำโบราณต่อไปไม่ไหว เพราะฉะนั้นผมจะเข้าเรื่องเลยละกันทำไมถึง มาขอติดตาม ไม่สิ ทำไมถึงอยากมาเข้ากับฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับหัวหน้าคุณกัน? " เซอร์กายไม่พูดพร่ำทำเพลงเปลี่ยนภาษาที่ใช้ก่อนจะถามลาสด้วยความสอดรู้อย่างมาก แม้บูลล์ที่นั่งอยู่จะไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจแม้สำเนียงของเซอร์กาย มีแต่ผู้ที่นั่งข้างๆของเขากําลังยกยิ้มอย่างน่ารักแต่หากผู้ใดที่เข้าใจใบหน้านั้นก็จะรู้ว่า

เสแสร้งหน้าด้านๆ

" ก็ไม่เชิงว่าคุณเป็นฝ่ายตรงข้ามผมเสียหน่อย อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีกับลุงแกไปในตัวไงครับ " ปากว่าอย่างแต่ก็คงไม่ได้หวังแค่นี้เป็นแน่แท้นี้คือความคิดของเซอร์กายและหลายคนในห้อง

" ก็ได้ๆ ถือว่าฉันทำเป็นไม่เคยถามแล้วกัน เอามาทำความรู้จักกันใหม่เถอะนะ ต่อจากนี้คุณ " เซอร์กายที่ยอมแพ้ที่จะถามต่อก็ได้หยิบปากกาหมึกซึมขึ้นมาก่อนจะเริ่มเขียนบนกระดาษแผ่นหนึ่ง ก่อนที่จะมองไปที่ลาสสลับกับบูลล์ ซึ่งเจ้าตัวก็พึ่งนึกขึ้นได้ ส่วนบูลล์ก็จะดูงงๆไปไม่ค่อยเป็นเสียเท่าไร

ลาสลุกขึ้นยื่นก็จะพูดแนะนำตัวอีกครั้ง " ผม ดักลาส แมรี่แลนด์ " ก่อนจะตามมาด้วยเด็กหนุ่มข้างๆ " ผม บูลล์ "

" ต่อจากนี้ ดักลาส แมรี่แลนด์ และ บูลล์ จะถูกย้ายมาอยู่ในสังกัด กองทหารอาสาสมัครบอสตัน " เอ๋? เครื่องหมายคำถามและตกใจโผล่ขึ้นมาบนใบหน้าสวยของลาส ไม่ใช่ว่าทำงานในห้องแบบพวกเลขาอะไรแบบนั้นหรอกหรอ เอ๋? ประจำกองทหาร ทหาร ความเครียดเริ่มรุมเร้าลาสอย่างไม่ปรานีอย่างกับสายไฟซ็อตในสมอง แม้ว่าตอนนี้ลาสก็กําลังคิดบวกเข้าไว้ แต่สุดท้ายคำพูดของเซอร์กายที่เอ่ยขึ้นมาหลังจากนี้ก็ทำให้ลาสถึงกับอยากจะกลับไปหาลุงสมชายทันที

" ฉันจะพิจารณาเลื่อนขั้นเป็นผู้กองหลังจากจบหลักสูตรพื้นฐานของจักรวรรดิซะก่อน " อ่า ไม่ทันซะแล้วสิ ลาสคิดในใจ

" แค่นี้ก็คงพอนะ ฉันไม่สามารถใช้อํานาจได้มากกว่านี้หรอกนะ ถ้าจู่ๆก็มีใครไม่รู้ได้ยศเกินกว่าร้อยเอกโดยที่ไม่ได้จบจากโรงเรียนเตรียมทหาร ฉันก็คงได้ไปคุยกับเบื้องบนแน่ ส่วนเรื่องการฝึกจะเริ่มพรุ่งนี้ถ้าเป็นไปได้วันนี้ก็ลองไปดูป้อมคอร์ดจะได้รู้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง " ลาสได้แต่ถอนหายใจด้วยใบหน้าปกติเฉกเช่นเดิม แต่คงจุกแน่นท้องด้วยความเครียดแท้นแล้วเสียมั้ง? เมื่อหมดธุระลาสก็ได้ขอไปดูป้อมคอร์ดเพื่อเตรียมตัวเข้ากองทหารอาสา อย่างช่วยไม่ได้ แต่ก่อนที่จะได้ออกเซอร์กายก็ทักบูลล์

" ส่วนนาย บูลล์ ฉันคงทำอะไรไม่ค่อยได้เพราะตอนนี้ เรายังอยู่ระหว่างความขัดแย้งกับชนพื้นเมืองหลายคนยังไม่ค่อยเชื่อใจหรือชอบนายมากนักเพราะฉะนั้น ระวังตัวด้วย " บูลล์ก้มหัวขอบคุณที่เตือนก่อนจะเดินตามลาสออกจากห้องไป ทิ้งไวแค่ชายอีกสองคน เมื่อไม่มีเสียงของผู้ที่พึ่งออกไปแล้ว พวกเขาก็หันมามองหน้ากัน ก่อนจะถอนหายใจ

ชายผู้น้อยก็ได้เป็นฝ่ายแรกที่เปิดบทสนทนา แทนความเงียบเหงาเหมือนป่าช้าไม่กี่นาทีที่แล้ว

" ผมคิดว่าท่านจะย้ายเขามาอยู่ตําแหน่งที่สูงกว่านี้เสียอีก ถ้าเป็นผมคงจะให้มาอยู่ตําแหน่งงานสูงๆใกล้ๆตัวเลยล่ะหน้าตาก็ดีสุดๆแถมดูทรงแล้วคงจะเล่นผ่านการเมืองมาบ้าง " แต่ระหว่างที่กําลังพูดอยู่นั้น เขาก็ได้สังเกตถึงความผิดปกติของผู้เป็นนายของตน ที่ตอนนี้กําลังเหม่อลอยเหมือนตกอยู่ในภวังค์ไม่ได้ตั้งใจที่ฟังเขาเลยสักนิดเดียว

