ตอนที่แล้วตอนที่ 8 ข้อมูลต้องมาก่อน (Information First) (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 ความจริงมักใกล้ตัวเราเสมอ (Truth is always close to us)

ตอนที่ 9 ข้อมูลต้องมาก่อน (Information First) (2)


ข้อมูลต้องมาก่อน

(Information First) (2)

หากจะถามว่าทำไมไม่ต้องกังวลเรื่องนํ้าหนักหนังสือ ทั้งๆมันดูหนาใหญ่เทอะทะเกะกะ ถ้าให้แขนบางของไว์นั้นต้องมาแบกรับความหนักของมันแล้วล่ะก็คงเป็นเป็นเรื่องที่ผิดต่อสามัญสํานึกของคนเป็นแล้วแน่แท้ ต้องขอบคุณเวทมนต์ของโลกใบนี้ ไวส์ได้ทำให้พวกมันลอยตัวเหมือนของไร้นํ้าหนัก ให้ลอยตามเธอมาที่โต๊ะ ทำเอาลาสคิดว่ากฏของพวกนักวิทยาศาสตร์ที่คิดมากันมานานต้องสูญเสียความมั่นใจแน่ๆ ลาสพนมือขอโทษเหล่านักคิดทั้งหลายที่กําลังกรีดร้องในใจ ขณะที่กําลังคิดเพลินๆ ก็ยังมีเหล่าเด็กอายุประมาณ เด็ก ม.ต้น จ้องมองมาทางนี้ ดูแล้วจะสนใจไวส์เป็นพิเศษ ก็เข้าใจอยู่ว่าเวทมนต์มีได้เฉาะเพราะคนบ้างกลุ่ม แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะน้อยจริงๆ

' น่าจะเรียกว่าพวกผู้ใช้เวทเป็นทรัพยากรที่สําคัญสินะ.. ' ลาสคิดในใจ

   ทุบ! เสียงหนังสือเล่มหนากระทบกับโต๊ะไม้

" เอาล่ะ! นายต้องมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์กับฉันก่อนเป็นอันดับแรก " ไวส์ปล่อยให้หนังสือประวัติศาสตร์ตกลงด้านหน้าของลาส ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ แล้วเปิดออกมาอ่าน แน่นอนว่าต้องฝึกลาสให้อ่านได้อีกด้วย ไม่งั้นจะมีปัญหาในภายภาคหน้าได้ ยิ่งอายุแบบนี้ถ้าอ่านหนังสือตามเด็กไม่ทัน คงจะได้อายจนตาย

" เริ่มจาก ตรงไหนดีละ อืมม เอาเป็นช่วงนี้ละกัน " ไวส์ไล่เปิดหาหน้าสารบัญก่อนจะเปิดไปหน้าที่ต้องการและอ่านพร้อมสอนลาสไปในตัว

เมื่อราวต้นยุคล่าอณานิคม หลังจากการล่มสลายของอารยธรรม ฟินิเธจ(Phoethage) ก็ได้มีอาณาจักกรน้อยใหญ่เกิดขึ้นมาในพืนที่ของฟินิเธจที่ล่มสลาย รวมไปถึงที่ราบลุ่มแม่นํ้าที่อุดมสมบูรณ์อย่างลีโอ อาณาจักรที่เกิดขึ้นมานั้นเต็มไปด้วยความอยาก อยากที่เป็นกัษริย์แห่งลิโอ อยากจะที่รวมอํานาจมาที่ตน จึงไม่แปลกเท่าไรที่จะมีการแยกพรมแดนกัน ซึ่งเต็มไปด้วยสงคราม แต่เนื่องจากไม่ได้มีแค่พวกเขาที่อยู่ในลีโอที่อยากจะครอบครองพื้นดินแห่งนี้ จึ่งได้มีการปรึษาและหว่างผู้ที่อยู่ในดินแดนลิโอ แม้จะมีคนที่ไม่ถูกกันแต่ก็ต้องยอมก้มหน้าหรับความจริงว่าพวกเขาไม่สามารถอยู่รอดได้หากดินแดนแห่งนี้ยังคงขัดแยงกันอยู่ จึงได้ผลสรุปว่าอาณาจักรน้อยใหญ่ในดินแดนลีโอต้องผนวกเข้าด้วยกันกลายเป็น สหจักรววดิลีโอเนีย อันเป็นผลสำเร็จ " สนธิสัญญาของสหภาที่ราบลุ่มลีโอ (Treaty of the Union Lowlands Leonia) " แต่ความสําเร็จของจักรววดิไม่ได้หยุดแค่การผนวกดินแดนน้อยใหญ่แต่เป็นความสนใจในการเดินทางเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกําไรเพื่อจักรวรรดิ นั้นเป็นสิ่งแรกที่ทำให้การพัฒนาของกำลังทหารและกองเรือสูงกว่า ดินแดนรอบข้างใน " อัลชลาฟไวส์ (Alschlagweiz) " และต้องขอบคุณอาณาจักรเบอร์เกนเก่า ที่มีกําลังทางทะเลและเทคโนโลยีเยอะเป็นอันดับต้นๆของทวีป ซึ่งรวมไปถึงเหล่านักต่อเรือและกะลาสีเรือมืออาชีพอีกมากมายที่อยู่ภายในเมืองแห่งนั้น ปัจจุบันถูกผนวกรวมเป็นหัวเมืองท่าใหญ่ภายในจักรววดิลีโอเนีย นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสหจักรววดิลีโอเนียจึงมีกองเรือใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของแทนมหาอํานาจเก่า

ความทะเยอทะยานของจักรวรรดิไม่ได้หยุดที่การขยายอํานาจทางทะเลอย่างเดียว เจ้าตัวที่พึ่งกลายเป็นมหาอํานาจพึ่งจะได้หันไปมองรอบข้างตัวเอง หลายประเทศหลายอณาจักรได้เริ่มยึดครองพื้นที่ในอีกทวีปอื่นและจัดตั้งอาณานิคมเพือดูดทรัพยากรเข้าดินแดนแม่ เป้าหมายหลักก็คือการแข่งขันของมหาอํานาจใน อัลชลาฟไวส์ นั้นเปลี่ยนจากการแข่งขันด้านการทหารเป็น การล่าดินแดน แทน..

การล่าดินแดนไม่ได้แค่ขยายรอบข้างอย่างเดียว การแสวงหาประโยชน์จากพื้นที่อื่นขยายอาณานิคมในดินแดนดอันห่างไกล เพื่อที่จะได้รับผลประโยชน์กลับเข้าประเทศแม่กลายเป็นเป้าหมายหลักของเหล่ามหาอํานาจอัลชลาฟไวส์ในขณะนี้

ดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยทรัพยากรและอณาจักรเล็กใหญ่ โดส สเลเลน (Droslalan) เป็นหนึ่งใน 3 ทวีปใหญ่บนออนโทราน 30% ของทวีปนี้ปกคลุมด้วยทะเลทราย และ ที่เหลือเป็น ป่าดงดิบ ทรัพยากรที่ยังไม่ถูกค้นพบอีกมากมาย ทองคํา เพชรพลอย และที่สําคัญที่สุดก็คือ ชาว โดส สเลเลน (รวมทั้งมนุษย์และอมนุษย์) ส่วนใหญ่เป็นแค่ชนเผ่าเล็กใหญ่ สังคมที่ยังไม่ทันสมัยของโลก พวกเขาสามารถถูกครอบครองได้ง่ายด้ายนั้นจึงเป็นเป้าหมายอันโอชะของผู้ที่อยากครอบครอง

ส่วนมากแล้วในทวีป โดส สเลเลน สหจักรวรรดิลีโอเนีย มีพื้นที่อาณานิคมน้อยที่สุดในหมู่เพื่อนบ้านและค่อนข้างมีปัญหากับ สมาพันธ์การค้า (Trade Union) พอสมควร สมาพันธ์การค้า คือ สมาคมที่เกิดจากนายทุน พ่อค้าแม่ค้า รวมทั้ง นักธุรกิจ รายเล็กใหญ่ รวมตัวกันเพื่อเป้าหมายเดียวกันคือรายได้กําไรจากการค้าขายระหว่างทวีป และยังเป็นสมาคมที่ใหญ่เกือบที่สุดของออนโทราน เป็นลองแค่ กิลด์นักผจญภัย สมาพันธ์การค้าค่อนข้างมีอํานาจพอสมควร แม้จะสู้จักรววดิไม่ได้แต่เพราะสมาพันธ์เป็นผู้ที่มีหุ้นส่วนมากที่สุดในทวีป โดส สเลเลน จึ่งกล่าวได้ว่ามีอํานาจต่อรองอย่างมาก ปัจจุบันสมาพันธ์การค้าถูกลดอํานาจไปอย่างมาก พวกสมาพันธ์การค้า ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเนื่องมาจากการเสื่อมอํานาจของสมาพันธ์

สมาชิกของสมาพันธ์หลายคนเป็นพวกหัวสมัยใหม่ จึงไม่ถูกกับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์แฟแลงซ์ ที่ยังมีการต่อต้านการคิดต่างจากหลักความเชื่อของพวกเขา แม้ว่าจะเป็นพวกหัวโบราณ แต่เพราะมีประชากรมากที่สุดในอัลชลาฟไวส์ ทำให้อณาจักรแฟแลงซ์ เป็นอาณาจักรเดียวที่มีประวัติยาวนานที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถานที่เหมือนเป็นจุดเกิดของอารยธรรมของทวีป ทั้งๆที่ไม่ไช่จุดเกิดของฟินิเธจแต่กล่าวอ้างว่าตนเองมีอารยธรรมที่เกิดก่อนฟินิเธจ

แฟแลงซ์เป็นหนึ่งในพวกที่ทำให้สมาพันธ์เสื่อมอํานาจอย่างเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็นการทำในสิ่งที่โหดร้ายผิดมนุษย์มนา หลาย่ายมองว่าสมาพันธ์รํ่ารวยเกินหน้าเกินตา จึงเป็นเหตุให้เกิดการต่อต้านอย่างลับๆ แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยเป็น แฟลงซ์ที่ทำทุกอย่างให้ สมาพันธ์หายไป ในช่วงเวลาของการเสื่อมอํานาจของสมาพันธ์จู่ๆพวกก็มีแสงสว่างส่องลงมาที่พวกเขา มันเป็นทางรอดให้สมาพันธ์ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน

การค้นพบโลกใหม่ (Discovery of New World)

แม้หลายคนในตอนนี้จะเรียกว่าการค้นพบทวีปอาริกาเซียถือว่าเป็นเหตุการที่น่ายินดีอย่างยิ่ง แต่ว่าแทนที่จะได้ส่งผู้คนไปสํารวจทรัพยากร กลับต้องเจอกับความจริงที่โหดร้ายเพราะคนที่ค้นพบทวีปใหม่ดันเป็นราชสีห์แห่งทะเลเหนือ แต่เป็นใครจะยอมให้ยึดพื้นที่ใหม่เป็นของคนๆเดียวกัน แม้ว่าจะอ้างยังไง หรือแม้จะกดดันทางใดยังไงก็ไม่สามารถทำให้ราชสีห์ปล่อยว่างได้

ด้วยความที่ว่าไม่มีผู้ใด ได้หรือขอรับสัมปทานจากจักรวรรดิได้แต่อย่างไร การใช้กําลังบังคับกับจักรวรรดิก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แค่เรื่องหน้าน้ำก็ไม่มีสิทธิ์ผ่านแล้ว แถมความสัมพันธไมตรีระหว่างลีโอเนียกับทุกอาณาจักรหรือจักรวรรดิในอัลชลาฟไวส์นั้นก็ยํ่าแย่แค่มีทูตมาก็จะถูกผู้คนมองด้วยสายตาที่ไม่ดีนัก ถ้ายังจะดื้อด้านก็มีแต่จะเสียกับเสีย สู้เรื่องการค้าระหว่างทวีป โดส สเลเลน จะดีกว่า

ยกเว้นบ้างกลุ่มที่สามารถพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส อย่างสมาพันธ์การค้า ที่สามารถจัดตั้งบริษัท เพื่อเปิดการตลาดส่งออกและนําเข้าของจาก ทวีปใหม่ สัมปทานที่ทางจักรวรรดิให้มีแค่ไม่กี่ตารางกิโลเมตร ไม่เกิน 260 ตารางกิโลเมตร หรือแค่ 162,500 ซึ่งมันก็แค่ครอบคลุมแค่ท่าเรือจนบนฝั่งขึ้นมาไม่เยอะมากแต่ก็ไม่ติดชายฝั่งเกินไป ทรัพย์สมบัติที่มีค่าตรงหน้าแม้มันไม่ได้เยอะมาก แต่กลับคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม เพราะมันเป็นการเปิดเส้นทางเข้าออกของ แน่นอนว่าสิ่งของมากมายไม่ว่าจะเป็นสัตว์ แร่ธาตุ ทรัพยากรที่แปลกตามากมายที่ยังไม่ถูกสํารวจแล้วยังทวีปที่แถบไม่รู้อะไรกับมันเลย แค่นี้ก็ทำให้มีกําไรสูงมากแล้ว แน่นอนว่าสัมปทานี่ได้ต้องแลกกับสิทธิมากมาย ภาษีนําเข้า ภาษีส่งออก ที่สูงเว่อร์จนเหมือนปล้นกันหน้าด้านๆ แต่แค่นี้ก็ถือว่าเจรจาสำเร็จ อย่างล้นหลามสําหรับสมาพันธ์ที่กัาลังจะล้มละลายให้เกิดใหม่ได้อีกครั้ง

ยิ่งเป็นโชคที่ดีที่อย่างที่สุดสําหรับนักลงทุนที่ยังเป็นสมาชิกของสมาพันธ์การค้า กลับกันมันทำให้เกิดความตื่นตระหนกของคนบ้างกลุ่มที่พยายามทุกวิธีทางให้สมาพันธ์หายไปแบบเร็วๆ เมื่อเห็นว่าคู่อริได้ดีบ้าง เจ้าคัวเองก็คงไม่อยู่เฉยเป็นแน่ยิ่งเห็นว่าทั้งสองเริ่มมีสัมพันธไมตรีที่ดีขึ้นมากก็ยิ่งโกรธ แต่ก็เมื่อเริ่มเคลื่อนไว้แบบจริงจังก็ถูก ตบหน้าด้วยการปิดทะเลกันแบบเด็ดขาด

แถมยังถูกผู้ปกครองทะเลเหนือกล่าววาจาว่าอย่างกล้าหาญและหยิ่งยโส ว่า

   " พระอาทิตย์ไม่เคยตกในสหจักรวรรดิของเรา " ซึ่งก็เป็นคําพูดง่ายๆของจักรวรรดิโพ้นทะเลที่แล่นพร้อมกองเรือที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับเป็นการบอกว่าพวกเขาคือผู้ปกครองคลื่นทะเลอย่าได้ริอาจมาเหิมเกริมในเขตของพวกเขา แต่ความหมายของคําพูดกลับเป็นการบ่งบอกเปรียบเปรยว่า ดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างตลอกว่าให้กับแดนมาตุภูมิของเรามิเคยดับลง พยายามแสดงว่า ผู้ที่ทะนงตนในอํานาจแสนยานุภาพของตัวเอง ผู้ที่หยิ่งในศักดิ์ศรี ผู้ที่ยอมให้ใครมาแตะต้องของๆเจ้าตัว สหจักรวรรดิลีโอเนียผู้กล่าวเป็นในๆว่า พวกเขาต้องได้ครองทวีปใหม่ทั้งหมด ผู้ใดก็ตามที่กล้าท้าทายอํานาจ ผู้นั้นก็ต้องคงกลายเป็นศพไม่สวยนัก

   อาริกาเซีย (Aricassia) ดินแดนลึกลับที่ถูกค้นพบโดยนักเดินเรือของสหจักรวรรดิลิโอเนีย อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือสุดของออนโทราน ด้วยความที่อยู่หางจาก 3 ทวีปหลักอย่างมากจึงไม่มีใครคิดว่าจะมีอยู่จริง ไกลขนาดที่ว่า เกาะอาชิช่ะ ด้านขวาของ ทวีป ยูตร้า อาฟโรร่า ยังใกล้กว่าหลายขุม อาริกาเซียในช่วงแรกๆหรือช่วงที่ยังตั้งอาณานิคมไม่ถึงไหนก็ยากลำบากพอสมควร เพราะมีนักโทษจากสหจักรววดิต้องถูกส่งมาที่นี้เพื่อช่วยในการสํารวจ แต่เพราะมันมีโอกาศหลบหนีแล้วออกไปใช้ชีวิตใหม่ได้ เลยเกิดเหตุการแหกคุกอยู่บ่อยครั้ง แต่พอการจัดตั้งอาณานิคมเสร็จ เหล่านักโทษก็ต้องถูกไปอยู่ส่วนแรงงานโดยเฉพาะ แรงงานเหมืองแร่ หลายคนบอกว่ามันเป็นนรกบนดินแดนสวรรค์แห่งนี้ เพราะไม่มีทางที่จะได้ออกมาเห็นโลกภายนอกแล้ว ยังต้องมีชีวิตในเหมืองนั้นไปตลอดชีวิต มีนักโทษมากมายถูกส่งมาที่ทวีปใหม่เยอะขึ้นเลื่อยๆ ไม่มีหยุดมีตั้งแต่เหล่านักโทษข้อหาเล็กน้อยยันผู้ที่คิดคดทรยศแผ่นดินหรือผู้ที่ถูกเล่นงานจากสภาสูงที่ต้องมารับแพะแทนคนอื่น แค่นั้นยังไม่พอยังมีเรื่องสัตว์ป่าที่รอบทำร้ายผู้ที่สํารวจพื้นที

ทวีปอาริกาเซียยังมีปัญหา เรื่องชนพื้นเมืองในทวีปที่เป็นปัญหาหลักมานาน ที่เป็นปัญหาจนแก้ไม่ได้ก็เพราะเรื่องการค้าทาสที่ยังถูกกฎหมายในสหจักรววดิ แต่ก็ต้องถูกกฏของมัน อย่างเช่นคนที่มาเป็นทาสต้องเป็นผู้ที่สมยอมเท่านั้น แต่มันใช่ไม่ได้กับการลักพาตัว หรือตลาดทาสมืด ที่ขายทาสอย่างผิดกฎหมาย ส่วนมากทาสที่ราคาสูงจะเป็นพวก อมนุษย์ และ ชนพื้นเมืองของทวีปอาริกาเซียซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้ภาษาของลีโอเนียจึงทำให้ตรวจสอบได้ยาก ทำให้ราคาสูงอย่างมากในตลาดทาส

อาณานิคมเขต 6 อาริกาเซีย มีรัฐย่อย 11 รัฐ เมืองทางเศรษฐกิจ(เมืองท่า) 4 เมืองหลักรวมสัมปทาของสมาพันธ์การค้าที่กลายเป็นเขตปกครองพิเศษภายในอาณานิคมเขต 6 เมืองหลวงหรือศูนย์กลางของเจ้าเมืองอยู่ที่เมืองบอสตัน ซึ่งเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของ อาณานิคมเขต 6 ....

.

.

.

" อ่ะ! จะเลยเวลาที่กองทหารจะลงจากเรือมาครบแล้วมั้ง เด็กพวกนั้นได้บอกกี่โมงนะ? เฮ้อ.. คงช่วยแค่นี้ละกันที่เหลือ ถ้าจะยืมไปอ่านก็ได้นะ แต่กลับไปต้องขอเงินจากไอแก่มาให้ฉันด้วย จะไปดูด้วยกันไหม? " ไวส์เลือกที่หยุดการสอนเพียงแค่นี้ ก่อนจะช่วนไปลาสไปดูพวกทหารที่เหล่าเด็กๆที่เคยพูดไว้

" งั้นขอยืมเลยละกัน เพราะยังไงก็คงยังไม่ค่อยเข้าใจที่อ่านมา ขอบคุณอีกครั้งนะครับ " ลาสขอบคุณไวส์เล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปรอข้างนอก ส่วนไวส์ก็เดินไปคุยกับบรรณารักษ์ สงสัยจะมีบริการส่งให้ถึงบ้าน เอาเถอะบริการดีก็ดีกว่าให้ถือไปด้วยละกัน พอคุยกันเสร็จพวกลาสทั้งสองคนก็เดินไปท่าเรืออย่างอารมณ์ดี ระหว่างทางก็คุยเล่นกับไวส์ไปเรื่อยๆ

ณ ตลาดท่าเรือบอสตัน

ลาสกับไวส์ได้เดินเล่นจนมาถึงท่าเรืออย่างสวัสดิภาพแถมเทั้งสองยังมีของกินติดมืออีกโดยเฉพาะลาสที่ดูจะเต็มมือทั้งสองข้าง คงจะมีพ่อค้าใจดีแถมของกินให้กะมั้ง แต่ระหว่างที่ลาสกําลังมึนๆกับของกินก็ถูกไวส์เรียกสติโดยการดึงแขนเสื้อ

" นี่ ดูนั่นสิใหญ่กว่าเรือแกลเลียนมากแต่เหมือนกับเรือพาณิชย์เหล็กของสมาพันธ์ถ้าไม่ติดว่าปืนข้างหน้ามันใหญ่กว่าพเรือพวกนั้นสะอีก พวกหมาจักรวรรดิไปขอมาได้ยังไงละเนีย "

แต่ภาพที่ลาสเห็นมันไม่ควรจะเป็นอย่างนี้ มันไม่ใช่แบบนี้ ทุกอย่างที่คิดมันผิดหมด หลักฐานคือเรือตรงหน้า ใจของลาสสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ตรงหน้าของลาสคือเรือรบสมัยก่อนที่ต่างจากเรือทั่วไปที่ลาสคิด ใช่แล้ว เรือเหล็กตรงหน้ามันควรจะเป็นเรือไม้หรือไม่ก็เป็นเรือจักรไอน้ำในช่วงประติวัตอุสาหกรรม แต่นี่ดูยังไงมันก็เป็นเรือที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซลชัดๆ

' บ้าจริง! ถ้างั้นโลกนี้ก็ไม่ได้เป็นช่วงยุคล่าอาณานิคมหรอกหรอ ไม่สิเราผิดเองที่มีข้อมูลไม่เพียงพอ อูวาา ชักจะยุ่งยากสะแล้วสิ! '

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด