ตอนที่แล้วDH บทที่ 10 - ดาบผกผัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDH บทที่ 12 - มนุษย์ ปีศาจ และหัวเมืองเหมันต์

DH บทที่ 11 - การควบคุมลมปราณ


DH บทที่ 11 - การควบคุมลมปราณ

เป็นที่เล่าลือกันว่าปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายนั้นสามารถเคลื่อนภูเขาและต่อกรกับเหล่าทหารนับล้านได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวราวกับว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นพระเจ้า แม้แต่กระบวนท่าธรรมดาที่พวกเขาใช้ก็ยังมีพลังอย่างน่ากลัวอันเป็นผลจากการฝึกฝนวิชาอาคม

แต่ทว่าติงโฮวนั้นไม่ได้มีสถานะในทางสังคมและไม่ได้ฉลาดมากนัก เขาจึงรู้จักวิธีการฝึกฝนร่างกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ติงโฮวจำได้ราง ๆ ว่าสำหรับผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ จะมีการจัดระดับจากต่ำไปสูงโดยเริ่มจาก ผู้ฝึกฝน แล้วเลื่อนขั้นไปเป็นผู้ฝึกยุทธ์ จากนั้นจึงเป็น จอมยุทธ์ ปรมาจารย์ และปรมาจารย์ปราบเซียนตามลำดับ แต่เขาไม่แน่ใจว่ามีขั้นที่สูงกว่านั้นหรือไม่

หากพูดโดยรวมแล้ว ขั้นแรกของการฝึกฝนก็คือเริ่มจากการฝึกกำลังร่างกายให้ถึงขั้นสูงสุด หลังจากนั้นจึงฝึกฝนการใช้พลังลมปราณด้วยการใช้ “เมล็ดพันธุ์แห่งลมปราณ” ที่อยู่ภายในจุดตันเถียนหรือบริเวณรอบสะดือนั่นเอง แล้วพลังลมปราณที่ไม่สามารถมองเห็นได้นั้นจะอุบัติขึ้นในร่างกายและเคลื่อนไปตามเส้นพลังของคนคนนั้น

โชคร้ายที่ติงโฮวไม่เคยรู้เกี่ยวกับคำแนะนำและขั้นตอนในการฝึกเรียกลมปราณพวกนี้เลย นี่เป็นอุปสรรคข้อใหญ่สำหรับเขาเลยก็ว่าได้

แต่โชคยังเข้าข้างเขาอยู่ ตอนนี้ติงโฮวพบทางออกของปัญหานี้แล้ว

เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อติงโฮวแกว่งดาบที่ข้างบ่อน้ำดาบพิสุทธิ์เป็นครั้งที่ 10,001 พระอาทิตย์ก็กำลังลับขอบฟ้าไปแล้ว เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและออกเดินกลับไปยังสำนักพินิจดาบ และแน่นอน...วันหนึ่งเทือกเขาตรงหน้านี้จะต้องเป็นที่อยู่ของเขา

ติงโฮวมาถึงสลัมแล้ว แต่แทนที่เขาจะตรงกลับเข้าบ้าน ติงโฮวกลับใช้ผ้าคลุมเก่า ๆ ปิดหน้าปิดตาของเขาแล้วเดินตรงไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของสลัม

ผู้คนที่เขาเดินผ่านระหว่างทางต่างก็พากันทำตัวลีบเล็กเมื่อเห็นติงโฮว รอบตัวเด็กชายตอนนี้ปกคลุมไปด้วยความเงียบที่น่าขนลุก นาน ๆ ทีติงโฮวจะเจอกับคนที่เดินผ่านไปมาในบริเวณนั้น ซึ่งพวกเขาเองก็คลุมผ้าเช่นกัน คนพวกนั้นพากันเดินอย่างเร่งรีบ

ตอนนี้พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว รอบตัวติงโฮวมีแต่ความมืด

ติงโฮวเดินไปตามทางที่คดเคี้ยวนั้น เขาผ่านเนินเล็ก ๆ สองสามเนินก่อนที่จะไปถึงที่ราบโล่งเขียวขจี

ที่ราบแห่งนี้ล้อมรอบด้วยเนินเขาที่น่ากลัวและหน้าผา ยังดีที่โดยรอบนั้นมีคบเพลิงวางไว้ทำให้พอมีแสงสว่างบ้างเล็กน้อย คนจำนวนมากตั้งแผงขายของขึ้นในที่แห่งนี้ ในขณะที่บางคนก็มาที่นี่ในฐานะลูกค้า เสียงจ้อกแจ้กจอแจของคนที่กำลังซื้อขายสิ่งของดังไปทั่วบริเวณนั้น

อันที่จริงแล้ว ที่แห่งนี้ก็คือตลาดนั่นเอง

แต่มันเป็นตลาดมืดของสลัม เป็นที่ที่ขายของทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งนั่นก็รวมถึงอาวุธ สมุนไพร และหนังสือเกี่ยวกับวิชาอาคม แต่แน่นอนว่าของพวกนี้เป็นสินค้าคุณภาพต่ำและบางอย่างก็เป็นแค่ของเก๊ การที่จะได้ของที่มีดีและมีค่าจากที่นี่จึงจำเป็นจะต้องมีตาที่แหลมคมมากทีเดียว

พวกคนที่ไม่มีความสามารถไม่ควรย่างกรายเข้ามาที่นี่ เพราะกฎเพียงข้อเดียวที่ใช้กันในตลาดมืดก็คือการใช้ความรุนแรง เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่อ่อนแอเกินไปที่จะป้องกันตัวเองจากการปล้นจี้ที่นี่ เขาคนนั้นจะไม่มีใครให้พึ่งพาได้เลย

ตลาดมืดมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก คนที่มาที่นี่ส่วนมากมักเป็นพวกอันธพาลกระจอก เพราะพวกฝึกยุทธ์ทั้งหลายก็คงไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยากมาที่ตลาดนี้

ติงโฮวเจอที่ว่างล็อกหนึ่งในตลาด เขาหยิบผ้าสะอาดออกมาแล้วปูมันลงที่พื้นบริเวณนั้น จากนั้นติงโฮวได้หยิบต้นกล้าหัวใจมังกรออกมาวางลงบนผ้า เขาต้องการจะขายมัน

สมุนไพรขั้นที่สามเช่นนี้นับเป็นของหายากในตลาดมืด แสงจาง ๆ สีแดงของมันดึงดูดสายตาของผู้คนทันที

“เห้ย มีคนขายต้นกลัาหัวใจมังกรด้วยเรอะ ไอ้สมุนไพรนี่น่ะมันเสริมสร้างพลังกายดีนักแล ข้าไม่ได้เห็นของดีแบบนี้วางขายในตลาดนี่มานานแล้วนะ โง่จริง ๆ ที่เอาของดีมาขาย!”

“หึหึ ก็แค่ต้นเดียวน่า มันคงเจอเข้าโดยบังเอิญก็เลยคิดอยากรวยละมั้ง”

“มันอาจจะเป็นแค่ไอ้ซื่อบื้อธรรมดา ๆ ที่ดันโชคดีก็ได้ ไม่กลัวจะโดนปล้นเลยรึไง”

ทุกคนต่างพูดคุยกันเสียงดัง พวกเขาพากันจ้องมองต้นสมุนไพรที่ส่องประกายแสงกันตาเป็นมัน อีกทั้งยังอยากจะทดสอบความแกร่งของติงโฮวอีกด้วย

ไม่นานนักก็มีใคนหนึ่งถามขึ้น “เจ้าน่ะ ขายราคาเท่าไหร่”

ชายกล้ามโตสูงกว่าสองเมตรเดินตรงเข้ามาหาติงโฮว ผมยาวที่ยุ่งเหยิงของเขาทำให้ใบหน้านั้นดูน่ากลัว ดวงตาทั้งสองนั้นฉายแววมุ่งร้าย และการที่เขาปรากฏกายอย่างเปิดเผยเช่นนั้น แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างชัดเจน

“1000 ตำลึงเงิน” ติงโฮวตอบเบา ๆ

“1000 ตำลึงงั้นเรอะ กับอีแค่ต้นหญ้านี่น่ะรึ ข้าใจดีให้เจ้าได้มากสุด 30 ตำลึงเท่านั้นแหละ…” ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับโยนเงินจำนวนไม่ถึง 5 ตำลึงให้ติงโฮวและเอื้อมมือหยิบต้นกล้าสมุนไพร

“พรึ่บ!”

แสงสีแดงสว่างวาบขึ้นจากมือของติงโฮว

ชายกล้ามโตหยุดกึกทันที มือของเขาอยู่ห่างจากต้นสมุนไพรไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรดี แต่เขาเองก็ไม่กล้าเคลื่อนเข้าไปใกล้มันมากกว่านั้นแล้ว

เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบไหลจำนวนมากผุดขึ้นตามหน้าผากของเขาและไหลลงมาตามใบหน้า

ไม่ทันไรก็มีลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านอย่างแรง ทำให้ผมที่ยุ่งเหยิงของชายกล้ามโตหลุดออกเผยให้เห็นศีรษะล้านไร้ซึ่งเส้นผม

ผู้คนที่ดูอยู่เห็นดังนั้นต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตะลึง พวกเขาเห็นเต็มสองตาว่าผมของชายผู้นั้นถูกตัดโดยติงโฮวในชั่วพริบตาโดยไม่โดนหนังศีรษะแม้แต่น้อย ทักษะนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ

ทุกคนหยุดนิ่งด้วยความประหลาดใจในวิทยายุทธของติงโฮว สายตาที่เต็มไปด้วยความโลภในตอนแรกได้หายไปด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ต้นกล้าหัวใจมังกรจะมีค่าอย่างไร มันก็ไม่คุ้มที่ท้าทายเด็กหนุ่มนักดาบผู้นี้เลย

“เก็บเงินของเจ้าแล้วออกไปจากตรงนี้ซะ!” ติงโฮวพูดอย่างเยือกเย็นโดยมีดาบวางอยู่บนเข่าทั้งสอง

“ดะ..ดะ...ได้เลยท่าน ให้อภัยข้าด้วยเถอะที่ข้าล้ำเส้นไป…” ชายหนุ่มพูดตะกุกตะกัก เขาเก็บเงินขึ้นมาแล้วลุกลี้ลุกลนออกไปทันที

ผู้คนบริเวณนั้นเห็นเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้จนชินตา จึงพากันแยกย้ายกลับแผงขายของต่อไป

ต้นกล้าหัวใจมังกรนั้นถือว่ามีค่าอย่างมากทีเดียว มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่าง ๆ ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากสนใจและหยุดที่แผงของติงโฮว เขาแน่วแน่กับราคาที่ตั้งไว้อย่างมาก แม้มันจะมีมูลค่าสูงแต่ก็ถูกซื้อไปภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง!

เงินจากการขาย รวมกับเงินตำลึงและธนบัตรทองคำที่เขาได้จากจาวซิงเฉิงและซงเจียนหนาน เมื่อนำมารวมกันแล้วได้นับได้กว่า 1600 ตำลึงทีเดียว

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เงินมากขนาดนี้คงลาภปากติงโฮวเป็นแน่ แต่สำหรับตอนนี้...

ติงโฮวปิดร้ายแล้วไปตามแผงขายของในตลาด เขาระลึกขึ้นได้ว่าเงินจำนวนนั้นไม่สำคัญสำหรับเขาด้วยซ้ำ ครู่ต่อมา ติงโฮวหยุดลงที่หน้าร้านหนึ่งที่ขายหนังสือตำราเกี่ยวกับวิชาระดับล่าง ตาของเขาสะดุดเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่งที่หน้าปกเขียนไว้ว่า “การควบคุมลมปราณ”