" หรือว่าท่านกําลังผิดหวัง ที่ชายคนนั้นไม่ใช่ผู้ชาย? อ๋อ...มันเป็นอย่างนี้นี่เอง " เมื่อเห็นว่าเริ่มมีสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เขาพูดขึ้มมาเบาๆพร้อมรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มได้แต่หัวเราะต่อผู้เป็นนายถ้าหากว่าเป็นผู้อื่นมาเห็นเข้าคงจะเป็นภาพที่แปลกตาพอสมควร หรือเป็นเพราะเขาทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทมิตรแท้กันแน่ ไม่มีผู้ใดรู้จนกว่าจะถูกบอกจากเจ้าตัวทั้งสอง

" แดเนียล นายช่วยลงไปพาทั้งสองไปป้อมคอร์ด ไม่ต้องรีบกลับมาพาพวกเขาเดินให้ทั่วสะก่อน แล้วก็อย่าลืมบอกทั้งสองว่าที่พักฉันแยกไว้ให้แล้ว " ชายผู้ถูกเรียกว่าแดเนียลกําลังจ้องมองผู้ที่สั่งเขาอย่างไม่เกร่งกลัว เพราะสิ่งที่ชายตรงหน้าทำไปนั้นเอาใจผู้ที่มาใหม่เสียเหลือเกิน " ทวนคําสั่ง "เมื่อผู้ถูกจ้องด้วยสาตาแปลกๆของเพื่อนหรือลูกน้องตรงหน้า เขาก็ได้ออกคําสั่งอีกหรอบเพื่อทวนความจํา

" รับทราบแล้วครับท่านพันเอก " แดเรียลวิทยาหัตถ์เซอร์กายก่อนจะเดินออกจากห้องไปทิ้งไว้เพียง ผู้เป็นนายได้ทำงานเอกสารต่อไป

.

.

กลับไปฝั่งของลาสและบูลล์ที่กําลังเดินออกจากอาคารว่าการผู้นําเขตพร้อมแดเนียล พวกเขาขึ้นอาชาของตนมีเพียงลาสที่ยังไม่กระโดดขึ้นไป ใครจะไปรู้ว่าตรงหน้าของพวกเขา ตลอดชีวิตไม่เคยมีสักครั้งที่ได้ขี่ม้าตัวเป็นๆ ถ้าได้บังคับม้าสักตัว ม้าตัวนั้นต้องพยศจนตกลงมาอย่างแน่นอน เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ลาสได้หันไปมองบูลล์เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ทว่าบูลล์นั้นแตกต่าง ชายหนุ่มครึ่งสัตว์คนนี้โตมากลับวิถีชีวิตบนทุ่งหญ้าป่าไม้ ซึ่งแค่ขึ้นไปบังคับก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ท้ายที่สุดลาสก็ต้องกลับไปเป็นผู้โดยสารเหมือนเดิม เมื่อได้ขึ้นมานั่งข้างหลังของบูลล์ เจ้าม้าก็ไดม้าพยศจนลาสต้องเอามือมาเกาะเอว ซึ่งก็ทำให้หูสุนัขของบูลล์กลายเป็นสีชมพู ด้วยเขินอายเล็กน้อย แต่ลาสก็ไม่ได้สังเกต ทั้งสามก็ได้ขี่ม้าออกนอกเมืองทันทีเมื่อพร้อม

ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ทั้งสามก็ได้เดินทางมาถึงป้อมคอร์ด พวกเขาขี่ม้ามายังจุดที่เห็นป้อมได้ง่ายซึ่งถนนที่พวกเขาเดินทางมานั้นก็เป็นเนินเล็กๆ สามารถเห็นป้อมจากระยะไกลได้ เมื่อมองไปก็จะพบ นํ้าทะเลที่เต็มไปด้วยเรือพาณิชย์ ซึ่งถ้ามองถัดไป มันคือป้อมปราการรูปทรงดาวห้าแฉกสีขาวอ่อน ดูแล้วน่าจะทำจากหินแกรนิต ติดกับริมทะเลเหมาะสําหรับการป้องกันท่าเรือจากเรือรบอย่างมาก และถ้าหากมองก่อนที่จะไปถึงป้อมซึ่งมีค่ายทหารขนาดกลาง มีทหารยามยืนตรวจตราลาดตระเวนอยู่ พวกเขาล้วนสวมเครื่องแบบชาวบ้านทั่วไป ซึ่งทำให้ลาสแปลกใจไม่น้อย แต่ไม่ได้มีแค่ทหารที่แต่งตัวเหมือนชาวบ้านยังมีเหล่าคนที่สวมเครื่องแบบ แบบเดียวกับผู้ที่ขี่ม้าพาเขามา เครื่องแบบสีแดงเวนิสที่โดดเด่น แม้จะไม่ดูดีเท่าคนข้างๆ แต่ก็ดึงดูดความสนใจได้มากกว่าทหารชาวบ้านที่เห็นได้ทั่วไปรอบๆค่ายทหาร

ลาสที่เริ่มมองเห็นเหล่าทหารที่เต็มค่ายนั้นก็ได้กัดริมฝีปากที่ขาวซีด ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ และปล่อยมันออกมาเป็นคําพูดเบาๆ “การยืนหยัดเพื่อบ้างสิ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งอย่างชอบธรรม” ก่อนจะหันไปอีกทางของค่าย

อุดมการณ์ของเราก็เป็นเช่นเดี่ยวกัน

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด