ตอนที่แล้วเรื่องสยองที่ 5 : มันยังคงมีแสงสว่าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเรื่องสยองที่ 7 : บ้านสวนของคุณยาย

เรื่องสยองที่ 6 : ปรับตัว


ในที่สุดวันที่ร่างของผมได้ออกจากโรงพยาบาลก็มาถึงสักที และจนกระทั่งถึงวันนี้ ร่างของพี่น้ำก็ยังไม่ตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ เหมือนเดิม บาดแผลบนร่างกายผมเริ่มแห้งตกสะเก็ดจนหมดแล้วเท่าที่สังเกต อาการบวมช้ำตามเนื้อตัวพี่น้ำก็บอกว่าเบาลงจนแทบจะไม่รู้สึกเจ็บแล้ว ดูเขาจะคุ้นชินกับร่างกายของผมมากขึ้นแล้วด้วย ไม่มีแมลงสาบหลงเหลือในห้องน้ำให้กรีดร้องอีกแล้ว แต่เรื่องการพูดการเดินก็ยังคงเป็นสไตล์เดิมอยู่ มีหลุดคะค่ะมาประปราย ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง คนเป็นผู้หญิงมาทั้งชีวิต จะให้มาทำตัวเป็นผู้ชายภายในสามสี่วันก็คงจะไม่ได้

พี่น้ำเดินไปเยี่ยมร่างของตัวเองบ่อย หลังจากเดินออกนอกห้องไหว จนคุณพ่อของพี่น้ำจำผมได้ ตอนแรก ๆ ที่ไป พ่อพี่น้ำเขาก็งงว่าทำไมไอ้หมอนี่ไปเยี่ยมลูกสาวเขาบ่อยเหลือเกิน วันหนึ่งเดินไปเยี่ยมสามสี่รอบ จนผมบอกให้พี่น้ำบอกพ่อเขาไปว่าเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย และเป็นคนขับมอเตอร์ไซค์แล้วให้พี่น้ำซ้อนจนเกิดอุบัติเหตุ รู้สึกผิดมากจึงมาเยี่ยมบ่อย แต่พ่อพี่น้ำเขาก็บอกไม่เป็นไร ไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ เรื่องรถที่ชนเขาก็ตามเรื่องให้อยู่ไม่ต้องเป็นห่วง

ดูพี่น้ำรักพ่อของเธอมาก พ่อของพี่น้ำก็เช่นกัน มานอนเฝ้าทุกคืนเลย แต่ช่วงกลางวันจะมีพยาบาลมาดูแลแทน พี่น้ำเองก็ทำอะไรไม่ได้มากเมื่ออยู่ในร่างผม จะเข้าไปกอด เข้าไปคุยเหมือนปกติก็ไม่ได้ ผมเห็นแล้วก็สงสาร แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจก็คือ หลังจากวันนั้นที่พวกเราเข้าโรงพยาบาล ผมก็ไม่เคยเห็นแม่ของพี่น้ำมาโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมเธออีกเลย มีแต่พ่อกับน้องสาวของพี่น้ำที่มาเยี่ยมเท่านั้น ผมเองเคยลองถามพี่น้ำว่าแม่พี่น้ำโกรธอะไรพี่น้ำหรือเปล่า พี่น้ำเองก็ดูไม่ค่อยชอบแม่ของตัวเองเหมือนกัน พี่น้ำบอกว่าเธอไม่ใช่แม่แท้ ๆ แต่เป็นแม่เลี้ยงต่างหาก ที่พี่น้ำย้ายออกมาอยู่คอนโดก็เพราะรำคาญไม่อยากทะเลาะกับคนในครอบครัวที่บ้านนี่แหละ เมื่อรู้อย่างนั้นผมก็ไม่ได้อยากจะถามเรื่องในครอบครัวของพี่น้ำต่อเพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว

ตอนนี้ไอ้คีย์กับไอ้ชาก็กลับไปยังคอนโดเพื่อเอาเสื้อผ้ามาให้พี่น้ำเปลี่ยน อีกสักพักก็คงมาถึง ผมคุยกับพี่น้ำแล้วว่าพี่น้ำต้องไปใช้ชีวิตเป็นตัวผมสักพักหนึ่ง จนกว่าร่างกายของเธอจะฟื้นตัว แล้วเราค่อยมาสลับร่างกันคืน ซึ่งผมก็หวังว่ามันจะเร็ว ๆ นี้ ส่วนผมเองก็จะคอยอยู่ข้าง ๆ เธอ คอยบอกว่าต้องทำอะไร ต้องวางตัวยังไงบ้างตอนอยู่ในร่างผม

“ฉันอยากไปดูร่างตัวเองอีกสักครั้งก่อนออกจากโรงพยาบาล อยากไปหาพ่อด้วย” พี่น้ำพูดขณะพวกเรากำลังจะลงลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นล่างแล้วกลับคอนโด

“งั้นผมกับชาลงไปรอที่ชั้นล่างนะครับพี่” ไอ้คีย์พูด

“ผมไปด้วยไหมครับพี่น้ำ” ผมถามพี่น้ำ แต่ไอ้ชาชิงพูดตัดหน้าก่อนพี่น้ำจะตอบ

“มึงมากับพวกกูดีกว่ามั้ง ปล่อยพี่น้ำเขาไปคุยกับครอบครัวสักพักเถอะ” ไอ้ชาพูด

พี่น้ำได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มพยักหน้าให้ผมเป็นเชิงว่าไปคนเดียวได้ ลงไปข้างล่างกันก่อนเลย ผมเลยตามไอ้คีย์กับไอ้ชาลงไปชั้นล่างของโรงพยาบาล พวกเราเดินมาหยุดรอพี่น้ำอยู่ที่ตรงร้านกาแฟแถวนั้น อยู่ดี ๆ ไอ้ชาก็หันมาคุยกับผมด้วยท่าทางจริงจัง

“พวกกูมีเรื่องอยากจะคุยกับมึงหน่อย” ไอ้ชาพูด

“ว่าไงวะ เรื่องอะไร” ผมถามมันกลับไปด้วยความสงสัย ไอ้ชาหันไปมองหน้าไอ้คีย์เป็นเชิงให้พูดต่อ

“กูถามตรง ๆ นะ ถ้าร่างกายพี่น้ำไม่ฟื้นตัวขึ้นมา และนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราแบบนั้นไปชั่วชีวิต มึงจะทำยังไง”

“เฮ้ย เดี๋ยวพี่เขาก็ฟื้นเว้ยมึง หลังจากนั้นเราก็สลับร่างกันกลับไง” ผมตอบพวกมันไป

ผมเชื่อ ... ยังไงเดี๋ยวพี่น้ำเขาก็ต้องฟื้นขึ้นมานั่นแหละ

“มึงอย่ามาโลกสวย มึงก็รู้อยู่ ว่าอย่างที่หมอบอก ร่างกายพี่น้ำมีโอกาสจะฟื้นตัวน้อยมาก มึงจะเป็นวิญญาณเร่ร่อนแบบนี้ต่อไป ทั้ง ๆ ที่ตัวมึงก็มีร่างอยู่งั้นหรอ” ไอ้คีย์พูดต่อ

“นี่พวกมึงกำลังจะพูดอะไรกันแน่” ผมถามพวกมันออกไปอย่างไม่แน่ใจ

“อย่าหาว่าพวกกูอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะ ที่พวกกูบอกก็เพราะเป็นห่วงมึง กูอยากให้มึงขอร่างจากพี่น้ำคืน กูว่าเขาเข้าใจ แค่หัดทำสมาธิ พี่น้ำก็สามารถออกจากร่างมึงได้แล้ว”

“แต่ถ้ากูทำแบบนั้น พี่น้ำจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนนะ มันเหมือนกูไปลดความหวังเขาอีกทาง ว่าร่างเขาจะไม่มีวันฟื้นกลับมาอะ กูถึงต้องรีบขอร่างคืน” ผมตอบมันกลับไป

แค่นี้ผมก็ว่าพี่น้ำรู้สึกแย่มากพออยู่แล้ว ไม่อยากไปเพิ่มความกดดันอะไรให้เขาอีก ถ้าตอนนี้ผมยังจะไปขอเอาร่างคืนจากเขา มันเท่ากับว่าเรากำลังบอกว่าตัวเขาเองจะไม่มีโอกาสฟื้นกลับมาอีก เหมือนตัดกำลังใจ แล้วนั่นมันจะต้องทำให้อะไร ๆ แย่ลงแน่ ๆ

“แล้วมึงโอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้หรอวะ” ไอ้ชาถามผม

“กูโอเคนะ อย่างน้อยกูก็มีพวกมึงที่คอยช่วยเหลือกู แต่กับพี่น้ำ เขาไม่รู้เรื่องถอดจิต เรื่องเหนือธรรมชาติอะไรพวกนี้เลย ถ้าภายในเวลาสามเดือน ร่างของพี่เขายังไม่ฟื้นตัว กูสัญญา กูจะบอกกับเขาไปตรง ๆ เอง”

“งั้นก็ตามใจมึง พวกกูเคารพในการตัดใจสินใจของมึงนะ” ไอ้คีย์พูดเอื้อมมือมาแตะบ่าผม มันก็เป็นแค่คนเดียวนั่นแหละที่สัมผัสวิญญาณได้เพราะเป็นยมทูต

“ว่าแต่ ... กูรู้สึกว่ามึงดูเป็นห่วงพี่เขาจังนะ รู้จักกันแค่สี่ห้าวันเนี่ย” ไอ้ชาพูดแซว หรี่ตาตี่ ๆ ที่เกือบจะปิดของมันจ้องมายังผม

“ก็เขาเป็นทวดรหัสกูไง แถมเพิ่งจับได้ว่าแฟนตัวเองไปมีคนอื่นอีก กูก็ต้องห่วงดิวะ เจอกันแต่ละทีกูก็ทำให้เขาซวยอีก” ผมพูดออกไป ... แล้วจะรนทำไมวะเนี่ย

“กูว่าไม่ใช่อะ อย่าบอกนะว่ามึงจะข้ามรุ่นไปจีบทวดรหัส นี่หนักกว่าไอ้คีย์อีกนะมึง” ไอ้ชาพูดต่อ

“เรื่องของกูน่า” ผมบอกมันไป

“กูเพิ่งเคยเห็นวิญญาณหน้าแดงก็วันนี้นี่แหละ” ไอ้คีย์พูดขึ้นมาเรียบ ๆ พร้อมกับใบหน้านิ่ง ๆ ของมัน

ใครหน้าแดงวะ ...

ไม่อยู่แล้วโว้ย ...

“นั่น ๆ เป็นวิญญาณแล้วหายตัวไปทั่วเลย”

ตามมาด้วยเสียงไอ้ชาที่ร้องขึ้นมาไล่หลัง ...

ผม พี่น้ำ ไอ้คีย์ และไอ้ชา กลับมาถึงคอนโดตอนเที่ยง โชคดีที่คอนโดที่พวกเราอยู่มีสองห้อง และตอนนี้ไอ้ปูนก็ย้ายไปอยู่หอในแล้ว ห้องของผมเลยกลายไปเป็นห้องของพี่น้ำโดยปริยาย พ่อกับแม่ของผมแวะมาเยี่ยมอีกครั้งก่อนจะบินกลับไปในช่วงเย็นของวัน แม่บอกว่ายายคิดถึง ให้ไปหาเขาด้วย ไม่เจอหน้าหลานชายมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว ผมเองก็ว่าจะกลับไปหายายเหมือนกัน เพราะปกติก็กลับไปหาเกือบทุกอาทิตย์แกคงเป็นห่วงแล้วป่านนี้ คิดได้แบบนั้นก็เข้าไปถามไอ้ชาว่าพรุ่งนี้มันสะดวกไปเที่ยวบ้านยายกับผมหรือเปล่า เพราะคงต้องอาศัยมันขับรถไปให้ พี่น้ำเองก็ไม่มีทางจะขับมอเตอร์ไซค์ไปเองได้แน่ ๆ

“ได้ ๆ เดี๋ยวกูไปส่ง เมื่อก่อนไปทีไร ยายมึงทำขนมให้กินตลอดเลย นึกแล้วอยากกินขึ้นมาเลยเนี่ย”

ไอ้คีย์ว่าอย่างนั้น หลังจากนั้นผมก็เข้าไปคุยกับพี่น้ำว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปหายายที่บ้านสวน พี่น้ำเองก็กังวลกลัวว่าจะทำตัวมีพิรุธเหมือนตอนเจอพ่อกับแม่ผมอีก ผมก็บอกไม่เป็นไร ยายผมนี่ใจดีกว่าพ่อแม่ผมอีก ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องคิดมาก ถึงยังไงพี่น้ำก็ต้องทำตัวเป็นผมไปอีกซักพักอยู่ดี ไหนจะต้องตอนกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยด้วย หลังจากนั้นพวกเราก็แยกกันไปนอนหลับพักผ่อน

ถ้าถามว่าสี่ห้าวันที่ผ่านมาในสภาพวิญญาณผมต้องนอนไหม บอกได้เลยว่าไม่ต้องนอนก็ได้ แต่มันน่าเบื่อพิลึก เพราะมีแค่ผมคนเดียวที่ยังตื่นอยู่ ผมก็เลยลองนอนหลับดู ปรากฏว่ามันดีกว่าที่คิด ตื่นมายังรู้สึกสดชื่นด้วย ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟากลางห้องดีกว่า

เช้าวันต่อมา

เสียงกรีดร้องทุ้มห้าวก็ดังลั่นห้องปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา นั่นมันเสียงพี่น้ำนี่หว่า เกิดอะไรขึ้นอีกแล้วเนี่ย ว่าแล้วผมก็รีบลอยตัวทะลุเข้าไปภายในห้องพี่น้ำ เห็นไอ้ชากับไอ้คีย์วิ่งเข้ามาดูก่อนแล้ว

“เกิดไรขึ้นพี่น้ำ !” ผมร้องถามพี่น้ำ

“พี่น้ำเป็นไรไปครับ” ไอ้คีย์กับไอ้ชาก็ร้องถามขึ้นพร้อมกันด้วยความเป็นห่วง

แต่แล้วผมก็อ้าปากค้างกับภาพที่เห็นตรงหน้าเมื่อเลื่อนสายตาลงไปมองข้างล่าง ...

ร่างกายผมคงแข็งแรงดีแล้วจริง ๆ นั่นแหละ

ทำไมถึงได้ผงาดขนาดนั้นลูกพ่อ !

พี่น้ำหน้าแดงรีบคว้าผ้าห่มแถวนั้นมาปิดกางเกงนอนของตัวเอง เมื่อเห็นว่าตอนนี้มีคนเข้ามาภายในห้องถึงสองคนและวิญญาณอีกหนึ่งดวง เพราะเสียงของเธอ นี่คงเป็นสาเหตุที่กรี๊ดลั่นห้องเพราะตื่นมาเจอแบบนี้ซินะ ...

วันนี้แมลงสาบตัวใหญ่กว่าเดิมอีก ...

“ไอ้คีย์ ไส้อั่วในตู้เย็นที่ไอ้ปูนซื้อมาฝากหมดไปแล้วใช่ไหม” ไอ้ชาพูดขึ้นมาขำ ๆ

“เออหมดแล้ว” แล้วไอ้คีย์ก็ตบมุกมัน

“โชคดีนะที่กูกินหมดก่อนมาถึงวันนี้”

ไอ้พวกเพื่อนเวร ...

ส่วนผมอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ไม่กล้ามองหน้าพี่น้ำเลย ได้แต่หันไปโวยวายกับไอ้คีย์และไอ้ชา

“พวกมึงก็ออกไปได้แล้ว ! ทำอย่างกับไม่เคยเป็นตอนเช้า ๆ เรื่องธรรมชาติโว้ย” ผมร้องบอกมันก็รีบดันพวกมันพากันออกไปนอกห้องแม้จะสัมผัสตัวไอ้คีย์ได้คนเดียวก็เถอะ

ณ โรงพยาบาล

ชายหนุ่มหน้าตาดีอยู่ในชุดดูภูมิฐานเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อสอบถามหมายเลขห้องของคนไข้ที่เขาต้องการจะไปเยี่ยม ในมือถือตะกร้าผลไม้ที่เต็มเป็นด้วยผลไม้หลากหลายชนิด เมื่อได้ข้อมูลตามที่ต้องการแล้ว ชายหนุ่มก็เดินตรงไปยังลิฟต์และกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นที่ต้องการ

ภายในห้องพักพิเศษของผู้ป่วย คนไข้สาวคนหนึ่งกำลังนอนหลับตาพริ้มเป็นเจ้าหญิงนิทราอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ข้างกายบริเวณโซฟามีชายวัยกลางคนกำลังนั่งมองลูกสาวของตัวเองอย่างมีความหวัง หวังว่าลูกสาวจะลืมตาขึ้นมาเร็ว ๆ นี้

นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว ทำไมลูกถึงยังไม่ฟื้นสักทีนะน้ำ พ่อรอลูกอยู่นะ

ชายวัยกลางคนหยิบแท็บเล็ตตัวเองขึ้นมาเช็คข่าวสาร ราคาหุ้น พร้อมกับทำงานไปพลาง ๆ เขาไม่เคยคิดเหมือนกันว่าลูกตัวเองต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ถ้าเลือกได้ เขาเองด้วยซ้ำที่อยากจะไปนอนตรงนั้นแทนเธอ เธอยังอายุน้อย ยังมีอนาคต ยังมีอะไรอีกมากที่รอเธออยู่ เธอไม่ควรต้องมานอนอยู่แบบนี้ เขายอมรับ ว่าเมื่อก่อนไม่ค่อยได้มีเวลาให้เธอมากเพราะมัวแต่ทำงานหาเงิน แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว ว่าต่อให้เขามีเงินมากมายแค่ไหน เงินที่มีก็ไม่สามารถซื้อลูกสาวตัวเองให้ลืมตาขึ้นมาได้

ชายวัยกลางคนนั่งทำงานพร้อมกับคิดอะไรไปเพลิน ๆ อยู่ ๆ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ก่อนจะมีคนเปิดประตูเข้ามาใหม่ ร่างที่เปิดประตูเข้ามาทำให้ชายวัยกลางคนหันไปมอง คนที่เดินเข้ามาพร้อมตะกร้าผลไม้เขาคุ้นเคยดีเพราะเห็นอยู่กับลูกสาวของเขาบ่อย ๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่ยืนอยู่ตรงนั้นมีแววตาเศร้า ร่างนั้นยกมือขึ้นไหว้คนที่อาวุโสกว่าก่อนพูดขึ้นมา

“สวัสดีครับคุณพ่อ ขอโทษนะครับที่เพิ่งมาเอาป่านนี้ อาการน้ำเป็นยังไงบ้างครับ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด