ตอนที่แล้วPTH10 เห็นเป็นศิลาวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปPTH12 ยอดเยี่ยม

PTH11 ด้วงแดง


“ฮ่าฮ่า เสร็จข้า!”

เว่ยสั่วไม่ได้สังเกตุแมงป่องเพลิงตัวแรกที่เพิ่งสังหารไป เร่งทะยานเข้าหาแมงป่องอีกตัวอย่างรวดเร็ว

“อย่าเพิ่งหนี คุยกับข้าก่อน” เขาวิ่งตามแมงป่องเพลิงที่กำลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ใบหน้ายิ้มร่า ส่งปราณกระบี่วารีเข้าบั่นศีรษะ

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

เว่ยสั่วหัวเราะลั่น เสียงดังสะท้อนก้องไปทั่วเหมือง แมงป่องเพลิงจำนวนมากผุดออกมาจากพื้นดิน แต่ผ่านไปไม่นาน เว่ยสั่วก็สังหารแมงป่องเพลิงเหล่านั้นไปมากกว่า 10 ตัว

ด้วยวิชากระบี่วารีและระดับพลังของเว่ยสั่ว อย่างมากเขาก็ใช้ปราณกระบี่วารีต่อเนื่องได้ 20 ครั้ง ดังนั้น หากจู่โจมจนถึงขีดจำกัด เขาก็ต้องพึ่งโอสถฟื้นปราณ

หลังจากสังหารแมงป่องเพลิงจนถึงขีดจำกัด เขาก็รีบดื่มโอสถฟื้นปราณเข้าไป แล้วไล่ล่าสังหารแมงป่องเพลิงต่อ… โอสถฟื้นปราณ 1 ขวด ช่วยให้เขาสังหารแมงป่องเพลิงได้อย่างน้อย 30 ตัว หญ้าพยัคฆ์และเห็ดเหลืองล่อพวกมันมาได้เป็นอย่างดี แต่ยามนี้ สมุนไพรทั้งสองเริ่มหมดฤทธิ์

ด้วยความที่ยังเหลือปราณอยู่ เว่ยสั่วยังคงไล่ล่าสังหารพวกมันต่อได้อีกประมาณ 20 ตัว เมื่อปราณหมด เขาดื่มโอสถฟื้นปราณอีกขวด แต่ในขณะที่กำลังดื่มอยู่นั้น กลับเห็นบางสิ่งที่มีลำตัวสีแดงผุดขึ้นมาจากพื้นดิน จึงใช้ปราณกระบี่วารีจู่โจมซ้ำ แต่กลายเป็นว่าอสูรที่ปรากฏออกมากลับไม่ตาย

“นั่นอะไร?” เมื่อจ้องมองดีๆ อสูรตนนั้นไม่ใช่แมงป่องเพลิง แม้ว่าร่างกายของมันจะมีสีแดงฉานไม่ต่างกัน แต่ลักษณะของมันดูกลมมน ทั่วร่างปกคลุมด้วยศิลาแข็ง ขนาดร่างกายใหญ่กว่าแมงป่องเพลิง 2 เท่า บริเวณศีรษะมีรอยปราณกระบี่วารีของเว่ยสั่วผ่าเอาไว้

ดวงตาขาดเล็กของมันจ้องมองเว่ยสั่วราวกับโกรธแค้นอย่างที่สุด

“อย่าโกรธไปเลยน่า ข้าแค่เข้าใจผิด!”

เมื่อจ้องมองชัดๆเขาขมวดคิ้วแน่น เพราะรู้สึกคุ้นกับเจ้าตัวสีแดงนี้มาก หากเทียบกับจิ้งจกหางศิลาแล้ว ด้อยกว่าเรื่องการต่อสู้เล็กน้อย หากสู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง เว่ยสั่วสังหารมันได้

แต่โดยปกติแล้วอสูรมักจะอยู่รวมกันเป็นฝูง ดูท่าเสียงหัวเราะของเขาและหญ้าพยัคฆ์จะไม่ได้ล่อมาแค่แมงป่องเพลิงมา

“ไม่เหรอ?” ชั่วพริบตาถัดมา เสียงดินขลุกขลักก็ดังขึ้นหลายแห่ง ด้วงแดงประมาณ 30 ตัวผุดขึ้นมาจากพื้นดินรอบกายราวกับจะล้อมเว่ยสั่วเอาไว้ “เดี๋ยวๆ! อย่าเหยียบศิลาวิญญาณของข้า!” ภาพถัดมากลับทำให้เว่ยสั่วแทบอยากจะร้องไห้ เพราะทันทีที่พวกมันโผล่พ้นดิน พวกมันเดินตรงเข้าหาเขาพลางเหยียบร่างของแมงป่องเพลิงหลายตัวที่เขาเพิ่งสังหารไป ราวกับพวกมันเหยียบเต้าหู้นิ่มๆจนเละ

ตูม!

เมื่อด้วงแดงเหล่านั้นปรากฏตัว ไม่นานก็มีด้วงแดงขนาดยักษ์ ใหญ่กว่าด้วงแดงทั่วไปหลายเท่า จนขนาดของมันแทบจะเท่าวันตัวหนึ่ง ดูจากศิลาที่เกาะอยู่บนตัวมัน บ่งบอกได้ว่าคงมีอายุหลายปีแล้ว

“นี่พี่ชาย… ข้าเข้าใจผิดจริงๆ อย่าทำลายซากแมงป่องแดงพวกนั้นเลย!”

เมื่อเห็นว่าด้วงตัวนั้นกำลังตรงเข้ามา เว่ยสั่วไม่รอช้า กระตุ้นยันต์เพลิงที่มีจู่โจมเข้าใส่ จากนั้นใช้ยันต์หลบหนี ทะยานออกจากเหมืองทันที!

เมื่อพ้นเหมืองออกมา เขาหันมองข้างหลัง เห็นเส้นแสงสีแดงจำนวนมากไล่หลังมาราวกับลูกศร แต่พวกมันคือด้วงแดงเมื่อครู่

ความเร็วของพวกมันใกล้เคียงกับเว่ยสั่วในยามปกติมาก แต่โชคดีที่เขาใช้ยันต์หลบหนี ทำให้รวดเร็วกว่าพวกมันไม่น้อย

แต่ถึงอย่างนั้น พวกมันกลับไล่ย่างไม่ลดละ แต่เมื่อออกมาจากเหมืองพ้นระยะ 10 ลี้ พวกมันก็ตามเขาไม่ทัน

เท่าที่เว่ยสั่วเห็น ด้วงแดงที่ปรากฏตัวออกมาทั้งหมด นับรวมกันแล้วน่าจะได้ประมาณ 100 ตัว เพราะในระหว่างที่หลบหนี ตัวใหม่ก็ผุดขึ้นมาร่วมตามล่า ทั้งน้ำหนักและจำนวนที่มาก ระหว่างที่พวกมันวิ่งตาม ถึงกับทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน… คาดไม่ถึงว่าออกมาล่าแมงป่องเพลิงจะได้พบกับด้วงแดงมากขนาดนี้

เมื่อไล่ตามเว่ยสั่วไม่ทัน พวกมันก็ทำได้เพียงกลับไปที่เหมือง เปล่งเสียงร้องราวกับกำลังโกรธแค้น แต่หลังจากผ่านไปร่วมชั่วยาม เสียงก็เงียบลง

“แมงป่องเพลิงของข้า ศิลาวิญญาณของข้า”

เว่ยสั่วเฝ้าสังเกตุการณ์อยู่นอกถ้ำพลางนึกเสียดายที่ด้วงพวกนั้นเหยียบทำลายร่างแมงป่องแดงของเขา บางทีเมื่อครู่ที่พวกมันเปล่งเสียงร้องด้วยความแค้น อาจกำลังเหยียบทำลายร่างแมงป่องเพลิงเพื่อระบายอารมณ์

เมื่อผ่านไปนานจนแน่ใจว่าไม่มีการเคลื่อนไหวในเหมืองแล้ว เว่ยสั่วก็กลับเข้าไปข้างในนั้นใหม่

“ไม่นะ!”

แล้วเหตุการณ์อย่างที่จินตนาการเอาไว้ก็เกิดขึ้น เพราะร่างของแมงป่องเพลิงของเขาถูกเหยียบทำลายจนเละ ไม่เหลือสภาพเดิมแม้แต่น้อย

ด้วยความที่ก่อนด้วงแดงจะปรากฏตัว หญ้าพยัคฆ์และเห็ดเหลืองที่เขาเอามาล่อแมงป่องแดงยังไม่หมดฤทธิ์ หลังจากเขาหนีออกมาจึงมีแมงป่องเพลิงจำนวนหนึ่งออกมา ทำให้ถูกด้วงแดงที่โกรธแค้นกลับไปสังหารจนเกลี้ยง

ก่อนที่เขาจะหนีออกมามีร่างแมงป่องอยู่ราวๆ 20 ตัว แต่จากซากที่เห็นตอนนี้น่าจะมีมากถึง 80 ตัว!

“ไอ้พวกด้วงแดง! พวกเจ้าไม่มีความปราณีกันเลยหรือไง”

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม จู่ๆเว่ยสั่วราวกับจะนึกบางอย่างออก ด้วยที่เคยผ่าร่างของแมงป่องเพลิงมา รู้ว่ายังเหลือบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ จึงเริ่มค้นซากร่างแมงป่องเพลิงที่เหลือ พยายามเลาะเอากระดูกของมันออกมา

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เว่ยสั่วนับกระดูกที่เก็บมาได้ทั้งหมดราว 106 ชิ้น จนแทบจะเก็บเข้ากระเป๋าหนังของตนไม่ได้

ไม่ว่ายังไงซากร่างแมงป่องเพลิงเหล่านี้ก็ยังพอจะเป็นประโยชน์ได้ ทำให้เว่ยสั่วใจชื้นขึ้นมาก “ยังดีที่ยังเหลือกระดูกเอาไว้ ถือว่าพวกเจ้าไม่ได้ตายเปล่า”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด