ตอนที่แล้วBB ตอนที่ 11 ก่อปัญหา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปBB ตอนที่ 13 เรื่องวุ่นวายที่ร้านสมุนไพร

BB ตอนที่ 12 เสน่ห์ที่ล่อลวงทั้งบุรุษและสตรี


BB ตอนที่ 12 เสน่ห์ที่ล่อลวงทั้งบุรุษและสตรี

ดังนั้นชิงเป่ยจึงยอมล่าถอยกลับเข้าไปด้านในแต่โดยดี

หลังจากสงบจิตใจลงแล้ว เขาก็จำได้ว่าตอนนี้ตนเองยังต้องเป็นคนขาพิการอยู่ หากมีใครเห็นว่าเขาเดินลงมาจากเตียงเช่นนี้ คนผู้นั้นคงตกใจราวกับเห็นผีเป็นแน่!

ไม่ห่างไปไกลนัก มีเด็กสาวสองคน อายุใกล้เคียงกัน กำลังเดินคุยมาด้วยกันอย่างสบายใจ

คนหนึ่งสวมชุดผ้าไหมสีชมพู ตัวเล็กนิดหนึ่งดูน่ารักอ่อนหวาน อีกคนหนึ่งสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าน้ำทะเล ตัวสูงและมีหน้าตาสะสวย

พวกนางเป็นธิดาของพระชายารองอีกสองคน คุณหนูสองเยี่ยนซีอู่ และคุณหนูสามเยี่ยนซีโหรว

เยี่ยงหนิงลั่วไม่ค่อยได้กลับจากสำนักละอองหมอกมากนัก ดังนั้นคุณหนูทั้งสองคิดเอาเองว่าจวนอ๋องนั้นเป็นเหมือนกับป่าที่ไร้พยัคฆ์ ดังนั้นพวกลิงจึงตั้งตนเป็นใหญ่ เคยชินกับการวางท่าและวางอำนาจให้ได้ดั่งใจตน น้องสาวที่อายุน้อยกว่าพวกนางไม่กล้าโต้แย้งกับพวกนางแม้แต่น้อย

กระทั่งชิงอวี่กับชิงเป่ยสมัยเด็กยังไม่อาจรอดพ้นจากการกลั่นแกล้งของพวกนาง

ทว่าหลังจากที่ชิงอวี่แอบสอนบทเรียนให้พวกนางไปครั้งหนึ่ง พวกนางจึงหยุดแกล้งพี่น้องฝาแฝดไปเป็นระยะเวลานาน มิได้ออกมาเอ่ยวาจาว่าร้ายเช่นนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ผู้ที่สวมชุดสีชมพูคือเยี่ยนซีโหรว นางมองเรือนสงบเงียบที่ปิดประตูแน่น ก่อนเอ่ยขึ้น “ยังสว่าอยู่แท้ ๆ แต่กลับปิดประตูเรือนเสียแน่น หรือว่าเจ้าเด็กนอกสมรสสองคนนั้นอาจจะกำลัง….. ฮ่า ๆ….. กำลังกระทำเรื่องน่าอายอยู่ในนั้นกระมัง?”

ยามนางเอ่ยประโยคเมื่อครู่ขึ้นมา บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้าย

นางย่องเข้าไปใกล้ประตูเรือน ตั้งใจว่าจะผลักประตูเข้าไปโดยแรงเพื่อแกล้งให้คนด้านในตกใจเสียหน่อย ทว่ายามเมื่อนางเอนร่างพิงกับประตูกำลังจะส่งแรงผลัก ประตูนั่นกลับถูกเปิดออกโดยพลัน

ด้วยความที่ตัวนางพิงอยู่กับประตูแล้วดันมีคนเปิดประตู เยี่ยนซีโหรวจึงถอยกลับมาไม่ทัน ล้มหน้าคะมำไปด้านหน้าอย่างจัง

เสียง ‘โครม’ ดังขึ้น เป็นเสียงโครมที่ดังเป็นพิเศษ

ร่างนางนอนแปะอยู่กับพื้น ส่วนชุดกระโปรงก็ถลกขึ้นมาคลุมหัวดูน่าอายนัก

รองเท้าสีขาวที่อยู่ตรงหน้านางก้าวถอยออกไปสองสามก้าวราวกับตกใจ หลังจากนั้นน้ำเสียงแสดงความประหลาดใจก็ดังขึ้น “ไอ้หยา เหตุใดท่านพี่ต้องทำเช่นนี้ด้วย? เหตใดต้องก้มคำนับข้าจนลงไปกองอยู่กับพื้นราวกับพวกบริวารด้วยเล่า?”

“พรู่ดดด…..”

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ชิงเป่ยในตอนนี้จึงหลบอยู่หลังฉากกั้น ถึงจะถูกฉากกั้งขวางไว้ แต่ก็ยังสามารถเห็นภาพที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

พี่สาวของคนเขาคนนี้จะร้ายไปแล้ว

“พี่สาม!” เยี่ยนซีอู่พลันได้สติ รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงเยี่ยนซีโหรวขึ้นมา “ท่านเป็นอะไรไหม?”

เยี่ยนซีโหรวล้มลงไปแรงมากจนผมไม่เป็นทรง กระทั่งที่หน้าผากยังมีรอยช้ำสีเขียวจาง ๆ บนใบหน้าเปรอะฝุ่น ทั่วทั้งร่างสกปรกไม่ต่างจากหญิงเสียสติผู้หนึ่ง

เยี่ยนซีอู่อดรู้สึกดูหมิ่นนางไม่ได้ ทว่าพวกนางอยู่ข้างเดียวกัน จะซ้ำอีกฝ่ายก็กะไรอยู่

เยี่ยนซีโหรวไม่จำเป็นต้องส่องกระจกก็รู้ได้ว่าตนเองมีสภาพย่ำแย่ขนาดไหน นางกำหมัดแน่น กัดฟันส่งสายตาโกรธแค้นไปยังเด็กสาวตรงหน้า “เยี่ยนชิงอวี่ เจ้า…..”

ทว่านางกลับไม่สามารถเอ่ยคำพูดใดออกมาได้

เยี่ยนซีโหรวตกตะลึงจนร่างชะงักค้างไป นี่….. นี่มัน….. นางคือเยี่ยนชิงอวี่….. ยัยเต่าหัวหกที่ขี้อายไม่กล้าโต้เถียงราวกับหนูตัวหนึ่งคนนั้นหรือ?

นางโตขึ้นมามีหน้าตางดงามขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน!?

ชุดบนร่างของนางเป็นเพียงชุดสีขาวธรรมดาชุดหนึ่ง ผมยาวถึงเอวไม่ได้ประดับตกแต่งด้วยสิ่งใด หากแต่ใช้ปิ่นปักไว้หลวม ๆ เท่านั้น มีปอยผมที่พลิ้วไสวไปตามแรงลม บนใบหน้านางเฉยเมย ทว่ากลับให้ความรู้สึกราวกับว่านางเกียจคร้านเกินกว่าจะใส่ใจสิ่งใดในโลก ราวกับว่านางเกิดมาพร้อมกับความรู้สึกเช่นนี้

สิ่งที่ทำให้นางยิ่งเดือดดาลคือเด็กผ็หญิงที่แต่ก่อนผอมแห้ง หน้าตาธรรมดา ตอนนี้กลับสามารถเติบโตขึ้นเป็นโฉมสะคราญ

นัยน์ตาหงส์ที่แฉลบขึ้นของนางนั้นเย้ายวนน่าหลงใหลราวกับปีศาจจิ้งจอก ใบหน้าของนางก็งดงามเกินบรรยาย ดูแล้วนางสามารถเทียบได้กับ….. สามารถนำมาเทียบกับเยี่ยนหนิงลั่วได้เลย!

เยี่ยนหนิงลั่วคือใครน่ะหรือ!?

นางก็คือโฉมงามที่สุดในแคว้นชิงหลานอย่างไรเล่า เป็นสตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่สตรี

นางเป็นสตรีที่มีผู้คนเฝ้าใฝ่ฝันถึงทว่าไม่อาจเอื้อมมือขึ้นแตะต้อง ทำได้เพียงชื่นชมและบูชาเพียงเท่านั้น

ทว่ายัยเด็กที่เป็นเพียงลูกอนุผู้นี้!

นางมีสิทธิ์อันใดถึงได้มีรูปโฉมงดงามกว่าพวกนางได้?!

ยิ่งคิด ในใจก็ยิ่งไม่มั่นคง เยี่ยนซีโหรวนั้นราวกับกำลังจะเสียสติ! ความเหนือกว่าที่นางเคยมี ต่อหน้าชิงอวี่ผู้นี้กลับหายไปจนสิ้น แค่ใบหน้างามนั่นก็ทำให้นางอิจฉาจนตาเขียว ทั้งอิจฉาและชิงชังยิ่งนัก

เมื่อมองไปทางเยี่ยนซีอู่ที่อยู่ข้างกาย นางเองก็กำลังตกตะลึงกับความงามของชิงอวี่เช่นเดียวกัน

ชิงอวี่มองเด็กสาวสองคนที่จ้องหน้านางอย่างโง่งมนิ่ง นางคลี่ยิ้มออกมา นางยกมือขึ้นแตะใบหน้าตนเล็กน้อย ส่งสายตายั่วยวนให้พวกนาง “งามหรือไม่?”

“งาม” เยี่ยนซีโหรวพยักหน้าถึงจะไม่อยากยอมรับก็ตามที

ทว่าเมื่อคิดได้ว่าตนพูดสิ่งใดออกไป สีหน้านางก็พลันเปลี่ยน ดูทั้งโกรธและอับอายไปในเวลาเดียวกัน

“นี่ เจ้าใช้สิ่งใด ถึงได้….. งามขนาดนี้กัน?” เยี่ยนซีโหรวไม่ได้ร้ายกาจถึงเพียงนั้น เป็นเพียงเด็กที่ถูกตามใจจนเสียคน ชอบวางอำนาจชอบแกล้งคนอื่นมากไปหน่อยเท่านั้น นอกจากปากเสียเล็กน้อยกับชอบแกล้งผู้อื่นแล้ว นางก็ยังไม่ได้กระทำการใดที่ชั่วร้ายเกินไป

เยี่ยนซีอู่ฉลาดกว่าเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นก็ไม่เอ่ยคำใด ทว่ามองสังเกตการณ์อย่างเงียบเชียบ

“เรื่องนั้น~~~” ชิงอวี่หรี่ตาลงพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงเบา นิ้มมือเรียวงามลูบคางตนราวกับกำลังครุ่นคิด

ในตอนที่เยี่ยนซีโหรวกำลังตั้งตารอว่าชิงอวี่จะให้คำตอบออกมาเช่นไร และเยี่ยนซีอู่ยืนสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ นั่นเอง ชิงอวี่พลันเผยอริมฝีปากออกเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม “ก็คงจะเป็นความงามที่ฟ้าให้มา ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้กระมัง!”

เยี่ยนซีโหรว “…..”

เยี่ยนซีอู่ “…..”

“เจ้าหลอกข้า!” ใบหน้างามของเยี่ยนซีโหรวเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ นางชี้นิ้วอันสั่นเทาไปที่ชิงอวี่ ทว่าพริบตาต่อมานิ้วนั่นกลับถูกมือนุ่มกำไว้

นางสัมผัสได้ถึงความเยียบเย็นเล็กน้อย เป็นมือที่เนียนนุ่มยิ่งนัก นิ้วแต่ละข้อทั้งยาวและเพรียวบาง ผิวพรรณขาดผุดผ่องราวกับจะส่องแสงเรืองออกมา นุ่มลื่นราวกับว่าทำมาจากหยก

ในตอนที่เยี่ยนซีโหรวถูกเรียวมืองามนั่นดึงเอาความสนใจทั้งหมดไป ทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงใบหน้าเนียนนุ่มที่ปลายนิ้วมือ “หากท่านไม่เชื่อก็ลองลูบดูสิ ลองลูบดูว่าบนหน้าข้ามีสิ่งใดหรือไม่”

จากนั้นเด็กสาวผู้พราวเสน่ห์ก็ขยิบตาให้พวกนางอย่างซุกซน

เป็นไปดังคาด เยี่ยนซีโหรวพลันในใจราวกับถูกบีบ แก้มน้อยของนางเริ่มมีสีแดงแต่งแต้มขึ้น ลมหายใจนางถี่เร็วขึ้น ทว่าไม่อาจละมือจากใบหน้าเนียนนุ่มนั้นได้

เยี่ยนชิงอวี่….. นางตัวร้าย!

เยี่ยนซีโหรวดึงมือตนเองกลับมาในทันทีก่อนจะส่งสายตาโกรธเกรี้ยวแกมอับอายให้ชิงอวี่ ใบหน้าของนางยังคงแดงฉานตอนที่นางหันไปอีกด้านและวิ่งจากไปราวกับโจรผู้หนึ่ง

เยี่ยนซีอู่ชะงักไปกับภาพที่เห็น เกิด….. อะไรขึ้นกัน?

ไม่ใช่ว่าพวกนาง….. ตกลงกันว่าจะมาสั่งสอนชิงอวี่ไม่ใช่หรือ?

แล้วทำไมพี่สามถึงได้วิ่งหนีไปเช่นนั้นเล่า??

“พี่สาม….. ดูท่าจะไม่ค่อยชอบข้านัก!” ชิงอวี่ขมวดคิ้วมุ่น ดูท่าทางโศกเศร้ายิ่งนัก นัยน์ตานางหมองหม่น บนใบหน้าอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวทำให้ใจเยี่ยนซีอู่รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมา

“นาง….. นางแค่เขินอายเท่า…..” ทว่าก่อนที่นางจะทันได้พูดจบประโยค เยี่ยนซีอู่ก็แทบจะกัดลิ้นตนเอง เมื่อครู่มีผีตัวไหนมาเข้าสิงนางให้พูดแบบนั้นออกไปกัน?

ยามเมื่อนางเห็นใบหน้าโศกเศร้าของชิงวี่ ในใจนางกลับรู้สึกสงสารงั้นหรือ?!

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

เยี่ยนซีอู่เบิกตากว้าง คิดว่าตนเองคงต้องมีสิ่งใดผิดปกติเป็นแน่แท้ นางไม่กล้ารั้งรออยู่ที่นี่ รีบยกกระโปรงเดินเร็ว ๆ จากไปในทันที

“ฮ่า ๆ ๆ…..”

เด็กหนุ่มที่ซ่อนอยู่หลังฉากกั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมาหลังจากไม่อาจอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป ที่หางตามีน้ำตาเอ่อคลออยู่

“น่าขันขนาดนั้นเลยหรือ?” ชิงอวี่กลอกตามองเขา

ชิงเป่ยพยักหน้า ยังคงหัวเราะไม่หยุด “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใช้กลยุทธ์สาวงาม ช่างไม่ละอายใจบ้างเลย!”