ตอนที่แล้วบทที่ 80 : คนขี้ประจบก็ดูสถานะเหมือนกัน 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 82: ลอร์ดที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยม

บทที่ 81: ระบบเจ้าขุนมูลนายเป็นสิ่งสำคัญ


ในวันธรรมดา เมืองบลูมูนก็เป็นสถานที่ที่สงบเงียบ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามีเอลฟ์จำนวนเท่าไหร่อาศัยอยู่ที่นั่น

แต่นี่เป็นวันที่ไม่ปกดิวันหนึ่ง เอลฟ์จำนวนมากปรากฏตัวขึ้นและทำให้เกิดความชุลมุนวุ่นวายไปทุกที่

การเคลื่อนไหวของคนมากกว่า 4 หมื่นคนไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะทำให้สำเร็จได้เลย ภาพความเร่งรีบและความหนาแน่นของจำนวนคนค่อยๆ ปรากฏต่อหน้าของวิลเลียม

เนื่องจากเอลฟ์มีการสืบพันธุ์ค่อนข้างแย่ ภาระทางครอบครัวของพวกเขาจึงมีแค่เล็กน้อย แต่พวกเขากลับขนสิ่งของจำนวนมากมาด้วยแทน

การมีชีวิตอยู่เป็นร้อยๆ ปี เอลฟ์สะสมของและเฟอร์นิเจอร์ที่พวกเขาชอบเอาไว้มากมาย พวกเขายังเก็บอาวุธและอุปกรณ์มากมายอีกด้วย

ในอาณาจักรมนุษย์ เอลฟ์ที่มีอายุมากกว่า 100 ปีเกือบทุกคนเป็นชนชั้นสูงหรือผู้ดีเก่าทั้งนั้น พวกเขาถูกมองว่ามีฐานะมั่งคั่งร่ำรวย

แต่ก็มีจุดที่ต้องยกขึ้นมาพูดอยู่จุดหนึ่ง

เอลฟ์ที่อายุยืนยาวนั้นล้วนแต่ใช้ชีวิตอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

พวกเขาชอบทิวทัศน์และสิ่งใหม่ๆ แต่จะยังจำสิ่งดีๆ จากหลายร้อยหรือพันๆ ปีที่ผ่านมาไว้ได้อยู่ ไอเท็มเหล่านี้เป็นไอเท็มที่พวกเขาหวงแหน หรือเป็นสิ่งที่พวกเขาเป็นเจ้าของมาแล้วหลายร้อยปี เช่นเดียวกันกับสิ่งของที่ตกทอดมาในตระกูล

ด้วยอายุขัยที่ยืนยาวความเฉื่อยชาก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ พวกเขากลายเป็นคนเกียจคร้านด้วยซ้ำไป พวกเขาชอบนั่งสบายๆ บนเก้าอี้โยกและพักผ่อนตลอดทั้งวันราวกับคนแก่

แต่เลือดของพวกเขาก็ยังคงทำงาน มันทำให้พวกเขาได้รับโอกาสในการลองสิ่งใหม่ๆ ราวกับเด็กๆ!

ชีวิตที่ยืนยาวทำให้พวกเขาได้สัมผัสประสบการณ์ที่มากกว่า พวกเขามีชีวิตอยู่นานกว่าคนอื่นๆ แค่มันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ยกตัวอย่างเช่น พวกเขามีความทรงจำที่มากถึงพันๆ ปี อ้างอิงจากลักษณะของ ‘ชีวิต’ พวกเขาคงเลือกที่จะลืมหลายๆอย่างไป แต่ในหมู่ความทรงจำอันเจ็บปวดเหล่านี้ มันก็มีอีกหลายความทรงจำที่เหล่าเอลฟ์ไม่สามารถลืมได้

ดังนั้น เมื่อพวกเขาย้ายบ้าน มันจึงลำบากมากกว่านักรบโถวเหยิน

ไม่เหมือนเหล่าทาสที่วิลเลียมซื้อมาซึ่งไม่มีอะไรเลยนอกจากเสื้อผ้าบนร่างกายของพวกเขา!

แล้วส่วนชาวเมืองทั่วไปน่ะหรอ? พวกเขาต้องการแค่กระเป๋าสองใบ

แต่ในกลุ่มนี้ แต่ละคนต้องใช้อย่างน้อยหนึ่งรถม้าในการขนย้ายข้าวของทั้งหมดของพวกเขา

น่าเศร้า เหล่าเอลฟ์ที่อาศัยอยู่ในป่าไม่ได้มีม้ามากมายเท่าไหร่นัก แค่ 300 ถึง 400 ตัวเท่านั้นในเมืองบลูมูนทั้งเมือง

มีอสูรเวทย์จำนวนหนึ่งที่ถูกเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงโดยเหล่าเอลฟ์นักล่า แต่ก็มีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น และถึงแม้จะใช้แรงทั้งหมด พวกมันก็ไม่สามารถขนอะไรได้มากมายนัก

ดังนั้น วิลเลียมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ม้วนกระดาษเวทมนต์เคลื่อนย้ายและส่งรถม้าจากเมืองแห่งรุ่งมา

ในเวลาเดียวกัน เขาก็บอกให้โอดอมรวบรวมคนบางส่วนไว้ พวกเขาจะเริ่มวางแผนสำหรับการขยายเมืองและเริ่มงานทันที

[แจ้งเตือน: ทำภารกิจลับสำหรับอนาคตของเจ้าหญิงแอนนี่ให้สำเร็จ]

[ค่าความสำเร็จ: 100%]

[รางวัล: เอลฟ์ 45,000 ตนจะย้ายไปยังเมืองแห่งรุ่งอรุณ]

[รางวัล: ค่าประสบการณ์ 98000 แต้ม]

[คอมเม้นต์: คุณมีวาทะศิลป์ที่ดีเหมาะสำหรับการเป็นนักการทูต]

เมื่อวิลเลียมเห็นรางวัลที่เพิ่งจะได้รับจากภารกิจ เขาก็ยิ้มออกมา

ดูเหมือนรางวัลของภารกิจนี้จะไม่ได้มีความหมายอะไรจริงๆ ค่าประสบการณ์ที่ได้รับก็ไม่เยอะ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาได้รับเอลฟ์ 45,000 ตน ในจำนวนนั้นก็รวมถึงรีเจนด์ในอนาคตอย่าง เอลิยา ซีลล์

“ถ้าฉันได้มันก็เป็นเพราะฉันก็โชคดี แต่ถ้าฉันไม่ได้มันก็เป็นเพราะโชคชะตา ใครจะไปคิดว่าหลังจากฉันทิ้งแผนการตามล่าพิมพ์เขียวของเรือไปแล้ว ฉันจะได้รับกำไรที่มากกว่าเดิมเสียอีก?” วิลเลียมหัวเราะอย่างภูมิใจ โดยที่เขาไม่ทันรู้สึกตัว เขาก็ได้เริ่มตั้งตารออนาคตที่สดใสไปแล้ว

ไม่มีใครคิดว่าวิลเลียมเดินทางมาครั้งนี้เพื่อตามหาพิมพ์เขียวสำหรับต่อเรือ

และด้วยการกลับมาของเขา เขาได้นำเจ้าหญิงของเอลฟ์มูนไลท์กลับมากับเขาด้วย เช่นเดียวกับเอลฟ์อีก 45,000 ตน!

โอดอม หัวหน้าเลขาของเมืองผู้มีผมหยิกสีทองทั้งช็อคและมีความสุขไปพร้อมๆ กัน ความเคารพที่เขาทีต่อท่านลอร์ดของเขามีแต่เพิ่มขึ้นๆ

เอริค ผู้ช่วยหัวหน้าทีมทหารรับจ้างเคารพนับถือวิลเลียมอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าถ้าเขาติดตามท่านลอร์ด เขาจะมีอนาคตที่ดียิ่งขึ้น, มีเนื้อให้กิน, และมีเหล้าให้ดื่ม

ความรู้สึกของอเล็กซ์สามารถสรุปได้สั้นๆหนึ่งประโยค “ท่านลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่คือบุตรแห่งความรุ่งโรจน์ของที่สุดแห่งความรุ่งโรจน์ ทุกคนจะต้องคุกเข่าและตะโกนคำว่าเจ๋งเป้งไปที่การกระทำของเขา!”

ส่วนสำหรับตาแก่แฮงค์ช่างเหล็กและโมเสส พวกเขาไม่ชอบมีส่วนร่วมในเรื่องการเมือง และไม่อยากออกความคิดเห็นของพวกเขา แม้ในขณะที่ผู้คนกำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องนี้ตามถนนอยู่ก็ตาม…

ที่สุดแล้ว ในฐานะช่างเหล็กผู้ได้รับการสืบทอดมาจากนักบุญคนหนึ่ง ตาแก่แฮงค์ก็กำลังจะกลายมาเป็นผู้วิเศษรอบด้านระดับรีเจนดารีคนหนึ่ง และโมเสสก็เป็นคนหนึ่งที่มีสายเลือดระดับรีเจนดารี พวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆ เช่นนี้ พวกเขามีความคิดเป็นของตัวเองและรอคอยอยู่ในเมืองแห่งรุ่งอรุณเพราะขี้เกียจเกินกว่าที่จะย้ายถิ่นฐาน พวกเขารู้สึกว่าวิลเลียมนั้นน่าสนใจ

มีแค่ลอทเนอร์เท่านั้นที่กังวล เมื่อเขารู้ว่าการกระทำของวิลเลียมจะทำให้ใครบางคนเกิดความอิจฉาและไม่พอใจอย่างแน่นอน

เจ้าหญิงแอนนี่ได้กลายมาเป็นพันธมิตรคนหนึ่งจากการแต่งงานกับราชวงศ์แห่งเอลฟ์แบล็คลีฟ

มันไม่ใช่ว่าเจ้าชายคนอื่นจะมีโอกาสหรือต้องการเวลามากกว่านี้กว่าที่พวกเขาจะสามารถแต่งงานกับเจ้าหญิงคนนี้ได้

แต่สถานการณ์ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากขึ้น

การมาถึงของแอนนี่เป็นสัญญาณให้กับผู้คน

เธอไม่ได้เลือกเจ้าชายเอลฟ์คนอื่น เธอเลือกวิลเลียมให้มาเป็นคู่ชีวิตของเธอในอนาคต…

จุ๊ๆ แม้ว่าวิลเลียมจะมีสายเลือดราชวงศ์ เขาก็ไม่ใช่คนที่ได้รับการยอมรับจากคนอื่น

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังลักพาตัวเจ้าหญิงผู้นี้มาอีก…

สถานการณ์นี้จะนำพาปัญหามากมายเข้ามา

“แต่มันก็มีข้อดีอีกหลายข้อสำหรับสถานการณ์นี้เหมือนกัน ถ้าวิลเลียมได้ครองคู่กับแอนนี่จริงๆ ปัญหาเกี่ยวกับสายเลือดของเขาก็จะไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป วิลเลียมก็อาจจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่สำคัญกับเอลฟ์มูนไลท์ได้!” ลอทเนอร์ยืนอยู่ที่ประตูเมืองและทอดสายตาออกไปไกล

หลังจากนั้นไม่นาน

คนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาทางหางตาของเขา เขาออกคำสั่งทันทีและทักทายคนกลุ่มนั้น “ยินดีต้อนรับการกลับมา ท่านลอร์ด ยินดีต้อนรับเจ้าหญิงแอนนี่ ยินดีต้อนรับท่านผู้มาจากแดนไกล”

ด้านหลังของเขาคือทหาร 3,000 นายที่ยืนอยู่ ทหาร 500 นายอยู่บนม้าสีขาวและมุ่งออกมาด้านหน้า

พวกเขายกธงของเมืองแห่งรุ่งอรุณอยู่ ธงประกอบด้วยแสงสีขาวที่ตัดผ่านเมฆสีเทา

จากการที่ตัวธงนั้นทำมาจากวัสดุเวทมนต์…

ในพริบตานั้นเอง

แสงอาทิตย์สาดส่องไปรอบด้าน!

ทัศนียภาพนี้ช่างเปล่งประกาย

ทหารอีก 2,500 นายที่เหลือวาดดาบยาวของพวกเขาออกมาและชี้มันขึ้นไปยังท้องฟ้า เสียงกู่ร้องของพวกเขากังวาลไปรอบด้าน “ยินดีต้อนรับท่านลอร์ด ยินดีต้อนรับเจ้าหญิง ยินดีต้อนรับมิตรสหายจากเมืองบลูมูน!”

วิลเลียมเฝ้าดูขณะที่เหล่าทหารเกรียงไกรเข้าขนาบทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วและปกป้องเอลฟ์ขณะที่พวกเขาเข้ามาในเมือง ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้นเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับมัน ลอทเนอร์ไม่ได้เสียเวลาหกเดือนไปกับเขาอย่างไร้ความหมาย เขาเป็นคนเจ้าระเบียบเอามากๆ…

“ท่านรู้ว่าเราต้องการอะไร ท่านเข้าใจถึงสิ่งที่เราต้องการจริงๆ …”

ผลลัพธ์นั้นยอดเยี่ยม

ไม่ว่าใครก็สามารถมองเห็นความยอดเยี่ยมนี้ได้ ดูได้จากการแสดงออกของเอลฟ์จากเมืองบลูมูนก็รู้

พิธีต้อนรับที่ยิ่งใหญ่และอบอุ่นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและสุขใจอย่างไม่ต้องสงสัย

“ชุดเกราะป้องกันระดับมาตรฐานของพวกเขาทุกคนทำมาจากมิทริล ดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาก พวกเขาดูกล้าหาญและทรงพลังมาก!”

“ไม่เลวเลย ไม่เลวเลยซักนิด จากที่เห็น พวกเราก็มั่นใจได้แล้วว่าสภาพความเป็นอยู่ในเมืองแห่งรุ่งอรุณจะต้องดีมากแน่ๆ”

“ใช่ ท่านลอร์ดวิลเลียมได้ส่งคนของเขาให้ไปจัดเตรียมสถานที่สำหรับบ้านใหม่ของพวกเรา เขายังบอกพวกเขาว่าเราสามารถสร้างบ้านต้นไม้ของพวกเราเองได้อีกด้วย แค่นี้ก็สร้างความประทับใจให้ข้าแล้ว เจ้าชายที่มีสายเลือดมนุษย์นี่น่าสนใจจริงๆ” เอลฟ์มากมายชี้นิ้วไปมาและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

แอนนี่เองก็ถอดกระโปรงออกเปลี่ยนไปสวมใส่ชุดเกราะที่ไม่ได้ใส่มานาน เธอกระโดดขึ้นบนหลังม้า เธอดูองอาจและกล้าหาญ

วิลเลียมคอยอยู่เป็นเพื่อนเธอ เมื่อพวกเขามาถึงประตูเมือง เขาก็ลงจากหลังม้าและเดินเข้ามาหาแอนนี่ วิลเลียมส่งมือของเขาออกและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ยินดีต้อนรับสู่บ้านใหม่ของเจ้า เราหวังว่าน้องสาวแอนนี่จะชอบมัน”

แอนนี่หลุบตาและมองไปด้านหลัง เธอนิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ก็เอื้อมจับมือของวิลเลียมไว้แน่นก่อนที่จะลงจากหลังม้าของเธอ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในเมืองด้วยกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด