ตอนที่แล้วตอนที่ 78 เงินจะหมด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 80 ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน

ตอนที่ 79 มีนัดกับสาว


ตกเย็นของวันนั้นเหนือภพขอตัวกลับก่อนเพื่อเตรียมความพร้อม เพราะเขามีนัดกับองค์หญิงบุษย์น้ำเพชร ส่วนอังกาบและทานธรรมยังคงสนใจการประมูลอยู่ ระหว่างทางเดินลงบันไดเหนือภพได้ยินเสียงโห่ร้องอย่างคึกคัก เขาไม่นึกเลยว่าแค่การประมูลของจำพวกพืชผักมันจะมีคนสนใจมากขนาดนี้

“โอ้โห ทุกท่านเจ้าคะ ตอนนี้คุณชายจากตระกูลพฤษภปฐวีทุ่มเงินมาแล้ว 60,000 เหรียญทอง มีใครจะให้มากกว่านี้อีกมั๊ยเจ้าคะ ถ้าช้าท่านจะพลาดใบชาชั้นเลิศจากเทือกเขาเวหา ซึ่งในปีนี้ผลิตออกมาเพียงกล่องเดียวเท่านั้น ขอย้ำนะเจ้าคะ กล่องเดียวเท่านั้น !”

“ท่านเจ้าเมืองกรรณิการ์ให้ 61,000 เหรียญทอง เจ้าค่ะ ใครจะ… อ้าวนั่นคุณชายจากตระกูลพฤษภปฐวีให้มากกว่าอีกแล้ว ตอนนี้…..”

จากนั้นก็มีเสียงประมูลกันต่ออย่างครึกโครม เหนือภพเดินผ่านไปอย่างแปลกใจ เขาไม่นึกว่าคุณชายคนนั้นจะมาที่นี่ แถมยังมาอวดรวยอีกต่างหาก แต่คิดดูอีกทีคุณชายคนนั้นก็คงบ้าการจิบชาจริง ๆ นั่นแหละ เพราะในความทรงจำของเหนือภพนั้น เขาไม่เคยเห็นคุณชายคนนี้ทำอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากการจิบชา

เหนือภพออกจากอาคารประมูลมาพบบุษย์น้ำเพชรที่ร้านอาหารชั้นเลิศแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก ร้านนี้เน้นอาหารชั้นสูงตามแบบฉบับของแคว้นสุริยัน ซึ่งหาทานได้ยากมากถึงมากที่สุด ดังนั้นราคาของมันจึงแพงเกินกว่าที่เหนือภพจะสนใจมาซื้อกินเอง

“เชิญท่านเหนือภพที่ชั้นสี่ขอรับ” บริการชายหน้าตาดีคนหนึ่งมายืนต้อนรับแขกที่ทางเข้าร้าน

เหนือภพจัดแจงท่าทางและจัดเสื้อผ้าเท่าที่คิดว่าดูดีที่สุด เขาทั้งอาบน้ำและยังยอมเสียเงินเพื่อซื้อผ้าเนื้อดีให้ดูภูมิฐาน เพื่อมาพบกับองค์หญิงบุษย์น้ำเพชรโดยเฉพาะ แน่นอนว่าเหนือภพไม่ได้มีความรู้สึกพิศวาสในตัวเธอ เพียงแต่เขาถือว่าเป็นการให้เกียรติเธอ ในเมื่อเธอจ่ายค่าเสียเวลามาเพื่อจะได้พูดคุยกับเขา เขาเองก็เป็นคนยึดมั่นในหลักการของตัวเองเสมอ ในเมื่อรับเงินมาแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด เขาจะคุยกับเธอในสภาพที่น่าจดจำ เผื่อว่าวันหลังเธอจะจ่ายเงินแล้วเรียกเขามาคุยบ่อย ๆ

บุษย์น้ำเพชรนั่งนิ่งอยู่ในห้องอาหารส่วนตัวอันหรูหราเพียงคนเดียว นัยน์ตาหงส์เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกซับซ้อน เธอสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ที่ถูกตัดเย็บมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ แฝงไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดอย่างมาก มันถูกออกแบบและใช้เนื้อผ้าที่คัดสรรมาอย่างดีเพื่อให้คู่สนทนาที่เป็นเพศตรงข้ามรู้สึกสนใจ ประหนึ่งเป็นชุดที่หญิงสาวจะใส่เพื่อมาสารภาพรักฝ่ายชาย

บุษย์น้ำเพชรขยับอิริยาบถกลับมานั่งดังเดิม พลางจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนมองไปทางประตูห้องที่เปิดออกอย่างช้า ๆ เธอถึงกับตะลึงไปชั่วขณะแม้จะเห็นเหนือภพแค่แวบเดียว แต่เธอก็ยังคงรักษาภาพพจน์ขององค์หญิงสูงศักดิ์ไว้ได้ สร้างเป็นม่านบาง ๆ กั้นระหว่างเหนือภพกับเธอเอาไว้

บุษย์น้ำเพชรเอาฝ่ามือเรียวทาบหน้าอกตัวเองเมื่อรู้สึกได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นระส่ำ เลือดในกายพลุ่งพล่านฉีดขึ้นพวงแก้ม ทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณใบหน้า นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นเด็กหนุ่มที่มักแต่งกายสกปรกและหน้าตามอมแมมอยู่เป็นนิจ อยู่ในชุดสะอาดสะอ้านภูมิฐาน หน้าตาเกลี้ยงเกลา แต่น่าเสียดาย แม้เขาจะแต่งกายได้ดูดีจนเธอยังแอบรู้สึกหวั่นไหว ทว่าเธอมีหน้าที่ที่สำคัญมากกว่าจะมาสนใจเรื่องแบบนี้

“ท่านมาคุยกับเรา ยังต้องขนสัมภาระมามากมายเพียงนี้อีกหรือ”

บุษย์น้ำเพชรถามเมื่อเห็นเหนือภพวางสัมภาระลงข้างเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับเธอ

“คนเราก็ต้องเตรียมพร้อม ไม่ว่าเวลาไหนอะไรก็เกิดขึ้นได้ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”

เหนือภพยังคงพูดอย่างตรงไปตรงมา ขณะดึงอาวุธที่ซ่อนไว้อยู่ตามตัวออกมา เขาวางอาวุธลงทีละเล่ม นับรวม ๆ แล้วแค่มีดสั้นก็ปาเข้าไป 10 กว่าเล่ม แถมด้วยดาบยาวอีก 4 เล่ม ซึ่งนั่นทำให้บุษย์น้ำเพชรไม่อาจกลั้นขำได้ แต่เธอก็หัวเราะออกมาได้สำรวมมาก

“เราขออภัยที่เสียมารยาท”

บุษย์น้ำเพชรบอกอย่างสดใส หลังจากที่รู้ตัวว่าทำเรื่องไม่สมควร เหนือภพคงไม่รู้ว่าระดับองค์หญิงเช่นเธอย่อมมีผู้อารักขามากมาย ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพียงแต่พวกเขาเร้นกายอยู่คอยรักษาความปลอดภัยโดยไม่ให้ใครเห็นเท่านั้น

“เรื่องอะไร”

เหนือภพไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่าท่าทีของเธอที่มีต่อเขาเป็นยังไง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกว่าการหัวเราะนั่นเป็นการเสียมารยาท แต่สำหรับบุษย์น้ำเพชรแล้วมันต่างกัน เพราะกฎระเบียบในวังมีมากมาย จึงหล่อหลอมให้เธอเป็นคนเคร่งครัดเช่นนี้ และเพื่อเป็นการไถ่โทษ เธอจึงเสนอขอเลี้ยงอาหารมื้อนี้แก่เหนือภพ

จากนั้นทั้งสองคนก็พูดคุยกันทั่วไป แต่บทสนทนาดูเหมือนจะเป็นถามคำตอบคำเสียมากกว่า เหนือภพเป็นคนที่ไม่ถนัดคุยเรื่องสัพเพเหระ แต่สถานการณ์ก็ไม่น่าอึดอัด เหนือภพแค่ห่วงกินมากกว่าห่วงพูดก็เท่านั้น แม้เขาจะตอบสั้นแต่ก็ชัดเจนตรงประเด็นเสมอ ทำให้บุษย์น้ำเพชรไม่ได้รู้สึกว่าการสนทนานี้ล้มเหลว แต่มันกำลังเป็นไปด้วยดีต่างหาก เธอจึงเริ่มเข้าประเด็นมากขึ้น

“จะเป็นอะไรไหม หากเราอยากรู้ว่าท่านได้ภารกิจอะไรมา”

เหนือภพที่ยังเคี้ยวข้าวและอาหารเต็มปากไม่สะดวกที่จะพูด เขาเพียงส่ายหน้า พลางล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อของตัวเอง ก่อนจะเหวี่ยงป้ายโลหะพิเศษขนาดเพียงสองนิ้วไถลไปกับผิวโต๊ะอาหารที่เรียบลื่น ส่งมันเข้าหาบุษย์น้ำเพชร

บุษย์น้ำเพชรมองตราประทับสำนักงานฮันเตอร์บนป้ายจิ๋วอย่างสนใจ นี่เป็นป้ายที่ทำมาอย่างพิเศษมีลักษณะคล้ายล็อกเกตที่มีสองด้านประกบกัน มันไม่มีวันบุบสลาย และต่อให้มันหายหรือถูกแย่งชิงไปมันก็จะกลับมาหาผู้ที่เป็นเจ้าของอยู่เสมอ มันจึงเป็นป้ายที่มีใช้เฉพาะภารกิจระดับพิเศษเท่านั้น ต้องไม่ธรรมดาจริง ๆ ถึงจะได้รับเกียรตินี้

แววตางดงามของเธอเบิกกว้างในทันทีที่เธอเปิดมันออก นี่แหละคือภารกิจที่เธอต้องการและพยายามตามหามันมานาน ด้านในของป้ายทั้งสองด้านมีอักษรตัวเล็ก ๆ แกะสลักเอาไว้จนเต็มพรืด

‘ภารกิจสำรวจวิหารโบราณ ว่ากันว่าเมื่อสามปีก่อนสำนักงานฮันเตอร์ได้ค้นพบโบราณสถานภายในส่วนลึกของป่าโบราณที่มีชื่อว่าดงพญาไฟ แต่ทันทีที่เหล่าคณะสำรวจฮันเตอร์แรงค์ C และแรงค์ D เข้าไป พวกเขาก็หายสาบสูญไปอย่างปริศนา เหลือกลับออกมาเพียงนกอาคมหนึ่งตัวกับจดหมายภาษาแปลก ๆ และกุญแจดอกหนึ่ง เบาะแสมีเพียงเท่านี้ ฉะนั้นภารกิจคือให้ไปสืบหาความจริงในเรื่องนี้ ภายในโบราณสถานแห่งนั้นมีอะไรกันแน่ แล้วผู้สูญหายยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ สำหรับรางวัลภารกิจให้ติดต่อที่สำนักงานฮันเตอร์’

เมื่อบุษย์น้ำเพชรอ่านจบ เหนือภพก็แทบจะสำลักข้าว

“อันตรายถึงเพียงนั้น ?”

เหนือภพถามทั้ง ๆ ที่อาหารยังเต็มปาก

“ใช่มันอันตรายมาก แต่มันก็คุ้มค่ากับความเสี่ยง ท่านลองดูกุญแจดอกนี้สิ ท่านน่าจะรู้ดีกว่าเราว่ามันทำมาจากอะไร”

เหนือภพจ้องมองลูกกุญแจดอกเล็ก ๆ ขนาดเพียงหนึ่งนิ้วเท่านั้น มันถูกซ่อนอยู่ในป้ายภารกิจพิเศษด้วย เหนือภพจ้องอยู่นาน แล้วก็หลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งดวงตาของเขาก็เปลี่ยนสีส้มทอง สิ่งที่เขาเห็นมันช่างแปลกประหลาด ราวกับแสงสีหลากหลายที่สะท้อนออกมาจากความมืด มันเป็นแสงที่สว่างไสวมากกว่าหกจุด

“แร่เจ็ดสี !”

เหนือภพพึมพำอย่างตกตะลึง ในขณะที่บุษย์น้ำเพชรยังคงเล่าเรื่องเท่าที่เธอรู้ให้เหนือภพฟัง

“เมื่อสี่ปีก่อน เราได้รับภารกิจระดับสูงเกี่ยวกับวิหารโบราณแห่งหนึ่ง ภายในวิหารโบราณนั้น พวกเราได้พบบันทึกพงศาวดารกรุงเก่าอายุหลายพันปี หลังจากที่เราให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ภาษาและเนื้อหาของมัน ก็ทำให้รู้ว่าวิหารโบราณเหล่านี้คือสถานที่ที่คนโบราณใช้บูชาเทพเจ้า”

“เทพองค์ไหนล่ะ”

ด้วยความที่เหนือภพรู้เรื่องเทพต่าง ๆ มากมายจากตำราของพระอาจารย์จึงทำให้เขาอยากรู้เรื่องนี้เป็นพิเศษ เผื่อว่าเขาจะรู้จัก

“นั่นเป็นปริศนาที่ยังไม่มีใครรู้ แต่สิ่งที่วิหารเหล่านี้มีเหมือนกันก็คือ สิ่งของที่อยู่ภายในวิหารเกือบทุกชิ้นล้วนผ่านการเคลือบด้วยแร่มีสี และล้วนเป็นแร่มีสีในระดับสูงเช่นเดียวกัน”

“ใช้แร่เจ็ดสีเคลือบกุญแจ มันจะมั่งคั่งเกินไปไหม”

เหนือภพพึมพำกับตัวเอง เขาก็พอจะจินตนาการถึงความอันตรายออก แค่แร่ห้าสีกับแร่หกสีที่อยู่ในรังพญานาค ยังยากมาก ๆ ที่จะเข้าไปแย่งชิง และวิหารโบราณที่มีลูกกุญแจถูกเคลือบไว้ด้วยแร่เจ็ดสี รวมกับข้อมูลที่ว่าไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาเลย ก็ทำให้เขาพอจะคาดเดาได้ว่าที่นั่นต้องมีตัวอันตรายที่ไม่น้อยไปกว่าพญานาค หรืออาจจะอันตรายมากกว่าด้วยซ้ำ แค่คิดเขาก็รู้สึกสยองขนลุกขันตามแขนแล้ว

บุษย์น้ำเพชรมองออกว่าเหนือภพเริ่มกังวลเกี่ยวกับภารกิจนี้แล้ว เธอจึงเสนอไปว่า

“ถ้าหากว่าท่านไม่สะดวกที่จะทำภารกิจนี้ ท่านยินดีจะขายมันให้เราหรือไม่ เราย่อมให้ราคาที่เหมาะสม”

บุษย์น้ำเพชรเข้าสู่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเธอที่ชวนเขามาในวันนี้ ก่อนจะวางป้ายแลกเงินที่จำกัดวงเงินอยู่ที่หนึ่งล้านเหรียญทองตรงหน้าเหนือภพ พร้อมกับค่อย ๆ ดันมันเข้าไปอย่างสุภาพ ทุกการกระทำของเธอล้วนถูกเหนือภพจับจ้อง เขาเก็บสำรวมอาการไว้ได้ดีมากขณะมองป้ายแลกเงินที่สวยงามอันนั้น ทว่าภายในโพรงจมูกของเขากำลังเปียกชื้น พร้อมกับเลือดกำเดาที่ค่อย ๆ ไหลลงมาอย่างช้า ๆ

เหนือภพรีบปิดจมูกตัวเองทันที ขณะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงอู้อี้

“เรื่องนี้ขอให้ข้าได้คิดดูก่อน”

“ท่านยังลังเลเรื่องอะไรหรือ หากท่านคิดว่าป้ายแลกเงินนี้เป็นของปลอม เราก็ขอใช้เกียรติยศเป็นสิ่งยืนยัน”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น”

เหนือภพเช็ดเลือดออกจนหมด จากนั้นก็เงยหน้าสบตากับองค์หญิงอย่างแน่วแน่ ส่วนองค์หญิงเองก็สบตากับเขาอยู่นานโดยไม่หลบสายตา แม้เหนือภพจะถามคำถามที่แทงใจของเธอ

“ข้าขอถามอะไรอย่างหนึ่ง ปกติภารกิจสืบหาความจริงเช่นนี้ เราสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อย่างอื่นภายในนั้นได้ใช้หรือไม่”

บุษย์น้ำเพชรไม่ตอบ เธอเพียงแต่จ้องหน้าเหนือภพนิ่ง เหนือภพจึงเค้นถามต่อ

“หากเราไปเจอสมบัติล้ำค่าในนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของเราที่จะคว้ามันใช่หรือไม่”

“ใช่”

สุดท้ายบุษย์น้ำเพชรก็จนใจ จำเป็นต้องตอบไปตามความจริง

“มิน่าล่ะ ว่าแล้วว่าทำไมท่านถึงใจป้ำขนาดนี้”

“แล้วท่านจะขายให้ข้าหรือไม่ เราขอเตือนก่อนนะว่ามันไม่ง่ายเลย ครั้งที่แล้วต้องใช้ฮันเตอร์แรงค์ D ช่วงปลาย กว่าร้อยคน กว่าจะพากันฝ่าทะลุเข้าไปถึงวิหารชั้นในได้ ยังไม่พูดเรื่องที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ มันต้องใช้ทรัพยากรและผู้เชี่ยวชาญอีกมากมาย”

เหนือภพรับฟังเธออย่างสงบ ภายในสมองน้อย ๆ ของเขากำลังหมุนปั่นดุจพายุทราย ผลประโยชน์จากภารกิจในอนาคตที่รอเขาอยู่มันเย้ายวนมากเกินไป อีกทั้งเขายังเป็นคนจากตระกูลนักขุดที่เลิศเลอที่สุดในแผ่นดิน ดังนั้นเขาคิดว่าเขาน่าจะเอาอยู่

“ข้าไม่ขาย”

เหนือภพพูดจบก็เริ่มกินอาหารชั้นเลิศต่ออย่างเอร็ดอร่อย

“เอาเถอะ ถ้าท่านไม่ขายเราก็จะไม่เซ้าซี้ กินให้เยอะ ๆ เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”

บุษย์น้ำเพชรเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เธอไม่อยากให้เหนือภพรู้สึกว่าถูกกดดันหรือถูกเร่งรัด เธออยากให้เหนือภพรู้สึกผ่อนคลายและไว้ใจเธอมากกว่า เพราะในอนาคตเธอเองก็คาดหวังว่าจะชวนเหนือภพเข้ามาอยู่ในบ้านเพชรการเวกของเธอ และขายภารกิจระดับสูงนี้ให้เธอในภายหลัง

“แน่นอน ข้าจะกินไม่ให้เหลือเลย”

“ไม่ต้องขนาดนั้น สำหรับร้านอาหารระดับนี้การกินเหลือก็ถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่ง”

เหนือภพเงยหน้ามองเธออย่างแปลกใจ บุษย์น้ำเพชรเห็นสีหน้าสงสัยของเขาจึงช่วยอธิบายให้ฟัง

“การทานอาหารเหลือติดจานไว้บ้าง มันแสดงว่าเราทานอาหารอร่อย ๆ ของร้านจนอิ่มหนำ ไม่รู้สึกหิวอีกแล้ว และเราก็จะไม่ดูตะกละในสายตาของคนอื่นด้วย ดังนั้นลูกค้าชั้นสูงที่มาทานที่นี่ก็มักจะเหลืออาหารไว้เป็นจำนวนมาก”

เหนือภพรู้สึกเหมือนถูกว่ากระทบเล็กน้อย เพราะเขามักจะกินให้เกลี้ยงเสมอ ของดีมีคุณค่าจะทิ้งขว้างให้เสียของไปทำไม

“พวกเขากินเหลือเยอะเลยหรอ”

“ใช่ ก็คนชั้นสูงมักจะสั่งอาหารจำนวนมาก ถึงกินอย่างจริงจังก็กินได้ไม่หมด เช่นไก่ย่างรมควันสมุนไพรทั้งตัวก็จะกินเพียงแค่สามคำ เป็นต้น”

เหนือภพฟังบุษย์น้ำเพชรพลางก้มมองจานอาหารด้วยความตกตะลึง ร้านอาหารแห่งนี้จะมีของเหลือมากมายเพียงไหนนะ แล้วของอร่อย ๆ พวกนั้นจะถูกทิ้งไปเฉย ๆ เลยหรือ สงสัยว่าเขาคงต้องไปเยี่ยมชมบรรยากาศในส่วนหลังร้านซะหน่อยแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด