ตอนที่แล้วตอนที่ 4
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6

ตอนที่ 5


ตอนที่ 5

นิ้วมือเล็กๆ ขยับพร่างพรมบนแป้นคีย์บอร์ดอย่างชำนาญ  ชายหนุ่มหน้าตี๋ร่างสูงผมสั้นสีน้ำตาลแดงยืนมองอยู่ข้างคอมพิวเตอร์สีซีดด้วยแววตาชื่นชม เขาเหลียวมองบรรยากาศในร้าน “หมูหยองอินเตอร์เนท” ที่เห็นจนชินตาแต่ความรู้สึกกลับสดใสมากกว่าเมื่อครั้งที่เจ้าของร้านยังอยู่

ราวกับว่าร้านเนทเล็กๆ ที่มีคอมพิวเตอร์ให้บริการอยู่ประมาณสิบสองเครื่องได้รับความดูแลอย่างดี พื้นห้องก็สะอาด               ถังขยะที่ไม่มีขยะล้นให้รำคาญลูกตา ประตูกระจกก็ใสสว่างไม่มีคราบฝุ่นหรือเป็นเพราะพนักงานดูแลร้านคนใหม่ที่เพิ่งประจำการได้เพียงอาทิตย์เศษคนนี้

“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่ตั้ม”

“อ้อ!”

ตั้มหันมาตามเสียงเรียกของเด็กสาวที่ยิ้มหน้าแป้นอยู่หน้าคอมพ์ เธอหมุนเก้าอี้เลื่อนมารอรับกระดาษที่ไหลออกมาจากเครื่องปริ๊ตเตอร์

“ใบเสนอราคาค่ะ ค่าปริ๊ตแผ่นละห้าบาท ส่วนค่าบริการเอาเป็นซามูไรเบอร์เกอร์ชิ้นหนึ่งนะคะ”

“โหนี่เหรอราคากันเอง งั้นพี่ขอราคาปกติดีกว่ามั้ง” ชายหนุ่มหัวเราะจนตาหยี

“เอ่อ…แล้วที่พี่ให้หาข้อมูลประกวดยังดีไซด์เนอร์อะไรนั่นละ”

“พรุ่งนี้ได้ไหมค่ะ โซดา save มาแล้วแต่มันต้องทำเป็น word ก่อนถึงจะปริ๊ตได้นะคะ”

ยังไม่ทันที่โซดาจะพูดจบประโยคเสียงโทรศัพท์มือถือของตั้มก็ดังขึ้น  หนุ่มตาหยีก็หมุนตัวไปคุยโทรศัพท์อยู่มุมร้าน            ภาพของเพื่อนพี่ชายคนนี้จะดูเหมือนชอบปะทะคารมกับสาวมั่นนามน้ำหวานทุกฉากทุกตอน แต่ไม่มีอะไรเลยที่ชายหนุ่มจะไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องราวของอีกฝ่าย รวมทั้งสิ่งที่เป็นความใฝ่ฝันของเธอคนนั้นอีกด้วย โซดาระบายยิ้มน้อยๆ นึกอยากมีใครสักคนที่มาค่อยดูแลและห่วงใยแบบที่ตั้มทำให้น้ำหวานอย่างเสมอต้นเสมอปลาย จู่ๆ ผีหนุ่มร่างโปร่งใสก็ก้าวทะลุประตูกระจกของร้านเนทเข้ามาสบตากับโซดา ที่นั่งใจลอยอยู่ใกล้ประตูแล้วโบกมือบกไม้ทักทาย

“ฮ่วย!” โซดาสะดุ้ง “นายวุ่นวาย! อย่าจู่ๆ ก็โผล่มาอย่างนี้ซิ”

สาวโซดาเผลอตะคอกเสียงดัง จนลูกค้าที่อยู่ในร้านสามคนสะดุ้งรวมทั้งเพื่อนพี่ชายที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่หันมามองอย่างตกใจ

“เอ่อ...โซดาซ้อมร้องเพลงค่ะ เพลงใหม่โหลดจากเนทค่ะ...จู่ๆ เธอก็มาโผล่ในหัวใจฉัน…เย้...เย”

“จะเป็นนักร้องหรือนักเขียนกันแน่”

ตั้มหัวเราะเสียงดัง โซดาแสร้งยิ้มหัวเราะตามแต่หันไปทำหน้าดุใส่คุณวิญญาณเร่ร่อน คนถูกดุก้มศีรษะขอโทษก่อนจะเดินมานั่งใกล้ๆ สาวโซดาโดยที่ไม่มีใครในร้านรู้สึกถึงการมาเยือนของเขาเลย

“เอ๊ะ พี่ตั้มเปลี่ยนมือถือใหม่อีกแล้วเหรอค่ะ” เด็กสาวถามพลางยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ

“ฮืม...อันนี้ถ่ายรูปได้นะ ว่าแต่ทำไมเราไม่มีสักเครื่องละ ไอ้เบียร์ขี้เหนียวขนาดนี้เลยเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น พี่เบียร์บอกว่ารอเงินเดือนพี่เค้าออกก่อนนะค่ะ อีกอย่างโซดาก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้อะไรด้วย”

“นั่นนะซิงั้นพี่ขอลองมือถือหน่อยละกัน” ตั้มยกโทรศัพท์เครื่องเท่ห์ถ่ายรูปน้องสาวเพื่อนทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายเก๊กหน้า

“พี่ตั้มอ่ะ จะถ่ายรูปก็บอกก่อนซิ ไหนดู ไม่เห็นสวยเลยหลับตาด้วย ถ่ายใหม่เดี๋ยวนี้นะ”

“ได้ขอรับคุณหนู”

ตั้มทำเสียงล้อเลียน โซดาเสยผมที่รุยร่ายขึ้นเธอมักจะรวบผมยาวเคลียบ่าขึ้นเป็นหางม้าดูทะมัดทะแมง เสี้ยววินาทีหนึ่ง   เธอฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้จึงหันไปทางที่วิญญาณหนุ่มนั่งยิ้มหน้าจืดอยู่ไม่ห่างกันนัก

“เปลี่ยนมุมบ้างซิ ถ่ายตรงๆ หน้าบานเป็นจานดาวเทียมแน่เลย”

“ครับ-ครับคุณหนู”

เด็กสาวขยับตัวลากเก้าอี้ไปใกล้เก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง                           ไม่มีใครเห็นว่ามีร่างชายหนุ่มสวมแว่นตาทรงกลมนั่งอยู่          เธอเอียงคอเล็กน้อยทำท่าเก๋ แต่ใบหน้าไร้เครื่องสำอางเกือบชิดแก้มของอีกฝ่าย คุณผีวุ่นวายเหลียวมองอย่างตกใจ แต่ยังไม่ทันเบี่ยงตัวออก ชายหนุ่มหน้าตาหยีก็ยกนิ้วทำท่าโอเค

“สวยพอไหมครับคุณหนู”

ตั้มยืนโทรศัพท์มือถือให้ดูรูปภาพในจอเล็กๆ รอยยิ้มบนใบหน้าหวานสดใสกลับเลือนหายไปทันทีเมื่อในรูปนั้นมีเพียงเธอคนเดียว

“ขออีกรูปได้ไหมคะ เอาแบบเห็นวิวข้างๆ ด้วย อย่าถ่ายหน้าโซดาใกล้ๆ เดี๋ยวเห็นเม็ดสิว”

“ครับ...ได้ครับคุณหนู เอ้า! หนึ่ง สอง สาม”

คราวนี้ภาพที่ได้มาก็ไม่ต่างจากเดิม แม้จะเป็นภาพถ่ายมุมกว้าง สีหน้าของโซดาไม่อาจซ่อนรอยเศร้าได้หมด ทำให้เพื่อนพี่ชายรู้สึกกังวลไปด้วยแม้จะไม่รู้สาเหตุก็ตาม

“ไม่มีอะไรหรอก เอ่อ...โซดาคิดพล็อตนิยายอยู่ แบบว่านางเอกอยากถ่ายรูปผีที่ชอบทำตัววุ่นวายนะค่ะ” ไม่พูดเปล่าแต่ส่งสายตาประชดประชันไปยังผีหนุ่มที่ยืนตัวลีบอยู่ไม่ห่างนัก

“เฮ้ย! ถ้าถ่ายรูปผีติดก็มีแต่ชัตเตอร์กดติดวิญญาณแล้ว เออ...เดี๋ยวพี่ไปทำงานก่อน ที่อู่ไม่มีคนดูแล ขอบใจนะสำหรับใบเสนอราคาเนี่ย”

เด็กสาวโบกมือให้แทนคำลา เธอหันกลับมาสนใจคุณผีเร่ร่อนที่ชอบหน้าตาบ๊องแบ๊วเหมือนลูกแมวหลงทาง เขาขยับเข้ามานั่งที่หน้าคอมพ์ใกล้ประตูทางเข้า-ออกร้าน ซึ่งเป็นที่ประจำของว่าที่นักเขียนดาวรุ่งที่มีความมุ่งมั่นแต่ยังเขียนนิยายไม่จบสักเรื่อง

“ฉันนึกว่าถ่ายรูปนายติดจะได้เอาไปประกาศหาคนหายได้”

“ผมอาจมีพลังงานในตัวเองไม่มากพอที่จะแสดงรูปร่างให้ใครเห็นมั่งครับ”

“นั่นนะซิ...เพราะนอกจากนายแล้วฉันก็ไม่เคยผีที่ไหนเลย”

“แต่ผมว่าตอนนี้มีคนมองคุณอยู่นะ”

โซดาหันไปทางที่นายวุ่นวายบุ้ยปากให้ ลูกค้าในร้านหันมามองอย่างงงๆ เหมือนเห็นเธอสติไม่เต็ม

“เอ่อ...ซ้อมบทสนทนาที่จะใช้เขียนนิยายนะค่ะ แหะๆ”

เด็กสาวได้แต่ทำหน้างอรู้สึกอับอาย ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เธอเผลอพูดคุยกับนายวุ่นวายต่อหน้าคนอื่นจนใครต่อใครคิดว่าเธอเริ่มมีอาการเพี้ยนเพราะอยากเป็นนักเขียน

กว่าสัปดาห์หนึ่งแล้วที่ชีวิตที่แสนธรรมดา    ของเด็กสาวอายุสิบเจ็ดผู้เดินทางมาจากขอนแก่นเริ่มไม่ธรรมดาจนกลายเป็น “คนเพี้ยน” ในสายตาคนทั่วไป ก็ตั้งแต่มีวิญญาณเร่ร่อนที่แสนอาภัพจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตนเอง หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่มีอะไรคืบหน้ากับการตามหาร่องรอยของนายวุ่นวายเลยและที่สำคัญ

โซดาก็เริ่มทำงานพิเศษที่ร้าน “หมูหยองอินเตอร์เนท” ด้วยเหตุที่ว่าเจ้าของร้านกำลังจะแต่งงาน และย้ายไปอยู่กับว่าที่ภรรยาช่วยกันทำกิจการหมูแผ่นแสนอร่อย แต่ตอนนี้ยังหาคนมาเซ็งกิจการต่อไม่ได้ เลยอยากได้พนักงานมาดูแลร้านที่มีคอมพิวเตอร์อยู่สิบสองเครื่องสักคนไปพลางๆ ก่อน ก็พอดีกับที่โซดาย้ายมาอยู่กับเบียร์ และกำลังหาหาพิเศษทำก่อนเปิดภาคเรียนในเดือนมิถุนายน  

ร้านเล็ก ๆ ไม่ได้มีอะไรต้องดูแลยุ่งยากนัก แถมเจ้าของร้านก็ไม่แวบไม่ตรวจงานเลย  ทำให้โซดาเหมือนเจ้าของร้านไปทุกที                แอบปิดร้านครึ่งวันหนีไปอยู่ร้านหนังสือก็ไม่มีใครว่า                เพียงแค่ช่วงนี้ปิดเทอมจึงมีเด็ก ๆ มาเล่นเกมออนไลน์มากขึ้นกว่าปกติ เปิดร้านสิบโมงเช้าปิดร้านสองทุ่มเดินจากบ้านมาที่ร้านแค่สิบห้านาทีพี่ชายจะทำข้าวกล่องไว้ให้ทุกเช้าก่อนไปทำงาน เรียกได้ว่าเธอแทบไม่ต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายใดๆ แต่งตัวยังไงก็ได้ตามแต่ความพอใจ บางวันก็มีลูกค้าเอางานมาจ้างปริ๊ต แต่เธอไม่รับพิมพ์รายงานหรือเอกสาร เพราะไม่ชอบทำงานแข่งกับเวลา ยกเว้นบางอย่างที่จำเป็น เจ้าของร้านก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไร แค่เธอทำบัญชีรายรับ-จ่ายในร้านและโอนเงินเข้าตามหมายเลขธนาคารที่เจ้าของร้านให้ไว้ก็หมดหน้าที่ของเธอแล้ว อะไรมันจะสบายไปกว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว

แต่เรื่องที่มันยุ่งยากกว่านะคือจะจัดการยังไงกับเจ้าผีความจำเสื่อมตัว เอ๊ย…คนนี้...ดีนะ

“ท่าทางคุณตั้มใส่ใจคุณน้ำหวานมากจังนะครับ”

เสียงคุณผีความจำเสื่อมเอ่ยขึ้นเบาๆ โซดาเดินไปล๊อกประตูก่อนเดินกลับมานั่งนับเงินในลิ้นชักโต๊ะ นาฬิกาที่อยู่ข้างคอมพิวเตอร์บอกเวลาสองทุ่มเศษแล้ว

“ใช่...ถึงจะไม่ค่อยเห็นสองคนนี้พูดจาดีๆ ใส่กัน แต่ก็ดูออกว่าพี่ตั้มห่วงพี่น้ำหวานขนาดไหน ตั้งแต่ตอนที่พ่อแม่ฉันยังอยู่  ฉันจำภาพพี่เบียร์ที่ชอบช่วยแม่ทำกับข้าวจนพี่ตั้มล้อเอาอยู่บ่อยๆ แล้วพี่น้ำหวานก็จะมาดุพี่ตั้มเสมอเลย บ้านพี่ตั้มเป็นอู่ซ่อมรถแล้วพี่ตั้มก็ชอบขโมยรถที่อู่มาขับอยู่บ่อยๆ และโดนเตี่ยตีเป็นประจำ พี่เบียร์บอกว่าพี่ตั้มทำไปเพราะประชดพี่ชายคนโตเป็นหมอคนรองเป็นวิศวกร แต่พี่ตั้มเรียนไม่เก่งจบปวส.ก็ไม่เรียนต่อคลุกอยู่แต่ในอู่รถ  ส่วนพี่น้ำหวานพ่อแม่พี่เค้าแยกทางตั้งแต่พี่น้ำหวานจำความได้ พี่น้ำหวานอยู่กับป้าญาติห่างๆ ป้าเค้าเย็บเสื้อผ้าโหล พี่น้ำหวานเลยอยากเป็นดีไซด์เนอร์แต่ว่าป้าไม่เข้าใจว่าดีไซด์เนอร์กับช่างเย็บผ้ามันต่างกันยังไง ป้าอยากให้ทำงานดี ๆ เป็นพนักงานกินเงินเดือน พี่น้ำหวานก็เลยหาเช่าแผงขายเสื้อผ้าที่สะพานพุทธ มีทั้งรับมาแล้วก็แบบที่ตัวเองดีไซด์เองด้วย”

กว่าโซดาจะเล่าจบเธอก็นับเงินในกล่องเก็บเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ชีวิตพวกคุณนี่น่าสนุกจังเลยนะครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนมากกว่าประชดประชัน โซดาระบายลมหายใจหนัก ๆ

“ฉันก็ไม่ได้อยากมีชีวิตแบบนี้เสียหน่อย ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่พี่เบียร์คงได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ไม่ต้องไปเป็นพ่อครัวในร้านอาหารหรอก หรือแม้แต่ฉันเองก็คงไม่ต้องมาทำงานพิเศษอย่างนี้ ได้แต่งตัวสวย ๆ ไปเรียนพิเศษแถวสยามเดินเล่นเซ็นเตอร์พอย์ทแล้วก็มีโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดใช้” เด็กสาวพูดด้วยแววตาเหม่อลอย

“แต่ถ้าชีวิตคุณไม่เจอเหตุการณ์เหล่านี้ คุณอาจไม่ใช่คุณที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ก็ได้นะครับ”

“ยังไง ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันก็ไม่ได้ชอบชีวิตแบบนี้ อย่างนายจะไปเข้าใจอะไร” โซดาเผลอตะคอกเสียงดังอย่างหัวเสียและหงุดหงิด

“แล้วคุณจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่จำไม่ได้แม้กระทั้งชื่อตัวเองอย่างผมมั๊ย” อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ                           แต่แววตาปวดร้าวทำให้เด็กสาวเริ่มอ่อนลงอย่างสงสารและเข้าใจ

“ผมไม่รู้แม้กระทั้งว่าตัวผมเป็นใคร ไม่รู้แม้ด้วยว่าเป็นอะไรตายแต่วินาทีที่ผมได้สบตากับคุณ ผมดีใจและมีความหวัง แค่มีใครสักคนรู้ว่าผมมีตัวตนอยู่ แม้จะในฐานะวิญญาณก็เถอะ”

“ฉัน...ขอโทษ”

“เราต่างก็ไม่เคยหวังว่าจะได้เจอความเจ็บปวดนักหรอก แต่เราจะผ่านความรู้สึกเลวร้ายนี่ไปได้อย่างไรต่างหากละ ดีกว่าการคร่ำครวญถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วและเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้”

“เข้าใจแล้วละ ยังไงฉันจะช่วยอย่างน้อยก็ต้องรู้ว่านายเป็นใคร”

“ขอบคุณครับ” คุณผียิ้มอ่อนโยน แต่รอยยิ้มของเขาทำให้น้ำตาหยดไหลเปื้อนแก้มเด็กสาวแสนห้าวอย่างไม่รู้ตัว

“คุณโซดาเป็นไรไปครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า หรือผมพูดอะไรผิด” คุณผียกมือขึ้นตบปากตัวเอง

“ไม่…ไม่ นายไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันแค่...คิดถึงพ่อกับแม่นะ...”

โซดายกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา ท่าทางไม่ต่างจากเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ยืนร้องไห้เพียงลำพัง  ชายหนุ่มผู้เหลือเพียงวิญญาณยกมือหวังจากลูบศีรษะปลอบโยน แต่ฝ่ามือกลับทะลุผ่านร่างเด็กสาวที่ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้น เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาหลังแว่นตาทรงกลมกรอบสีเงินวาววับที่สะท้อนแสงไฟสีส้มจากถนนหน้าร้านเนท

“ทำไมฉันมองเห็นนาย แต่กลับไม่เคยได้เห็นพ่อกับแม่ฉันเลย ตอนนั้น ฉันร้องไห้แทบจะขาดใจตายขอแค่ได้เห็นหน้าพวกท่านอีกสักครั้ง”

คุณผีหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่หัวใจ อะไรกัน! เหลือเพียงแค่วิญญาณยังรู้สึกเจ็บปวดได้เหรอเนี่ย มันเหมือนกับว่า  เขากับเธอมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกัน

เหงาและโดดเดียวที่ซ่อนอยู่ในท่าทีร่าเริง เหมือนเป็นคลื่นความถี่ที่ทำให้เธอมองเห็นเขาก็เป็นได้.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด