ตอนที่แล้วEp.97 - ต้องฆ่าฉินเฟิง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.99 - โจมตีก่อนได้เปรียบ

Ep.98 - จุดจบของราชันย์อัศวิน


4/4

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.98 - จุดจบของราชันย์อัศวิน

“กั๊ก กั๊ก!” ชุดคลุมดำกระหายเลือดขบกรามโกรธเกรี้ยว เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี มันเลยพรวดออกมาจากซ่อนเงา และระเบิดลำแสงแห่งความมืดออกไป

เจ็ดผู้ใช้วรยุทธโบราณที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างโดนลำแสงแห่งความมืดกันถ้วนหน้า

แต่แน่นอน ว่าไม่ได้รวมฉินเฟิง

ในปัจจุบัน จากบรรดาทั้งเจ็ดผู้ใช้วรยุทธโบราณ มีหนึ่งคนที่ถูกฉินเฟิงดูดกำลังภายในไป ส่วนฮั่นเจียนกับหลินเซิงไม่เข้ามาร่วมวง แยกตัวห่างออกมา ดังนั้นจึงมีทั้งสิ้นสี่คนที่โดนลำแสงเข้าจังๆและตกอยู่ในภาวะอันตราย

ส่งผลให้สถานการณ์ในปัจจุบัน ทางฝั่งราชันย์อัศวินสามารถพลิกฟื้นกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง

“บัดซบ! ใครก็ได้ ไปฆ่าไอ้ชุดคลุมดำกระหายเลือดนั่นที!”

“แต่มันหายตัวไปอีกแล้วเนี่ยสิ! ในเมื่อหาไม่เจอแล้วจะฆ่ายังไง!”

“แล้วฉินเฟิงล่ะ? มันไปไหนแล้ว ให้ฉินเฟิงลงมือไง ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงก็เป็นคนหามันเจอไม่ใช่หรือ งั้นคราวนี้เขาก็ต้องหามันได้สิ!”

ในเวลานี้ เมื่อหลายคนตระหนักถึงความเลวร้ายของสถานการณ์ จู่ๆพวกเขาก็กลับลำ หันมาพึ่งพาฉินเฟิงซะอย่างงั้น!

ฉินเฟิงที่กลับไปหลบในซ่อนเงาลอบหัวเราะหยัน

เห็นฉันเป็นไอ้โง่รึไง ทำไมฉันต้องช่วยพวกแกด้วย?

ช่วงเวลานั้นเอง ชุดคลุมดำกระหายเลือดก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แต่มันผุดมาจากเงามืดเบื้องหลังผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ฉินเฟิงเพิ่งปล้นกำลังภายในไป

เมื่อไร้ซึ่งกำลังภายในที่จะใช้ขัดขืน วินาทีต่อมา ชุดคลุมดำกระหายเลือดก็งับ!เข้าใส่ลำคอของอีกฝ่าย

“อ๊า!” ชายคนนั้นกรีดร้องน่าอย่างน่าสังเวช “ช่วยฉันด้วย รีบช่วยฉันเร็วเข้า!”

แต่น่าเสียดาย ที่เวลานี้ไม่มีใครสนใจจะช่วยเขา เพราะในบรรดาคนทั้งหมดในปัจจุบัน แท้จริงแล้วแบ่งยิบย่อยกันเป็นห้ากองกำลังหรือก็คือเขตใครเขตมัน! และผู้ใช้วรยุทธโบราณในที่นี้ก็มีแค่เขาคนเดียวที่มาจากเขตของตนเอง!

แต่กรณีนี้ก็ยังมีข้อยกเว้น อย่างเช่นฉินเฟิงกับหลินเซิงก็มาจากเขตเฉิงเป่ยเหมือนกัน แต่หากหนึ่งในสองเกิดปัญหาขึ้นล่ะก็ อีกคนย่อมไม่มีวันเข้าไปช่วยเหลือ!

ดังนั้น จึงไม่มีใครเลยในที่นี้ที่คิดยื่นมือช่วยเขา!

ไม่นานเกินรอ ชายคนนั้นก็ถูกสูบเลือดจนเนื้อหนังเหี่ยวแห้ง ตำแหน่งช่วงแขนที่ขาดวิ่นของชุดคลุมดำกระหายเลือดเริ่มก่อร่าง สร้างกระดูกและเลือดเนื้อของมัน งอกขึ้นใหม่อย่างรวดเร็ว

“จงตายให้บิดา!”

จู่ๆหลินเซิงก็พุ่งเข้าไป ฉวยโอกาสนี้คิดสังหารชุดคลุมดำกระหายเลือด

เนื่องจากในเวลานี้ เขาไม่ได้ถูกลำแสงแห่งความมืดยิงเข้าใส่จังๆ ร่างกายจึงยังสามารถคงพละกำลังเอาไว้ ไม่สูญสิ้นเรี่ยวแรงจากอานุภาพของลำแสงเหมือนคนอื่นๆ หรืออาจกล่าวได้ว่าปัจจุบันในสนามรบแห่งนี้ เขาคือผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ความแข็งแกร่งที่สุด!

ชุดคลุมดำกระหายเลือดไม่ใช่การดำรงอยู่ที่จะยอมให้ตนเองถูกข่มเหง หากฉินเฟิงไม่มีภูมิคุ้มกันอบิลิตี้มืด ผลการต่อสู้ระหว่างฉินเฟิงกับมันคงไม่ปรากฏออกมาในรูปแบบนี้!

เมื่อเห็นศัตรูเสนอหน้า มันก็น้อมรับคำท้า ทั้งสองกระโจนเข้าระเบิดโจมตีใส่กัน ตลอดทั้งฉากกลายเป็นสว่างวาบ

----

ย้ายกลับมาอีกด้าน ราชันย์อัศวินก็สู้เพียงลำพังเช่นกัน แต่ต่อให้แข็งแกร่งเพียงใด ทว่าคนๆเดียวย่อมไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ เมื่อต้องตกอยู่ภายใต้การรุมทึ้งของผู้ใช้วรยุทธเลเวล E คาดว่ามันคงสามารถยืนหยัดได้อีกไม่นาน

“กี๊ซซซซซ!”

ราชันย์อัศวินหวีดเสียงแหลม หวดกระแทกศัตรูสองคนที่กำลังรุมล้อมอย่างดุร้าย และขว้างโล่ในมือของมัน โจมตีซ้ำออกไป

ฟาดเปรี้ยง! เข้าใส่หนึ่งในผู้ใช้วรยุทธโบราณอย่างแรง ขอบโล่จมลึกเข้าไปในหน้าอกเขา

เป๊าะ!

เสียงซี่โครงแตกหักดังขึ้น

พรวดดดด!

ผู้ใช้วรยุทธโบราณปลิวกระเด็น เลือดกระอักพุ่งตามเป็นสาย หน้าอกยุบลงดูน่าสยองขวัญ ขณะเดียวกัน ดวงตาของเขาก็เริ่มสูญเสียความสดใสไป

ในหัวใจของเขาบังเกิดความรู้สึกเสียดาย : ทั้งๆที่ตนกอบโกยผลประโยชน์จากสงครามแนวหน้าได้มากมายถึงขนาดนี้แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องเอาชีวิตมาทิ้งอย่างงั้นหรือนี่?

ฉินเฟิงผู้ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง โฉบไปใกล้ๆผู้ใช้วรยุทธโบราณที่เพิ่งตายลง

“จงดูดกลืน!”

พลังงานทางกายภาพที่แข็งแกร่ง และกำลังภายในจากตันเถียนที่ยังไม่สลายไป ว่ายวนเป็นคลื่นระลอกใหญ่ถ่ายเทเข้ามายังในตันเถียนของฉินเฟิง

ปรากฏกลุ่มหมอกอีกนับสิบกลุ่มเสริมเข้ามาภายในตันเถียนของฉินเฟิง

“เสี่ยวไป๋ ไปเอาโล่มา!”

ฉินเฟิงตะโกน

ไป๋หลีก็หลบอยู่ในซ่อนเงาของฉินเฟิงเช่นกัน และมันไม่เคยปรากฏตัวเลย ใช้ออกด้วยพลังมิติทันที

ราชันย์อัศวินสูญเสียอาวุธของมันอีกครั้ง แต่คราวนี้มันสามารถค้นพบถึงตัวหัวขโมยในที่สุด

เพราะยังไงซะ ก็มีเพียงฉินเฟิงคนเดียวที่ยืนอยู่ข้างๆศพที่ถูกโล่จมลึกอยู่ในอก

“ก๊าซซซซ!”

ราชันย์คำรามด้วยความโกรธ ควบม้าทมิฬเบื้องล่าง พุ่งเข้าหาฉินเฟิง

และฉินเฟิงไม่ลังเลเลยที่จะ ---- เผ่นหนี!

ในขณะเดียวกัน อีกสามคนกำลังล้อมราชันย์อัศวินอยู่ เป็นธรรมดาที่ไม่ยินยอมพลาดโอกาสทองนี้ไป เมื่อเห็นศัตรูสูญสิ้นอาวุธ ทั้งหมดก็ไล่ตามอัศวินมาติดๆ

อย่างไรก็ตาม ความเร็วของคน มีหรือจะสู้ความเร็วของม้าได้?

ผู้ใช้วรยุทธโบราณทั้งหมดไม่อาจไล่ตามราชันย์อัศวินได้ทัน ยิ่งนานก็ยิ่งถูกทิ้งห่าง

แน่นอน ว่าความเร็วของฉินเฟิงก็ไม่อาจสู้ม้าได้เช่นกัน!

“ลำแสงเปลวเพลิง!”

ท่ามกลางช่วงวิกฤติ ฉินเฟิงวาดหลังมือออกไป ระเบิดพลังพิเศษยิงกลับหลังอย่างรวดเร็ว

ลำแสงเปลวไฟปะทุขึ้น ฉากนี้เปรียบดั่งดอกไม้เบ่งบานในท้องฟ้ายามค่ำคืน วิสัยทัศน์ของทุกผู้คนกลายเป็นพร่ามัว รู้สึกตัวอีกที ลำแสงก็กระแทกเข้าเต็มอกของราชันย์อัศวินแล้ว!

เปรี้ยง!

แรงปะทะนี้ ส่งผลให้ราชันย์อัศวินร่วงหงาย ตกลงจากหลังม้าโดยตรง

สำหรับไป๋หลี ทุกสิ่งเธอล้วนได้รับการสอนสั่งโดยฉินเฟิง เฝ้าสังเกตและรับฟังฉินเฟิงเสมอมา จนได้มาทั้งหอกและโล่ของศัตรู ดังนั้นเมื่อเห็นถึงสถานการณ์ตรงหน้า เธอก็คิดเองได้ทันทีว่าต้องทำอย่างไร ---เมื่อเห็นม้าทมิฬยืนนิ่งงันอยู่เพียงลำพัง ดวงตาของเด็กสาวก็เปล่งประกายสดใส พื้นที่มิติปรากฏขึ้นทันใด โถมกลืนกินม้าศึกเข้าไปทันที

ส่งผลให้เวลานี้ ราชันย์อัศวินกลายเป็นโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง!

ฉินเฟิงไม่ยอมปล่อยโอกาสเช่นนี้ไปแน่นอน เขาหยุดหลบหนี สะบัดตัวกลับหลัง ปากอ้าตะโกนก้อง

“ตายซะ!!!”

ฉินเฟิงยกแขนซ้ายขึ้น ปืนใหญ่ในมือที่ยังไม่ถอดออก ส่งเสียงคำรามหึ่งๆ

วูบบบบ  เปรี้ยง!!!

กระสุนปืนใหญ่ถูกยิงออกไป

หลิวบาและคนอื่นๆที่ไล่ตามมาต่างเบิกตากว้าง ทั้งหมดสบถสาปแช่ง

แต่ก็มีเวลาไม่มากพอ ด่าได้ไม่กี่คำก็ต้องชะงักฝีเท้า ม้วนตัวหลบ หมอบลงกับพื้น

ตูมมมมม!

ตำแหน่งที่ราชันย์อัศวินเคยยืนอยู่ เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง

เปลวไฟขนาดใหญ่พวยพุ่ง แรงระเบิดส่งผลให้ผู้ใช้วรยุทธโบราณหลายคนได้รับผลกระทบ อวัยวะภายในสั่นสะเทือนราวกับมีอะไรมากระชากให้หลุดไปจากตำแหน่งเดิม

ตรงกันข้าม มีเพียงฉินเฟิงที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เนื่องจากตั้งแต่แรกที่เขายิงราชันย์อัศวิน เขาอยู่ห่างจากมันมากที่สุด

ไม่รีรอให้ฝุ่นผงปลิวหาย ฉินเฟิงปราดเข้าไปในเปลวไฟจากแรงระเบิดที่ลุกไหม้ รูนไฟว่ายวนขึ้นรอบตัวเขา เพื่อปกป้องร่างกายให้พ้นจากอันตราย

ณ ใจกลางของการระเบิด ราชันย์อัศวินมิได้ถูกระเบิดจนแหลกสลายก็จริง หากแต่เกราะตัวของมันบัดนี้บิดเบี้ยวไม่เป็นรูปเป็นร่าง โดยเฉพาะส่วนหัวถูกแรงระเบิด จนฉีกขาดแยกจากลำตัว

มันจบชีวิตลงโดยสิ้นเชิง!

ฉินเฟิงเร่งหยิบหมวกเกราะ และเขย่าๆเทเอาหัวของราชันย์อัศวินลงมา

ตุบ ..

หัวที่มีน้ำหนักพอๆกับหมวกเกราะแยกออกจากกัน

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ในเบ้าตาของมัน ยังสามารถมองเห็นถึงแก่นพลังงานสีแดง - สีแดงที่มีขนาดเท่ากำปั้นปรากฏอยู่!

--เป็นแก่นพลังงานระดับราชันย์เลเวล F8 !

หากอิงตามราคาห้องประมูลของกลุ่มหวันซ่ง มูลค่าแก่นพลังงานชิ้นนี้น่าจะมีราคาอยู่ที่หลักร้อยล้าน!

“ที่รัก ฉันต้องการมัน!” ไป๋หลีกระโดดออกมาจากซ่อนเงา โผเข้ากอดรัดพัวพันกับฉินเฟิง แต่สายตายังคงจดจ้องกับแก่นพลังงาน

ฉินเฟิงพอถูกเรียกโดยไป๋หลีก็ได้สติกลับคืน เขารู้สึกร่างกายเริ่มด้านชา ช่วงล่างจู่ๆก็เริ่มขยายตัวขึ้น!

“เออๆ รีบเอาไปเลย!” ฉินเฟิงโยนแก่นพลังงานนี้ให้กับไป๋หลีทันทีโดยไม่ลังเล

ไป๋หลีรับมันมาอย่างมีความสุข จากนั้นก็เก็บเอาหัว และร่างของราชันย์อัศวินลงในพื้นที่มิติ

“แค่ก แค่ก ไอ้โง่ฉินเฟิง คิดจะฆ่าพวกเดียวกันรึไง ว่าแต่ราชันย์อัศวินมันหายไปไหนแล้ว?”

ในที่สุด เศษฝุ่นรอบตัวก็กระจายหายไป หลิวบาและคนอื่นๆจึงสามารถไล่ตามมาได้ในที่สุด ส่วนไป๋หลีเมื่อเสร็จกิจก็หายวับไปทันที ปัจจุบันจึงเหลือฉินเฟิงเพียงลำพัง

“มันปลิวเป็นขี้เถ้าไปหมดแล้ว” ฉินเฟิงผายสองมือออก ถึงเขาจะไม่มีหลักฐานการตายของมัน แต่ต่อให้คนเหล่านี้พลิกทั้งภูเขาแม่ พวกเขาก็จะไม่มีวันเจอราชันย์อัศวินอยู่ดี!

“โกหก! แกซ่อนราชันย์อัศวินเอาไว้ใช่ไหม แกจะต้องมีอุปกรณ์รูนมิติอยู่กับตัวแน่ๆ สารภาพมาซะดีๆ พวกเราเป็นคนช่วยกันฆ่าราชันย์อัศวินไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมแกต้องฮุบสินสงครามเอาไว้คนเดียว!”

ฉินเฟิงแสยะยิ้ม “ผมสามารถฆ่ามันได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพวกคุณ ตรงกันข้าม พวกคุณนั่นแหละที่พาคนจำนวนมากเข้ามาจนก่อความวุ่นวายให้กับผมแทน!”

“ฉินเฟิง อย่าทำเป็นอวดดีไป!”

“ไอ้หนู แส่หาเรื่องตาย!”

อีกสองผู้ใช้วรยุทธโบราณคำรามด้วยความโกรธ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด