ตอนที่แล้วบทที่ 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3

บทที่ 2


บทที่

2

รถญี่ปุ่นคันเล็กน่ารักขับมาเรื่อยๆ นาฬิกาบอกเวลาเลยเที่ยงคืนแล้วถนนที่เคยหนาแน่นด้วยรถราในตอนกลางวันแต่บัดนี้โล่งผิดไปถนัดตา นัทธีลอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะข้างมีอาการผ่อนคลายมากขึ้นกว่าตอนที่พามาจากร้านอาหาร ชายหนุ่มยอมรับว่าเขารักกีณรินมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง

กีณรินไม่เหมือนกับหญิงสาวคนอื่นๆ ที่เขาเคยเจอ เธอทั้งหวงเนื้อหวงตัวและรักศักดิ์ศรีเป็นที่สุด แม้จะมีฐานะการเงินค่อนข้างลำบากแต่ก็ไม่เคยรับของใครฟรีๆ เขาเองก็เคยคิดว่ากีณรินจะเป้นผู้หญิงง่ายๆ ที่จะเล่นสนุกเพียงข้ามคืนแลกกับเงินไม่กี่บาท แต่กีณรินยอมเหนื่อยทำงานพิเศษสารพัดจนบังเอิญว่ากีณรินมาเป็นนางรำที่ร้านอาหารของครอบครัวเขาทำให้เขามีโอกาสใกล้ชิดเธอมากขึ้น กีณรินมีผู้ชายมาจีบหลายคนแต่ก็ต้องล่าถอยเมื่อเธอไม่ยอมเล่นด้วย และคงเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาจากกีณรินได้เลย แม้ว่าเขาจะไม่เคยขาดแคลนผู้หญิงเลยก็ตามแต่คนที่อยู่กลางดวงใจเขามีแต่เธอเท่านั้น

“หาอะไรกินก่อนเข้าบ้านไหมริน เมื่อกี้ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวรินไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่บ้านก็ได้”

“ของแบบนั้นจะมีประโยชน์อะไร นัทว่าเราหาอะไรกินก่อนดีกว่านะ” นัทธีทำท่าจะเลี้ยวรถเข้าไปร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งแต่กีณรินห้ามไว้ก่อน

“ถ้าจะเข้าร้านแบบนั้นรินไม่ไปนะ ให้รินลงตรงนี้ก็ได้”

“ริน” นัทธีถอนหายใจหนักๆ ก่อนยิ้มออกมา “ผมแค่จะพารินไปทานข้าวไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีเสียหน่อย”

“ก็นั้นแหละ” กีณรินส่ายหน้าไปมา “ถ้านัทอยากพารินไปกินข้าวจริงๆ ก็เป็นร้านข้าวต้มข้างถนนหรือบะหมี่ร้อนๆ จะดีกว่า”

“เอางั้นเหรอ” เขาทำตาโตแต่เมื่อกีณรินยืนยันเขาก็ยอมขับรถเลื่อนออกมาไม่ไกลนักก็เจอร้านบะหมี่ข้างถนน เขาจอดรถเรียบร้อยแล้วก็รีบวิ่งไปเปิดประตูให้กีณรินก้าวลงมาทันที

“รินบอกแล้วว่าไม่ต้องทำให้รินขนาดนี้ก็ได้” เธอบ่นแต่ก็ยิ้มน้อยๆ ออกมาก่อนจะเดินไปที่โต๊ะว่างหน้าร้านบะหมี่

“ก็รินเป็นคนพิเศษของนัท...นัทก็ต้องดูแลมากหน่อยซิ”           เขาพูดพลางยิ้มทะเล้น “บะหมี่ต้มยำสองชามฮะ”

“รู้ได้ไงว่ารินจะกินบะหมี่ต้มยำ”

“รู้ซิก็เป็นของโปรดรินนี่ฮะ” เขายิ้ม “เมื่อไหร่รินจะใจอ่อนกับนัทซะทีละฮะ”

“นัทก็รู้อยู่แล้วว่ารินคิดยังไงกับนัทนี่ค่ะ”

“แต่นี่ก็สี่ปีแล้วนะฮะ รินยังไม่เห็นความจริงใจของนัทอีกเหรอ”

“เท่าที่รินเห็นมาตลอดสี่ปีคือความเป็นเพื่อนที่ดีค่ะ แล้วก็เห็นนัทมีผู้หญิงเยอะแยะแทบไม่ซ้ำหน้ากันเลยด้วย”

“ก็ถ้าเมี่อไหร่ที่รินยอมเป็นแฟนนัทน่ะ นัทก็จะไม่มีใครมีแต่รินคนเดียวเท่านั้น”

กีณรินหัวเราะเสียงใสแล้วส่ายหน้าไปมาเป็นจังหวะเดียวกับที่แม่ค้ายกบะหมี่มาเสิร์ฟ นัทธีเลื่อนถาดเครื่องปรุงให้กีณรินแล้วใช้ตะเกียบคีบหมูแดงในชามของตนเองใส่ชามของหญิงสาว

“กินเยอะๆ รินผอมไปน่ะ”

“รินอ้วนได้แค่นี้แหละ”

เธอจัดการบะหมี่ตรงหน้าโดยไม่ห่วงว่าต้องแสร้งทำสวยตลอดเวลา กีณรินยอมรับว่านัทธีดูแลเธอดีมาตลอดสี่ปีที่เรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกันแต่เธอก็ไม่เคยคิดกับเขาเป็นอื่นนอกจากเพื่อนชายคนหนึ่งเท่านั้น มีบางครั้งที่เธอรู้สึกว่าเขาพร้อมจะฉวยโอกาสกับเธอทุกเวลาทำให้เธอยังคงระแวงเขาอยู่

“รินสมัครงานที่ไหนไว้บ้างแล้วฮะ ถ้าไงมีอะไรให้นัทช่วยบอกได้เลยนะ นัทรู้จักคนเยอะเผื่อบางทีจะช่วยฝากงานให้”

“ขอให้รินลองหางานเองก่อนดีกว่า ถ้าไม่ได้ยังไงจะรบกวนนัทเองแหละจ๊ะ”

“รบกวนที่ไหน นัทอยากช่วยรินจริงๆ” นัทธีแตะหลังมือของกีณริน แต่เธอชักมือกลับทันทีจนเขาต้องแก้เก้อด้วยการเกาศีรษะตัวเอง ทั้งสองจัดการบะหมี่ของตัวเองไปเงียบๆ ไม่นานก็เกลี้ยงชาม

“รินอิ่มแล้ว เรากันกลับเถอะ”

“ได้ซิ รินจะได้กลับไปพักผ่อนด้วย” นัทธีรีบชิงจ่ายเงินให้ก่อนที่กีณรินจะเปิดกระเป๋าสตางค์เสียอีก กีณรินเดินกลับไปขึ้นรถอีกครั้งโดยมีนัทธีรีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้ก่อนอีกเช่นเคย

รถเก๋งญี่ปุ่นแล่นไปอีกราวๆ สิบห้านาทีก็ถึงอพาทเม้นท์แห่งหนึ่ง นัทธีทำท่าจะหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าของกีณรินไปส่งถึงหน้าห้องแต่เธอห้ามไว้ก่อน

“ไม่เหมาะคะนัท” เธอให้เหตุผล “แค่นี้รินก็ต้องขอบคุณนัทมากแล้ว”

ยังไม่ทันที่นัทธีจะเอ่ยร่ำลากีณรินก็ฉวยกระเป๋าในมือเขาแล้วเดินขึ้นมาที่ห้องพักของตัวเองทันทีโดยไม่หันไปมองเขาอีก      ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจแล้วกลับขึ้นรถเก๋งของตัวเอง ภาพหญิงสาวในชุดนางรำยังคงเย้ายวนเขาอยู่               เขาหยิบโทรศัพท์มือถือที่ปิดเสียงไว้มาเปิดดู สายตาเขาเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นเบอร์เรียกเข้าจากเด็กสาวรุ่นน้องที่ชอบส่งสายตาหวานฉ่ำให้เขาบ่อยๆ เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะกดโทรศัพท์โทรกลับ

“พี่นัทอยู่ไหนคะ ดาวโทรหาตั้งหลายครั้ง”

“พี่ติดงานที่บ้านอยู่ฮะ ดาวโทรหาพี่มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย”

“ก็ ดาวอยู่บ้านคนเดียวค่ะ พ่อกับแม่ไปงานศพคุณย่าทวด ดาวกลัว พี่นัทมาอยู่เป็นเพื่อนดาวได้ไหมคะ”

“โอ๋เด็กน้อย ไม่ต้องกลัวนะฮะ พี่จะรีบไปหาเดี๋ยวนี้แหละ”

นัทธีกดวางสายโทรศัพท์แล้วกระตุกยิ้มที่มุมปาก เขาเหลือบมองทิศทางที่กีณรินเดินจากไปแล้วก็ได้ยักไหล่ก่อนจะพารถเก๋งของตัวเองไปหาเจ้าของเสียงหวานเมื่อครู่

“ช่วยไม่ได้นะริน ผมก็ผู้ชายที่มีเลือดมีเนื้อมีอารมณ์อยู่นะ”

กีณรินเดินมาถึงหน้าห้องพักแล้วไขประตูเข้าไปอย่างเบาที่สุดเพราะเกรงใจ ‘อรพิม’ รูมเมทที่พักห้องเดียวกันเธอ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับรองเท้าผู้ชายที่ถอดวางไว้อย่างไร้ระเบียง เธอวางกระเป๋าของตัวเองลงข้างประตูแล้วค่อยๆ เพ่งมองฝ่าความมืดในห้อง แต่ก้าวไปแค่สองก้าวก็เตะเข้ากับเสื้อตัวหนึ่งที่หล่นพื้น เธอก้มลงหยิบขึ้นมาเพ่งดูก็ตกใจเพราะเป็นเชิ้ตของผู้ชาย           เสียงหอบหายใจแรงเคล้าเสียงกระเส่าของผู้หญิงทำให้เธอต้อวยกมือปิดปากอย่างตกใจ

“อร อร เป็นอะไรหรือเปล่า”

เสียงการเคลื่อนไหวหยุดชะงักทันที และอีกไม่กี่วินาทีถัดมาร่างอวบอิ่มของอรพิมก็ก้าวออกมาจากด้านในซึ่งจัดไว้เป็นมุมห้องครัว อรพิมสวมเพียงเสื้อยืดตัวเดียวโดยที่ท่อนล่างมีเพียงกางเกงชั้นในลูกไม้สีดำปกปิดเท่านั้น

“ปกติกลับดึกกว่านี้ไม่ใช่เหรอ” อรพิมเท้าเอวมองหน้ารูมเมทของตัวเอง

“เอ่อ พอดีเพื่อนมาส่ง” กีณรินใจสั่นที่เห็นเพื่อนอยู่ในสภาพเกือบเปลือยของอรพิม “อรกินอะไรหรือยัง”

“กำลังกินกันอร่อยเลย”

เสียงชายหนุ่มดังมาก่อนจะเดินเข้ามา เขาสวมเพียงกางเกงยีนเปลือยอกเดินยิ้มกวนๆ แล้วยื่นมือไปจับเสื้อในมือของกีณรินมาสวมหน้าตาเฉยก่อนจะหันไปจูบแก้มเนียนของอรพิม

“หรือเราจะกินพร้อมกันสามคนดี”

“กลับไปก่อนเจฟรี่ เดี๋ยวอรโทรหา” อรพิมไล่พร้อมกับเบี่ยงตัวมายืนบังกีณรินทันที

“คนอย่างผมไม่ค่อยว่างบ่อยๆ หรอกนะ”

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอพลางสวมเสื้อและติดกระดุมอย่างใจเย็น เขาเอี้ยวตัวมองหญิงสาวที่ยืนหลบด้านหลังอรพิมแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ กีณรินทำตัวลีบเล็กลงไปไม่กล้าสบตาด้วยกว่าจะรู้ว่าชายหนุ่มแปลกหน้าสวมรองเท้าเสร็จและออกไปแล้วก็หลังเสียงปิดประตูลง

“อรนี่มันอะไรกัน คนเมื่อกี้ใคร” กีณรินถามเสียงสั่นแล้วเดินไปเปิดไฟในห้อง แล้วเธอก็ต้องตกใจเพราะข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว “มีขโมยเข้าห้องเราเหรอ”

“ยัยริน! อย่ามาทำบื้อนักเลย” อรพิมหงุดหงิด “มันก็รู้ๆ กันอยู่แล้วจะมาถามหาอะไรยะ”

“นี่อรจะเปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลยเหรอ”

“เมื่อกี้หน่ะ! ดีเจเจฟรี่แห่งผับตองหนึ่งเลยนะยะ ไม่ใช่ใครจะควงมาขึ้นเตียงได้ง่ายๆ เสียทีไหนละ”

“อรทำไมทำตัวแบบนี้ละ ถ้าลุงพงษ์รู้เข้าจะเสียใจแค่ไหน”

“จะให้รู้ทำไมละ” อรพิมยักไหล่แล้วเดินเข้าไปห้องนอนของตัวเอง “แล้วลุงพงษ์ของเธอมันก็พ่อฉันนะยะ ถ้ารินไม่พูดก็ไม่มีใครรู้หรอก”

“แต่...”

“ไม่คุยแล้ว อารมณ์ค้าง จะไปนอนกล่อมตัวเองแล้ว” อรพิมปิดประตูดังโครมไม่สนใจว่ารูมเมทจะยืนเซ่อใบ้รับประทานแค่ไหน

เรื่องแบบนี้จะให้ลุงพงษ์รู้ได้ไงละ

กีณรินได้แต่ถอนหายใจหนักๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นอรพิมพาผู้ชายมาหลับนอนที่บ้านและก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเตือนลูกพี่ลูกน้องด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่เธอมุ่งมั่นเพื่อเรียนให้จบแต่อรพิมกลับใช้ชีวิตเกเรจนปีนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเรียนจบมหา’ลัย ทั้งเธออรพิมเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯพร้อมกันแต่นิสัยของทั้งคู่ต่างกันลิบลับ กีณรินทำงานทุกอย่างแม้จะได้เงินน้อยแต่ขอให้เป็นงานสุจริตเพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงินที่ลุงพงษ์เป็นคนจ่ายให้เธอแต่ในขณะที่ลูกสาวคนเดียวของลุงพงษ์กลับใช้ชีวิตสนุกสนานร่าเริงยามค่ำคืนไปวันๆ เธอไม่อยากให้ลุงพงษ์เสียใจแต่พยายามเตือนอรพิมกี่ครั้งๆ ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์

กีณรินก้มเก็บข้าวของที่เกะกะพื้น เอาเถอะ! พรุ่งนี้วันเสาร์ไม่มีเรียนและไม่มีงานพิเศษ ซักผ้าแล้วค่อยทำความสะอาดบ้านก็แล้วกัน คืนนี้เธอก็เหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรได้ไหวอีกแล้ว             กีณรินบอกกับเองแล้วหิ้วกระเป๋าเข้ามาในห้องของตัวเอง จัดการเอาเสื้อผ้าชุดนางรำออกมาจากกระเป๋าเพื่อเตรียมซัก เธอเช็ดเครื่องสำอางบนหน้าอีกครั้งก่อนเตรียมตัวอาบน้ำไม่ว่าเหนื่อยแค่ไหนกลับมาถึงบ้านเธอต้องอาบน้ำให้ร่างกายได้ผ่อนคลายโดยเฉพาะล้างเครื่องสำอางออกให้หมดจดปกติเธอไม่ค่อยได้แต่งหน้านักนอกจากแป้งบางๆ ลิปมันสักนิดพรมน้ำหอมเล็กน้อย ส่วนผมยาวสลวยสีนิลก็ปล่อยเป็นธรรมชาติอย่างที่มันเคยเป็นมาตั้งแต่เกิด

หญิงสาวระบายลมหายใจอย่างผ่อนคลายขณะก้าวขึ้นเตียงนอนของตนเอง เธอสวดมนต์ก่อนนอนแล้วค่อยๆ เอนตัวลงนอนช้าๆ แต่เรื่องของอรพิมยังกวนใจเธออยู่ ถ้าอรพิมคบใครสักคนเพียงคนเดียวเธออาจไม่กลุ้มใจแทนขนาดนี้ก็ได้  แล้วเธอละ? เมื่อไหร่จะมีใครสักคนนะ? แต่คนๆ นั้นคงไม่ใช่นัทธีแน่ๆ มีบางอย่างอย่างในตัวนัทธีที่เธอรู้สึกว่าเขา ‘ไม่ใช่’ คนที่เธอรอคอย          มือเรียวเผลอยกขึ้นกอดกายตัวเองเมื่อนึกถึงสัมผัสจากวงแขนอบอุ่นและกว้างใหญ่ราวกับจะปกป้องเธอไปทั้งชีวิต รูปร่างสูงหนาจนเธอต้องแหงนหน้ามองเห็นใบหน้าคมเข้มแบบคนยุโรปและปลายคางมีเคราบางๆ แต่ดวงตาคู่นั้นของเขามีแววเศร้าฉาบอยู่จนน่าใจหาย

กีณรินหัวเราะเบาๆ ในลำคอ  นี่เธอกำลังละเมอถึงผู้ชายที่เพิ่งเจอกันครั้งเดียวเองนะเหรอ? เขาก็แค่ลูกค้าคนหนึ่งในร้านเท่านั้น คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก

เพราะฉะนั้น...คงไม่เป็นไรที่คืนนี้เธอจะเก็บไออุ่นของเขามากอดนอนแทนหมอนข้างละนะ.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด