ตอนที่แล้วบทที่ 16 ต่อสู้กับระดับสร้างรากฐาน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 ความจริง

บทที่ 17 พลังของโลกมายา


บทที่ 17 พลังของโลกมายา

รอบตัวของหมิงเซียนแปรเปลี่ยนไป รวมถึงทุกคนที่กำลังรับชมการประลองอยู่ด้วย พวกเขารู้สึกราวกับว่าถูกย้ายไปอีกโลกหนึ่ง

รอบตัวของพวกเขาเต็มไปด้วยพื้นดินที่แห้งแล้ง พร้อมกับดวงอาทิตย์ที่สาดลงมาเพื่อแผดเผาผิวของพวกเขา เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งนั้นสามารถต้านทานได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับระดับพลังมนุษย์นั้นแทบจะถูกเผา ความรู้สึกกระหายน้ำอย่างรุนแรงเริ่มก่อตัวขึ้น

หมิงเซียนที่อยู่ตรงหน้าของกุนไท่นั้นไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนั้น แต่สีหน้าของเขาเผยความตกตะลึง เนื่องจากวิชาที่กุนไท่ใช้นั้น มันคือวิชาเฉพาะของกุนไท่

เด็กหนุ่มสามารถใช้ได้เพียงผู้เดียว และวิชาจำพวกนี้นั้นสามารถยกระดับความแข็งแกร่งได้ตามระดับที่บ่มเพาะอยู่ โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาฝึกฝนวิชาอื่น นี่คือสาเหตุที่กุนไท่ไม่สามารถฝึกวิชาอื่นได้ เพราะความพิเศษจากสายเลือดของเขา!

กุนไท่เหาะขึ้นฟ้าราวกับเทพเซียน ทุกคนที่ได้เห็นฉากนี้ถึงกับหยุดลมหายใจ และตกตะลึงไปตามๆกัน ผู้ที่สามารถเหาะเหินบนอากาศได้อย่างอิสระนั้น จะต้องเป็นผู้ที่สามารถบรรลุระดับผู้เชียวชาญเป็นอย่างน้อย ซึ่งมันคือระดับที่แข็งแกร่งกว่าระดับหลอมรวมพลังหนึ่งระดับ!

“นี่คือโลกมายาของข้า ในโลกของนี้ข้าสามารถกำหนดสิ่งใดก็ได้ตามที่ข้าปรารถนา สายฟ้าจงฟาดลงมา!”

สิ้นเสียงอันทรงพลังของกุนไท่ ปรากฏสายฟ้าสีดำจากฟากฟ้าผ่าลงมาใส่หมิงเซียนที่กำลังตกตะลึงอยู่

เปรี้ยงงงง!

หมิงเซียนตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยการใช้ วิชาระดับสามัญชน ขั้นกลาง โล่วารีต้านมหาสมุทรออกมา แต่สายฟ้าเหล่านี้นั้นไม่ใช่วิชา มันคือสายฟ้าจากธรรมชาติโดยแท้ ต่อให้เป็นระดับสร้างรากฐานขั้นจิตใจก็มิอาจสามารถต้านทานได้โดยง่าย อาจจะต้องถึงขั้นอาการบาดเจ็บสาหัสเลยด้วยซ้ำ!

“แย่แล้ว!”

หมิงเซียนอุทานออกพลางกระอักเลือดคำโตจากสายฟ้านั้น เหล่าผู้อาวุโสต่างอ้าปากค้างเมื่อพวกเขามองดูสายฟ้าที่ผ่าลงมา การหยิบยืมพลังจากธรรมชาติ และการบินบนฟ้าได้นั้น อย่างน้อยต้องอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญ

เด็กหนุ่มตรงหน้าของพวกเขานั้นอายุแค่สิบห้าปี แต่สามารถใช้พลังของระดับผู้เชี่ยวชาญได้ แม้จะแสดงพลังได้เพียงแค่หนึ่งในหมื่นส่วนของระดับผู้เชี่ยวชาญก็ตาม แต่มันก็มากพอที่จะบดขยี้ระดับสร้างรากฐานขั้นร่างกายผู้หนึ่งให้ตกตายได้อย่างง่ายดาย

หมิงเซียนไม่กล้าเก็บพลังไว้อีกต่อไป เขาพลันเรียกอาวุธคู่กายออกมา กระบี่สีทองที่เปล่งพลังอำนาจมหาศาลก็ปรากฏขึ้น รอบกายของหมิงเซียนนั้นมีปราณจากกระบี่ห่อหุ้มเอาไว้ ทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงของเขาค่อยๆฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

การหายใจที่ติดขัดเริ่มกลับมามั่นคงเหมือนอย่างเคย พลังปราณแต่เดิมที่อยู่ระดับสร้างรากฐาน ขั้นร่างกาย กลับเปลี่ยนเป็นระดับสร้างรากฐาน ขั้นจิตใจ!

“ไม่น่าเชื่อว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะสามารถทะลวงได้ในช่วงเวลานี้ พรสวรรค์ช่างน่าตื่นตาตื่นใจนัก”

“ใช่แล้ว งานสานสัมพันธ์ปีนี้ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา ดูเหมือนว่าบุตรของท่านกุนจวินจะลำบากเสียแล้ว”

ผู้อาวุโสที่ชมการประลองต่างแสดงความแปลกใจออกมา พวกเขาต่างชื่นชมหมิงเซียนอย่างมาก และก็มีบางส่วนที่ชื่นชมกุนไท่ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะหากไม่มีกุนไท่แล้ว การทะลวงระดับของหมิงเซียนคงต้องรอไปอีกไม่รู้กี่ปี

นัยน์ตาสีดำของหมิงเซียนหรี่ลง พร้อมกับพลังปราณก่อตัวเป็นกระบี่ยักษ์ความยาวสิบเมตรขึ้นสามเล่มก่อนจะพุ่งออกไป แต่มันไม่ได้พุ่งเข้าใส่กุนไท่แต่อย่างใด มันกลับพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

กระบี่แต่ละเล่มต่างเชื่อมต่อกันจนเป็นสามเหลี่ยม พร้อมกับปลดปล่อยพลังอำนาจสะกดข่มโลกมายานี้ไว้ทำให้อ่อนแรงลง จากนั้นหมิงเซียนสะบัดมือออกไป กระบี่สีทองที่เป็นอาวุธคู่กายนั้นพุ่งเข้าหาตรงกลางระหว่างกระบี่สามเหลี่ยมนั้นอย่างรวดเร็ว

ปังงงง     ตูมม!

โลกมายาเริ่มปริแตกออกราวกับแก้วที่เปราะบางก่อนจะสลายไป รอบตัวของพวกเขากลับมาที่ปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันคือลานประลองที่ต่อสู้กันก่อนหน้านี้

แฮ่ก แฮ่ก

กุนไท่หอบหายใจอย่างรุนแรง แม้จะเป็นแค่วิชาระดับสามัญชนขั้นกลาง แต่กลับใช้พลังเทียบเท่ากับวิชาขั้นสูง มันสิ้นเปลืองพลังปราณอย่างมาก

กุนไท่เป็นเพียงผู้บ่มเพาะระดับพลังมนุษย์เท่านั้น เขาประหลาดใจมากที่หมิงเซียนสามารถทำลายวิชาของเขาได้ แม้จะมีวิชาอื่นอีกมากมาย แต่เนื่องจากพลังปราณที่เหลืออันน้อยนิดนี้ จึงไม่สามารถใช้ออกได้

หมิงเซียนที่ยืนประจันหน้าอยู่กับกุนไท่นั้น สายตาเต็มไปด้วยคำขอบคุณ ที่สามารช่วยทำให้เขาทะลวงระดับมาได้ เขาติดระดับนี้มาสองปีแล้ว กว่าจะทะลวงอีกต้องใช้เวลาอย่างน้อยคือหนึ่งปี นานสุดอาจจะสามปี

“ปราณของเจ้าใกล้หมดเต็มทีแล้ว จะยอมแพ้หรือไม่!”

หมิงเซียนถามขึ้นด้วยท่าทางสง่าราวกับเซียนกระบี่หนุ่มผู้บรรลุทางแห่งสายธรรมะ

“ตัวตนนี้ของข้ามิอาจเอาชนะท่านได้ แต่อีกคนสามารถเอาชนะท่านได้!”

หลังจากกุนไท่กล่าวจบ เรือนผมสีน้ำเงินแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงดุจโลหิต ฉับพลันกระแสลมปราณกลายเป็นดุดันแข็งกร้าว นัยน์ตากลายเป็นสีแดงฉานราวกับอสูรร้าย กลิ่นอายชวนง่วงได้เปลี่ยนเป็นกระหายสงคราม

ทุกสิ่งทุกอย่างในสายตาคู่นั้นราวกับมีแต่การนองเลือดไปทุกหนแห่ง แขนขาที่ดูไร้เรี่ยวแรงนั้นกลับมีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน มวลกล้ามนั้นเต็มไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง และทนทาน

เพียงมองดูก็รู้แล้วว่าร่างกายนี้นั้นไม่ธรรมดายิ่ง มันมีแต่ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับมีร่างกายพิเศษเท่านั้น กลิ่นอายพิเศษที่ชวนง่วงนั้นกลับเปลี่ยนเป็นทำให้ตื่นตัวตลอดเวลา และเต็มไปด้วยความบ้าคลัง

เหล่าคนที่ระดับต่ำนั้นเมื่อสัมผัสเข้าเกือบจะเป็นบ้าไป บางคนอยู่ดีๆก็หัวเราะ บางคนอยู่ก็ทำร้ายร่างกายตนเอง เหล่าผู้อาวุโสรีบส่งพลังปราณเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาทำให้หายเป็นปกติ

เมื่อพวกเขาหายจากอาการเหล่านั้นแล้ว พวกเขาจึงรู้สึกหวาดกลัวต่อกลิ่นอายนี้เป็นอย่างมาก นี่มันน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่ต่างกันพวกเขารู้สึกว่าเลือดในร่างกายต่างไหลเวียนอย่างบ้าคลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

กุนจวินที่เห็นเช่นนั้นรู้สึกตกใจ และพูดกับตนเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า

“เจ้าเป็นใครกันแน่ เจ้าไม่ใช่ไท่เอ่อร์!”

กุนไท่ที่อยู่ในสภาพดังกล่าวนั้น พลันแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังลั่นออกมาพลางยกยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย ดวงตาจับจ้องไปที่หมิงเซียนพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราวกับปีศาจว่า

“ฮ่าๆ ข้าไม่ได้ออกมาตั้งนานแล้ว กุนไท่บอกว่า ห้ามฆ่าเจ้า! งั้นข้าขอสนุกกับการระบายสีแดงบนร่างของเจ้าก็แล้วกัน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด