ตอนที่แล้วPTH37 ตอบรับคำขอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปPTH39 ยันต์ลวงตาที่สมบูรณ์

PTH38 ยันต์ลวงตา


ราตรีมาเยือน เว่ยสั่วนำมุกเรืองแรงออกมาแขวนไว้ภายในบ้าน ซากร่างของแมงมุมใยน้ำแข็งวางไว้บนโต๊ะ

ข้างๆซากร่างแมงมุมใยน้ำแข็ง มีกระดาษยันต์วางอยู่ พู่กันทองคำโบกสะบัดวาดอักขระลงแผ่นกระดาษยันต์อย่างราบรื่น ไม่นาน กระดาษยันต์ก็เปล่งแสงเรืองรอง อักระที่วาดลงไปดูราวกับมีชีวิต เป็นสัญญาณว่ายันต์เพลิงสมบูรณ์แล้ว

“พู่กันวาดยันต์ทองคำนี่ดีจริงๆ”

หากเทียบกับก่อนหน้านี้ ยันต์เพลิงที่สร้างขึ้นด้วยพู่กันทองคำแผ่กลิ่นอายพลังที่รุนแรงกว่าเล็กน้อย นั่นหมายความว่าระดับของยันต์สูงขึ้น

เว่ยสั่วทดลองสร้างยันต์อย่างต่อเนื่อง 10 แผ่น ล้มเหลวไปเพียง 2 แผ่น นั่นหมายวามว่าอัตราความสำเร็จของเขาอยู่ที่ 8 ใน 10 ส่วน ที่สำคัญ สองแผ่นที่ล้มเหลวแค่เกิดจากการที่รายละเอียดเล็กๆน้อยผิดพลาด ไม่ถึงกับขนาดที่ทำให้ยันต์ระเบิด

ภายในห้องของเว่ยสั่ว มีกระป๋องโลหะวางอยู่ข้างๆกำแพงห้อง บรรจุไว้ด้วยโลหิตแมงป่องเพลิง

จากการทดสอบพู่กันทองคำ เว่ยสั่วพอใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นยามนี้จึงนำกระเป๋าใบหนึ่งที่แนบไว้ในอกเสื้อออกมา ถ่ายปราณกระตุ้นเล็กน้อยเพื่อให้ปากกระเป๋าจะเปิดออก แสงหลากสีส่องออกมาจากภายใน เป็นแสงของศิลาวิญญาณ ยันต์เพลิง และของล้ำค่าอื่นๆ

เว่ยสั่วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หยิบเอาศิลาวิญญาณระดับกลางออกมาก้อนหนึ่ง เก็บพู่กันทองคำและยันต์เข้าไปในกระเป๋า

“หืม?”

ในขณะที่เว่ยสั่วกำลังจะดูดซับพลังจากศิลาวิญญาณ เสียงของชายชราก็ดังขึ้น

“ท่านเจออะไรดีๆเหรอ?” เว่ยสั่วคาดหวัง

หลังจากชายชราได้คลายผนึกยันต์ในคราวนั้น เว่ยสั่วได้ให้โลหิตแมงป่องเพลิงกับชายชรา แล้วไปหาแผ่นหยกที่มีผนึกปิดกั้นมาจำนวนหนึ่ง เพื่อให้ชายชราช่วยคลายผนึกที่อยู่ภายใน แม้จะไม่ได้วิชาล้ำค่า แต่ก็ได้ข้อมูลของสิ่งต่างๆเช่นข้อมูลของสมุนไพร อสูร แผนที่ และอื่นๆอีกมากมาย ศิลาวิญญาณที่เสียไปไม่นับว่าสูญเปล่า

เหตุที่เว่ยสั่วคิดเช่นนั้น เพราะด้วยชายชรามีประสบการณ์มาอย่างยาวนานหลายหมื่นปี การที่ได้ข้อมูลอสูร แผนที่ และสิ่งต่างๆ ย่อมช่วยให้เว่ยสั่วหาทางจัดการกับสิ่งเหล่านั้นได้ไม่ยาก

ที่สำคัญกว่านั้น สิ่งสำคัญที่ชายชรารู้และเป็นประโยชน์กับเว่ยสั่วมากที่สุดคือเรื่องยันต์และตำรับโอสถ แม้ว่าเว่ยสั่วจะมีความรู้เรื่องยันต์ สมุนไพร อสูร และสิ่งต่างๆอยู่บ้าง แต่ก็จำกัดอยู่เพียงสิ่งที่เขาเคยเห็น ผิดกับชายชราที่ประจักษ์กับสิ่งเหล่านั้นมานานหลายหมื่นปีจนกลายเป็นผู้รอบรู้ ดังนั้นการที่ได้ชายชราช่วยคลายผนึกแผ่นหยกที่เว่ยสั่วนำมา นอกจากจะเพิ่มพูนให้ชายชราแล้ว ก็เป็นประโยชน์กับเว่ยสั่วด้วย

“ท่านเจออะไรดีๆบ้าง?” เว่ยสั่วกล่าวถามชายชรา

“อะไรดีๆที่ว่าข้าเจอเยอะแยะมากมาย หากเจ้ารีบๆทะลวงเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 4 แล้วข้าจะบอก”

“ข้าก็ทุ่มเทฝึกฝนและดูดซับปราณอยู่ทุกวัน แต่ขนาดของทะเลศักดิ์สิทธิ์ขยายได้ทีละนิด ข้าก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน” เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายชรากล่าว เว่ยสั่วจึงบ่นกล่าว

“ข้าได้รู้แล้วว่าวัตถุดิบสร้างยันต์ในยุคนี้มีมากมาย เจ้าอยากจะลองสร้างยันต์อื่นดูบ้างหรือเปล่า?” ชายชรากล่าวถาม

สีหน้าเว่ยสั่วแปรเปลี่ยน เกิดสนใจในสิ่งที่ชายชรากล่าว “ยันต์อะไร? ถ้าเป็นประโยชน์ข้าก็สนใจ”

“ยันต์ลวงตา… ไม่ได้เอาไว้ใช้จู่โจมเหมือนยันต์เพลิง ทำให้มันถูกลืมเลือนไปเมื่อหมื่นปีที่แล้ว ทำให้วัตถุดิบที่ใช้สร้างเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนถึงยุคนี้”

“ถ้าไม่ได้เอาไว้ใช้จู่โจม แล้วเอาไว้ทำอะไร?”

“ก็อย่างที่ชื่อของมันบอก… มันจะสร้างภาพลวงให้อีกฝ่ายเห็นเป็นวิชาหรืออสูรที่ดูราวกับของจริงขึ้นมาได้ ในระหว่างการต่อสู้ หากใช้ภาพลวงตาแล้วเกิดอีกฝ่ายรับมือได้ มันก็จะรู้ทันทีว่าถูกภาพลวง แต่อย่างน้อยก็ทำให้ศัตรูสับสนได้” ชายชรากล่าวต่อ “อักขระที่ใช้วาดยันต์ลวงตานั้นแตกต่างจากยันต์เพลิง ด้วยฝีมือของเจ้าอาจจะทำให้ยันต์ลวงตา สร้างภาพของอสูรระดับสูงขึ้นมาได้… แต่จุดสำคัญของยันต์ลวงตาคือ ไม่จำเป็นต้องใช้ปราณ! ยามใช้จึงไม่เกิดการผันผวนของปราณ ทำให้อีกฝ่ายไม่มีทางรู้ว่าเจ้าใช้ยันต์ลวงเมื่อไหร่”

“ฟังดูน่าสนใจ” เว่ยสั่วยิ้ม สนใจในสิ่งที่ชายชรากล่าว การที่ยันต์ชนิดนี้สูญหายมานานหลายปี ย่อมทำให้ผู้ที่รู้จักมีเพียงหยิบมือ แม้จะใช้จู่โจมไม่ได้ และมีโอกาสที่อีกฝ่ายจะจับได้ว่าเป็นภาพลวง แต่อย่างน้อยๆมันก็ช่วยข่มขวัญหรือทำให้อีกฝ่ายสับสนได้ นั่นหมายความว่ายันต์ชนิดนี้มีประโยชน์มาก

“ผลึกไร้ขอบเขต?”

เว่ยสั่วอุทานชื่อของวัตตถุดิบที่จะใช้สร้างยันต์ลวงตา เพราะวัตถุดิบชนิดนี้เป็นวัตถุดิบที่ธรรมดาอย่างที่สุด ขั้นตอนการเปลี่ยนให้มันกลายเป็นกระดาษยันต์ก็ไม่ได้ยากนัก

“ทำไม? หรือผลึกไร้ขอบเขตหายาก?” ชายชราสงสัย “เท่าที่ข้าเห็นข้อมูลในแผ่นหยกที่เจ้าเอามาให้ ผลึกไร้ขอบเขตมีอยู่ทั่วไป ราคาไม่สูงมากด้วย”

“ก็จริงอย่างท่านว่า… ข้าเองก็มีอยู่ก้อนหนึ่ง” เว่ยสั่วหัวเราะ ผลึกไร้ขอบเขตมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ผลึกภาพ หากนำมันไปไว้กลางแจ้งให้แสงตะวันส่องกระทบ จากนั้นหันไปยังสิ่งใดก็ตาม ผลึกภาพจะบันทึกรูปร่างหน้าตาของสิ่งนั้นได้ระยะหนึ่ง แต่หากลงอักขระเสริมลงไป จะทำให้เก็บภาพเอาไว้ได้เป็นเดือน

แล้วเว่ยสั่วก็เกิดความคิดชั่วร้ายบางอย่าง หากพบสตรีที่กำลังอาบน้ำ เขาสามารถนำผลึกไร้ขอบเขตไปบันทึกภาพของนางเอาไว้ แล้วนำกลับมาดูที่บ้านได้เรื่อยๆ

“โห! ยันต์ลวงตาสร้างได้ยากกว่ายันต์เพลิง ต้องวาดอักขระถึงสองชนิดลงไป!”

หลังจากได้ฟังรายละเอียดและวิธีการสร้างยันต์ลวงตาจากชายชรา เว่ยสั่วประหลาดใจเล็กน้อย เรื่องวัตถุดิบที่ใช้สร้างไม่นับเป็นปัญหา เพราะนอกจากผลึกไร้ขอบเขตที่หาได้ง่าย สิ่งอื่นๆสามารถซื้อได้ด้วยศิลาวิญญาณ ซึ่งมีราคาถูกมาก แต่สิ่งที่ยากคืออักขระที่ต้องวาดลงไป

วิธีการสร้างยันต์ลวงตานั้น หลังจากทำกระดาษยันต์เสร็จต้องบดให้ผลึกไร้ขอบเขตเป็นผง นำไปต้มกับไขมันอสูรจนเข้ากันเพื่อใช้เป็นหมึกวาดอักขระ เมื่อวาดอักขระตัวแรกเสร็จ ทิ้งไว้ให้แห้ง 2 ชั่วธูปไหม้หมดดอก จากนั้นวาดอักขระอีกชนิดลงไป แต่หากใช้เวลาวาดอักขระอีกชนิดมากกว่า 2 ชั่วธูปไหม้หมดดอก จะทำให้ยันต์ลวงตาไร้ผล

อักขระที่ใช้กับยันต์ลวงค่อนข้างซับซ้อน ยิ่งอักขระมีมากกว่า 1 ตัว รายละเอียดต่างๆที่ต้องเชื่อมโยงกันก็ยิ่งมากขึ้น ทำให้อัตราความสำเร็จลดลงมากหากเทียบกับยันต์เพลิง

“ลองดูสักตั้ง!”

หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ เว่ยสั่วขบฟันตัดสินใจ ในอนาคตมีโอกาสพานพบศัตรูมากมาย มีโอกาสได้เข่นฆ่าสังหาร มีโอกาสได้สร้างยันต์ที่มีระดับสูงยิ่งๆขึ้นไป ในเมื่อสร้างยันต์เพลิงได้ง่ายๆแล้ว ยันต์ลวงตาย่อมไม่เหนือบ่ากว่าแรง

เว่ยสั่วเริ่มลงมือเตรียมกระดาษยันต์ บนผลึกไร้ขอบเขต ชายชราที่เฝ้ามองเว่ยสั่วจึงรู้สึกนับถือ เพราะการมีหลายสิ่งในครอบครองย่อมสร้างความได้เปรียบ

ในขณะที่เว่ยสั่วทุ่มเทกับการสร้างยันต์อยู่นั้น ผู้เยาว์คนหนึ่งได้มุ่งไปยังที่พักของจี้หยา

นางในยามนี้สวมอาภรณ์ม่วงที่ดูสามัญ นั่งอยู่ข้างโต๊ะแห่งหนึ่งในห้องส่วนตัว สีหน้าเหนื่อยอ่อน แม้ว่าใบหน้าของนางไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ผู้ที่เห็นล้วนคิดว่านางเย็นชา ภายในห้อง อบอวนไปด้วยกลิ่นสมุนไพรหลายชนิด

แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้พบนาง แต่ผู้เยาว์ที่มายังอดตกตะลึงในความงามและเย็นชาของนางไม่ได้

มันขบคิด ต้องเป็นบุรุษผู้ใด เก่งกาจขนาดไหนถึงจะทำให้สตรีที่เย็นชาอย่างนางยิ้มได้

หลังจากยืนนิ่งอยู่หน้าห้องนางครู่หนึ่ง ผู้เยาว์คนนั้นก็เดินเข้าไปในห้องของนาง นำศิลาวิญญาณจำนวนหนึ่งวางไว้บนโต๊ะด้วยความนอบน้อม “ท่านจี้หยา ขออนุญาติรบกวนท่านยามปรุงโอสถ ข้านำหยกสวรรค์ที่ขายได้จากการประมูลโอสถผสานว่างเปล่ามาให้ เชิญท่านตรวจดูก่อน”

นางส่ายหน้าพลางกล่าว “ไม่จำเป็น… ‘หลิวเสียง’ เจ้าเป็นถึงผู้ช่วยคนสำคัญของผู้ดูแลพลับพลาหยกทอง ข้าเชื่อใจเจ้า… ขอบใจเจ้ามาก”

ผู้เยาว์ป้องมือกล่าวด้วยความเคารพ “ท่านจี้หยา ผู้ดูแลพลับพลาหยกทองมีถ้อยคำฝากมาหาท่าน… โอสถที่ท่านปรุงเป็นสิ่งล้ำค่า หากในแต่ละเดือนท่านปรุงโอสถผสานว่างเปล่าส่งให้เราได้เดือนละเม็ด เราจะแบ่งรายได้ให้ท่าน 5 ใน 10 ส่วน”

“เข้าใจแล้ว… เจ้ากลับไปเถอะ” นางพยักหน้า จ้องมองแผ่นหลังของผู้เยาว์ที่เดินจากไป มุมปากเผยรอยยิ้มที่หาดูได้ยาก นางรู้ว่าเหตุใดพลับพลาหยกทองถึงได้เสนอข้อตกลงให้ เพราะโอสถของนางล้ำค่า ดึงดูดผู้คนมากมายเข้าสู่งานประมูล ทำให้พลับพลาหยกทองทำเงินได้มหาศาล ดังนั้นพลับพลาหยกทองจึงยื่นข้อเสนอที่เย้ายวนใจให้นาง

เพียงแต่ช่วงหลังนี้นางมีหลายสิ่งที่ต้องทำ จึงไม่อาจปรุงโอสถสำเร็จได้ทุกเดือน นางจึงยังไม่ตกปากรับข้อเสนอของพลับพลาหยกทอง

นางดื่มโอสถฟื้นฟูร่างกายเข้าไปก่อนเรียกคนผู้หนึ่ง “ตู๋กูอยู่หยุน” ผู้ฝึกตนในอาภรณ์ดำปรากฏกายหน้าห้องนาง

“คุณหนูทะลวงเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 5 แล้ว วิชาของนางก็บรรบลุระดับ 3 แล้ว” คนผู้นี้ราวกับรู้ว่าจี้หยาจะถามสิ่งใด จึงกล่าวรายงานขึ้นมาก่อน

“บรรลุเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 5 แล้ว?” จี้หยาประหลาดใจ

“ขอรับ” คนผู้นั้นพยักหน้า “คุณหนูเป็นผู้มากพรสวรรค์ จึงบรรลุพลังและวิชาระดับสูงได้ไม่ยาก”

“ให้คนของเถี่ยเซ่อคอยปกป้องนางลับๆต่อไป” จี้หยาพยักหน้าพลางออกคำสั่งก่อนที่คนในอาภรณ์ดำจะหายตัวไป...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด