ตอนที่แล้วตอนที่ 102 ฝึกสืบสวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 104 หอพันบุปผา

ตอนที่ 103 เหนือภพ !


เหนือภพเคลื่อนที่บุกไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นเงาพร่าเลือน ยิ่งคุกใต้ดินเป็นสถานที่มืดมิด มีเพียงแสงสว่างรำไร ทำให้แม้แต่นักโทษที่นั่งอยู่ในกรงขังยังยากที่จะสังเกตเห็นเหนือภพ

เหนือภพค่อย ๆ ลดความเร็วลงเมื่อเขาเข้ามาถึงด้านในคุกใต้ดินที่ลึกสุด เขาได้ยินมาว่าโจรที่ถูกจับมาในวันนี้ถูกขังไว้ที่ที่ลึกที่สุดเพื่อรอวันประหาร เขาเพ่งมองดูนักโทษทุกกลุ่ม ท่ามเสียงร้องขออาหาร ขอยา ขอร้อง พร้อมทั้งคำสาปแช่งของนักโทษที่จ้องจะฉีกเนื้อของเขาเป็นชิ้น ๆ เพราะเข้าใจว่าเขาคือทีมมือปราบ เขาพ่นลมหายใจอย่างแรง เป็นมือปราบมันไม่ง่ายเลย ที่ต้องทนกับเสียงสาปแช่งทุกวันแบบนี้ จิตใจได้ห่อเหี่ยวกันพอดี

“ชู่วว เงียบ ๆ ข้ามาตามหาคนคนหนึ่ง ถ้าพวกเจ้าทำตัวดี ๆ ข้าอาจจะใจดีให้อาหารพวกเจ้าก็ได้นะ”

เหนือภพกระซิบแผ่วเบาขณะหยิบเอาอาหารแห้งที่เขาตุนเอาไว้ในตัวขึ้นมากัดกินอย่างยั่วยวน ท่ามกลางเสียงของนักโทษที่หิวโหยเพราะอาหารที่ได้รับแต่ละวันไม่เพียงพอ

เหนือภพค้นหาเป้าหมายที่ละกรงทีละกรงอย่างละเอียด ก่อนจะพบกับโจรที่ขุนเจษจับได้ในวันนี้ เขาเป็นโจรชายที่นั่งอยู่ในซอกหลืบที่ลึกที่สุด มืดที่สุด และถูกล่ามเอาไว้อย่างหนาแน่นกว่าคนอื่น ๆ แต่น่าแปลกที่เขาไม่ใช่ชายที่เหนือภพเห็นในวันนี้  ถึงใบหน้าจะแลดูคล้ายกันแต่ไม่ใช่ นี่เป็นคนละคนกัน ทันใดนั้นเอง ทางเข้าของคุกใต้ดินที่อยู่ไกลออกไปเกิดมีเสียงปะทะกันอย่างรุนแรง เสียงต่อสู้ดังสนั่น เหนือภพจึงรีบเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว ก่อนจะพุ่งเข้าไปหลบซ่อนในมุมมืดแห่งหนึ่งเพื่อดูสถานการณ์

กลุ่มนักฆ่าผู้มาใหม่ปิดบังใบหน้าด้วยผ้าสีดำ พวกมันพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ก่อนจะทำการเข่นฆ่านักโทษทุกคนอย่างเหี้ยมโหดด้วยระเบิดและอาวุธลับ เหนือภพมองตะลึงค้าง เขาไม่อยากยุ่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ดังนั้นเขาจึงได้แต่เฝ้ามองอย่างเงียบ ๆ เฝ้าดูนักโทษชายหญิงถูกฆ่าทิ้งทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

‘เห้ย’

เหนือภพตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของแกนนำนักฆ่าชัดเจน มันคือ ‘ขุนวราธร’

ขุนวราธรและลูกน้องของเขาปลดผ้าคลุมหน้าออก พวกเขาล้วนเป็นมือปราบที่สวมใส่ชุดเครื่องแบบเต็มยศทั้งหมด แล้วก็ทำทีเป็นเข้ามาดูเหตุการณ์หลังจากนั้นกลุ่มของขุนเจษก็ตามเข้ามาติด ๆ

“ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

ขุนเจษถามอย่างตื่นตระหนก ขณะมองไปที่ขุนวราธร ขุนวราธรส่ายหน้า

“ข้าไม่รู้ ทันทีที่ข้าลงมาจะเอาตัว นักโทษไปไต่สวนก็มีหนึ่งในมือปราบที่ตามข้ามาด้วย  มันปาระเบิดใส่กรงของนักโทษทั้งหมด สงสัยว่ามันจะเป็นไส้ศึกปลอมตัวมา”

“มันคงหนีได้ไม่ไกล ตอนข้าเข้ามาก็ไม่เห็นใครสวนทางออกไปนะ งั้นพวกเรารีบกระจายกำลังค้นหา มันต้องอยู่ในนี้นี่แหละ”

ขุนเจษออกคำสั่งอย่างฮึกเหิม หากสิ่งที่ขุนวราธรพูดเป็นความจริง วิธีหลบหนีของคนร้ายที่ดีที่สุดก็คือการซ่อนตัวอยู่ที่นี่กับศพนักโทษเหล่านี้

เหนือภพไม่อาจรอเรื่องให้สงบลงได้ ดูเหมือนสถานการณ์กำลังกลับตาลปัตร ราวกับว่าเหตุการณ์นี้ถูกจัดฉากมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ เขารีบพุ่งตัวหนีในทันที น่าเสียดายที่ทางเข้าออกมีเพียงทางเดียวเท่านั้น เหนือภพจึงพุ่งกระแทกใส่ขุนเจษจนกระเด็น ก่อนจะทั้งผลัก เตะ ต่อยกับเหล่ามือปราบนับยี่สิบคนที่พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เขาอาศัยความมืดและความชุลมุนในการพรางตัว โดยพยายามไม่ออกเสียง มิเช่นนั้นพวกมือปราบคงจำเขาได้ในทันที

แม้มือปราบจะมีจำนวนมากกว่า แต่ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ หรือแม้แต่ความสามารถของเขาในครั้งก่อน ขุนเจษและเหล่ามือปราบใต้บังคับบัญชาก็ไม่ใช่คู่มือของเขาอยู่ดี มันจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะเล่นงานพวกนั้นให้พ้นทาง ทว่า….

“เหนือภพ !”

ขุนเจษเรียกชื่อเหนือภพด้วยน้ำเสียงราวกับว่าชื่อเหนือภพเป็นคำสบถอย่างหนึ่ง เหนือภพไม่สามารถปกปิดตัวตนได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใช้ปราณอาคมระดับสูง พวกเขามีสายตาที่เฉียบคม และช่างสังเกต และที่สำคัญในแผ่นดินนี้มีน้อยคนที่จะออกปฏิบัติภารกิจพร้อมกับอีเตอร์ขุดแร่

“จับมัน อย่าให้มันรอดไปได้”

ขุนเจษตะโกนลั่นออกคำสั่ง แม้พวกเขาจะว่องไวแค่ไหนก็เทียบไม่ได้กับฝีเท้าของเหนือภพ ท้ายที่สุดเหนือภพที่เคลื่อนที่ได้ไวราวกับลิงลมก็สลัดพวกเขาไปได้ภายในไม่กี่นาที

เหนือภพรีบกลับมาที่เรือนรับรองขององค์หญิง จากนั้นก็เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เธอฟัง ทำให้องค์หญิงคิดไม่ตก เธอกังวลเป็นอย่างมาก ขุนวราธรเป็นถึงหัวหน้ามือปราบหลวง  เป็นคนขององค์รัชทายาท เขาทำแบบนั้นเพื่ออะไรกัน องค์รัชทายาทกำลังเคลื่อนไหวอะไรอยู่กันแน่ ยิ่งเขารู้แล้วว่าเหนือภพเห็นว่าใครทำ เขาย่อมไม่ปล่อยให้เหนือภพลอยนวลต่อไปแน่ เขาคงจะเล่นงานจนถึงที่สุด จนกว่าเหนือภพจะตาย หรือไม่เช่นนั้น เป้าหมายก็ไม่ใช่การเล่นงานเหนือภพตั้งแต่แรก แต่เป้าหมายคือฐานอำนาจของตัวเธอเอง

‘หมากตานี้ของเจ้าร้ายกาจนัก’

บุษย์น้ำเพชรครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจบางอย่างออกไป

“ท่านหลบไปก่อนอย่าให้ใครพบตัว จนกว่าเรื่องจะซาลง แล้วเราจะส่งคนไปบอกอีกที”

“เจ้ามั่นใจนะ ว่าจะทำแบบนี้”

เหนือภพยังคงรู้สึกติดค้างเธอ เขาขมวดคิ้วจนใบหน้าหล่อเหลานั้นเกิดรอยย่น เขาพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างพวกองค์หญิงและองค์รัชทายาทอยู่บ้าง เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ควรทำให้ซับซ้อนหรือทำให้ยุ่งยาก ถ้าหากบุษย์น้ำเพชรส่งตัวเขาให้ทางการ ไม่เพียงไม่ต้องถูกเพ่งเล็ง แต่เธอยังสามารถสร้างความดีความชอบเพิ่มได้ด้วย ทว่าเธอยังคงเลือกที่จะปกป้องเขาไว้

เหนือภพจ้องมองบุษย์น้ำเพชรที่ยังคงนิ่งเงียบ เขาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไร เขาได้แต่จ้องมองแผ่นหลังเล็กบอบบางที่ยังคงไม่ไหวติง ท่าทางเยือกเย็นและสูงศักดิ์ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เหนือภพถอนหายใจก่อนจะเบือนสายตาหนี

“ก็ดี งั้นครั้งหน้าข้าคงต้องขึ้นค่าตัวซะหน่อยแล้ว ทำงานกับเจ้ามีแต่เรื่องอันตราย”

เหนือภพไม่อยากเซ้าซี้ เขากล่าวลาตามแบบฉบับของเขา แล้วก็ไปรับเงินค่าจ้าง เก็บข้าวของแล้วก็จากไปอย่างเงียบ ๆ

เหนือภพแบกสะพายสัมภาระมาหยุดยืนอยู่ประตูหลังเรือนรับรองของบุษย์น้ำเพชร ท่ามกลางแสงตะวันยามสายที่เจิดจ้า ขณะที่ด้านหลังก็มีเสียงกระแหนะกระแหนผสมเสียงหัวเราะของเวนไตยที่เฝ้ารอฉากแบบนี้มานานแสนนาน

“ทำไมรีบไปนักล่ะ ข้ายังไม่ทันได้ร่วมงานกับคนเก่ง ๆ อย่างเจ้าเลย สงสัยว่าคนบางคนจะเก่งไม่จริง ข้าไม่ส่งนะ คิก ๆ”

เหนือภพพ่นลมหายใจออกมา เขามองข้ามคำพูดของเวนไตย คำพูดก็เป็นเพียงสายลมที่ผ่านพัดไป ไม่อาจส่งผลอะไรกับเขา เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็เดินมุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านลมหวน

หลังจากเหนือภพจากไปไม่นานเรือนรับรองขององค์หญิงบุษย์น้ำเพชรก็ได้รับแขกใหม่อย่างองค์รัชทายาทและองค์ชายรอง การสนทนาของสามพี่น้องเชื้อหน่อกษัตริย์เต็มไปด้วยวาจาสุภาพอ่อนหวาน แต่แฝงเร้นไปด้วยคมมีดเชือดเฉือน พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับคดีอย่างออกรสชาติ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันราวกับว่าต่างเห็นอีกฝ่ายเป็นที่ปรึกษาที่ช่วยเพิ่มมุมมองในการแก้ไขปัญหา ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงองค์รัชทายาทและองค์ชายรองก็พากันจากไป   เมื่อพวกเขาได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว

สีหน้าของบุษย์น้ำเพชรที่รักษาไว้ซึ่งความสงบและเยือกเย็นมาโดยตลอด เริ่มเปิดเผยแววตาชิงชังขณะยืนมองพวกองค์ชายจากไป การมาขององค์รัชทายาทยิ่งตอกย้ำเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะคดีดาบมัจฉาสวรรค์หายหรือคดีสังหารนักโทษทั้งหมดในคุก มันยิ่งทำให้เธอเห็นอย่างชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวของเธอทั้งหมดนั้นเป็นแค่เพียงเด็กที่ต้องเดินตามเกมของผู้ใหญ่ต้อย ๆ

คนเราถ้าไม่เลือกงาน ย่อมไม่ยากจนและไม่มีทางหมดซึ่งหนทาง

“แล้วไง ก็แค่ถูกสั่งให้มาซ่อนตัว ไม่ได้ถูกไล่ออกถาวรซะหน่อย”

เหนือภพพยายามปลอบใจตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไมเขายังรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกตัดหางปล่อยวัด

“ภพ ! เจ้าเหม่ออะไรอยู่ เร็วเข้าในครัวคนไม่พอ เข้ามาช่วยกันหน่อย”

“รู้แล้ว รู้แล้ว กำลังไปเดี๋ยวนี้แหละ”

เหนือภพละจากจานชามกองโตที่กำลังล้างอยู่ ก่อนจะลุกขึ้นตามสมุทรไป ตอนนี้สมุทรได้เลื่อนขั้นจากพนักงานล้างจานไปเป็นลูกมือในครัวแล้ว ต่างกับเขาที่ยังคงเป็นแค่พนักงานล้างจานรายได้ต่ำ ยังดีที่เขามีความสามารถในครัวหลากหลาย ทั้งยังมีประสบการณ์ จึงมีบ่อยครั้งที่เขาได้เลื่อนขั้นมายืนตำแหน่งลูกมือในครัว บางครั้งก็ได้ยืนตำแหน่งคนครัวหลักในยามฉุกเฉิน มันเป็นวิถีชีวิตที่เขาคุ้นเคย จึงไม่ทำให้เหนือภพรู้สึกอึดอัดอะไร เขาออกจะสบายใจด้วยซ้ำที่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ แบบนี้ ทุกวันมีแต่เงินเข้ากระเป๋า มีทั้งที่อยู่ที่กิน แต่หากมีคนมาบอกว่าฮันเตอร์คือชีวิตต้องสาป เหนือภพก็คงจะเชื่อ

“ภพ นายรู้ข่าวหรือยัง”

“รู้อะไร”

เป็นอีกวันที่เหนือภพยังขลุกอยู่ในครัว

“ตอนนี้ดาบมัจฉาสวรรค์ตกอยู่ในมือขององค์รัชทายาทแล้วนะ เจ้ารู้หรือเปล่า”

เหนือภพนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบไปอย่างไม่สนใจว่า

“แล้วไงเล่า ยังไงภารกิจนั้นก็ยากเกินกว่าที่พวกเราจะทำตั้งแต่แรก ปล่อยให้เป็นการละเล่นของพวกลูกท่านหลานเธอไปเถอะ อ่ะนี่เสร็จแล้ว”

พูดจบเหนือภพก็ยื่นเนื้อทอดเกลือที่อยู่ในจานให้สมุทร เพื่อให้สมุทรส่งต่อไปให้พนักงานยกจานอีกที

“มันก็จริงอย่างที่นายว่านั่นแหละ แต่นายรู้อะไรไหม มีข่าวเด็ดอีกเรื่องหนึ่ง”

สมุทรเริ่มเบาเสียงลง ก่อนจะกวักมือให้เหนือภพขยับเข้ามาใกล้ ๆ

“ดาบมัจฉาสวรรค์ไม่ได้มีแค่เล่มเดียว”

“ว่าไงนะ !”

“อย่าเสียงดังไปสิ เรื่องนี้ข้าก็เพิ่งรู้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับพี่ ๆ ของนาย”

“พวกเจ้าสองคนกำลังซุบซิบอะไรอยู่ เร็ว ๆ แบ่งคนมาด้านหน้าหน่อยคนไม่พอ เจ้านั่นแหละมานี่”

“เอาไว้คุยหลังเลิกงานละกัน”

สมุทรพูดอย่างรัวเร็วหลังจากผู้จัดการร้านให้เข้าไปช่วยยกจานอาหารไปให้ลูกค้า

หลังเลิกงานเหนือภพได้ฟังเรื่องที่สมุทรเล่าทั้งหมดด้วยหัวใจหนักอึ้ง ก่อนจะขอตัวออกมาจากบ้านพักรูหนูในช่วงเวลากลางดึก

จากเรื่องที่สมุทรเล่า มันไม่น่าจะเป็นข่าวโคมลอย แต่เป็นไปได้อย่างไรที่ศิษย์พี่ทานธรรมกับศิษย์พี่วัฏจักรถูกจับ แต่พอเขานึกย้อนไปตั้งแต่เหตุการณ์ดาบมัจฉาสวรรค์หายไป นับรวม ๆ แล้วก็เป็นเวลาเกือบเดือนแล้วที่เขาไม่ได้รับการติดต่อสื่อสารจากศิษย์พี่ทั้งสอง และยิ่งไม่ต้องพูดถึงพี่สะใภ้ที่เขาเองก็ยังติดต่อไม่ได้ ครั้นเขาจะออกไปด้านนอกเพื่อติดต่อแหล่งข่าวลับของกลุ่มภารดาก็ไม่ได้อีก เพราะด้านนอกมีใบประกาศจับเขาอยู่เต็มไปหมด ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาในช่วงกลางวันค่อนข้างลำบาก และเขาไม่รู้ว่าจะติดต่อคนของกลุ่มภารดาในช่วงกลางคืนอย่างไร เนื่องจากกลุ่มภารดามีวิธีการติดต่อที่ต่างกันไปตามช่วงเวลาของวัน เพื่อป้องกันคนของทางการและผู้ที่ไม่หวังดีแทรกซึมเข้ามา

ช่วงกลางวันแบ่งเป็นสองเวลาคือช่วงเช้าและบ่าย เขารู้วิธีการติดต่อพวกเขาแค่ช่วงเช้าเท่านั้น ซึ่งสามารถติดต่อได้แค่ภายในตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน ทำให้เขาไม่อาจจะใช้วิธีนี้ได้ มันเสี่ยงเกินไป เพราะตอนนี้ทางการถึงกับว่าจ้างทีมฮันเตอร์แรงค์ที่สูงกว่าระดับ C จากบ้านฮันเตอร์มีชื่อในแคว้นสุริยัน เพื่อให้มาตามจับเขาเลยทีเดียว

เขาจึงคิดว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในครัวและห้องเช่ารูหนูที่อยู่ติดกับร้านอาหารที่เขาทำงานอยู่ แบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันไปอีกสักครึ่งปีถึงหนึ่งปี รอเรื่องทุกอย่างเงียบลงมันก็ดีขึ้นเอง แม้งานเทศกาลประมูลจะจบลงแล้ว แต่หมู่บ้านแห่งนี้ก็ยังคงมีคนใช้ชีวิตกันต่อไปตามปกติ ชาวบ้านมากมายล้วนต้องการแสวงหาช่องทางทำกินในหมู่บ้านชายแดนที่แสนจะมีอนาคตแห่งนี้

แต่ไม่ทันผ่านหนึ่งเดือน ก็ดันมีเรื่องศิษย์พี่ถูกจับ บีบให้เขาต้องออกจากที่ซ่อน เหนือภพไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหน แต่เขารู้อย่างหนึ่งว่าจุดที่มีแหล่งข่าวสารมากที่สุดก็หนีไม่พ้นหอนางโลม และภายในเมืองนิรันดร์กาลนครก็มีหอนางโลมมีชื่อเสียงมากอยู่แห่งหนึ่ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด