ตอนที่แล้วบทที่ 19 เมืองอี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21 เทศกาลแลกเปลี่ยน

บทที่ 20 เจียวเหม่ย


บทที่ 20 เจียวเหม่ย

กุนไท่ที่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าพลันปรากฏความงุนงง เพราะเขานั้นไม่รู้จักหินจิตวิญญาณเลยแม้แต่น้อย ทหารยามที่เห็นสีหน้าของกุนไท่พลันยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย พลางคิดในใจ

หึ หึ เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้ไม่มีผิด! เจ้าเด็กนี่ไม่เคยมาเมืองนี้ดูจากอาภรณ์ที่มันสวมใส่แล้ว มันน่าจะมีทรัพย์ไม่น้อย ทหารยามอีกคนก็มีความคิดเช่นเดียวกัน มันจึงกล่าวขึ้นออกมาเพื่อทำลายความเงียบงัน

“เจ้าคงไม่รู้จักหินจิตวิญญาณ หินจิตวิญญาณเป็นเงินตราของเมืองนี้ แน่นอนว่าหินก็มีระดับของมันด้วย ต่ำ กลาง และสูง!

ภายในหินนั้นเต็มไปด้วยพลังงานที่สามารถดูดซับได้ ทำให้การบ่มเพาะรวดเร็วขึ้น ยิ่งคุณภาพของหินดีเท่าไหร่ ปริมาณที่ได้รับการดูดซับยิ่งได้รับมากขึ้นเท่านั้น เอาอย่างนี้เป็นอย่างไร เนื่องจากเจ้าเป็นผู้มาใหม่ข้าจะช่วยเจ้าเอง เจ้าสามารถนำสิ่งมีค่าที่เท่าเทียมมาแลกเปลี่ยนได้ แล้วข้าจะพิจารณาว่าเจ้าจะได้หินจิตวิญญาณเท่าไหร่!”

หลังจากที่ฟังจนจบแล้ว กุนไท่ก็ยิ้มเยาะในใจว่าพวกมันคิดว่าข้าเป็นหมูอ้วนที่ใกล้ตาย? ที่จะสามารถฆ่าแล้วเอาเนื้อไปได้โดยง่าย? กุนไท่นั้นรู้อยู่แล้วว่ายามพวกนี้ต้องการที่จะหลอกเขา นี่หรือเมืองอี้? ไม่สมกับชื่อเลยแม้แต่น้อย! (เมืองยุติธรรม)

แถมพวกมันยังพูดอีกว่าจะช่วยข้า? นี่มันเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวชัดๆ พวกมันจะได้ทั้งสมบัติของข้า และข้ายังกลายเป็นติดหนี้บุญคุณพวกมัน เนื่องจากช่วยข้าในการแลกเปลี่ยนอีกด้วย

กุนไท่ยังคงปั่นสีหน้าทำเป็นไร้เดียงสานัยน์ตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง และขอบคุณ ยามทั้งสองที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะในใจ ภายในใจของพวกมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ว่าอีกฝ่ายจะเอาสิ่งล้ำค่าอะไรออกมาให้พวกเขากัน!

“ท่านทั้งสองคิดว่าของสองสิ่งนี้ มีมูลค่าเท่าใด?”

กุนไท่กล่าวจบ พลันปรากฏกล่องสีเหลี่ยมขนาดเท่าฝ่ามือออกมา มันประดับไปด้วยหยก และมรกตที่ดูล่ำค่าเพียงแค่กล่องเพียงอย่างเดียวยังล่ำค่าขนาดนี้ แล้วของที่อยู่ข้างในจะขนาดไหน! ทหารยามทั้งสองคิดในใจ พวกมันเต็มไปด้วยความตื่นเต็ม และตกตะลึง

มือพวกมันสั่นไปด้วยความตื่นเต้นก่อนจะยื่นออกไป เพื่อหวังจะหยิบกล่องนั้นจากมือของกุนไท่ ขณะที่กำลังจะหยิบนั้น ปรากฏเสียงใสของสตรีดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“หยุดนะ!”

หลังจากที่เสียงนั้นจบลง ปรากฏดุรณีน้อยนางหนึ่งอายุราวสิบเจ็ดปี ผมยาวสีดำขลับของนางสยายไปตามลม นัยน์ตาสีฟ้าใสดุจแม่น้ำจากสรวงสวรรค์ที่บริสุทธิ์ และเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ อาภรณ์สีขาวของนางนั้นดูแล้วช่างเหมาะสมนัก ทำให้ดูงดงามวิจิตตระการตามากขึ้นไปอีก แต่ใบหน้าที่งดงามนั้นกลับเต็มไปด้วยความโกธร

“พวกเจ้าจะทำให้เมืองนี้เสียชื่อหรืออย่างไรกัน ถึงได้ทำสิ่งที่น่ารังเกียจถึงเพียงนี้!”

เสียงของนางดังอีกครั้ง ทหารยามทั้งสองที่เห็นนางสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวและเคร่งเครียด พวกมันรีบคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับคำนับอย่างรวดเร็วพลางกล่าวขึ้นมาว่า

“ยกโทษให้ข้าด้วย ท่านเจียวเหม่ย พวกข้าจะไม่ทำอีกแล้ว!”

“หึ ไสหัวไปซะ!”

หญิงสาวที่ชื่อเจียวเหม่ยตอบกลับไปพลางโบกมือไล่ ทหารยามทั้งสองได้เห็นเช่นนั้นก็รีบจากไปอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว

กุนไท่ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นก็ยิ้มอย่างเป็นมิตรพลางคิดในใจว่า นางช่างมีจิตใจดียิ่งนัก แถมนางอายุเพียงสิบเจ็บปี ทว่าการบ่มเพาะอยู่ในระดับเดียวกับเขาแล้ว อายุเพียงเท่านี้นับว่าหาได้ยาก!

กุนไท่พยักหน้าให้นางอย่างขอบคุณ แท้จริงแล้วแม้นางจะไม่ช่วยเขาไว้ ตัวเขาก็สามารถเอาตัวรอดได้ เพราะสมบัติในมือของเขานั้นมันไม่มีอยู่จริง มันเป็นแค่ภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมาเท่านั้น

คนส่วนมากจะไม่ได้สังเกตอะไรมากนักเพราะปรมาจารย์ด้านมายาหาได้ยากยิ่ง ตำแหน่งความพวกเขานั้นสูงส่งเสียยิ่งกว่าปรมาจารย์ด้านโอสถ ด้านค่ายกล ด้านฝึกสัตว์ และอื่นๆอีกมาก กว่าภาพลวงตาจะหายไปนั้นคงอีกเจ็ดวัน เมื่อถึงเวลานั้น เขาคงจากไปไกลเสียแล้ว

“ขอบคุณแม่นางมากที่ช่วยเหลือข้า มิเช่นนั้นข้าคงต้องเสียเปรียบแล้ว!”

กุนไท่กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มพลางประสานมือขอบคุณ

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าเพียงแค่ไม่อยากเห็นคนทำชั่วต่อหน้าต่อตาข้า และข้าแค่เอ่ยเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก”

นางตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน นางเวลานี้ดูงดงามมากทำให้ชายหนุ่มที่เดินผ่านไปมารู้สึกหลงรักนาง แต่พวกเขานั้นไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะรู้ถึงสถานะของนางดี“ถึงอย่างนั้น ท่านก็เป็นผู้ช่วยข้า ให้ข้าได้ตอบแทนท่านเถอะ!”

“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะพาเจ้าไปหาที่พักก่อนละกัน ระหว่างเดินข้าจะอธิบายถึงสิ่งต่างๆให้เจ้าฟัง”

เมื่อนางกล่าวจบนางก็เดินนำเข้าเมืองไป ทหารยามที่เหลือนั้นต่างทำความเคารพนาง กุนไท่เดินไปอยู่ข้างๆนางเช่นกัน ทั้งสองก็ได้แนะนำตัว และนางก็ได้อธิบายในเรื่องที่กุนไท่ไม่รู้ให้ฟัง

นางเป็นบุตรสาวของหัวหน้าตระกูลเจียว ตระกูลเจียวเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองอี้ เมืองอี้มีตระกูลใหญ่อยู่ทั้งหมดสามตระกูล ได้แก่ ตระกูลเจียว ตระกูลซือ และตระกูลหาน

ส่วนผู้ที่ปกครองเมืองที่แท้จริงนั้นคือสำนักมังกรคราม ซึ่งเจ้าสำนักของสำนักมังกรครามนั้นยังเป็นเจ้าเมืองนี้อีกด้วย ตระกูลใหญ่ทั้งสามนั้นต่างส่งบุตรหลานของตนเองไปเป็นศิษย์ด้วยกันทั้งสิ้น และตัวเจียวเหม่ยเองก็เป็นศิษย์ของสำนักมังกรครามเช่นเดียวกัน

แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือสำนักนี้เป็นแค่สาขาย่อยเท่านั้น มันบ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของสำนัก เพียงสำนักย่อยยังสามารถปกครองเมืองนี้ได้ แล้วสาขาใหญ่จะแข็งแกร่งขนาดไหน!

นางอธิบายอย่างกระชับเพื่อให้กุนไท่เข้าใจได้โดยง่าย ทั้งสองพูดคุยกันจนเริ่มสนิทสนมกัน การเรียกขานกันนั้นเปลี่ยนไปอย่างสนิทสนมมากขึ้น ทั้งสองไปหาโรงเตี๊ยมมากมายแต่กลับไม่เหลือห้องว่างเลยแม้สักห้องเดียว

“น้องไท่ ไม่มีโรงเตี๊ยมอีกแล้ว ข้าว่าเจ้าต้องไปพักที่ตระกูลข้าแล้ว”

“ถ้าอย่างงั้น ต้องรบกวนพี่เหม่ยด้วย”

“และอีกอย่าง เจ้าเอาสิ่งนี้ไปใช้เถอะ!”

เจียวเหม่ยกล่าวพลางโยนแหวนมิติให้วงหนึ่ง กุนไท่ตรวจสอบข้างในอย่างรวดเร็วแล้วเห็นว่า ข้างในมีหินจิตวิญญาณประมาณสิบก้อน ทุกก้อนล้วนเป็นระดับกลาง!

หินจิตวิญญาณนั้นคนส่วนใหญ่ใช้กัน เป็นเพียงระดับต่ำเท่านั้น มีส่วนน้อยที่มีระดับกลาง ส่วนระดับสูงนั้น มีแค่ตระกูลใหญ่ หรือผู้มั่งคั่งเท่านั้นถึงจะมีใช้ได้ หินระดับสูงส่วนมากนั้นเอาไว้ใช้เพื่อบ่มเพาะ หรือไม่ก็เอาไปแลกของมีค่าที่เท่าเทียมกัน

หนึ่งร้อยก้อนระดับต่ำเทียบเท่าระดับกลางหนึ่งก้อน หนึ่งร้อยก้อนระดับกลางเทียบเท่ากับระดับสูงหนึ่งก้อน!

กุนไท่ที่ได้รับหินจิตวิญญาณระดับกลางสิบก้อนจากเจียวเหม่ยได้นั้น อธิบายได้ว่านางนั้นใจกว้างเป็นอย่างมาก กุนไท่กำลังจะปฏิเสธแต่เพียงแค่อ้าปาก เจียวเหม่ยก็พูดขัดขึ้นมาว่า

“เจ้าไม่ต้องเกรงใจ ข้าเพียงแค่ให้ยืมก่อนเท่านั้น หลังจากที่เจ้ามีแล้วค่อยคืนข้าก็ยังมิสาย อีกอย่างข้าเป็นพี่สาว ข้าต้องช่วยน้องชายเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”

กุนไท่ยอมรับน้ำใจนี้อย่างว่าง่ายเพราะลองคิดดูแล้ว หินระดับกลางแค่สิบก้อนก็ไม่ได้มีค่าอะไร เขาสามารถเอาโอสถจากในแหวนมิติของเขาออกมาแลกเปลี่ยนได้ เขาเก็บโอสถพวกนี้ไว้เพื่อใช้ประโยชน์ แล้วโอกาสนี้มันก็มาถึง!

โอสถสำหรับเขาไม่มีประโยชน์อะไรเพราะร่างกายของเขาไม่ยอมรับ มันจะทำให้รากฐานเสียหาย และกลิ่นอายในร่างกายอาจถึงขั้นสลายหายไป!

แต่หินจิตวิญญาณเหล่านี้แตกต่างออกไป มันสามารถดูดซับได้โดยตรง เพียงแค่หินจิตวิญญาณระดับสูงแค่ก้อนเดียวเขาสามารถทะลวงไประดับสร้างรากฐานได้ทันที มูลค่าสิ่งต่างๆในการแลกเปลี่ยนตอนนี้เขาเข้าใจเรียบร้อยแล้วจากการอธิบายของเจียวเหม่ย และแล้วทั้งสองก็มาถึงตระกูลเจียว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด