ตอนที่แล้วตอนที่ 13
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15

ตอนที่ 14


ตอนที่ 14

หนึ่ง สอง สาม… ทั้งหมด 6 ตัวสินะ ซูฮยอนนับจำนวนลูกอสรพิษที่พึงฝักออกจากไข่

พวกมันฝักออกมาจากไข่อย่างปลอดภัย

อสรพิษมีลำตัวขนาดใหญ่มาก  นี้ขนาดมันยังเกิดได้ไม่นานนะ

ขนาดตัวของมันยังใหญ่กว่าอนาคอนด้าถึงสองเท่า

ฟ่อ ฟ่อ

เมื่ออสรพิษทั้ง 6 ตัวสังเกตเห็นผู้มาเยือนคนใหม่

พวกมันก็พากันคลานเข้าไปหาทันที

แม้ว่าชาวบ้านที่ซูฮยอนพามาด้วยจะตัวใหญ่

แต่มันก็ยังเล็กอยู่ดีเมื่อเทียบกับขนาดของอสรพิษ

ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

ถึงขั้นต้องไปหลบอยู่หลังซูฮยอน

“เจ้า อสรพิษน้อย ใจเย็นๆ”

ฟ่อ ฟ่อ

ซูฮยอนเดินไปหาพวกมันอย่างไม่กลัวตายและพูดย้ำอีกครั้งว่า “อสรพิษน้อย เบาได้เบานะ พวกฉันมาดี”

ฟ่อ ฟ่อ

ภายในถ้ำที่มืดมิด มีมนุษย์กับมอนสเตอร์ เผชิญหน้ากัน

ฟ่อ ฟ่อ

เมื่อเจ้าอสรพิษน้อยเห็นนัยน์ตาของซูฮยอนเต็มไปด้วยพลังเวทย์

พวกมันก็เกิดอาการสั่นกลัวขึ้น

ชาวบ้านที่ตามหลังซูฮยอนมา มองซูฮยอนด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ

'เกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมพวกมันถึงกลัวหล่ะ'

‘ถึงข้าจะรู้อยู่แล้วก็เถอะว่าเขาฆ่าตัวแม่ของพวกมันไปแล้ว แต่ว่า..’

‘เขายังเป็นมนุษย์อยู่ใช่ไหม’

มนุษย์สามารถเอาชนะมอนสเตอร์ด้วยสายตาเนี้ยนะ มันเป็นไปได้เหรอ

ต้องไม่ลืมว่าเจ้าอสรพิษมันแข็งแกร่งขนาดไหน

แค่หลุดออกไปนอกหมู่บ้านแค่ตัวเดียว หมู่บ้านคงถูกทำล้ายในพริบตา

“เป้าหมายต่อไปคืออะไรล่ะ”

“อย่าบอกนะว่า จะให้พวกเป็นอาหารของพวกมัน…”

ความกังวลปรากฏขึ้นมาในสายตาของชาวบ้าน

พวกเขากลัวว่าซูฮยอนจะจับพวกเขาโยนไปให้เจ้าอสรพิษน้อย เพื่อเป็นอาหารของพวกมัน

“พวกคุณคิดมากเกินไปแล้ว”ซูฮยอนกล่าวหลังจากเห็นอาการ จิตตกของชาวบ้าน

“พวกเราจะฝึกเจ้า อสรพิษ น้อยพวกนี้”

“อะไรนะ”

“คุณจะฝึกฝนพวกมันงั้นเหรอ เอาจริงดิ”

ซูฮยอนเริ่มอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้น

“เอาหล่ะ ผมจะอธิบายแค่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นตั้งใจฟังให้ดี เจ้าอสรพิษพวกนี้จะกินเหยื่อทุก 3 วัน ส่วนวันที่เหลือพวกมันจะใช้ไปกับการนอนพักผ่อน จุดสำคัญคือ มันจะไม่กินผู้มีพระคุณของมันหรือก็คือผู้ที่เลี้ยงมันนั่นแหละ”

“อืม..”

“ถึงแม้พวกมันจะเป็นมอนสเตอร์ที่ดุร้าย แต่มันก็มีนิสัย ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ธรรมดาทั่วไป เช่น หมา แมว”

“เรื่องจริงเหรอ”ชาวบ้านทุกคนที่ตั้งใจฟัง ยังไม่อยากจะเชื่อมามันจะมีนิสัยเหมือนสัตว์ธรรมดาทั่วไป

“เรื่องจริง ถ้าพวกคุณตั้งใจฝึกมันให้ดี พวกมันจะคิดว่าพวกคุณคือ พ่อ แม่ ของมัน”

สิ่งที่ซูฮยอนต้องการคือ ให้ชาวบ้านฝึกมันให้เชื่องเพื่อเป็นมอนสเตอร์ผู้พิทักษ์หมู่บ้าน

แต่ในสมัยนี้ มอนสเตอร์เกือบทุกชนิดล่ามนุษย์เป็นอาหาร เพราะฉะนั้นการฝึกมันให้เชื่องจึงเป็นได้แค่เรื่องเพ้อฝัน

“คุณบอกจะฝึกมันให้เชื่อง ถ้าอย่างงั้นอาหารของพวกมันก็คือมนุษย์สินะ…”

“ใครบอกว่ามันกินแต่เนื้อมนุษย์กัน”ซูฮยอนตอบกลับไป

“หืม?”

“ข้างนอกหมู่บ้านไม่มีอาหารเลยหรือไง”

“ข้างนอกหมู่บ้านงั้นเหรอ..”ชาวบ้านที่ฟังอยู่ยังคงจับใจความไม่ค่อยได้

ซูฮยอนจึงตัดสินตอบกลับอีกครั้ง

“พวกมันชอบกินเนื้อมนุษย์ก็จริง แต่ก็ไม่มีกฎข้อไหน ห้ามพวกมันกินมอนสเตอร์ด้วยกันซะหน่อย”

“คุณกำลังจะบอกว่าในพวกชาวบ้าน ออกไปล่ามอนสเตอร์นอกหมู่บ้านเพื่อนำกลับมาเป็นอาหารของเจ้า อสรพิษ นี้สินะ”

“ไม่มีทาง คุณจะให้ชาวบ้านออกไป แกว่งเท้าหาเสี้ยนทำไม”

“ใครบอกว่าให้ชาวบ้านไปล่ามอนสเตอร์กัน”

“หาาา.”

ซูฮยอนมองดูการแสดงออกของสีหน้าที่งงงันของชาวบ้าน

เขาคิดว่าเขาเลือกชาวบ้านที่ดูแข็งแรงที่สุดแล้วแท้ๆ

แต่พวกเขากลับปอดแหกมากกว่าที่ซูฮยอนคิดมากนัก

“เรื่องล่ามอนสเตอร์เดียวผมจัดการเอง ส่วนเรื่องการป้อนอาหาร พวกคุณจัดการเองก็แล้วกัน”ซูฮยอนกล่าว

ดูเหมือนเขาจะรู้แล้วทำไมเจ้าอสรพิษถึงออกลูกมาตอนนี้

เพราะเจ้าอสรพิษล่าเนื้อ คือกุญแจสำคัญในการผ่านชั้นที่ 10

ซึ่ง ซูฮยอนต้องใช้ข้อได้เปรียบจากจุดนี้ เพื่อทำภารกิจในเสร็จสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์

บททดสอบของชั้นที่ 10 มันยากสมคำร่ำลือจริงๆ

ถ้าเขาไม่รู้สึกถึงเจ้า อสรพิษตัวนี้ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องปกป้องหมู่บ้านจากอะไร

ถึงแม้ซูฮยอนจะมั่นใจว่า ถ้าเขาอยู่ที่นี่นานวันเข้า  ไม่แน่สักวันหนึ่งเขาก็คงจะค้นพบกับความลับของหมู่บ้านแห่งนี้ก็ได้ แต่มันก็เสียเวลาจนเกินไป

โชคที่ซูฮยอนได้รู้ข้อมูลลับจากปากของผู้อารักขา

ทำให้เขาสามารถเคลียร์เรื่องที่เขาสงสัยได้อย่างรวดเร็ว

ถ้าหากเขาไม่ได้ข้อมูลจากผู้อารักขา เขาคงถูกหัวหน้าหมู่บ้านหลอกไปเป็นอาหารเจ้า อสรพิษ อย่างแน่นอน

[สำเร็จแล้ว:30 เปอร์เซ็นต์]

[คุณมีความมั่นใจที่จะทำมันให้สำเร็จหรือไม่]

นี่คือข้อความที่เขาได้ยินหลังฆ่าอสรพิษผู้เป็นแม่ไป

มันเป็นข้อความที่ผู้ทดสอบสามารถไปชั้นถัดไปได้ทันที

ขึ้นอยู่ที่ผู้ทดสอบว่าจะเลือกแบบใด

ในชีวิตที่แล้ว เขาเคยเจอบททดสอบแบบนี้มามากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เขาเลือกที่จะผ่านไปชั้นถัดไปเลยทันที

แค่คุณสามารถเปิดโปงความลับของหัวหน้าหมู่บ้านและฆ่ามอนสเตอร์อสรพิษ เพียงแค่นี้บททดสอบของคุณก็ผ่านแล้ว

ทว่าครั้งนี้มันต่างกัน ซูฮยอนไม่อยากปล่อยปละละเลยอีกต่อไป

หัวหน้าหมู่บ้านโดนโบยจนตาย แถมเจ้าอสรพิษตัวแม่ก็ไปตายตามไปอีก

ทำให้หมู่บ้านในตอนนี้ไม่มีที่พึ่งอีกต่อไป

ไม่นานเกินรอ พวกมอนสเตอร์ต้องบุกหมู่บ้านแห่งนี้แน่ๆ

***

ความสำเร็จตอนนี้มันมีแค่ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

มันหมายความว่าหมู่บ้านแห่งนี้พร้อมแตกสลายได้ทุกเมื่อ

นับแต่นี้ไป ซูฮยอนคงต้องพยายามให้หนักขึ้น เพื่อปกป้องหมู่บ้านแห่งนี้

ช่วงเวลานี่คือช่วงเวลาที่สำคัญมากสำหรับซูฮยอน

เขาต้องฝึกเจ้า อสรพิษ น้อยให้เชื่องโดยเร็วที่สุด

โชคดีที่ซูฮยอนพอรู้ของมูลของเจ้าอสรพิษมาบ้าง เลยทำให้เรื่องต่างๆง่ายขึ้นไปอีก

เห็นได้ชัดว่าการทดสอบชั้นที่ 10 ไม่เพียงแต่ยากเท่านั้น มันยังต้องอาศัยไหวพริบ แล้วความรู้รอบตัวอีกด้วย

เมื่อซูฮยอนและชาวบ้านออกมาจากชั้นใต้ดิน มันก็ถึงช่วงเวลาเย็นแล้ว

เมฆสีดำเริ่มปกคลุมท้องฟ้าอย่างช้าๆ

“นี่ฉันต้องดูแลเจ้า 6 ตัวนั้นไปอีกนานแค่ไหนกัน”ซูฮยอนบ่นพึมพำเบาๆ

เขาก้าวออกไปนอกหมู่บ้าน เพื่อไปล่ามอนสเตอร์สำหรับเป็นอาหารแกเจ้าตัวเล็ก

เจ้าอสรพิษล่าเนื้อจะปล่อยฟีโรโมนออกไปบริเวณรอบๆ เพื่อสร้างอาฌาเขตของมัน

ด้วยกลิ่นที่เหม็นหืนของมัน ทำให้มอนสเตอร์ที่อ่อนแอไม่กล้าเข้าใกล้อาณาเขตของมัน

ซึ่งกลิ่นที่มันปล่อยออกมามีอายุแค่ 15 วันเท่านั้น

“ลูก อสรพิษ 6 ตัว งั้นเหรอ”

เนื่องจากอายุของเจ้า อสรพิษ ยังเด็กอยู่ มันจึงต้องกินอาหารมากเป็นพิเศษ

“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องเหนื่อยไปอีกหลายเดือนเลย เฮ้อ”

ฟรึบ ฟรึบ

ซูฮยอนหยุดอยู่กลางป่ารกทึบ “ดูเหมือนจะ เจอเหยื่อเข้าแล้ว”

โฮกกกก

ทันทีที่ซูฮยอนออกจากอาณาเขตของ อสรพิษ เขาก็พบว่ามีมอนสเตอร์มากมายอยู่บริเวณรอบตัวเขา

“ก็ดีเหมือนกัน ได้เวลายืดเส้นยืดสายซักที”

ซูฮยอนไม่จำเป็นต้องค้นหามอนสเตอร์

เพราะไม่ว่ายังไงพวกมันก็อยู่แถวๆนี้อยู่ดี

“เฮ้ มอนสเตอร์ ทั้งหลายอาหารมาเสิร์ฟแล้ว ออกมาเร็ว”

[คุณใช้สกิล “กระโดด”]

[มอนสเตอร์โดยรอบรับรู้การคงอยู่ของคุณ]

โฮกกกกก

ฟรึบ ฟรึบ

เมื่อมอนสเตอร์เห็นการมาถึงของซูฮยอน น้ำลายของมันก็หยดลงเต็มพื้น

โฮกกก

ซูฮยอนหยิบทั้งดาบและหอกเอาไว้ในมือ

จากนั้นเขาก็ใช้สกิล 'กระโดด' ไปหามอนสเตอร์ที่เขาหมายตาไว้

ฟุ่บ

ฉึก

มอนสเตอร์ที่มีร่างกายเป็นหมาป่ามีหัวเป็นสิงโต ถูกแยกเป็นสองซีก

เมื่อตัวแรกตายไปตัวทีสองก็ตามมา ซูฮยอนใช้สกิลกระโดดอย่างต่อเนื่อง

ยิ่งใช้สกิลมากเท่าไหร่ความชำนาญก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

พอความชำนาญเพิ่มขึ้นสกิลก็ยิ่งพัฒนาขึ้นอีก

“เขามาเลยเจ้ามอนสเตอร์”

ซูฮยอนตะโกนกลางอากาศ แล้วเล็งอาวุธไปที่เป้าหมาย

ฉัวะ

โฮกกก

ซูฮยอนแลนดิ้งลงพื้นอย่างสวยงามแล้วหยิบธนูคันเล็กขึ้นมา

เขาวางหอกลงแล้วเล็งธนูไปที่มอนสเตอร์

ฟิ้ว

ลูกศรวิ่งผ่านอากาศตรงไปที่หัวใจของมันอย่างรวดเร็ว

เมื่อหัวใจที่หล่อเลี้ยงร่างกายถูกทำลายมันก็จบชีวิตลงอย่างอนาถ

กี้ กี้ กี้

เหยื่อรายต่อไปของซูฮยอนโผล่มาอีกตัว คราวนี้มันคือ ก๊อบลิน มันชูคฑาเวทย์มนต์ขึ้นฟ้า

ทันใดนั้น บรรยากาศโดยรอบก็เริ่มหมองหม่นลง

ดูเหมือนเจ้า ก๊อบลิน มันจะสามารถใช้คาถาความมืดได้

ถ้าให้มนุษย์ธรรมดามายืนอยู่ภายในอาฌาเขตเวทย์ของมัน

มนุษย์ผู้นั้นจะถูกดูดอายุขัยลงไป จนถึงขั้นแก้ชรา

ตู้ม

แต่จังหวะนั้นเอง ดาบของซูฮยอนก็เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงขึ้น

[คุณใช้สกิล 'เพลิงพิโรธ' เรียบร้อยแล้ว]

เมื่อดาบของซูฮยอนมีเพลิงลุกขึ้น ความมืดที่ปกคลุมเมื่อครู่ก็ค่อยๆหายไป

ซูฮยอนใช้สกิลกระโดดยันพื้นแล้วพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อเจ้าก็อบลินสัมผัสได้ถึงความตายมันก็ถอยล้นกลับไปทันที

ดาบในมือของซูฮยอนยังคงร้อนแรงดุจไฟจากนรก

แต่มีหรือที่ซูฮยอนจะปล่อยเหยื่อของเขาให้หนีไปได้

“แกจะไปไหนมาคุยกันก่อน”

[คุณใช้สกิล 'ยั่วยุ' เรียบร้อยแล้ว]

เมื่อซูฮยอนใช้สกิล 'ยั่วยุ' เจ้าก็อบลินที่กำลังวิ่งหนี้ อยู่ดีๆก็วิ่งกลับมาหาซูฮยอนด้วยแววตาโกรธจัด

“ดีกลับมาหาฉันซะ”

สกิล 'เพลิงพิโรธ' เขาได้รับมันมาจากชั้นที่ 8

ถึงแม้ซูฮยอนจะผ่านมาหลายชั้นแล้ว

แต่สกิลที่เขาเรียนก็ยังมีไม่เยอะ

เพราะถ้าหากเขาเรียนรู้สกิลมากเกินไป

มันจะทำให้เขารีดประสิทธิภาพของมันออกมาได้ไม่เต็มที

เพราะฉะนั้นซูฮยอนจึงเลือกสกิลที่เขาชอบเท่านั้น

และใช้มันจนชำนาญให้มากที่สุด

สกิล กระโดด และ สกิลยั่วยุ เป็นสกิลที่ถูกใช้มากที่สุดในหมู่ผู้คน

เพราะมันถูกแนะนำจากผู้มีประสบการณ์จากกิลด์ต่างๆมากมาย

ส่วนสกิล 'เพลิงพิโรธ' มันเป็นสกิลที่คนไม่ค่อยนิยมใช้กันสักเท่าไหร่

แต่ซูฮยอนกลับชอบมัน

[เพลิงพิโรธ]

-ระดับเวทย์ : 4

-เลเวล 1.

-อบิลิตี้:15.5%

-เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เผาไหม้ด้วยเวทย์มนต์ สามารถสร้างบาดแผลที่ร้ายแรงแกมอนสเตอร์ ธาตุมืด ได้เป็นอย่างดี ความแรงของสกิลขึ้นอยู่กับระดับเวทย์

มันเป็นสกิลที่ซูฮยอนถูกใจจริงๆ โดยเฉพาะ คุณสมบัติของมันทีสามารถสร้างบาดแผลแกมอนสเตอร์ธาตุมืดได้

เพราะในอนาคตมอนสเตอร์ธาตุมืดจะมีมากขึ้น เรื่อยๆ

เพราะฉะนั้นมันจึงจำเป็นต่อซูฮยอนมากๆ

ไม่ใช่แค่นั้นมันยังสามารถแผดเผาวิญญาณชั่วร้ายได้อีกด้วย

เพราะวิญญาณชั่วร้าย ไม่สามารถใช้ดาบเปล่าๆฟันมันได้

มันเป็นสกิลที่ทรงพลังจริงๆ ทุกครั้งที่ซูฮยอนใช้สกิล 'เพลิงพิโรธ' เขาจะค่อยประเมินความสามารถของมันทุกครั้ง

ซึ่งผลที่ออกมา มันน่าพอใจมากๆสำหรับซูฮยอน

สกิลนี้ข้อเสียของมันก็มีเหมือนกัน

ข้อเสียของมันก็คือ

เมื่อใช้สกิล 'เพลิงพิโรธ' ออกมา ร่างกายของผู้ใช้ต้องแบกรับภาระอย่างหนัก

มันไม่คุ้มเลยที่ใช้สกิลนี้กลับมอนสเตอร์ปลายแถว

แต่ที่ซูฮยอนตัดสินใจใช้มัน

เพราะว่า..

จะมีที่ไหน เหมาะไปกว่าที่นี่

ในการทดสอบประสิทธิภาพของสกิลกันล่ะ จริงไหม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด