ตอนที่แล้วPTH26 พลับพลาหยกทอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปPTH28 ออกมาดูศิลาวิญญาณ

PTH27 สนิทสนมราวกับพี่น้อง


600 ศิลาวิญญาณระดับล่าง!

ในอดีตที่ผ่านมา เว่ยสั่วขวนขวายหาศิลาวิญญาณอย่างยากลำบาก แม้ช่วงหลังจะสร้างยันต์เพลิงแล้วนำไปขายได้ แต่ยันต์เพลิง 30 แผ่นขายได้เพียง 15 ศิลาวิญญาณระดับล่างเท่านั้น

สำหรับผู้ฝึกตนไร้สังกัด ศิลาวิญญาณระดับล่าง 400 ก้อนมีมูลค่ามหาศาลจนสามารถเข่นฆ่าแย่งชิงได้

ส่วนหยกเย็น หากหนาสักหน่อยก็คงหาทางคิดฮุบเอาทั้งหมดเป็นของตน

เมื่อเข้าใจเช่นนี้เว่ยสั่วก็เริ่มเข้าใจหลินเต้ายี มันอยู่เขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 5 ที่มันคิดหักหลังก็เพื่อจะครอบครองทุกสิ่งเป็นของตน หากได้ครอง มันจะกลายเป็นผู้มั่งคั่งในแคว้น และในอนาคตอาจกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่โชคร้ายที่มันไม่เป็นไปดังหวัง มันบังเอิญพบกับเว่ยสั่วผู้ครอบครองยันต์เพลิงจำนวนมาก

“พวกท่านคิดว่ายังไง?” เว่ยสั่วหันไปกล่าวกับคนอื่นๆ สำหรับเขาแล้ว เขาสามารถสร้างยันต์ไปขายเอาศิลาวิญญาณได้ ทั้งยังมีศิลาวิญญาณที่ได้จากหลินเต้ายี จึงยังไม่ขาดแคลนศิลาวิญญาณ สามารถรอการประมูลได้

“ข้าไม่มีปัญหา ยังไงซะข้าก็ยังอยู่ที่นี่ต่ออีกสักระยะ ย่อมรอการประมูลได้” หนางกงยู่ฉิงกล่าวพลางหันมองเย่เสี่ยวเจิ้งและเย่กู่เว่ย “พี่เย่...น้องเย่… พวกท่านคิดว่ายังไง?”

“ให้น้องเว่ยสั่วตัดสินใจเถอะ ข้าไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว” เย่เสี่ยวเจิ้งกล่าว

“ท่านนี่ใจกว้างจริงๆ” เมื่อเห็นสายตาที่เย่เสี่ยวเจิ้งมองเว่ยสั่ว ผู้ดูแลร้านก็พยักหน้า “เช่นนั้น หยกเย็นชิ้นนี้ทางเราจะนำขึ้นประมูลให้”

“แต่พวกท่านช่วยรอสักเดี๋ยว” ผู้ดูแลร้านกล่าวรั้ง ก่อนจะเรียกผู้เยาว์คนหนึ่งเขามา มันพอใจกับผลลัพธ์ในการเจรจาครั้งนี้มาก ด้วยที่พลับพลาหยกทองขึ้นชื่อเรื่องสมบัติ การได้เปิดประมูลหยกเย็นที่หาได้ยากแบบนี้ ยิ่งจะทำให้ชื่อเสียงของร้านเลื่องลือ ทั้งยังทำกำไรได้มากขึ้น

ไม่นานผู้เยาว์คนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดใบหนึ่ง สิ่งที่อยู่บนถาดทำให้เว่ยสั่วต้องกลืนน้ำลาย

ศิลาวิญญาณ 60 ก้อน!

ศิลาวิญญาณเหล่านี้แม้ดูคล้ายศิลาวิญญาณระดับล่าง แต่กลับมีสีเหลือง

“นี่มัน!” เย่เสี่ยวเจิ้งดวงตาเบิกกว้าง

“เหตุที่พลับพลาหยกทองของเราไม่เป็นสองรองผู้ใดในเมือจิตวิญญาณสูงดแห่งนี้ก็เพราะชื่อเสียง” ผู้ดูแลร้านกล่าวอย่างภาคภูมิ “ศิลาวิญญาณเหล่านี้มีมูลค่า 600 ศิลาวิญญาณระดับล่าง พลับพลาหยกทองของเราจะจ่ายส่วนนี้ให้พวกท่านก่อน หลังงานประมูลทางเราจะจ่ายส่วนที่เหลือให้พวกท่านอีกครั้ง”

“พลับพลาหยกทองดำเนินการค้าอย่างตรงไปตรงมา นำศิลาวิญญาณมาให้คู่ค้าก่อนส่วนหนึ่ง ไม่แปลกใจที่เหตุใดพลับพลาหยกทองถึงมีชื่อเสียงโด่งดัง” เว่ยสั่วขบคิด จ้องมองศิลาวิญญาณระดับกลางด้วยดวงตาเป็นประกาย แต่เมื่อสังเกตุเห็นชิ้นหยกที่สลักคำว่า ‘สี่’ เอาไว้ จึงกล่าวถามด้วยความประสงสัย “หยกพวกนี้คืออะไร?”

“เป็นใบผ่านทางให้พวกท่านเข้าร่วมงานประมูล... อักษรสี่ที่เห็นเป็นตัวยืนยันว่าพวกท่านทั้งสี่มีสิทธิ์เข้าร่วมชมงานประมูลเพื่อดูว่าหยกเย็นของพวกท่านประมูลได้ราคาเท่าใด” ผู้ดูแลร้านกล่าวอธิบาย “เมื่อพวกท่านเข้าร่วมงานแล้ว นอกจากชมราคาหยกเย็นของพวกท่าน พวกท่านยังสามารถร่วมประมูลของชิ้นอื่นที่สนใจได้ อีกอย่างยังสามารถเข้าชมการผลิตยันต์ของทางเราได้ เพียงแต่มีกฏอยู่ว่า หากงานประมูลจบลง พวกท่านต้องออกจากบริเวณงานปรระมูลทันที ไม่อย่างนั้นพวกท่านต้องเสีย 10 หยกศิลาวิญญาณระดับล่างเพื่อชมงานต่อ… ในวันประมูลจะมีกระจายข่าวไปทั่วทั้งเมือง แต่จะมีก็เพียงผู้ที่ยอมจ่ายศิลาวิญญาณเท่านั้นที่จะได้รู้รายละเอียดของงานประมูล”

“พลับพลาหยกทองไม่ธรรมดาจริงๆ” เว่ยสั่วรู้ว่าต้องจ่าย 2 ศิลาวิญญาณเพื่อให้ทราบรายละเอียดของงานประมูล แต่ยามนี้ได้สิทธิ์ให้เข้าเข้าร่วมฟรี เขาย่อมดีใจ

“หากคราวหน้าพวกท่านมีของดีแบบนี้อีก ขอให้นำมาขายยังพลับพลาหยกทองของเรา พวกเราจะให้ราคาพวกท่านอย่างงามแน่นอน” ผู้ดูแลร้านยิ้มพลางกล่าว หลังจากกล่าวบางสิ่งเล็กน้อย เว่ยสั่วและคนอื่นๆก็ออกจากพลับพลาหยกทองไป

ทุกคนแบ่งสรรค์ศิลาวิญญาณระดับกลางคนละ 15 ก้อน

เย่เสี่ยวเจิ้งและเย่กูู่เว่ยต้องกลับไปยังเมืองจันทราร่วงโรย เว่ยสั่วและหนานกงยู่ฉิงจึงไปส่งทั้งสองที่ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายใต้ของเมือง

“น้องเว่ยสั่ว คนเช่นเจ้าหาได้ยาก ข้านับถือเจ้าเป็นสหาย หากวันใดเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาเยี่ยมเยียนพวกข้าได้ที่เมืองจันทราร่วงโรย”

“พี่เย่ หากท่านมาเยือนเมืองจิตวิญญาณสูงสุดก็แวะมาเยี่ยมข้าบ้าง...”

ฉากร่ำลาเป็นภาพที่น่าจดจำและงดาม หากเป็นผู้อาวุโสเขียวของเว่ยสั่วได้เห็นคงมึนงง เพราะด้วยนิสัยของเว่ยสั่ว เมื่อได้ศิลาวิญญาณมามากขนาดนี้ย่อมรีบกลับบ้าน ไม่มาเสียเวลากับการร่ำลาเย่เสี่ยวเจิ้งที่เพิ่งพบเจอไม่กี่วัน แต่เหมือนคนสนิทกันเป็นสิบปี

แต่หากได้รู้จักปูมหลังของเว่ยสั่วจะรู้ว่าเหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้

เว่ยสั่วกอดลาเย่เสี่ยวเจิ้งและเย่กู่เว่ย ราวกับทั้งสามเป็นพี่น้องคลานตามกันมา น้ำตาแห่งความปิติไหลริน

“ได้กอดสาวงามมีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอ?” เมื่อเย่เสี่ยวเจิ้งและเย่กู่เว่ยจากไป หนางกงยู่ฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆก็กล่าวขึ้น

“มีความสุขอะไรกัน?” เว่ยสั่วหน้าแดงด้วยความอาย แต่แล้วนางก็กล่าวบางอย่างขึ้น

“เข้าร่วมเถี่ยเซ่อกับข้าหรือเปล่า?” นางยิ้มพลางกล่าว

“เข้าร่วมเถี่ยเซ่อ?” เว่ยสั่วดวงตาเบิกกว้าง

“มีข้าเป็นคนแนะนำ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

“เถี่ยเซ่อเป็นแค่กลุ่มของผู้ฝึกตนไร้สังกัด ไม่ได้มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดเหมือนนิกาย หากเจ้าเข้าร่วม เจ้าจะได้รับความคุ้มครองและสิ่งต่างๆอีกมากมาย”

เท่าที่นางเข้าใจ เว่ยสั่วไม่สมควรปฏิเสธคำเชิญของนาง เพราะผู้ฝึกตนไร้สังกัดส่วนใหญ่ในเมืองจิตวิญญาณสูงสุดจะเข้าร่วมกับเถี่ยเซ่อ แต่เว่ยสั่วกลับส่ายหน้าพลางกล่าว “ขอบคุณแม่นางที่หวังดี ข้าอิสระมากกว่า”

“เขาเป็นคนยังไงกัน?”

นางจ้องมองแผ่นหลังของเว่ยสั่วที่เดินจากไป หวนนึกถึงยามที่เว่ยสั่วแอบมองเรือนร่างของตน ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

นางก้มมองป้ายในมือ รอยยิ้มที่งดงามกลับมาที่ใบหน้าอีกครั้ง “เว่ยสั่ว เจ้าเป็นใครข้าต้องรู้ให้ได้!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด